LOGIN@ผับหรู
เสียงเพลงจังหวะ EDM ดังอึกทึกครึกโครมอยู่ในผับหรูแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผับที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ
เหล่านักท่องราตรีมากมายต่างพากันโยกย้ายอวดกันวาดลวดลายอย่างไม่มีใครยอมใคร แสงไฟส่องกะพริบหมุนวนไปมาตามจังหวะเพลงเพื่อช่วยเพิ่มความครื้นเครงให้กับเหล่านักดื่มทั้งหลาย
ภายในห้องวีไอพีของผับมีการรวมตัวกันของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งพวกเขามักนัดกันมาสังสรรค์ที่นี่เป็นประจำ
“แดกเต็มที่เลยเพื่อน มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”
เจ้าขุนเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนมาครบองค์ประชุม
ออสตินกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ เพื่อระบายความขุ่นเคือง นึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นแล้วรู้สึกโมโหไม่หาย
ที่ไอ้เจ้าขุนมันพูดปาว ๆ ว่าจะเลี้ยงน่ะเงินกูทั้งนั้น
“มึงไม่ต้องเครียดหรอกน่าคราวหน้ากูไม่ออมมือให้มันแน่”
วายุตบไหล่ออสตินเบา ๆ ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ
“กูไม่เชื่อมึงแล้วไอ้ห่า ดูจากสถิติที่มึงแข่งกับไอ้ทิวเขาแล้วกูขอย้ายไปเดิมพันข้างมันดีกว่า”
ออสตินย้ายไปนั่งข้างทิวเขา ยกมือขึ้นมาบีบนวดไหล่เพื่อนเบา ๆ เพื่อเอาอกเอาใจ
“คราวหน้ากูขอเดิมพันข้างมึงนะ”
“ว่าไง มึงยอมป้ะ” ทิวเขาหันมาถามเจ้าขุน
เจ้าขุนพยักพเยิดหน้าให้ เขายังไงก็ได้ เพราะทิวเขากับวายุฝีมือสูสีกันอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่อารมณ์และจังหวะของคนขับ ณ ขณะนั้นมากกว่า
“ว่าแต่น้องสาวคนใหม่ของมึงเป็นไงวะ สวยป้ะ”
จู่ ๆ ต่อมเผือกของวายุก็เริ่มทำงาน ตั้งแต่กลับมาจากไปรับน้องสาวคนใหม่เพื่อนของเขาก็มีท่าทางแปลก ๆ นั่งยิ้มคนเดียวแถมบางครั้งก็ยังใจลอยอีกต่างหาก อาการต่างจากตอนก่อนออกไปรับลิบลับ
ทิวเขาหันขวับมาจ้องเขม็งนัยน์ตาขุ่นเคือง วันนี้ไอ้พวกเพื่อนซี้มันพูดไม่เข้าหูหลายรอบแล้ว
“กูเป็นลูกคนเดียว ไม่เคยมีน้องสาวโว้ย”
“เออ ๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แล้วเป็นไงสรุปว่าสวยป้ะ” วายุถามย้ำอีกรอบ
“ก็งั้น ๆ”
พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเข้าปาก ก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วเดินไปตรงกระจกใส นัยน์ตาคมเหม่อมองลงไปด้านล่างอย่างไม่มีจุดหมาย ไม่ได้สนใจผู้คนมากมายที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามันอยู่ตรงนั้น ทว่ากลับเอาแต่คิดถึงใบหน้าของใครบางคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อช่วงค่ำ
งั้น ๆ ที่พูดหมายถึง ‘ก็สวยแหละ’ แต่สวยแบบ ‘งั้น ๆ’
“หึ” แค่นหัวเราะขณะควงแก้วเหล้าในมือ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังครื้นเครง หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามายังห้องวีไอพีที่พวกเขากำลังสังสรรค์ ก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างของโซฟา มือบอบบางอย่างลูกคุณหนูยกขวดเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้วแล้วกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด
“ใจเย็นดิดาริณ ไปเก็บกดมาจากไหนเนี่ย”
