Masuk@ผับหรู
เสียงเพลงจังหวะ EDM ดังอึกทึกครึกโครมอยู่ในผับหรูแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผับที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ
เหล่านักท่องราตรีมากมายต่างพากันโยกย้ายอวดกันวาดลวดลายอย่างไม่มีใครยอมใคร แสงไฟส่องกะพริบหมุนวนไปมาตามจังหวะเพลงเพื่อช่วยเพิ่มความครื้นเครงให้กับเหล่านักดื่มทั้งหลาย
ภายในห้องวีไอพีของผับมีการรวมตัวกันของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งพวกเขามักนัดกันมาสังสรรค์ที่นี่เป็นประจำ
“แดกเต็มที่เลยเพื่อน มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”
เจ้าขุนเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนมาครบองค์ประชุม
ออสตินกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ เพื่อระบายความขุ่นเคือง นึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นแล้วรู้สึกโมโหไม่หาย
ที่ไอ้เจ้าขุนมันพูดปาว ๆ ว่าจะเลี้ยงน่ะเงินกูทั้งนั้น
“มึงไม่ต้องเครียดหรอกน่าคราวหน้ากูไม่ออมมือให้มันแน่”
วายุตบไหล่ออสตินเบา ๆ ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ
“กูไม่เชื่อมึงแล้วไอ้ห่า ดูจากสถิติที่มึงแข่งกับไอ้ทิวเขาแล้วกูขอย้ายไปเดิมพันข้างมันดีกว่า”
ออสตินย้ายไปนั่งข้างทิวเขา ยกมือขึ้นมาบีบนวดไหล่เพื่อนเบา ๆ เพื่อเอาอกเอาใจ
“คราวหน้ากูขอเดิมพันข้างมึงนะ”
“ว่าไง มึงยอมป้ะ” ทิวเขาหันมาถามเจ้าขุน
เจ้าขุนพยักพเยิดหน้าให้ เขายังไงก็ได้ เพราะทิวเขากับวายุฝีมือสูสีกันอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่อารมณ์และจังหวะของคนขับ ณ ขณะนั้นมากกว่า
“ว่าแต่น้องสาวคนใหม่ของมึงเป็นไงวะ สวยป้ะ”
จู่ ๆ ต่อมเผือกของวายุก็เริ่มทำงาน ตั้งแต่กลับมาจากไปรับน้องสาวคนใหม่เพื่อนของเขาก็มีท่าทางแปลก ๆ นั่งยิ้มคนเดียวแถมบางครั้งก็ยังใจลอยอีกต่างหาก อาการต่างจากตอนก่อนออกไปรับลิบลับ
ทิวเขาหันขวับมาจ้องเขม็งนัยน์ตาขุ่นเคือง วันนี้ไอ้พวกเพื่อนซี้มันพูดไม่เข้าหูหลายรอบแล้ว
“กูเป็นลูกคนเดียว ไม่เคยมีน้องสาวโว้ย”
“เออ ๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แล้วเป็นไงสรุปว่าสวยป้ะ” วายุถามย้ำอีกรอบ
“ก็งั้น ๆ”
พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเข้าปาก ก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วเดินไปตรงกระจกใส นัยน์ตาคมเหม่อมองลงไปด้านล่างอย่างไม่มีจุดหมาย ไม่ได้สนใจผู้คนมากมายที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามันอยู่ตรงนั้น ทว่ากลับเอาแต่คิดถึงใบหน้าของใครบางคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อช่วงค่ำ
งั้น ๆ ที่พูดหมายถึง ‘ก็สวยแหละ’ แต่สวยแบบ ‘งั้น ๆ’
“หึ” แค่นหัวเราะขณะควงแก้วเหล้าในมือ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังครื้นเครง หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามายังห้องวีไอพีที่พวกเขากำลังสังสรรค์ ก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างของโซฟา มือบอบบางอย่างลูกคุณหนูยกขวดเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้วแล้วกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด
