วัดซุ่นเหอ
ข้อเสนอของหลิวชิงซวี่ เยี่ยนซื่อหยวนไม่ได้คัดค้าน เย็นวันนั้นเขาก็ให้เจียงจิ่วและอวี๋ฮุยปลอมตัวเป็นผู้ศรัทธาจากต่างถิ่น บริจาคเงินค่าน้ำมันตะเกียงก้อนโต แล้วนายบ่าวทั้งสามก็ย้ายเข้าไปพักในวัดอย่างเปิดเผย
เรือนรับรองที่พวกเขาพักอยู่มีเพียงกำแพงกั้นกับเรือนเล็กของหลิวชิงซวี่ จะว่าไป พอพวกเขามาอยู่แบบนี้ หลิวชิงซวี่ก็สบายใจขึ้นไม่น้อย
ทว่าขณะที่นางเตรียมตัวรอรับมือหลิวหยวนอินที่จะมาหาเรื่อง ผ่านไปหลายวันกลับมีแต่ความเงียบสงบ หลิวหยวนอินไม่ได้โผล่มาอีกเลย
ทว่าในเรือนรับรองข้าง ๆ ท่านอ๋องบางคนซึ่งกำลังเสวยมื้อเช้า จู่ ๆ ก็ขว้างถ้วยชามทิ้ง
“องค์ชายรองก็ไปสู่ขอที่ตระกูลหลิวด้วยหรือ? หลิวจิ่งอู่รับปากจะยกลูกสาวให้เขาแล้ว?”
“ท่านอ๋อง โปรดระงับโทสะก่อนพ่ะย่ะค่ะ ข่าวที่กระหม่อมสืบมาเป็นความจริง แต่ยังไม่แน่ชัดว่าแม่ทัพหลิวตกลงยกลูกสาวคนไหนให้พ่ะย่ะค่ะ” อวี๋ฮุยรีบปลอบใจเขา
“แล้วเจ้าคิดว่าหลิวจิ่งอู่จะยกลูกสาวคนไหนให้องค์ชายรอง?” เยี่ยนซื่อหยวนย้อนถามด้วยใบหน้าดำทะมึน
“เรื่องนี้... กระหม่อมก็พูดลำบากพ่ะย่ะค่ะ” อวี๋ฮุยลูบท้ายทอยแกล้งโง่
เจียงจิ่วที่เงียบอยู่ข้าง ๆ มาตลอด เห็นท่านอ๋องของตนมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “ท่านอ๋อง แม้คุณหนูใหญ่หลิวจะมีบุญคุณต่อท่าน แต่เรื่องแค่นี้ก็ไม่น่าทำให้ท่านถึงกับชอบนางได้นะพ่ะย่ะค่ะ สตรีในใต้หล้ามีมากมาย ท่านจะหาเรื่องเดือดร้อนเพื่อนางไปทำไม?”
เยี่ยนซื่อหยวนหลุบตามองหัวเข่าตัวเอง จู่ ๆ ก็เงียบไป
ชอบหรือ?
เวลาเพียงไม่กี่วัน เขาจะไปมีใจให้สตรีคนหนึ่งได้อย่างไร!
เขาแค่รู้สึกว่าตัวเองถูกล่วงเกิน หญิงผู้นั้นไม่มียางอาย ซ้ำยังกลับมาขู่กรรโชกเขา บังคับให้เขาเป็นทาส เขาแค่เจ็บใจและไม่ยินยอมก็เท่านั้น...
ไว้รอให้เขาหายดีเมื่อใด เขาจะต้องสั่งสอนนางให้หลาบจำสักยกแน่! ตราบใดที่เขายังชำระแค้นไม่สาแก่ใจ นางย่อมไม่อาจแต่งงานได้เด็ดขาด! หากแต่งงานไป นางก็จะมีคนคอยหนุนหลัง แล้วเขาจะล้างความอัปยศที่ตนได้รับมาได้อย่างไรกันเล่า?
เจียงจิ่วและอวี๋ฮุยลอบสบตากัน
ขณะที่พวกเขาคิดว่าเตือนสติเจ้านายได้แล้ว เจ้านายที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“พวกเจ้ากลับจวนไปเตรียมสินสอด ไปสู่ขอที่ตระกูลหลิวเดี๋ยวนี้!”
