Masukเช้าวันต่อมา
“เมื่อคืนขวัญได้ยินเสียงน้ำหวานร้องไห้อยู่ในห้อง สงสัยจะคิดถึงบ้านนะคะ”
ของขวัญพูดขึ้นขณะวางแก้วกาแฟไว้ตรงหน้าผู้เป็นสามี
ทิศเหนือเงยหน้าสบตากับภรรยาแล้วทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ไม่แปลกหรอกที่น้ำหวานจะคิดถึงบ้าน ปกติไอ้ริวมันไม่ค่อยได้พาน้ำหวานไปเที่ยวไหน เอาแต่ทำงานงก ๆ เลยพลอยทำให้น้ำหวานกลายเป็นคนติดบ้านน่ะสิ“
“ถ้างั้นวันนี้ขวัญพาน้ำหวานไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาดีไหมคะ เผื่อจะช่วยให้เธอหายเศร้าได้บ้าง”
“พี่ว่าก็ดีนะ ให้ตาทิวเขาขับรถพาไปสิ”
“โอ๊ย! รายนั้นพึ่งพาได้ที่ไหนล่ะคะ ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“นี่มันอยู่ติดบ้านไม่เป็นรึไง เจ้าลูกคนนี้”
“ขวัญก็ว่างั้นแหละค่ะ เหมือนใครตอนหนุ่ม ๆ ก็ไม่รู้”
เมียรักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสอง
ทิศเหนือถึงกับสะดุ้งเฮือก กาแฟที่เพิ่งจะกลืนลงคอแทบล้นทะลักออกมาทางเก่า จะเหมือนใครเล่าก็เหมือนเขาน่ะสิ เหมือนเป๊ะราวกับถอดแบบกันมา นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
เวลาต่อมา
หลังจากชักชวนน้ำหวานให้ออกมาเป็นเพื่อนซื้อของ สองสาวต่างวัยก็พากันเดินเล่นอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง ของขวัญพาหลานสาวคนใหม่เลือกซื้อของใช้จำเป็น พร้อมทั้งหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอ แม้หญิงสาวจะปฏิเสธแต่ผู้เป็นอาก็อ้างสารพัดเหตุผลเพื่อให้เธอยอมรับน้ำใจ
สุดท้ายน้ำหวานก็ยอมเดินตามเข้าไปลองชุดในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่ง
อีกด้าน
ทิวเขาพาดาริณมาเดินช้อปปิ้งที่ห้างเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นเพื่อนแสนดีเดินตามหิ้วของให้หญิงสาว
เขามักจะตามใจดาริณเพราะเห็นเธอเป็นเพื่อนผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม จนบางครั้งทำให้ดาริณเผลอคิดไปไกลเกินเพื่อน
ดาริณไม่เคยเห็นทิวเขาสนใจผู้หญิงคนไหนนอกจากเธอ เลยคิดเป็นตุเป็นตะว่าชายหนุ่มมีใจให้เช่นกัน เพียงแต่เขาเป็นผู้ชายปากแข็งบางครั้งจึงไม่กล้าแสดงออกหรือพูดออกมาตรง ๆ หญิงสาวมั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น
“นั่นคุณแม่ของทิวเขารึเปล่า”
จู่ ๆ ดาริณก็หยุดเดินเมื่อเหลือบเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมแล้วเห็นคุณแม่ของทิวเขา ริมฝีปากแดงฉ่ำเหยียดยิ้มดีใจอยากทำคะแนนกับแม่เพื่อนเผื่อว่าในอนาคตจะได้ฝากตัวเป็นลูกสะใภ้
ตั้งท่าจะเดินเข้าไปทักทายแต่ต้องชะงักงันเมื่อเห็นว่าแม่เพื่อนไม่ได้มาคนเดียว
สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดเดรสสีหวานกำลังยืนหมุนตัวไปมาต่อหน้าแม่ของชายหนุ่ม ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างพึงพอใจ
หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนนั้นเป็นใครทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
เธอหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังยืนนิ่งดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากหนาอ้าค้างราวกับตกตะลึงอะไรบางอย่าง
ดาริณชักสีหน้าไม่พอใจ
“เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ”
“...”
