“พลอยเป็นลูกของภรรยาน้อยคุณพ่อน่ะค่ะ ภรรยาแรกกับพี่สาวต่างแม่ของพลอยเลยไม่ยินดีที่จะมีพลอยอยู่ในบ้าน พลอยต้องทนอยู่ที่นั่นเพื่อเรียนให้จบ คิดว่าหางานทำได้ก็จะได้มีชีวิตอิสระ แล้วพลอยก็ดีใจมากๆ ที่ได้งานดีๆ ทำ ชีวิตของพลอยตอนนี้เหมือนฟ้าหลังฝนเลยค่ะ คุณเอสรู้จักคำว่าฟ้าหลังฝนไหมคะ”
“ก็พอเข้าใจนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้คุณพลอยนะครับ ที่ไทยคุณพลอยมีเพื่อนเป็นเซฟโซน พออยู่ที่นี่ ตรงนี้ ผมขอเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้คุณนะครับ” เอสเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น
คำพูดของเขาทำพัดพารัชชาหน้าแดงเป็นลูกตำลึง รู้ตัวเลยว่าตัวเองเก็บอาการไม่อยู่ “ขอบคุณนะคะ”
ในวินาทีนี้ทั้งสองสายตาสอดประสานกันไม่มีใครลดสายตาลงง่ายๆ เหมือนว่าคนทั้งคู่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ของความสุขที่ไม่มีอะไรมาขัดขวาง ใบหน้าของทั้งสองเริ่มใกล้กันมากขึ้นจนพัดพารัชชาได้เห็นรายละเอียดบนใบหน้าของคนที่เธอชอบได้ชัดเจนขึ้น หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็เริ่มแรงขึ้นจนสาวเจ้าหูอื้อไม่ได้ยินเสียงรบกวนภายนอก เธอไม่สามารถหายใจเป็นจังหวะ และใบหน้าก็แดงขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
ตื๊ด ตื๊ด... และแล้วเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือพัดพารัชชาก็มาทำลายห้วงภวังค์ของทั้งสองคน
“เพื่อนพลอยน่ะค่ะ” มือเรียวยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้อีกฝ่ายดูข้อความว่ามาจากเพื่อนของเธอจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องทำแบบนี้ แต่เธอแค่อยากให้ชายหนุ่มสบายใจว่าเธอไม่ได้มีใครอื่นติดต่อเธอมา
เอสอมยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่ออีกฝ่ายให้เขาได้รับรู้เรื่องส่วนตัว ทว่าตามมารยาทเขาก็ควรจะปล่อยให้หญิงสาวได้มีเวลาส่วนตัวได้แล้ว
“ผมว่าผมรบกวนเวลาพักผ่อนคุณพลอยมากเกินไปแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ” ริมฝีปากอวบอิ่มยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มจนกระทั่งเขาพ้นประตูห้องของเธอไป
“เมื่อกี้...” เธอยกมือทั้งสองกุมพวงแก้มที่กำลังรู้สึกร้อนผ่าว ไม่รู้เลยว่าหากไม่มีเสียงของโทรศัพท์มือถือเธอเมื่อครู่อะไรจะเกิดขึ้น เพราะใบหน้าของเขาและเธอใกล้กันจนแทบจะแนบชิดแล้ว เมื่อครู่เธอกำลังจะเผลอเข้าไปจูบชายหนุ่ม ช่างน่าไม่อายจริงๆ “ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ยพลอย” เธอพึมพำบ่นตัวเองเบาๆ ทว่าริมฝีปากบางก็ยังคงมีรอยยิ้มไม่คลาย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หญิงสาวในชุดมินิเดรสเดรสเกาะอกสีขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าทวิตสีดำ เธอปล่อยผมยาวสลวยและคาดผมด้วยไม้คาดผมสีดำประทับเพชรเม็ดเล็กพองาม เดินมาเปิดประตูให้กับคนที่เคาะอยู่ด้านนอก
“เป็นโชคดีของผมนะครับที่ได้ควงสาวสวยออกงาน” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา ใบหน้าที่หวานบวกกับการแต่งตัวที่แปลกตาไปจากชุดทำงานทำให้หญิงสาวที่สวยอยู่แล้วยิ่งดูหวานหยาดเยิ้มสะดุดตาเข้าไปอีก
“แซวพลอยแบบนี้ เขินแย่เลยค่ะ คุณเอสก็ดูดีมากเลยนะคะตอนอยู่ในชุดนี้”