“หา?!” องครักษ์ทั้งสองอุทานพร้อมกัน
“พรุ่งนี้ถ้าข้าไม่ได้ยินข่าวการสู่ขอ พวกเจ้าก็ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก!”
“ท่านอ๋อง...” อวี๋ฮุยได้สติ อยากจะพูดอะไรบางอย่างด้วยความไม่อยากเชื่อ
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมจะรีบไปดำเนินการเดี๋ยวนี้” เจียงจิ่วนอกจากจะพูดแทรกแล้ว ยังคว้าแขนเขาลากออกจากเรือนรับรองอย่างรวดเร็ว
หน้าประตู อวี๋ฮุยสะบัดมือเจียงจิ่วออก จ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ “เจ้าทำอะไร? ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ!”
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเจียงจิ่วตึงเครียด สายตาจ้องมองเขาอย่างหงุดหงิด “นี่เป็นเรื่องสำคัญชั่วชีวิตของท่านอ๋อง เจ้าจะพูดอะไร? หรือเจ้าคิดจะขัดขวางงานแต่งของท่านอ๋อง?”
“ข้า...”
“ท่านอ๋องของเราโตมาป่านนี้ แม้แต่มือสตรียังไม่เคยจับ ตอนนี้อุตส่าห์นึกอยากมีเมีย เจ้าทนเห็นท่านอ๋องมีความสุขไม่ได้หรืออย่างไร?”
“ก็จริง...” พอถูกเตือนสติ อวี๋ฮุยก็ปัดความสงสัยเมื่อครู่ทิ้งไปทันที รู้สึกว่าเขาพูดมีเหตุผล
“พอแล้ว รีบกลับเมืองเถอะ ถ้าพระชายาถูกรัชทายาทกับองค์ชายรองแย่งไป เจ้าก็ล้างคอรอให้ท่านอ๋องบั่นคอได้เลย!” เจียงจิ่วรำคาญสมองทึบ ๆ ของเขาเต็มทน ดันหลังเขาให้ลงเขา “ไปเร็ว ๆ!”
……
จวนแม่ทัพเจิ้นกั๋ว
หลิวจิ่งอู่กำลังปรึกษากับลูกสาวคนเล็กในห้องหนังสือเรื่องวิธีเกลี้ยกล่อมให้หลิวชิงซวี่ยอมรับการสู่ขอจากองค์ชายรอง จู่ ๆ พ่อบ้านเฒ่าฝูหลินก็เข้ามารายงาน
“เรียนท่านแม่ทัพ คนจากจวนอ๋องเจินมาขอรับ”
“จวนอ๋องเจิน?” หลิวจิ่งอู่หันไปมองพ่อบ้านเฒ่าอย่างไม่เข้าใจ “อ๋องเจินเสด็จประพาสทางใต้ไม่ใช่หรือ? กลับเมืองหลวงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไม่ใช่... นายท่าน อ๋องเจินไม่ได้เสด็จมาขอรับ แต่เป็นคนของจวนอ๋องเจิน พวกเขาขนสินสอดมาเยอะมาก บอกว่าจะมาสู่ขอคุณหนูใหญ่ขอรับ!” ฝูหลินรีบอธิบาย
“อะไรนะ? อ๋องเจินสู่ขอซวี่เอ๋อร์?” หลิวจิ่งอู่ตกใจจนลุกพรวดจากที่นั่ง
หลิวหยวนอินตกใจเช่นกัน รีบถามว่า “ท่านพ่อ อ๋องเจินใช่เสด็จอาเล็กที่มีดวงกินคนรอบข้างคนนั้นหรือไม่เจ้าคะ? ข่าวลือบอกว่าเขาดวงกินเมีย สตรีที่เข้าจวนอ๋องเจินไปตั้งหลายคน จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนบ้าใบ้กันหมด! พี่หญิงใหญ่ไปเข้าตาอ๋องเจินได้อย่างไร?”
หลิวจิ่งอู่ขมวดคิ้วเข้ม แม้สีหน้าจะไม่ได้โกรธเกรี้ยว แต่ก็ดูไม่ดีนัก
“ข้าจะไปดู!” พูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องหนังสือ
เรื่องข่าวลือของอ๋องเจินในหมู่ชาวบ้านพักไว้ก่อน เอาแค่เรื่องมาสู่ขอนี่ก็ไม่ใช่วิสัยของอ๋องเจินแล้ว!