“ทิวเขา!”
เธอเรียกชายหนุ่มเสียงดังเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่ยืนนิ่ง
“ฮะ...ว่าไงนะดาริณ”
“ดาริณถามว่าเด็กผู้หญิงที่อยู่กับคุณแม่ของทิวเขาเป็นใครเหรอ”
“อ๋อ...เอ่อ...เด็กในบ้านน่ะ”
“เด็กในบ้าน?”
ดาริณจ้องมองสาวน้อยอย่างดูถูก เป็นแค่เด็กในบ้านจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้ใส่ด้วยเหรอ
“อย่าสนใจเลย ไปเถอะ”
ทิวเขาจูงมือเพื่อนสาวออกมาทำท่าไม่อยากสนใจ ทว่าหญิงสาวกลับอยากเข้าไปทักทายคนทั้งคู่ เธออยากอวดโชว์ให้เด็กสาวได้รู้ว่ามีดีและเหนือกว่าจึงจูงมือทิวเขาเข้าไปทักทายผู้เป็นแม่
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
ของขวัญปรายตามองคนที่เข้ามาทักทาย ได้เห็นหน้าค่าตาลูกสาวท่านรัฐมนตรีอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมกับลูกชาย คนมีอายุเยอะกว่าจึงรับไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีจ้ะ”
“คุณแม่มาช้อปปิ้งเหรอคะ”
ดาริณพูดอย่างนอบน้อม ขณะสายตาเอาแต่จดจ้องสาวน้อยที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านหลังผู้ใหญ่
ผิวพรรณผุดผ่องสะอาดสะอ้านแถมหน้าตายังน่ารักจิ้มลิ้ม ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังละสายตาไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นแค่เด็กในบ้านอย่างที่ทิวเขาบอก
เธอหันมามองชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองสาวน้อยเช่นกัน ทิวเขากำลังคิดอะไรบางอย่างที่คาดเดาได้ยาก ดาริณไม่เคยเห็นเพื่อนชายมองผู้หญิงคนไหนด้วยแววตาแบบนี้มาก่อน
“จ๊ะ แม่พาน้ำหวานมาซื้อของใช้จำเป็นน่ะ”
ตอบหญิงสาวเสร็จก็หันมาคุยกับลูกชายตัวดี
“เออ! ตาทิวเขามาก็ดี พอดีแม่ไม่ได้ขับรถมาน่ะช่วยไปส่งแม่กับน้องที่บ้านหน่อยสิ”
“แม่ก็โทรไปบอก ลุงกล้า ให้มารับสิครับ ผมต้องไปส่งดาริณอีก” รีบบอกปัดผู้เป็นแม่ทันที
“แม่โทรไปแล้วแต่ลุงกล้าไม่ว่างต้องพาคุณพ่อไปดูงานที่ชลบุรี แต่ถ้าแกไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่นั่งแท็กซี่กลับก็ได้ลำบากนิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่เป็นไรหรอก”
ปากบอกว่าไม่เป็นไรแต่น้ำเสียงมีความประชดประชันลูกชายเจืออยู่ ฟังดูก็รู้
ทิวเขาทำหน้าลำบากใจสุด ๆ คนหนึ่งก็แม่ คนหนึ่งก็เพื่อน
แม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อแม่ของฝ่ายชายพูดออกมาแบบนั้น ดาริณระบายยิ้มให้เพื่อนสนิทจากนั้นก็ดึงถุงช้อปปิ้งจากมือของเขามาถือไว้
“ทิวเขาไปส่งแม่เถอะ เดี๋ยวดาริณโทรให้ที่บ้านมารับก็ได้”
“เอาอย่างนั้นเหรอ”
“สบายมากไม่ต้องเป็นห่วง”
เธอฉีกยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปไหว้ลาแม่เพื่อนก่อนจะเดินออกมาโดยไม่พูดไม่กล่าว แต่คล้อยหลังทั้งสามคนหญิงสาวก็ทำปากขมุบขมิบอย่างไม่พอใจ
ดูก็รู้ว่าแม่ของทิวเขาไม่ชอบเธอ คอยดูเถอะวันหนึ่งเธอจะต้องเอาชนะใจทิวเขาให้ได้ ถึงวันนั้นเมื่อไหร่จะแนะนำตัวในฐานะลูกสะใภ้เอาให้หน้าชาไปเลย ชอบกรีดกันดีนัก
ภายในรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาว ผู้เป็นแม่นั่งข้างคนขับโดยมีหญิงสาวนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง น้ำหวานเอาแต่มองไปนอกหน้าต่างรถ ส่วนคนขับเอาแต่เหลือบมองหญิงสาวผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะ ๆ
เขายอมรับว่าเธอสวยจนละสายตาไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่ดี
เมื่อกลับถึงบ้านน้ำหวานก็หอบหิ้วข้าวของทุกอย่างเข้าบ้าน ทิวเขามองตามแผ่นหลังบอบบางแล้วแค่นหัวเราะในลำคอ
ทำเป็นอวดเก่ง เก่งนักก็หิ้วคนเดียวไปเลย
“ไม่ได้ไปช้อปปิ้งตั้งนานรู้สึกเมื่อยจัง”
คนวัยสี่สิบกว่ากระดูกกระเดี้ยวย่อมไม่ดีเป็นธรรมดา พอนั่งลงบนโซฟาก็บ่นกระปอดกระแปดเรื่อยเปื่อย น้ำหวานวางข้าวของไว้ใกล้กับโซฟาแล้วนั่งลงด้านข้างคนอายุเยอะกว่า
“ให้หวานนวดให้อาขวัญนะคะ”
“น้ำหวานนวดเป็นเหรอลูก”
“นวดได้แต่ไม่ค่อยเก่งหรอกค่ะ เมื่อก่อนหวานเคยนวดให้พ่อริวอยู่บ่อย ๆ”
“งั้นลองดูก็ได้”
มือเล็กค่อย ๆ บีบคลำบริเวณหัวไหล่ นิ้วหัวแม่มือกดคลึงไปตามแนวเส้นเอ็นบริเวณต้นคอ ก่อนจะใช้ข้อศอกไล่กดตามแนวกระดูกสันหลังส่วนบน
ทิวเขาเหลือบมองการกระทำของหญิงสาวด้วยความหมั่นไส้ คงเพราะแบบนี้สินะแม่ของเขาถึงได้หลงเธอยิ่งกว่าลูกในไส้อย่างเขา
เหอะ! ประจบประแจงเก่งซะเหลือเกิน
กลางดึกหญิงสาวนอนกระสับกระส่าย แม้จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแต่สุดท้ายก็นอนไม่หลับเหมือนเดิม พอสมองว่างก็เผลอคิดถึงแต่เรื่องเก่า ๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเสียดื้อ ๆจะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้เดี๋ยวจะถูกลูกชายเจ้าของบ้านมาต่อว่าเหมือนเมื่อคืน แต่จะให้อดทนอดกลั้นก็คงไม่ไหว หญิงสาวจึงตัดสินใจออกไปนั่งร้องไห้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านฮือ! ฮึก! ฮือ!เสียงผู้หญิงร้องไห้แว่วมาตามสายลม ยิ่งภายในห้องเงียบกริบมันยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คนที่ยังนอนไม่หลับต้องเดินออกไปตรงระเบียงห้อง แล้วชะเง้อชะแง้มองหาที่มาของเสียงเขาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของใครบางคนอยู่ตรงหลังพุ่มไม้ชายหนุ่มเดินออกจากบ้านแล้วมุ่งไปยังสนามหญ้า ค่อย ๆ ย่องเข้าไปด้านหลังคนที่นั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ยัยเด็กน้ำหวานอีกแล้วเธอจะกวนโมโหเขาไปถึงไหน“เธอรู้ไหมว่าเสียงร้องไห้ของเธอมันไปรบกวนการนอนของคนอื่น”“คุณทิวเขา”หญิงสาวสะดุ้งโหยงตกใจพร้อมกับอุทานชื่อคนที่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ขนาดหนีมาร้องไห้อยู่ตั้งไกลเขายังได้ยินเสียงอีกเหรอหูเทพหรือยังไงกันหญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน“ขอโทษค่ะ”แม้จะหยุดร้องไห้ไปแล้วแต่น้ำเสียงยังเจือปน