“ใจเย็นดิดาริณ ไปเก็บกดมาจากไหนเนี่ย”
วายุทักท้วงพลางยื้อแย่งแก้วเหล้าจากมือของหญิงสาว ดาริณ คือเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มซึ่งทั้งสามคน ทิวเขา วายุ และดาริณเคยเรียนด้วยกันเมื่อตอนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ส่วนเจ้าขุนและออสตินเพิ่งมารู้จักกันตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
ดาริณเป็นลูกสาวคนเล็กของท่านรัฐมนตรี เติบโตมาในตระกูลผู้ดีมีหน้ามีตาทางสังคม
ต่อหน้าคนอื่นดาริณคือสุภาพสตรีที่เรียบร้อยอ่อนหวาน ทว่าสำหรับเพื่อนสนิทอย่างสี่หนุ่มเธอกลับเป็นตัวของตัวเองสุด ๆ
“วายุ นายเอาแก้วของฉันคืนมานะ”
“เป็นอะไรของเธออีกเนี่ย”
“วันนี้ฉันอยากเมานายอย่ามาห้าม”
“แบบนี้กูว่าทะเลาะกับพ่อชัวร์”
ออสตินหรี่ตามองเพื่อนสาว เขาเดาว่าเธอน่าจะทะเลาะกับพ่อ เพราะพ่อของดาริณชอบบังคับให้เธอไปดูตัวว่าที่เจ้าบ่าว จับคู่ลูกสาวกับคนนั้นทีคนนี้ทีทั้งที่ในใจของดาริณมีผู้ชายที่เธอหมายปองอยู่แล้ว
“ไอ้ทิวเขามึงมาจัดการดิ”
ดาริณไม่ฟังใครนอกจากทิวเขา แค่ชายหนุ่มนั่งลงด้านข้างเธอก็สงบนิ่งทันตาเห็น
“ทิวเขาดาริณอยากร้องไห้”
หญิงสาวซบหน้าลงบนลาดไหล่กว้างพลางสอดมือเข้าไปกอดแขนแข็งแรง นัยน์ตาแดงก่ำฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาจนเอ่อล้นทั้งสองเบ้า
ทิวเขายกมือขึ้นมาลูบศีรษะของเพื่อนสาวเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
“ดาริณเครียดอะ พรุ่งนี้พาไปช้อปปิ้งหน่อยนะ”
ดาริณมักพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับทิวเขาเสมอ ทำตัวออดอ้อนประหนึ่งว่าเขาเป็นแฟนของเธอ
ชายหนุ่มไม่ได้ถือสาหาความ เขากับดาริณรู้จักกันมานาน ยังไงเธอก็คือเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งไม่ต่างอะไรกับอีกสามหนุ่ม เพียงแต่เธอเป็นผู้หญิงเขาจึงปฏิบัติกับดาริณอย่างอ่อนโยนกว่าเพื่อนคนอื่น
“จะไปกี่โมงก็ส่งข้อความมาไว้ละกัน”
“ขอบคุณนะ ทิวเขาใจดีที่สุดเลย”
ริมฝีปากสีแดงฉ่ำระบายยิ้มอย่างดีใจ ใบหน้าสวยซบถูไถไปกับไหล่กว้างอย่างออดอ้อน อีกนิดเดียวเธอก็จะหอมแก้มเขาอยู่แล้ว
อีกด้าน
ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบเหงา ภายในบ้านหลังใหญ่ช่างดูว่างเปล่า หญิงสาวเอาแต่นอนร้องไห้อยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นชิน
“พ่อริวจ๋า น้ำหวานคิดถึงพ่อริวนะจ๊ะ”
ใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรง ความคิดถึงคะนึงหาผู้ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ๆ ทำให้รู้สึกทรมานจนแทบจะขาดใจ
นัยน์ตาพร่ามัวจ้องมองรูปถ่ายของพ่อบุญธรรมผ่านหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายธาร
อีกด้าน
ทิวเขาขับรถกลับมาในช่วงเวลาเกือบตีสาม ตอนแรกเขากะว่าจะไปนอนค้างที่คอนโด แต่ไม่รู้อะไรมันดลใจให้เขาขับรถกลับบ้าน รู้ตัวอีกทีก็จอดรถอยู่หน้ารั้วบ้านของตัวเองแล้ว
ร่างสูงเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นบันได ก่อนจะชะงักงันกับเสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องห้องหนึ่ง เขาย่องเข้าไปใกล้ ๆ แล้วแนบหูกับบานประตูของห้องนั้นเพื่อแอบฟัง
ยัยน้ำหวานกำลังร้องไห้
เสียงสะอึกสะอื้นที่ดังเล็ดลอดออกมามันทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจอย่างแปลกประหลาด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือมันสามารถดึงดูดให้เขายืนฟังอยู่นานสองนานราวกับถูกมนต์สะกด
กำลังแอบฟังอย่างตั้งใจจู่ ๆ ประตูห้องของหญิงสาวก็เปิดอ้าทำให้ร่างสูงเสียหลักเซถลาเข้าไปด้านใน
ทิวเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาถูกจับได้ซะแล้วว่ามายืนแอบฟังเธอร้องไห้
ดวงตาคู่คมสบประสานกับดวงตาคู่สวย แววตาของเธอดูเศร้าหมองขอบตาแดงก่ำ แพขนตาเปียกฉ่ำจนจับตัวกันเป็นกลุ่มหนา คราบน้ำตายังหลงเหลืออยู่บนพวงแก้มขาวผ่องทั้งสองข้าง
“เอ่อ...คือ...ฉัน”
ทิวเขาอ้ำอึ้ง ในขณะที่หญิงสาวกำลังมองเขาอย่างสงสัย
เขามายืนทำอะไรหน้าห้องเธอ
“ฉันโคตรรำคาญเสียงเธอเลย จะร้องไห้อะไรนักหนา คนยิ่งง่วง ๆ อยู่”
แกล้งโวยวายตีโพยตีพายเอาไว้ก่อนไม่อย่างนั้นจะเสียฟอร์ม ก่อนจะชักสีหน้าอย่างไม่พอใจใส่หญิงสาวจากนั้นก็เดินเข้าห้องของตัวเองไป
น้ำหวานมองแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปจนลับตาด้วยความงุนงง
นี่เธอร้องไห้เสียงดังขนาดนั้นเลยเหรอ
กลางดึกหญิงสาวนอนกระสับกระส่าย แม้จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแต่สุดท้ายก็นอนไม่หลับเหมือนเดิม พอสมองว่างก็เผลอคิดถึงแต่เรื่องเก่า ๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเสียดื้อ ๆจะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้เดี๋ยวจะถูกลูกชายเจ้าของบ้านมาต่อว่าเหมือนเมื่อคืน แต่จะให้อดทนอดกลั้นก็คงไม่ไหว หญิงสาวจึงตัดสินใจออกไปนั่งร้องไห้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านฮือ! ฮึก! ฮือ!เสียงผู้หญิงร้องไห้แว่วมาตามสายลม ยิ่งภายในห้องเงียบกริบมันยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คนที่ยังนอนไม่หลับต้องเดินออกไปตรงระเบียงห้อง แล้วชะเง้อชะแง้มองหาที่มาของเสียงเขาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของใครบางคนอยู่ตรงหลังพุ่มไม้ชายหนุ่มเดินออกจากบ้านแล้วมุ่งไปยังสนามหญ้า ค่อย ๆ ย่องเข้าไปด้านหลังคนที่นั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ยัยเด็กน้ำหวานอีกแล้วเธอจะกวนโมโหเขาไปถึงไหน“เธอรู้ไหมว่าเสียงร้องไห้ของเธอมันไปรบกวนการนอนของคนอื่น”“คุณทิวเขา”หญิงสาวสะดุ้งโหยงตกใจพร้อมกับอุทานชื่อคนที่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ขนาดหนีมาร้องไห้อยู่ตั้งไกลเขายังได้ยินเสียงอีกเหรอหูเทพหรือยังไงกันหญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน“ขอโทษค่ะ”แม้จะหยุดร้องไห้ไปแล้วแต่น้ำเสียงยังเจือปน