อีกอย่างเรื่องนี้มันก็บังเอิญเกินไป
อ๋องเจินจะมาสู่ขอตอนไหนก็ไม่มา ดันมาสู่ขอที่จวนเอาเวลานี้ หากแพร่งพรายออกไป ว่าเสด็จอาเล็กผู้ยิ่งใหญ่แย่งสตรีกับหลานแท้ ๆ...
เกรงว่าถึงตอนนั้นราชสำนักคงสั่นสะเทือนแน่!
หลิวหยวนอินไม่ได้ตามไปในทันที แต่นางยืนกัดฟันแน่นอยู่ที่เดิม ดวงตากลมโตฉายแววริษยาและเกลียดชัง
นางแค้น! นางแค้น! นางแค้นใจจริง ๆ!
หลิวชิงซวี่นังแพศยานั่นช่างน่ารังเกียจนัก ถึงกับทำให้ผู้คนมากมายหมายปอง แถมยังเป็นบุรุษที่สูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นอวี้เยี่ยนทั้งนั้น!
ก็แค่บุตรีสายตรง พูดกันตามตรงก็แค่อาศัยบารมีจวนแม่ทัพเจิ้นกั๋ว อาศัยบารมีพ่อของนาง! ถ้าไม่มีนังแพศยานั่น นางหลิวหยวนอินก็จะเป็นลูกสาวคนเดียวของจวนแม่ทัพเจิ้นกั๋ว บุรุษพวกนั้นก็จะมารุมล้อมนาง ไม่ใช่ไปรุมล้อมหลิวชิงซวี่!
นางไม่เข้าใจจริง ๆ คราวก่อนวางยาพิษทำไมถึงไม่ฆ่าหลิวชิงซวี่นังแพศยานั่นให้ตายไปซะ ทั้งที่ลงมือสำเร็จแล้วแท้ ๆ ดันรอดมาได้ รู้อย่างนี้ นางน่าจะเพิ่มยาพิษเข้าไปอีก ให้นังแพศยานั่นตายสนิทไปเลย!
......
วัดซุ่นเหอ
เมื่อเห็นหลิวจิ่งอู่มาหา หลิวชิงซวี่ค่อนข้างแปลกใจ
“แหม ลมอะไรหอบท่านพ่อมาถึงที่นี่ได้เจ้าคะ? ท่านพ่อมานี่ คงอยากมาดูว่าลูกสาวตายสนิทหรือยังสินะเจ้าคะ?”
“เจ้า!” หลิวจิ่งอู่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็แทบกระอักเลือดเพราะคำพูดของนาง เขาตีหน้าเครียดเริ่มเปิดฉากสอบสวนทันที ชี้หน้านางแล้วตวาดถาม “เจ้าไปลักลอบคบหากับอ๋องเจินตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“คบชู้? อ๋องเจิน?” หลิวชิงซวี่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ ชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีคุกคามของหลิวจิ่งอู่ ราวกับนางทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงร้ายแรง นางก็กระตุกยิ้มมุมปาก เอ่ยประชดประชันอย่างเหลืออด “เพื่อจะให้ลูกสาวคนเล็กของท่านได้แต่งเป็นพระชายารัชทายาท ท่านพ่อถึงกับยอมทำทุกวิถีทางเพื่อใส่ร้ายป้ายสีความบริสุทธิ์ของข้าเชียวหรือ? ต่อให้ต้องทำให้ตระกูลหลิวเสียชื่อเสียงจนป่นปี้ก็ไม่เสียดายหรือเจ้าคะ?”
“นังลูกสารเลว ยังกล้ากำเริบต่อหน้าข้าอีก!” หลิวจิ่งอู่ง้างมือขึ้นทันที
หลิวชิงซวี่ตาไวหลบฉากไปด้านข้าง
นางหุบยิ้ม จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและรังเกียจ “ข้าพูดผิดตรงไหน? หรือว่าทุกคำมันแทงใจดำท่านกันแน่?”
ไม่ใช่ว่านางนิสัยเสีย แต่ประสบการณ์ชีวิตในช่วงครึ่งปีมานี้ ทำให้นางไม่อาจเคารพพ่อคนนี้ได้ลงคอ!