“ปกติผมดูไม่ดีเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ แค่ตอนนี้ดูดีมากขึ้นค่ะ”
“ขอบคุณครับ เราไปกันเลยไหมครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวพลอยไปเอากระเป๋าก่อนนะคะ” พัดพารัชชาหันหลังกลับเข้าไปในห้องหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กสีเงินที่ส่งมาพร้อมกับชุดขึ้นมาสะพาย จากนั้นก็เดินมาสวมรองเท้าคัชชูสีเดียวกับกระเป๋าและเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเอสทันที
ในขณะที่เดินออกไปด้วยกันเธอก็ยังไม่กล้าที่จะมองหน้าชายหนุ่มเท่าไรนัก เพราะเหตุการณ์เมื่อวานยังทำให้เธอรู้สึกขวยเขินเขามากพอสมควร อีกใจก็แอบคิดสงสัยไม่หายว่าหากไม่มีเสียงข้อความของเพื่อนเธอเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นต่อ เกิดริมฝีปากของเธอกับเขาได้แตะต้องกัน เขาและเธอจะมีบทสนทนาอะไรกันต่อหลังจากนั้น คิดแล้วก็อดรู้สึกขวยเขินขึ้นมาไม่ได้
“คุณพลอยไม่เจ็บข้อเท้าแล้วใช่ไหมครับ” คนที่กำลังขับรถหันมาถามหญิงสาวข้างๆ เพราะตอนที่เดินออกมาจากโรงแรมตรงมายังลานจอดรถเขาเห็นเธอเดินได้คล่องแล้ว
“ค่ะ ดีขึ้นมาตั้งแต่ที่คุณเอสนวดให้แล้วค่ะ”
“นึกว่าผมจะได้อุ้มคุณพลอยออกงานซะอีก”
“พลอยไม่ให้คุณเอสลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ผมอยากทำแบบนั้นครับ ไม่ได้ลำบากเลย”
“คุณเอส?” พัดพารัชชาเริ่มมีความฉงนในแววตา เขาพูดแบบนี้เพราะเขากำลังรู้สึกอะไรกับเธอหรือไม่
“ผมล้อเล่นครับ”
พัดพารัชชายิ้มอ่อนให้คนที่หันหน้ามายิ้มให้ ดีที่เขาหยอกเล่นกับเธอ ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งหน้าแดงก่ำไปตลอดทางแน่นอน
ใช้เวลาไม่นานนักพัดพารัชชากับเอสก็มาถึงงานประมูลที่โรงแรมหรู ในห้องจัดงานมีผู้คนมากหน้าหลายตาและเต็มไปด้วยเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลก ค่อนข้างเป็นที่ประหลาดใจกับพัดพารัชชาไม่น้อย เพราะคิดว่าคนส่วนมากในงานนี้จะเป็นคนญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่เสียอีก ทว่าที่เห็นตอนนี้น่าจะเป็นคนจากยุโรปมากันเกินกว่าครึ่ง
“คนเยอะจังเลยค่ะ”
“น่าจะมาจากทั่วโลกเลยครับ ผมเข้าใจแล้วว่ามุกงามเม็ดนั้นน่าจะมีค่ามาก วันนี้เราต้องสู้ให้เต็มที่นะครับคุณพลอย”
“ค่ะ”
“เราไปหาที่นั่งกันดีกว่าครับ ผมว่าอีกสักเดี๋ยวเขาก็น่าจะเริ่มประมูลกันแล้ว”
สองหนุ่มสาวเข้าไปนั่งที่โต๊ะไม่ไกลจากเวทีการเดินแบบโชว์อัญมณีที่จะประมูล ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็มีคนออกมาประกาศเปิดงาน ก่อนจะมีนายแบบนางแบบชื่อดังเดินโชว์อัญมณีล้ำค่า เสร็จสิ้นจากการเดินแบบก็เป็นอันเริ่มการประมูลอัญมณี
การประมูลผ่านพ้นไปเป็นชั่วโมงกว่า เหล่าเศรษฐีทั้งหลายแข่งขันการประมูลจนได้ของไปคนละสองสามชิ้น จนมาถึงไฮไลท์ของงานก็คือมุกสีชมพูเม็ดงามที่หายากที่สุด
“และไข่มุกเม็ดนี้เป็นมุกเม็ดงามที่สุดที่เราเคยเห็นในรอบหนึ่งร้อยปี เปิดประมูลในราคาสิบล้านเหรียญดอลล่าร์ครับ”
หลังจากพิธีกรชายกล่าวเปิดราคาประมูล พัดพารัชชาก็ตาโตเป็นไข่ห่าน หากเปิดมาด้วยราคานี้ แล้วราคาสูงสุดของการประมูลมันจะไปจบที่ราคาไหนกัน
“สิบห้าล้านเหรียญ” และแล้วก็มีเศรษฐีจากประเทศจีนร่วมประมูลเป็นคนแรก
“สิบห้าล้านครั้งที่หนึ่ง...”
“ยี่สิบล้าน”
เวลาผ่านไปไม่ถึงสองนาที ราคาประมูลของมุกเม็ดงามในตอนนี้ก็ปาเข้าไปเจ็ดสิบล้านเหรียญแล้ว พัดพารัชชาได้แต่นั่งกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เธอใจไม่ดีเลยสักวินาที แม้เม็ดเงินที่จะต้องจ่ายไม่ได้เป็นเงินของเธอ ทว่ามันก็น่าเสียดายจนเธอไม่อยากจะอยู่ในงานประมูลนี้เองเลย
“เจ็ดสิบล้านเหรียญครั้งที่หนึ่ง...เจ็ดสิบล้านเหรียญครั้งที่สอง...”
“ประมูลต่อเลยครับคุณพลอย”
“แต่มันแพงเกินไปแล้วค่ะ” สาวเจ้าส่ายหัวพัลวัน ตอนนี้เธอทำใจไม่ได้ที่จะประมูลในราคาที่สูงกว่าคนอื่น
“แปดสิบล้านเหรียญ” และแล้วก็เป็นเอสที่ยกป้ายประมูลต่อก่อนที่พิธีกรจะนับครั้งที่สาม
“คุณเอส!” พัดพารัชชาแทบจะลมจับ ไข่มุกเม็ดแค่นั้นราคาแปดสิบล้านเหรียญดอลล่าร์
“เจ้านายผมจ่ายนี่ครับ” เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจ เพราะเชื่อว่าเงินแค่นี้ไม่ทำให้คนอย่างแฮร์ริคขนหน้าแข้งล่วงแน่นอน
และแล้วมื้อกลางวันของทุกคนก็เริ่มขึ้น แฮร์ริคนั่งข้างๆ กับเอริญญาที่อยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารของเด็ก ส่วนพัดพารัชชาก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสองพ่อลูก บนโต๊ะอาหารตอนนี้ มีแตงกวาผัดใส่กุ้งจานใหญ่ รวมไปถึงต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ปลาทับทิมนึ่งและขาหมูพะโล้ที่ตุ๋นจนเปื่อยยุ่ย ส่วนอาหารของเจ้าตัวกลมก็มีกุ้งต้มตัวใหญ่สองตัวที่คนเป็นแม่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำให้พร้อมกับแตงกวา แครอทและเส้นมักกะโรนีต้มตลอดเวลาของมื้ออาหารไม่มีเวลาไหนที่แฮร์ริคจะไม่มีรอยยิ้ม เขาเก็บภาพทุกอย่างไว้ในความทรงจำอย่างดีในเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับพัดพารัชชาและลูก และเขาก็ยิ่งปลื้มใจมากเป็นพิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้พัดพารัชชาเลือกที่จะทำอาหารให้เขาได้รับประทาน ไม่เหมือนก่อนหน้าที่เขาต้องสั่งมาเอง“อร่อยไหมครับ” เขาหันไปมองลูกสาวที่กำลังใช้ส้อมสีชมพูสวยจิ้มไปที่กุ้งต้มเข้าปากไม่เว้นระยะจนแก้มทั้งสองเต็มไปด้วยอาหารเจ้าก้อนกลมพยายามเคี้ยวอาหารให้หมดปากโดยเร็วตามที่คนเป็นแม่เคยสอน จากนั้นก็ค่อยเปิดปากตอบพ่อของเธอ “หย่อย”“อร่อยค่ะ” พัดพารัชชาต้องคอยสอนทุกครั้งให้ลูก
พัดพารัชชายกนิ้วชี้ป้องปากก่อนจะหันไปยังเปลสีชมพู“ผมขอดูหน้าลูกก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มกระซิบกระซาบด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะตอนนี้เขาอยากจะเห็นหน้าลูกสาวด้วยตาเนื้อและอยากจะสัมผัสลูกใจจะขาด พอๆ กับอยากจะสัมผัสแม่ของลูกเขาเดินเข้าไปมองลูกสาวตัวกลมที่อยู่นอนกอดหมอนข้างปะแป้งจนมีกลิ่นหอมชวนให้น่าฟัด ทว่าแฮร์ริคก็ทำได้แต่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อนุ่มนิ่มของพวงแก้มย้วยเบามือและไล่สายตามองสำรวจลูกน้อยเงียบๆ จากนั้นเขาก็เริ่มน้ำตาคลอไหลลงมาอาบแก้ม