LOGINเช้าวันต่อมา
“เมื่อคืนขวัญได้ยินเสียงน้ำหวานร้องไห้อยู่ในห้อง สงสัยจะคิดถึงบ้านนะคะ”
ของขวัญพูดขึ้นขณะวางแก้วกาแฟไว้ตรงหน้าผู้เป็นสามี
ทิศเหนือเงยหน้าสบตากับภรรยาแล้วทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ไม่แปลกหรอกที่น้ำหวานจะคิดถึงบ้าน ปกติไอ้ริวมันไม่ค่อยได้พาน้ำหวานไปเที่ยวไหน เอาแต่ทำงานงก ๆ เลยพลอยทำให้น้ำหวานกลายเป็นคนติดบ้านน่ะสิ“
“ถ้างั้นวันนี้ขวัญพาน้ำหวานไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาดีไหมคะ เผื่อจะช่วยให้เธอหายเศร้าได้บ้าง”
“พี่ว่าก็ดีนะ ให้ตาทิวเขาขับรถพาไปสิ”
“โอ๊ย! รายนั้นพึ่งพาได้ที่ไหนล่ะคะ ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“นี่มันอยู่ติดบ้านไม่เป็นรึไง เจ้าลูกคนนี้”
“ขวัญก็ว่างั้นแหละค่ะ เหมือนใครตอนหนุ่ม ๆ ก็ไม่รู้”
เมียรักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสอง
ทิศเหนือถึงกับสะดุ้งเฮือก กาแฟที่เพิ่งจะกลืนลงคอแทบล้นทะลักออกมาทางเก่า จะเหมือนใครเล่าก็เหมือนเขาน่ะสิ เหมือนเป๊ะราวกับถอดแบบกันมา นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
เวลาต่อมา
หลังจากชักชวนน้ำหวานให้ออกมาเป็นเพื่อนซื้อของ สองสาวต่างวัยก็พากันเดินเล่นอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง ของขวัญพาหลานสาวคนใหม่เลือกซื้อของใช้จำเป็น พร้อมทั้งหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอ แม้หญิงสาวจะปฏิเสธแต่ผู้เป็นอาก็อ้างสารพัดเหตุผลเพื่อให้เธอยอมรับน้ำใจ
สุดท้ายน้ำหวานก็ยอมเดินตามเข้าไปลองชุดในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่ง
อีกด้าน
ทิวเขาพาดาริณมาเดินช้อปปิ้งที่ห้างเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นเพื่อนแสนดีเดินตามหิ้วของให้หญิงสาว
เขามักจะตามใจดาริณเพราะเห็นเธอเป็นเพื่อนผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม จนบางครั้งทำให้ดาริณเผลอคิดไปไกลเกินเพื่อน
ดาริณไม่เคยเห็นทิวเขาสนใจผู้หญิงคนไหนนอกจากเธอ เลยคิดเป็นตุเป็นตะว่าชายหนุ่มมีใจให้เช่นกัน เพียงแต่เขาเป็นผู้ชายปากแข็งบางครั้งจึงไม่กล้าแสดงออกหรือพูดออกมาตรง ๆ หญิงสาวมั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น
“นั่นคุณแม่ของทิวเขารึเปล่า”
จู่ ๆ ดาริณก็หยุดเดินเมื่อเหลือบเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมแล้วเห็นคุณแม่ของทิวเขา ริมฝีปากแดงฉ่ำเหยียดยิ้มดีใจอยากทำคะแนนกับแม่เพื่อนเผื่อว่าในอนาคตจะได้ฝากตัวเป็นลูกสะใภ้
ตั้งท่าจะเดินเข้าไปทักทายแต่ต้องชะงักงันเมื่อเห็นว่าแม่เพื่อนไม่ได้มาคนเดียว
สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดเดรสสีหวานกำลังยืนหมุนตัวไปมาต่อหน้าแม่ของชายหนุ่ม ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างพึงพอใจ
หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนนั้นเป็นใครทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
เธอหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังยืนนิ่งดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากหนาอ้าค้างราวกับตกตะลึงอะไรบางอย่าง
ดาริณชักสีหน้าไม่พอใจ
“เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ”
“...”