เช้าวันต่อมา“เมื่อคืนขวัญได้ยินเสียงน้ำหวานร้องไห้อยู่ในห้อง สงสัยจะคิดถึงบ้านนะคะ”ของขวัญพูดขึ้นขณะวางแก้วกาแฟไว้ตรงหน้าผู้เป็นสามีทิศเหนือเงยหน้าสบตากับภรรยาแล้วทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า“ไม่แปลกหรอกที่น้ำหวานจะคิดถึงบ้าน ปกติไอ้ริวมันไม่ค่อยได้พาน้ำหวานไปเที่ยวไหน เอาแต่ทำงานงก ๆ เลยพลอยทำให้น้ำหวานกลายเป็นคนติดบ้านน่ะสิ““ถ้างั้นวันนี้ขวัญพาน้ำหวานไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาดีไหมคะ เผื่อจะช่วยให้เธอหายเศร้าได้บ้าง”“พี่ว่าก็ดีนะ ให้ตาทิวเขาขับรถพาไปสิ”“โอ๊ย! รายนั้นพึ่งพาได้ที่ไหนล่ะคะ ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”“นี่มันอยู่ติดบ้านไม่เป็นรึไง เจ้าลูกคนนี้”“ขวัญก็ว่างั้นแหละค่ะ เหมือนใครตอนหนุ่ม ๆ ก็ไม่รู้”เมียรักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสองทิศเหนือถึงกับสะดุ้งเฮือก กาแฟที่เพิ่งจะกลืนลงคอแทบล้นทะลักออกมาทางเก่า จะเหมือนใครเล่าก็เหมือนเขาน่ะสิ เหมือนเป๊ะราวกับถอดแบบกันมา นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเวลาต่อมาหลังจากชักชวนน้ำหวานให้ออกมาเป็นเพื่อนซื้อของ สองสาวต่างวัยก็พากันเดินเล่นอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง ของขวัญพาหลานสาวคนใหม่เลือกซื้อของใช้จำ
@ผับหรูเสียงเพลงจังหวะ EDM ดังอึกทึกครึกโครมอยู่ในผับหรูแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผับที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศเหล่านักท่องราตรีมากมายต่างพากันโยกย้ายอวดกันวาดลวดลายอย่างไม่มีใครยอมใคร แสงไฟส่องกะพริบหมุนวนไปมาตามจังหวะเพลงเพื่อช่วยเพิ่มความครื้นเครงให้กับเหล่านักดื่มทั้งหลายภายในห้องวีไอพีของผับมีการรวมตัวกันของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งพวกเขามักนัดกันมาสังสรรค์ที่นี่เป็นประจำ“แดกเต็มที่เลยเพื่อน มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”เจ้าขุนเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนมาครบองค์ประชุมออสตินกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ เพื่อระบายความขุ่นเคือง นึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นแล้วรู้สึกโมโหไม่หายที่ไอ้เจ้าขุนมันพูดปาว ๆ ว่าจะเลี้ยงน่ะเงินกูทั้งนั้น“มึงไม่ต้องเครียดหรอกน่าคราวหน้ากูไม่ออมมือให้มันแน่”วายุตบไหล่ออสตินเบา ๆ ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ“กูไม่เชื่อมึงแล้วไอ้ห่า ดูจากสถิติที่มึงแข่งกับไอ้ทิวเขาแล้วกูขอย้ายไปเดิมพันข้างมันดีกว่า”ออสตินย้ายไปนั่งข้างทิวเขา ยกมือขึ้นมาบีบนวดไหล่เพื่อนเบา ๆ เพื่อเอาอกเอาใจ“คราวหน้ากูขอเดิมพันข้างมึงนะ”“ว่าไง มึงยอมป้ะ” ทิวเขาหันมาถามเจ้าขุนเจ้าขุนพยักพเยิดหน้าให้