อีกอย่าง คุณหนูใหญ่ตระกูลหลิวถูกหลิวหยวนอินวางยาพิษตายไปแล้ว คนตายดั่งไฟมอดดับ ก็หมายความว่าบุญคุณ ความแค้น ความผูกพัน และวาสนาระหว่างคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิวกับตระกูลหลิวได้สิ้นสุดลงแล้ว ส่วนนาง วิญญาณจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด แม้จะอาศัยร่างของคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิว แต่นางหนึ่งไม่ได้ให้ตระกูลหลิวเลี้ยงดู สองไม่ได้มีความผูกพันกับตระกูลหลิว แล้วทำไมนางต้องคอยดูสีหน้าหลิวจิ่งอู่ ยอมให้เขาเชิดเป็นหุ่นด้วย?
หลิวจิ่งอู่เห็นว่าตบไม่โดน ก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “บอกมา เจ้ากับอ๋องเจินมีความสัมพันธ์กันอย่างไร? ทำไมเขาถึงมาสู่ขอเจ้า?”
หลิวชิงซวี่ขมวดคิ้วเรียวแน่น เงียบไปครู่หนึ่ง
นางกับอ๋องเจินมีความสัมพันธ์อะไรกัน?
สัมพันธ์กับผีน่ะสิ!
ได้ยินมาว่าอ๋องเจินผู้นั้นนิสัยประหลาดเก็บตัว เจ้าของร่างเดิมโตมาป่านนี้ ก็แค่เคยได้ยินวีรกรรมของอ๋องเจินมาบ้าง แต่หน้าตาอ๋องเจินเป็นยังไงยังไม่รู้เลย จะไปมีความสัมพันธ์อะไรกันได้?
แต่อ๋องเจินผู้นี้ก็น่าสนใจอยู่ ได้ยินว่าเป็นพระอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เป็นพระโอรสองค์เล็กสุดของอดีตฮ่องเต้ อายุน้อยกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันถึงยี่สิบปีเต็ม ๆ เผลอ ๆ จะอายุน้อยกว่ารัชทายาทปีหนึ่งด้วยซ้ำ
รัชทายาทมาสู่ขอ นางเข้าใจได้ ว่าเพื่ออำนาจทางทหารในมือหลิวจิ่งอู่
แต่อ๋องเจินมาสู่ขอนางเพื่ออะไร?
ก็เพื่อดึงหลิวจิ่งอู่มาเป็นพวก อยากได้อำนาจทางทหารเหมือนกันหรือ?
เรื่องพวกนี้ยังไม่สำคัญ ที่สำคัญคือสองคนนี้ลำดับศักดิ์ต่างกันรุ่นหนึ่ง อาหลานมาสู่ขอสตรีคนเดียวกัน มันจะดูเป็นยังไง?
ขณะที่นางกำลังปั่นป่วนในใจ ทั้งพูดไม่ออกและหาคำตอบไม่ได้ ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของหลิวจิ่งอู่ดังขึ้น “องค์ชายรองเองก็เอาสินสอดมาให้ที่จวนด้วยตัวเอง ข้าเห็นว่าเขารักเจ้าอย่างลึกซึ้ง จึงรับปากเขาไปแล้ว รอเจ้าพยักหน้าก็จะยกเจ้าให้เขา!”
“อะไรนะ? องค์ชายรองก็จะแต่งกับข้าด้วย?” หลิวชิงซวี่ยังไม่ทันย่อยข่าวเมื่อครู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเรื่ององค์ชายรองอีก ทำเอานางแทบกระโดดตัวลอย
“เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” หลิวจิ่งอู่ยืนไพล่หลังแผ่รังสีอำมหิต สายตาจ้องเขม็งอย่างคุกคาม บังคับให้นางรีบตัดสินใจเดี๋ยวนี้
อย่างไร?
ไปตายซะ!
หลิวชิงซวี่เกือบจะสบถคำหยาบออกมา
แต่สุดท้ายสติก็ยังเหนือกว่า ทำให้นางกลั้นความโกรธไว้ที่คอหอย
นางกำลังจะหนีออกจากเมืองหลวงแล้ว ขืนแตกหักกับหลิวจิ่งอู่ตอนนี้ ไม่รู้เขาจะทำอะไรนางบ้าง! ถ้ารับปากเรื่องแต่งงานแล้วจะทำให้ได้ความสงบสุขชั่วคราว พอให้นางมีเวลาหอบเงินหนี ก็ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลว
เพียงแต่จะเลือกใครเป็นคู่หมั้น...