วายุทักท้วงพลางยื้อแย่งแก้วเหล้าจากมือของหญิงสาว ดาริณ คือเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มซึ่งทั้งสามคน ทิวเขา วายุ และดาริณเคยเรียนด้วยกันเมื่อตอนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ส่วนเจ้าขุนและออสตินเพิ่งมารู้จักกันตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
ดาริณเป็นลูกสาวคนเล็กของท่านรัฐมนตรี เติบโตมาในตระกูลผู้ดีมีหน้ามีตาทางสังคม
ต่อหน้าคนอื่นดาริณคือสุภาพสตรีที่เรียบร้อยอ่อนหวาน ทว่าสำหรับเพื่อนสนิทอย่างสี่หนุ่มเธอกลับเป็นตัวของตัวเองสุด ๆ
“วายุ นายเอาแก้วของฉันคืนมานะ”
“เป็นอะไรของเธออีกเนี่ย”
“วันนี้ฉันอยากเมานายอย่ามาห้าม”
“แบบนี้กูว่าทะเลาะกับพ่อชัวร์”
ออสตินหรี่ตามองเพื่อนสาว เขาเดาว่าเธอน่าจะทะเลาะกับพ่อ เพราะพ่อของดาริณชอบบังคับให้เธอไปดูตัวว่าที่เจ้าบ่าว จับคู่ลูกสาวกับคนนั้นทีคนนี้ทีทั้งที่ในใจของดาริณมีผู้ชายที่เธอหมายปองอยู่แล้ว
“ไอ้ทิวเขามึงมาจัดการดิ”
ดาริณไม่ฟังใครนอกจากทิวเขา แค่ชายหนุ่มนั่งลงด้านข้างเธอก็สงบนิ่งทันตาเห็น
“ทิวเขาดาริณอยากร้องไห้”
หญิงสาวซบหน้าลงบนลาดไหล่กว้างพลางสอดมือเข้าไปกอดแขนแข็งแรง นัยน์ตาแดงก่ำฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาจนเอ่อล้นทั้งสองเบ้า
ทิวเขายกมือขึ้นมาลูบศีรษะของเพื่อนสาวเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
“ดาริณเครียดอะ พรุ่งนี้พาไปช้อปปิ้งหน่อยนะ”
ดาริณมักพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับทิวเขาเสมอ ทำตัวออดอ้อนประหนึ่งว่าเขาเป็นแฟนของเธอ
ชายหนุ่มไม่ได้ถือสาหาความ เขากับดาริณรู้จักกันมานาน ยังไงเธอก็คือเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งไม่ต่างอะไรกับอีกสามหนุ่ม เพียงแต่เธอเป็นผู้หญิงเขาจึงปฏิบัติกับดาริณอย่างอ่อนโยนกว่าเพื่อนคนอื่น
“จะไปกี่โมงก็ส่งข้อความมาไว้ละกัน”
“ขอบคุณนะ ทิวเขาใจดีที่สุดเลย”
ริมฝีปากสีแดงฉ่ำระบายยิ้มอย่างดีใจ ใบหน้าสวยซบถูไถไปกับไหล่กว้างอย่างออดอ้อน อีกนิดเดียวเธอก็จะหอมแก้มเขาอยู่แล้ว
อีกด้าน
ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบเหงา ภายในบ้านหลังใหญ่ช่างดูว่างเปล่า หญิงสาวเอาแต่นอนร้องไห้อยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นชิน
“พ่อริวจ๋า น้ำหวานคิดถึงพ่อริวนะจ๊ะ”
ใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรง ความคิดถึงคะนึงหาผู้ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ๆ ทำให้รู้สึกทรมานจนแทบจะขาดใจ
นัยน์ตาพร่ามัวจ้องมองรูปถ่ายของพ่อบุญธรรมผ่านหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายธาร
อีกด้าน
ทิวเขาขับรถกลับมาในช่วงเวลาเกือบตีสาม ตอนแรกเขากะว่าจะไปนอนค้างที่คอนโด แต่ไม่รู้อะไรมันดลใจให้เขาขับรถกลับบ้าน รู้ตัวอีกทีก็จอดรถอยู่หน้ารั้วบ้านของตัวเองแล้ว
ร่างสูงเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นบันได ก่อนจะชะงักงันกับเสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องห้องหนึ่ง เขาย่องเข้าไปใกล้ ๆ แล้วแนบหูกับบานประตูของห้องนั้นเพื่อแอบฟัง
ยัยน้ำหวานกำลังร้องไห้