‘ออกไป! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันเกลียดเธอ ยัยน้ำเน่า’คำพูดเมื่อสิบสามปีก่อนยังดังก้องอยู่ในหูของน้ำหวาน แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแต่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เคยเกลียดเธออย่างไรก็ยังเกลียดอย่างนั้นหญิงสาวคิดในใจขณะลากกระเป๋าเดินทางตามหลังเขาต้อย ๆปึก!ชายหนุ่มหยุดเดินโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้หญิงสาวชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจังใบหน้าหล่อคมหันขวับกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งพ่นลมหายใจใส่เธอเสมือนไม่พอใจ“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”หญิงสาวก้มหน้างุดหลังจากยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเขา“ซุ่มซ่าม”เขาทำหน้าตึงใส่แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่รถหญิงสาวจึงรีบตามไปหลังหอบหิ้วกระเป๋าขึ้นรถน้ำหวานก็เข้ามานั่งด้านข้างคนขับ เธอยังไม่ทันปิดประตูให้สนิทรถคันหรูก็เคลื่อนออกตัวอย่างแรงจนร่างเล็กหงายหลังไปติดกับเบาะเธอรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้ ทักษะการขับรถของเขายิ่งดูแปลก ๆ อยู่ด้วย จู่ ๆ ก็เหยียบคันเร่งแรง ๆ แล้วเหยียบเบรกกะทันหันเหมือนกำลังแกล้งเธออย่างไรอย่างนั้นรถซูเปอร์คาร์ราคาหลายล้านแล่นอยู่บนทางด่วนด้วยความเร็วเกือบร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง หญิงสาวนั่งหลับตาป
@ สนามแข่งรถเสียงเร่งเครื่องของรถซูเปอร์คาร์สองคันดังกระหึ่มอยู่ในสนามแข่งรถตรงจุดออกตัว สองหนุ่มเพื่อนซี้ ทิวเขา และ วายุ กำลังจ้องเขม็งมองกันประหนึ่งว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปวิ่งมาระหว่างดวงตาทั้งสองคู่แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน แต่เมื่ออยู่ในสนามแข่งทั้งคู่ต่างก็มองอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้สองคนนี้มันไม่ยอมกันมาแต่ไหนแต่ไรเมื่อไฟสัญญาณให้ออกตัวรถสองคันก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ทั้งทักษะการขับและประสบการณ์การแข่งทั้งสองหนุ่มถือว่าฝีมือสูสีไม่มีใครดีหรือด้อยไปกว่ากันการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด สองหนุ่มเชือดเฉือนราวกับเป็นคู่ศัตรูมาแต่ชาติปางไหน ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นนำอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่รอบสุดท้ายรถของทิวเขาจะเร่งเครื่องขึ้นมาจนทิ้งห่างจากรถของวายุอยู่หลายช่วงคัน“วันนี้ไอ้ทิวเขาแม่งได้ว่ะ แซงหน้าไอ้วายุไปหลายช่วงคันแล้ว เฮ่อ! สงสัยกูจะได้เสียเงินอีกแหง ๆ”ออสติน หนุ่มลูกครึ่งไทยนอร์เวย์เอ่ยขึ้นขณะยืนลุ้นอยู่บนห้องรับรองลูกค้าวีไอพีของสนามแข่งรถ นัยน์ตาสีน้ำตาลเพ่งไปด้านหน้าที่เป็นกระจกใสซึ่งสามารถมองเห็นวิวสนามได้แบบสามร้อยหกสิบองศาภายในห้องกว้างมีจอมอนิเ