นี่มันยากจริง ๆ
รัชทายาทตัดทิ้งไปได้เลย จะได้ไม่ต้องโดนสองพ่อลูกหลิวจิ่งอู่กับหลิวหยวนอินตามล้างแค้น อีกอย่าง รัชทายาทมีสตรีอยู่แล้ว นางรับไม่ได้จริง ๆ กับความสัมพันธ์หลายเส้า ต่อให้ไม่มีความรู้สึกต่อกันก็รับไม่ไหว
องค์ชายรองกับเสด็จอาเล็กอ๋องเจิน?
ถึงองค์ชายรองจะดูอ่อนโยนเอาใจใส่ แต่อ๋องเจินเป็นผู้ใหญ่กว่า ระหว่างฐานะอาสะใภ้กับหลานสะใภ้ แน่นอนว่าฐานะอาสะใภ้ต้องดีกว่าอยู่แล้ว! พูดไปแล้ว ยังกดหัวรัชทายาทได้อีกด้วย!
ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเลือกอ๋องเจิน ต่อให้รัชทายาทเกลียดนาง แต่มีอ๋องเจินผู้เป็นเสด็จอาเล็กคอยกันท่าอยู่ นางจะไปกลัวอะไรเล่า!
“คิดได้หรือยัง?”
“อ๋องเจิน”
“เจ้าแน่ใจนะ?” หลิวจิ่งอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย แปลกใจกับการเลือกของนาง
“อืม” หลิวชิงซวี่พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว พ่อจะไปแจ้งอ๋องเจิน ให้พวกเจ้าหาฤกษ์แต่งงาน”
หลิวจิ่งอู่มาวัดซุ่นเหอก็เพื่อให้ลูกสาวตัดสินใจ ตอนนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาจึงไม่รั้งรออยู่นาน ตั้งแต่มาถึงจนกลับไม่ได้นั่งเลยสักนิด อย่าว่าแต่จะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเลย
หลิวชิงซวี่มองส่งเขาออกจากเรือนรับรอง นอกจากความดูแคลนแล้วก็มีแต่ความดูแคลน
นางเงียบอยู่ในห้องครู่หนึ่ง ก็ไม่มีอารมณ์จะนอนแล้ว นึกถึงนายบ่าวสามคนที่เรือนรับรองข้าง ๆ จึงออกจากห้อง กระโดดข้ามกำแพงไปโผล่ที่หน้าประตูเรือนรับรองข้าง ๆ
เห็นนางมา อวี๋ฮุยก็เชิญนางเข้าไปข้างในอย่างกระตือรือร้น ทั้งจัดเบาะรองนั่ง ทั้งชงชายกมาให้ด้วยสองมือ หน้าตานี่ยิ้มแย้มราวกับตุ๊กตามงคล
เขาว่ากันว่ายื่นมือไม่ตบคนหน้ายิ้ม นางไม่ค่อยจะมีความรู้สึกดี ๆ กับนายท่านซื่อเท่าไหร่ แต่กับลูกน้องสองคนนี้กลับพอใจมาก ได้ยินว่าวิชาแพทย์ของเจียงจิ่วเก่งกาจไม่เบา ถ้าเก็บไว้ใช้งานข้างกายได้ ก็นับว่านางได้กำไร
เพราะนางทำสัญญาแค่กับนายท่านซื่อ แต่เขาแถมลูกน้องฝีมือดีมาให้สองคน ของถูกและดีแบบนี้คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
“คุณหนูหลิว ได้ยินว่าท่านแม่ทัพหลิวมาหรือขอรับ?” อวี๋ฮุยนั่งขัดสมาธิกับพื้น เริ่มชวนนางคุย
หลิวชิงซวี่นึกว่าเขาเลื่อมใสหลิวจิ่งอู่เลยถามถึง นางไม่ได้ไม่พอใจคำถามของเขา เพียงแต่พอเอ่ยถึงหลิวจิ่งอู่ สีหน้านางก็ดูเย็นชาลงเล็กน้อย
“อืม”
“แม่ทัพหลิวมาหาท่านด้วยเรื่องอันใดหรือขอรับ? หรือว่าจะมารับท่านกลับจวน?”
“ไม่ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นแม่ทัพหลิวมา...”