หากเขารู้ว่ามีเจ้าตัวกลมอยู่บนโลกใบนี้ให้เร็วกว่านี้คงจะดีมากๆแฮร์ริคเชยชมผลงานของตัวเองได้ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงยหน้าปาดน้ำตาและหันกลับมามองพัดพารัชชา ตอนนี้เขาพร้อมจะคุยกับเธอแล้วพัดพารัชชามองหน้าคนตัวโตที่ดูแปลกไปจากเดิมมากจนจำแทบไม่ได้ เดาไม่ผิดก็คงไม่พ้นความทุกข์ใจที่มันกัดกินเขาเป็นเวลาร่วมสองปี ถึงได้มีสภาพแบบนี้“เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ” พัดพารัชชาเดินนำหน้าแฮร์ริคออกห่างจากเปลนอนของเอริญญามาที่ม้านั่งใต้หลังคาชานหน้าบ้านเมื่อนั่งตรงข้ามกันเรียบร้อยแฮร์ริคก็รีบพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดกับพัดพารัชชาใ
“ใช่ ผมน่าจะเป็นผู้เป็นคนให้เร็วกว่านี้ ถ้าผมนึกตามหาพลอยให้ไวกว่านี้ก็คงได้ดูแลเธอตั้งแต่เธอท้องแล้ว ที่ผมมาหาคุณก็เพราะอยากให้คุณช่วย ผมรักพลอยจริงๆ อยากดูแลเธอ คุณช่วยให้ผมคืนดีกับเธอได้ไหม ผมขอร้องล่ะ” แฮร์ริคไม่คิดสนศักดิ์ศรี เขายอมก้มลงคุกเข่าต่อหน้าอทิตยา เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือการได้รับผิดชอบลูกและภรรยาเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผ่านมา“นี่... คุณแฮร์ริค”“เชื่อที่ผมพูดเถอะ”“ลุกขึ้นเถอะ”“ไม่ครับ จนกว่าคุณจะรับปากว่าจะช่วยให้ผมได้คืนดีกับพลอย”“โอ้ย...” อทิตยานั่งกุมขมับหนึบ คำพูดของเขาที่ว่ารู้สึกผิดมันก็น่าเชื่อถืออยู่หรอก ทว่าเธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พัดพารัชชาจะต้องการแฮร์ริคหรือเปล่าน่ะสิ ไม่ได้ เรื่องนี้เธอจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ คิดได้ดังนั้นก็รีบต่อสายหาดาวลดาในทันทีและแล้วทุกคนก็ต้องขึ้นเครื่องบินกันมาที่เชียงใหม่เพื่อตรงมายังบ้านของดาวลดา เพราะอทิตยาไม่สามารถตัดสินใจเองคนเดียวได้จริงๆ เรื่องที่จะพาแฮร์ริคไปหาพัดพารัชชาทั้งสี่คนนั่งสุมหัวคุยกันอยู่ที่ใต้ถุนบ้านเรือนไทยของดาวลดา แฮร์ริคพยายามพูดความรู้ส
“อยากให้แกสืบจากทางคนที่แกตามจีบให้หน่อยว่าตอนนี้คุณพลอยเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นโว้ย แค่ตอนที่คุณอ้อนรู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับเอส แล้วก็หลอกคุณพลอยไปงานนั้นก็โกรธฉันมาจนถึงทุกวันนี้ รู้ไหมฉันส่งดอกไม้พร้อมของแพงๆ ไปง้อแทบทุกวัน เธอก็เอาทิ้งทุกวัน จนเหมือนฉันซื้อของแพงไปให้แม่บ้านในโรงเรียนสอนพิเศษ มัดปมเองก็ต้องแก้ปมเองโว้ย จะสืบก็ไปหาสืบทางอื่น อย่ามายุ่งกับคุณอ้อนของฉัน” ที่เขาอารมณ์ไม่ดีอยู่ตอนนี้ก็เพราะยังตามง้ออทิตยาไม่ได้ง่ายๆ นี่แหละ เอลมาพูดเรื่องนี้ขึ้นก็พาลทำให้เขานึกย้อนไปถึงตอนที่ช่วยแฮร์ริคจนถูกหญิงเมิน“ได้ ถึงแกไม่ช่วย ฉันว่านักสืบของฉันก็มีความสามารถอยู่แล้ว” เอลมาแค่อยากได้คำตอบว่าเฟรดช่วยได้หรือไม่ได้เท่านั้น ทว่าอีกฝ่ายก็ตอบเสียยาว ดูท่าแล้วเฟรดคงยังเคืองแฮร์ริคไม่หายจนถึงทุกวันนี้แน่“แกยังโกรธฉันอยู่เหรอวะเฟรด” แฮร์ริคถามเพื่อนรักไปตามตรง“ไม่ได้โกรธแก คิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้ก็ไม่อยากช่วยแกเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าคุณอ้อนจะใจแข็งขนาดนี้”“เพราะเห็นพวกแกแพ้ผู้หญิงใจแข็งแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากคบใครเป็นตัวเป็นตน” เอลมาเห็นเพื่อน