เสียงสะอึกสะอื้นที่ดังเล็ดลอดออกมามันทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจอย่างแปลกประหลาด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือมันสามารถดึงดูดให้เขายืนฟังอยู่นานสองนานราวกับถูกมนต์สะกด
กำลังแอบฟังอย่างตั้งใจจู่ ๆ ประตูห้องของหญิงสาวก็เปิดอ้าทำให้ร่างสูงเสียหลักเซถลาเข้าไปด้านใน
ทิวเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาถูกจับได้ซะแล้วว่ามายืนแอบฟังเธอร้องไห้
ดวงตาคู่คมสบประสานกับดวงตาคู่สวย แววตาของเธอดูเศร้าหมองขอบตาแดงก่ำ แพขนตาเปียกฉ่ำจนจับตัวกันเป็นกลุ่มหนา คราบน้ำตายังหลงเหลืออยู่บนพวงแก้มขาวผ่องทั้งสองข้าง
“เอ่อ...คือ...ฉัน”
ทิวเขาอ้ำอึ้ง ในขณะที่หญิงสาวกำลังมองเขาอย่างสงสัย
เขามายืนทำอะไรหน้าห้องเธอ
“ฉันโคตรรำคาญเสียงเธอเลย จะร้องไห้อะไรนักหนา คนยิ่งง่วง ๆ อยู่”
แกล้งโวยวายตีโพยตีพายเอาไว้ก่อนไม่อย่างนั้นจะเสียฟอร์ม ก่อนจะชักสีหน้าอย่างไม่พอใจใส่หญิงสาวจากนั้นก็เดินเข้าห้องของตัวเองไป
น้ำหวานมองแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปจนลับตาด้วยความงุนงง
นี่เธอร้องไห้เสียงดังขนาดนั้นเลยเหรอ
อีกด้านหลังรถซูเปอร์คาร์คันงามจอดนิ่งที่ลานจอดรถของคอนโด ร่างสูงก็อุ้มแฟนสาวลงจากรถแล้วพาเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ถูกประกบทันที ทำราวกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งที่ยังอยู่ในลิฟต์“อื้อ~”มือบางตีลงที่หัวไหล่ของเขาพร้อมกับครางท้วง ทิวเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วยิ้มขำน้ำหวานทำตาเขียวปั้ดใส่คนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนผ่าวสอดแยงเข้าไปในโพรงปากนุ่มแล้วดูดเม้มปลายลิ้นเล็ก ส่งเรียวลิ้นไปเซาะซอนจนทั่วทุกมุม จูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนชุ่มฉ่ำไปทั่วปาก จากนั้นเขาก็วางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นมือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางพลางถอดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ น้ำหวานเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของชายหนุ่มออกเช่นกันนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์ปรารถนา มือหนาเคลื่อนไล้ไปตามผิวกายขาวผ่องอย่างผะแผ่วขณะดันร่างเล็กไปจนชิดกับฝาผนังจากนั้นก็พรมจูบไปตามซอกคอระหง ขณะที่มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงตรงสะโพกมน ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ปลุกเร้าตรงสองเต้าเต่งตึงลมหายใจผ่าวร้อนเป่ารดลงบนลำคอขา
“จะพากันไปไหนเหรอลูก”เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายเดินตามแฟนสาวลงมาจากชั้นสองของบ้านน้ำหวานนั่งลงบนโซฟาแล้วเป็นคนตอบคำถามแทนชายหนุ่ม“หวานก็ไม่รู้ค่ะ พี่ทิวเขาไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าจะพาไปไหน”“อ้าว! จะพาน้องไปไหนทำไมไม่บอกน้องล่ะ”หันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งอยู่ด้านข้างหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังทำท่าทางออเซาะเธอราวกับเป็นเด็กน้อยจนน่าหมั่นไส้ลูกชายสุดที่รักหันมาทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยตอบ“บอกไม่ได้ครับมันเป็นความลับ”ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนจะตวัดมือไล่ไม่อยากสนใจ ปล่อยให้ทั้งคู่พากันไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มคนสาวหลังไหว้ลาทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปที่รถ ทิวเขาเป็นคนคอยบริการเปิดประตูพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้ำหวาน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากบ้านพาเธอไปยังสถานที่ที่เขานัดแนะเอาไว้กับเพื่อน ๆ@สนามแข่งรถวันนี้ที่สนามแข่งรถดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงาน รถหลายคันวิ่งวอร์มอยู่ในสนามโดยมีผู้ชมมากมายยืนรายล้อมอยู่บริเวณรอบ ๆหลังจอดรถทิวเขาก็เดินไปเปิดประตูให้น้ำหวาน หญิงสาวมีความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพความทร
“อ๊ะ~” ร่างเล็กสั่นสะท้านร้องเสียงครวญครางอย่างได้อารมณ์ สองมือที่บีบขยำเนินนมออกแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ทว่าความเสียวกลับมีมากกว่า น้ำหวานดิ้นพล่านขณะถูกดูดดึงสองเต้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไซ้ขึ้นไปตรงซอกคอ ใช้ฟันขบเบา ๆ ตรงลำคอระหงด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานเสียดเสียวจนแทบจะขาดใจ มือสองข้างเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างบางจนมาถึงตรงกลางกายสาว ปลายนิ้วบดคลึงตรงจุดกระสันเสียวผ่านกางเกงชั้นในตัวบางจนน้ำรสหวานไหลเยิ้มออกมาเลอะเป้าเปียกแฉะ ร่างสูงหยัดกายคุกเข่าตรงกลางระหว่างขาเนียน มือหนาจับเรียวขาสวยอ้าออกขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วเขี่ยตรงจุดกระสันเสียวจนแน่ใจว่าเปียกเยิ้มเต็มที่เขาก็แหวกเป้ากางเกงชั้นในไปไว้ด้านข้าง ดวงตาคู่คมจดจ้องไปยังร่องกลีบสีชมพู ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเอาน้ำลายไปถูชโลมบนแท่งเนื้อลำเขื่องของตัวเอง มือหนาชัดรูดแกนกายลำใหญ่สองสามครั้ง จ่อส่วนปลายไว้ตรงปากร่อง จับปลายหยักถูไถตรงเม็ดติ่งเสียวเพื่อเพิ่มอารมณ์ซาบซ่านให้หญิงสาว “อ๊ะ~พี่ทิวเขา หวานไม่ไหวแล้ว ใส่เข้ามาเลยได้ไหมคะ
หลังพูดคุยและทานข้าวเที่ยงร่วมกันกับแม่ครูและน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าน้ำหวานก็เอ่ยลาทุกคนเนื่องจากทิวเขาบอกเธอว่าจะพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหนรถคันหรูวิ่งไปตามเส้นทางที่น้ำหวานค่อนข้างคุ้นเคย เธอรู้สึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามจนในที่สุดรถคันงามก็มาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้ทรงล้านนา“พี่ทิวเขาพาหวานมาที่นี่ทำไมคะ”“เดี๋ยวก็รู้ครับ”ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า“ลงมาเถอะน่า”หญิงสาวลงจากรถตามคำชวน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กจนโตแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยทิวเขายิ้มให้หญิงสาว“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“เดี๋ยวค่ะ เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้ถูกขายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”มุมปากหนากระตุกยิ้มบางเบา เขายกกุญแจบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดู“หมายความว่าไงคะ”“บ้านหลังนี้เป็นของน้ำหวานแล้วนะ”น้ำหวานยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยฉงนสงสัย ไม่นานความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยคำอธิบายของคนตรงหน้า“พี่รู้ว่าน้ำหวานรักบ้านหลังนี้มาก พี่ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ไว้”“