“เขามาบีบให้ข้าแต่งงาน” หลิวชิงซวี่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองดูนายบ่าวทั้งสาม แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยว่า “อีกไม่กี่วันข้าอาจจะต้องไปจากที่นี่แล้ว”
“ไปจากที่นี่? ท่านจะไม่กลับเข้าเมืองหรือขอรับ?” อวี๋ฮุยตกใจพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจ้านายที่นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ไม่ไกล
เป็นไปตามคาด เยี่ยนซื่อหยวนลืมตาโพลงทันที สายตามืดมนจ้องตรงไปที่หลิวชิงซวี่
เจียงจิ่วอดไม่ได้ที่จะขยับเข้ามาใกล้ ถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณหนูหลิว เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับ ทำไมท่านถึงจะไปที่อื่น?”
สำหรับนายบ่าวกลุ่มนี้ แม้หลิวชิงซวี่จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ก็ไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายใด ๆ จากพวกเขา
อีกอย่างหลายวันก่อนรัชทายาทกับองค์ชายรองมาหานาง นายท่านซื่อก็รู้เรื่องที่พวกเขามาตามตอแย ตอนนี้ขืนปิดบังไปก็จะดูดัดจริตเกินไป
“บอกตามตรง รัชทายาท องค์ชายรอง แล้วก็เสด็จอาเล็กอ๋องเจิน มาสู่ขอข้าที่ตระกูลหลิวพร้อมกัน ข้าเลือกอ๋องเจิน”
“ฮ่า...”
อวี๋ฮุยเพิ่งจะหลุดเสียงออกมาคำเดียว เจียงจิ่วก็รีบเอามือปิดปากเขาไว้แน่น แล้วผลักเขาไปทางเยี่ยนซื่อหยวน พลางหันหลังให้หลิวชิงซวี่ส่งสายตาเตือนและบอกใบ้
เจ้าหมูโง่นี่ หัวเราะอะไร ตอนนี้คุณหนูหลิวยังไม่รู้ว่านายท่านซื่อของพวกเขาก็คืออ๋องเจิน!
อวี๋ฮุยไม่พอใจกับการกระทำที่รุนแรงของเขาอยู่บ้าง กำลังจะโวยวาย แต่จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกข้างกาย พอหันไปมอง ก็สบเข้ากับดวงตาดำมืดของท่านอ๋อง คมกริบราวกับจะแล่เนื้อเถือหนังเขา
เขาหนังศีรษะชาวาบ ถึงได้รู้ตัวว่าความเกือบแตก จึงรีบก้มหน้าลง แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
หลิวชิงซวี่มองพวกเขาอย่างสงสัย ขมวดคิ้วถาม “ทำอะไรกัน?”
ถ้านางดูไม่ผิด เมื่อกี้อวี๋ฮุยกำลังจะหัวเราะใช่ไหม?
มีอะไรน่าขำ?
เจียงจิ่ว ‘แหะ ๆ’ ขยับเข้าไปใกล้ ถามต่อว่า “คุณหนูหลิว ในเมื่อท่านเลือกแต่งกับอ๋องเจิน แล้วทำไมท่านยังต้องหนีไปที่อื่นอีกละขอรับ? ถ้าท่านหนีงานแต่ง อ๋องเจินรู้เข้า ต้องไม่ปล่อยท่านไว้แน่”
“ที่ข้าบอกว่าจะแต่งกับอ๋องเจินก็แค่อุบายชะลอศึก จุดประสงค์คือยืมชื่ออ๋องเจินมาต้านการบีบคั้นของรัชทายาท”
“เหอ ๆ...” เจียงจิ่วหัวเราะแห้ง ๆ แล้วแอบชำเลืองมองท่านอ๋องของตน
เยี่ยนซื่อหยวนหน้าดำครึ้ม ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเฉียบขาด สายตาราวกับอาบยาพิษพุ่งตรงไปยังหญิงสาวบางคน
หลิวชิงซวี่ตอนนี้จมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ทันได้สังเกตปฏิกิริยาของเขา
ครู่ต่อมา นางก็ลุกขึ้นเดินออกไป
เจียงจิ่วรีบเข้าไปขวางนางไว้อย่างร้อนรน “คุณหนูหลิว ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมต้องหนีงานแต่ง?”
ขืนไม่ถามให้ชัดเจนต่อหน้าท่านอ๋อง เดี๋ยวพอนางไปแล้ว ท่านอ๋องต้องมาลงที่เขากับอวี๋ฮุยแน่!