เช้าวันต่อมา“เมื่อคืนขวัญได้ยินเสียงน้ำหวานร้องไห้อยู่ในห้อง สงสัยจะคิดถึงบ้านนะคะ”ของขวัญพูดขึ้นขณะวางแก้วกาแฟไว้ตรงหน้าผู้เป็นสามีทิศเหนือเงยหน้าสบตากับภรรยาแล้วทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า“ไม่แปลกหรอกที่น้ำหวานจะคิดถึงบ้าน ปกติไอ้ริวมันไม่ค่อยได้พาน้ำหวานไปเที่ยวไหน เอาแต่ทำงานงก ๆ เลยพลอยทำให้น้ำหวานกลายเป็นคนติดบ้านน่ะสิ““ถ้างั้นวันนี้ขวัญพาน้ำหวานไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาดีไหมคะ เผื่อจะช่วยให้เธอหายเศร้าได้บ้าง”“พี่ว่าก็ดีนะ ให้ตาทิวเขาขับรถพาไปสิ”“โอ๊ย! รายนั้นพึ่งพาได้ที่ไหนล่ะคะ ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”“นี่มันอยู่ติดบ้านไม่เป็นรึไง เจ้าลูกคนนี้”“ขวัญก็ว่างั้นแหละค่ะ เหมือนใครตอนหนุ่ม ๆ ก็ไม่รู้”เมียรักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสองทิศเหนือถึงกับสะดุ้งเฮือก กาแฟที่เพิ่งจะกลืนลงคอแทบล้นทะลักออกมาทางเก่า จะเหมือนใครเล่าก็เหมือนเขาน่ะสิ เหมือนเป๊ะราวกับถอดแบบกันมา นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเวลาต่อมาหลังจากชักชวนน้ำหวานให้ออกมาเป็นเพื่อนซื้อของ สองสาวต่างวัยก็พากันเดินเล่นอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง ของขวัญพาหลานสาวคนใหม่เลือกซื้อของใช้จำ
@ผับหรูเสียงเพลงจังหวะ EDM ดังอึกทึกครึกโครมอยู่ในผับหรูแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผับที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศเหล่านักท่องราตรีมากมายต่างพากันโยกย้ายอวดกันวาดลวดลายอย่างไม่มีใครยอมใคร แสงไฟส่องกะพริบหมุนวนไปมาตามจังหวะเพลงเพื่อช่วยเพิ่มความครื้นเครงให้กับเหล่านักดื่มทั้งหลายภายในห้องวีไอพีของผับมีการรวมตัวกันของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งพวกเขามักนัดกันมาสังสรรค์ที่นี่เป็นประจำ“แดกเต็มที่เลยเพื่อน มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”เจ้าขุนเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนมาครบองค์ประชุมออสตินกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ เพื่อระบายความขุ่นเคือง นึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นแล้วรู้สึกโมโหไม่หายที่ไอ้เจ้าขุนมันพูดปาว ๆ ว่าจะเลี้ยงน่ะเงินกูทั้งนั้น“มึงไม่ต้องเครียดหรอกน่าคราวหน้ากูไม่ออมมือให้มันแน่”วายุตบไหล่ออสตินเบา ๆ ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ“กูไม่เชื่อมึงแล้วไอ้ห่า ดูจากสถิติที่มึงแข่งกับไอ้ทิวเขาแล้วกูขอย้ายไปเดิมพันข้างมันดีกว่า”ออสตินย้ายไปนั่งข้างทิวเขา ยกมือขึ้นมาบีบนวดไหล่เพื่อนเบา ๆ เพื่อเอาอกเอาใจ“คราวหน้ากูขอเดิมพันข้างมึงนะ”“ว่าไง มึงยอมป้ะ” ทิวเขาหันมาถามเจ้าขุนเจ้าขุนพยักพเยิดหน้าให้