“ทิวเขา!”
เธอเรียกชายหนุ่มเสียงดังเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่ยืนนิ่ง
“ฮะ...ว่าไงนะดาริณ”
“ดาริณถามว่าเด็กผู้หญิงที่อยู่กับคุณแม่ของทิวเขาเป็นใครเหรอ”
“อ๋อ...เอ่อ...เด็กในบ้านน่ะ”
“เด็กในบ้าน?”
ดาริณจ้องมองสาวน้อยอย่างดูถูก เป็นแค่เด็กในบ้านจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้ใส่ด้วยเหรอ
“อย่าสนใจเลย ไปเถอะ”
ทิวเขาจูงมือเพื่อนสาวออกมาทำท่าไม่อยากสนใจ ทว่าหญิงสาวกลับอยากเข้าไปทักทายคนทั้งคู่ เธออยากอวดโชว์ให้เด็กสาวได้รู้ว่ามีดีและเหนือกว่าจึงจูงมือทิวเขาเข้าไปทักทายผู้เป็นแม่
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
ของขวัญปรายตามองคนที่เข้ามาทักทาย ได้เห็นหน้าค่าตาลูกสาวท่านรัฐมนตรีอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมกับลูกชาย คนมีอายุเยอะกว่าจึงรับไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีจ้ะ”
“คุณแม่มาช้อปปิ้งเหรอคะ”
ดาริณพูดอย่างนอบน้อม ขณะสายตาเอาแต่จดจ้องสาวน้อยที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านหลังผู้ใหญ่
ผิวพรรณผุดผ่องสะอาดสะอ้านแถมหน้าตายังน่ารักจิ้มลิ้ม ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังละสายตาไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นแค่เด็กในบ้านอย่างที่ทิวเขาบอก
เธอหันมามองชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองสาวน้อยเช่นกัน ทิวเขากำลังคิดอะไรบางอย่างที่คาดเดาได้ยาก ดาริณไม่เคยเห็นเพื่อนชายมองผู้หญิงคนไหนด้วยแววตาแบบนี้มาก่อน
“จ๊ะ แม่พาน้ำหวานมาซื้อของใช้จำเป็นน่ะ”
ตอบหญิงสาวเสร็จก็หันมาคุยกับลูกชายตัวดี
“เออ! ตาทิวเขามาก็ดี พอดีแม่ไม่ได้ขับรถมาน่ะช่วยไปส่งแม่กับน้องที่บ้านหน่อยสิ”
“แม่ก็โทรไปบอก ลุงกล้า ให้มารับสิครับ ผมต้องไปส่งดาริณอีก” รีบบอกปัดผู้เป็นแม่ทันที
“แม่โทรไปแล้วแต่ลุงกล้าไม่ว่างต้องพาคุณพ่อไปดูงานที่ชลบุรี แต่ถ้าแกไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่นั่งแท็กซี่กลับก็ได้ลำบากนิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่เป็นไรหรอก”
ปากบอกว่าไม่เป็นไรแต่น้ำเสียงมีความประชดประชันลูกชายเจืออยู่ ฟังดูก็รู้
ทิวเขาทำหน้าลำบากใจสุด ๆ คนหนึ่งก็แม่ คนหนึ่งก็เพื่อน
แม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อแม่ของฝ่ายชายพูดออกมาแบบนั้น ดาริณระบายยิ้มให้เพื่อนสนิทจากนั้นก็ดึงถุงช้อปปิ้งจากมือของเขามาถือไว้
“ทิวเขาไปส่งแม่เถอะ เดี๋ยวดาริณโทรให้ที่บ้านมารับก็ได้”
“เอาอย่างนั้นเหรอ”
“สบายมากไม่ต้องเป็นห่วง”
เธอฉีกยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปไหว้ลาแม่เพื่อนก่อนจะเดินออกมาโดยไม่พูดไม่กล่าว แต่คล้อยหลังทั้งสามคนหญิงสาวก็ทำปากขมุบขมิบอย่างไม่พอใจ
ดูก็รู้ว่าแม่ของทิวเขาไม่ชอบเธอ คอยดูเถอะวันหนึ่งเธอจะต้องเอาชนะใจทิวเขาให้ได้ ถึงวันนั้นเมื่อไหร่จะแนะนำตัวในฐานะลูกสะใภ้เอาให้หน้าชาไปเลย ชอบกรีดกันดีนัก
ภายในรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาว ผู้เป็นแม่นั่งข้างคนขับโดยมีหญิงสาวนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง น้ำหวานเอาแต่มองไปนอกหน้าต่างรถ ส่วนคนขับเอาแต่เหลือบมองหญิงสาวผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะ ๆ