แฮร์ริคยื่นมือหมายจะประคองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทว่าสาวเจ้าก็ถอยหลังหนีไม่ยอมให้เขาได้ถูกเนื้อต้องตัว“แผนแก้แค้นของคุณสำเร็จแล้วจะมายุ่งอะไรกับฉันอีก”“การแก้แค้นจบไปแล้ว ตอนนี้มันก็เป็นเรื่องของพลอยกับผม ความรู้สึกที่ผมมีให้พลอย วันเวลาที่เราอยู่ด้วยกันทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง ผมรักพลอยจริงๆ นะ”พัดพารัชชายกมีดพกในมือของเธอจี้คอของตัวเอง ทำเอาสองหนุ่มที่มองมายังเธอหน้าตาตื่นไม่ต่างกัน“เลิกยุ่งกับฉันซะที คุณจะรักฉันจริงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันเกลียดคุณ เกลียดยิ่งกว่าอะไร ฉันได้ออกมาจากชีวิตสองแม่ลูกนั่น คิดว่าฉันจะได้อิสระที่ฉันอยากได้ แต่คุณก็พาฉันเข้ามาเป็นหมากในเกมการแก้แค้น ชีวิตฉันหลังจากนี้ไม่รู้ว่าสองคนแม่ลูกนั่นจะจ้องล้างจองผลาญฉันอีกรึเปล่า คุณมันเห็นแก่ตัว มายุ่งกับฉันทำไม ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความแค้นคุณสักนิด”“พลอย” แฮร์ริคพยายามจะเข้าไปหาพัดพารัชชา ทว่ายิ่งเขาเข้าไปใกล้ปลายมีที่อยู่ในมือของหญิงสาวก็เริ่มกินเนื้อของเธอจนเห็นมีเลือดแดงฉานไหลออกมา“อย่าทำแบบนี้พลอย”“อย่ายุ่งกับเธอ” อนนท์เข้ามา
“อีพลอย!” พิมพิรายาได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนมือไม้สั่น จากนั้นก็ปรี่เข้าไปจะทำร้ายพัดพารัชชา ทว่าแฮร์ริคก็มาขวางเอาไว้“ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงฮะ! แกต้องการอะไร” ปึก ปึก พิมพิรายาลงมือกับพัดพารัชชาไม่ได้เธอก็ฟาดกำปั้นไปที่อกของแฮร์ริคแขวิไลยืนกำหมัดแน่นดูสถานการณ์อย่างเจ็บปวดหัวใจ ไม่น่าเลย เธอควรจะเตือนลูกสาวของเธอก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับแฮร์ริค เชื่อได้เลยว่ามันสองคนผัวเมียจะต้องรวมหัวกันทำให้ลูกของเธอเสียใจแน่“คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหมคะคุณเฟรด”เฟรดก้มหน้างุดเมื่อหญิงสาวที่ยืนข้างๆ กำลังมองค้อนเขาด้วยสายตาโกรธเคือง “ผมขอโทษครับ ผมเป็นเพื่อนกับแฮร์ริค”“พลอย” อนนท์แทรกทุกคนเข้ามาหาพัดพารัชชา เพราะรู้ว่าตอนนี้เธอต้องการคนที่อยู่เคียงข้าง“พี่นนท์”“ถ้าพลอยอยากไปจากที่นี่ พี่จะพาไป”“ค่ะ” พัดพารัชชารีบจับมือของอนนท์เอาไว้ เพราะตอนนี้หัวใจของเธอไม่พร้อมรับรู้อะไรตรงนี้ต่อไปแล้ว“มึงจะไปไหนอีพลอย อีลูกเมียน้อย” พิมพิรายาตวาดลั่นตามหลังพัดพารัชชาที่กำลังเดินหนีไปพร้อมอนนท์ เธออยากจะฉีกเนื้อพัดพารัชชาเป็นชิ้นๆ ที่ทำให้เธอ