‘ออกไป! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันเกลียดเธอ ยัยน้ำเน่า’คำพูดเมื่อสิบสามปีก่อนยังดังก้องอยู่ในหูของน้ำหวาน แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแต่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เคยเกลียดเธออย่างไรก็ยังเกลียดอย่างนั้นหญิงสาวคิดในใจขณะลากกระเป๋าเดินทางตามหลังเขาต้อย ๆปึก!ชายหนุ่มหยุดเดินโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้หญิงสาวชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจังใบหน้าหล่อคมหันขวับกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งพ่นลมหายใจใส่เธอเสมือนไม่พอใจ“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”หญิงสาวก้มหน้างุดหลังจากยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเขา“ซุ่มซ่าม”เขาทำหน้าตึงใส่แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่รถหญิงสาวจึงรีบตามไปหลังหอบหิ้วกระเป๋าขึ้นรถน้ำหวานก็เข้ามานั่งด้านข้างคนขับ เธอยังไม่ทันปิดประตูให้สนิทรถคันหรูก็เคลื่อนออกตัวอย่างแรงจนร่างเล็กหงายหลังไปติดกับเบาะเธอรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้ ทักษะการขับรถของเขายิ่งดูแปลก ๆ อยู่ด้วย จู่ ๆ ก็เหยียบคันเร่งแรง ๆ แล้วเหยียบเบรกกะทันหันเหมือนกำลังแกล้งเธออย่างไรอย่างนั้นรถซูเปอร์คาร์ราคาหลายล้านแล่นอยู่บนทางด่วนด้วยความเร็วเกือบร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง หญิงสาวนั่งหลับตาป
@ สนามแข่งรถเสียงเร่งเครื่องของรถซูเปอร์คาร์สองคันดังกระหึ่มอยู่ในสนามแข่งรถตรงจุดออกตัว สองหนุ่มเพื่อนซี้ ทิวเขา และ วายุ กำลังจ้องเขม็งมองกันประหนึ่งว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปวิ่งมาระหว่างดวงตาทั้งสองคู่แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน แต่เมื่ออยู่ในสนามแข่งทั้งคู่ต่างก็มองอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้สองคนนี้มันไม่ยอมกันมาแต่ไหนแต่ไรเมื่อไฟสัญญาณให้ออกตัวรถสองคันก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ทั้งทักษะการขับและประสบการณ์การแข่งทั้งสองหนุ่มถือว่าฝีมือสูสีไม่มีใครดีหรือด้อยไปกว่ากันการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด สองหนุ่มเชือดเฉือนราวกับเป็นคู่ศัตรูมาแต่ชาติปางไหน ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นนำอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่รอบสุดท้ายรถของทิวเขาจะเร่งเครื่องขึ้นมาจนทิ้งห่างจากรถของวายุอยู่หลายช่วงคัน“วันนี้ไอ้ทิวเขาแม่งได้ว่ะ แซงหน้าไอ้วายุไปหลายช่วงคันแล้ว เฮ่อ! สงสัยกูจะได้เสียเงินอีกแหง ๆ”ออสติน หนุ่มลูกครึ่งไทยนอร์เวย์เอ่ยขึ้นขณะยืนลุ้นอยู่บนห้องรับรองลูกค้าวีไอพีของสนามแข่งรถ นัยน์ตาสีน้ำตาลเพ่งไปด้านหน้าที่เป็นกระจกใสซึ่งสามารถมองเห็นวิวสนามได้แบบสามร้อยหกสิบองศาภายในห้องกว้างมีจอมอนิเ