หลังจากน้ำหวานโอนเงินค่าผ่าตัดไปให้แม่ครู ดินก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในทันที การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเนื้อเยื่อของผู้บริจาคไตเข้ากันได้ดีกับดินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานดินก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“หยุดยาวสามวันหวานจะขึ้นไปเยี่ยมนะคะ”เสียงน้ำหวานกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับแม่ครูอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านทิวเขาคอยเดินตามไม่ห่าง ความจริงเพราะอยากแอบฟังว่าเธอคุยกับใครมากกว่า[ดินต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าน้ำหวานจะมา]“แม่ครูอย่าเพิ่งบอกพี่ดินนะคะ หวานว่าจะไปเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ”[จ้ะ แม่จะรูดซิปปากเอาไว้ให้แน่นเลยจ้ะ]“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”[แม่ล้อเล่นจ้ะ เออ! น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางญาติพ่อริวเขาประกาศขายบ้านแล้วใช่ไหม]คิ้วเรียวขมวดมุ่นหลังได้ยินแม่ครูพูด ความจริงก็พอรู้ว่าพวกญาติของพ่อริวอยากขายบ้านหลังนั้นจนเต็มแก่ น้ำหวานดูเศร้าลงทันทีจนคนที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็น“หวานพอรู้ค่ะ” พูดเสียงสั่นน้ำเสียงของเธอทำให้คนปลายสายเป็นห่วง[โธ่! น้ำหวานไม่ต้องคิดมากนะลูก สิ่งของพวกนั้นมันเป็นของนอกกายไม่นานมันก็สูญสลาย ความทรงจำดี ๆ ต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต]แม่คร
“น้ำหวานเดี๋ยวก่อน น้ำหวาน” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างเล็กไปจนถึงหน้าลิฟต์ มือหนาเอื้อมจับข้อมือเล็กแล้วดึงรั้งเอาไว้ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องความเป็นความตายใครให้เอามาล้อเล่น “ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอน่ะ” “ทุกทีคุณก็พูดแบบนี้ สรุปคือไม่เคยมีเรื่องไหนที่คุณตั้งใจสักเรื่อง” เธอสาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนเจ้าเล่ห์ ตั้งท่าจะเดินไปกดลิฟต์ทว่ากลับถูกคนตัวสูงดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง วงแขนแกร่งสวมเข้าที่เอวคอดแล้วกอดรัดร่างเล็กแนบกับลำตัว “ขอโทษ ยกโทษให้ความโง่ของฉันเถอะนะ ฉันโง่เองที่คิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สักทีว่าเธอรักฉันรึเปล่า” “คุณมันชอบเล่นกับใจคนอื่น เห็นความรู้สึกของหวานเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง” “ฉันไม่ได้เห็นความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องล้อเล่นนะน้ำหวาน ฉันรักเธอมากวันทั้งวันฉันอาการหนักเอาแต่เพ้อถึงเธอ คุณแม่ก็เลยโทรให้เธอมาดูใจฉันไง” จับร่างเล็กให้หันมาสบตากันหลังจากอธิบายเรื่องทั้งหมด “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” เธอทุบมือ