เขายอมรับว่าเธอสวยจนละสายตาไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่ดี
เมื่อกลับถึงบ้านน้ำหวานก็หอบหิ้วข้าวของทุกอย่างเข้าบ้าน ทิวเขามองตามแผ่นหลังบอบบางแล้วแค่นหัวเราะในลำคอ
ทำเป็นอวดเก่ง เก่งนักก็หิ้วคนเดียวไปเลย
“ไม่ได้ไปช้อปปิ้งตั้งนานรู้สึกเมื่อยจัง”
คนวัยสี่สิบกว่ากระดูกกระเดี้ยวย่อมไม่ดีเป็นธรรมดา พอนั่งลงบนโซฟาก็บ่นกระปอดกระแปดเรื่อยเปื่อย น้ำหวานวางข้าวของไว้ใกล้กับโซฟาแล้วนั่งลงด้านข้างคนอายุเยอะกว่า
“ให้หวานนวดให้อาขวัญนะคะ”
“น้ำหวานนวดเป็นเหรอลูก”
“นวดได้แต่ไม่ค่อยเก่งหรอกค่ะ เมื่อก่อนหวานเคยนวดให้พ่อริวอยู่บ่อย ๆ”
“งั้นลองดูก็ได้”
มือเล็กค่อย ๆ บีบคลำบริเวณหัวไหล่ นิ้วหัวแม่มือกดคลึงไปตามแนวเส้นเอ็นบริเวณต้นคอ ก่อนจะใช้ข้อศอกไล่กดตามแนวกระดูกสันหลังส่วนบน
ทิวเขาเหลือบมองการกระทำของหญิงสาวด้วยความหมั่นไส้ คงเพราะแบบนี้สินะแม่ของเขาถึงได้หลงเธอยิ่งกว่าลูกในไส้อย่างเขา
เหอะ! ประจบประแจงเก่งซะเหลือเกิน
อีกด้านหลังรถซูเปอร์คาร์คันงามจอดนิ่งที่ลานจอดรถของคอนโด ร่างสูงก็อุ้มแฟนสาวลงจากรถแล้วพาเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ถูกประกบทันที ทำราวกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งที่ยังอยู่ในลิฟต์“อื้อ~”มือบางตีลงที่หัวไหล่ของเขาพร้อมกับครางท้วง ทิวเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วยิ้มขำน้ำหวานทำตาเขียวปั้ดใส่คนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนผ่าวสอดแยงเข้าไปในโพรงปากนุ่มแล้วดูดเม้มปลายลิ้นเล็ก ส่งเรียวลิ้นไปเซาะซอนจนทั่วทุกมุม จูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนชุ่มฉ่ำไปทั่วปาก จากนั้นเขาก็วางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นมือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางพลางถอดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ น้ำหวานเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของชายหนุ่มออกเช่นกันนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์ปรารถนา มือหนาเคลื่อนไล้ไปตามผิวกายขาวผ่องอย่างผะแผ่วขณะดันร่างเล็กไปจนชิดกับฝาผนังจากนั้นก็พรมจูบไปตามซอกคอระหง ขณะที่มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงตรงสะโพกมน ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ปลุกเร้าตรงสองเต้าเต่งตึงลมหายใจผ่าวร้อนเป่ารดลงบนลำคอขา
“จะพากันไปไหนเหรอลูก”เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายเดินตามแฟนสาวลงมาจากชั้นสองของบ้านน้ำหวานนั่งลงบนโซฟาแล้วเป็นคนตอบคำถามแทนชายหนุ่ม“หวานก็ไม่รู้ค่ะ พี่ทิวเขาไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าจะพาไปไหน”“อ้าว! จะพาน้องไปไหนทำไมไม่บอกน้องล่ะ”หันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งอยู่ด้านข้างหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังทำท่าทางออเซาะเธอราวกับเป็นเด็กน้อยจนน่าหมั่นไส้ลูกชายสุดที่รักหันมาทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยตอบ“บอกไม่ได้ครับมันเป็นความลับ”ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนจะตวัดมือไล่ไม่อยากสนใจ ปล่อยให้ทั้งคู่พากันไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มคนสาวหลังไหว้ลาทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปที่รถ ทิวเขาเป็นคนคอยบริการเปิดประตูพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้ำหวาน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากบ้านพาเธอไปยังสถานที่ที่เขานัดแนะเอาไว้กับเพื่อน ๆ@สนามแข่งรถวันนี้ที่สนามแข่งรถดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงาน รถหลายคันวิ่งวอร์มอยู่ในสนามโดยมีผู้ชมมากมายยืนรายล้อมอยู่บริเวณรอบ ๆหลังจอดรถทิวเขาก็เดินไปเปิดประตูให้น้ำหวาน หญิงสาวมีความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพความทร
“อ๊ะ~” ร่างเล็กสั่นสะท้านร้องเสียงครวญครางอย่างได้อารมณ์ สองมือที่บีบขยำเนินนมออกแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ทว่าความเสียวกลับมีมากกว่า น้ำหวานดิ้นพล่านขณะถูกดูดดึงสองเต้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไซ้ขึ้นไปตรงซอกคอ ใช้ฟันขบเบา ๆ ตรงลำคอระหงด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานเสียดเสียวจนแทบจะขาดใจ มือสองข้างเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างบางจนมาถึงตรงกลางกายสาว ปลายนิ้วบดคลึงตรงจุดกระสันเสียวผ่านกางเกงชั้นในตัวบางจนน้ำรสหวานไหลเยิ้มออกมาเลอะเป้าเปียกแฉะ ร่างสูงหยัดกายคุกเข่าตรงกลางระหว่างขาเนียน มือหนาจับเรียวขาสวยอ้าออกขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วเขี่ยตรงจุดกระสันเสียวจนแน่ใจว่าเปียกเยิ้มเต็มที่เขาก็แหวกเป้ากางเกงชั้นในไปไว้ด้านข้าง ดวงตาคู่คมจดจ้องไปยังร่องกลีบสีชมพู ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเอาน้ำลายไปถูชโลมบนแท่งเนื้อลำเขื่องของตัวเอง มือหนาชัดรูดแกนกายลำใหญ่สองสามครั้ง จ่อส่วนปลายไว้ตรงปากร่อง จับปลายหยักถูไถตรงเม็ดติ่งเสียวเพื่อเพิ่มอารมณ์ซาบซ่านให้หญิงสาว “อ๊ะ~พี่ทิวเขา หวานไม่ไหวแล้ว ใส่เข้ามาเลยได้ไหมคะ
หลังพูดคุยและทานข้าวเที่ยงร่วมกันกับแม่ครูและน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าน้ำหวานก็เอ่ยลาทุกคนเนื่องจากทิวเขาบอกเธอว่าจะพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหนรถคันหรูวิ่งไปตามเส้นทางที่น้ำหวานค่อนข้างคุ้นเคย เธอรู้สึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามจนในที่สุดรถคันงามก็มาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้ทรงล้านนา“พี่ทิวเขาพาหวานมาที่นี่ทำไมคะ”“เดี๋ยวก็รู้ครับ”ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า“ลงมาเถอะน่า”หญิงสาวลงจากรถตามคำชวน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กจนโตแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยทิวเขายิ้มให้หญิงสาว“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“เดี๋ยวค่ะ เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้ถูกขายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”มุมปากหนากระตุกยิ้มบางเบา เขายกกุญแจบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดู“หมายความว่าไงคะ”“บ้านหลังนี้เป็นของน้ำหวานแล้วนะ”น้ำหวานยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยฉงนสงสัย ไม่นานความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยคำอธิบายของคนตรงหน้า“พี่รู้ว่าน้ำหวานรักบ้านหลังนี้มาก พี่ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ไว้”“
หลังจากน้ำหวานโอนเงินค่าผ่าตัดไปให้แม่ครู ดินก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในทันที การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเนื้อเยื่อของผู้บริจาคไตเข้ากันได้ดีกับดินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานดินก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“หยุดยาวสามวันหวานจะขึ้นไปเยี่ยมนะคะ”เสียงน้ำหวานกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับแม่ครูอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านทิวเขาคอยเดินตามไม่ห่าง ความจริงเพราะอยากแอบฟังว่าเธอคุยกับใครมากกว่า[ดินต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าน้ำหวานจะมา]“แม่ครูอย่าเพิ่งบอกพี่ดินนะคะ หวานว่าจะไปเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ”[จ้ะ แม่จะรูดซิปปากเอาไว้ให้แน่นเลยจ้ะ]“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”[แม่ล้อเล่นจ้ะ เออ! น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางญาติพ่อริวเขาประกาศขายบ้านแล้วใช่ไหม]คิ้วเรียวขมวดมุ่นหลังได้ยินแม่ครูพูด ความจริงก็พอรู้ว่าพวกญาติของพ่อริวอยากขายบ้านหลังนั้นจนเต็มแก่ น้ำหวานดูเศร้าลงทันทีจนคนที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็น“หวานพอรู้ค่ะ” พูดเสียงสั่นน้ำเสียงของเธอทำให้คนปลายสายเป็นห่วง[โธ่! น้ำหวานไม่ต้องคิดมากนะลูก สิ่งของพวกนั้นมันเป็นของนอกกายไม่นานมันก็สูญสลาย ความทรงจำดี ๆ ต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต]แม่คร
“น้ำหวานเดี๋ยวก่อน น้ำหวาน” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างเล็กไปจนถึงหน้าลิฟต์ มือหนาเอื้อมจับข้อมือเล็กแล้วดึงรั้งเอาไว้ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องความเป็นความตายใครให้เอามาล้อเล่น “ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอน่ะ” “ทุกทีคุณก็พูดแบบนี้ สรุปคือไม่เคยมีเรื่องไหนที่คุณตั้งใจสักเรื่อง” เธอสาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนเจ้าเล่ห์ ตั้งท่าจะเดินไปกดลิฟต์ทว่ากลับถูกคนตัวสูงดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง วงแขนแกร่งสวมเข้าที่เอวคอดแล้วกอดรัดร่างเล็กแนบกับลำตัว “ขอโทษ ยกโทษให้ความโง่ของฉันเถอะนะ ฉันโง่เองที่คิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สักทีว่าเธอรักฉันรึเปล่า” “คุณมันชอบเล่นกับใจคนอื่น เห็นความรู้สึกของหวานเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง” “ฉันไม่ได้เห็นความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องล้อเล่นนะน้ำหวาน ฉันรักเธอมากวันทั้งวันฉันอาการหนักเอาแต่เพ้อถึงเธอ คุณแม่ก็เลยโทรให้เธอมาดูใจฉันไง” จับร่างเล็กให้หันมาสบตากันหลังจากอธิบายเรื่องทั้งหมด “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” เธอทุบมือ







