บททั้งหมดของ กลรักร้ายเสด็จอาเล็ก: บทที่ 1 - บทที่ 10

30

บทที่ 1

ณ ชานเมือง วัดซุ่นเหอท่ามกลางเสียงระฆังทำวัตรเช้าระลอกแรกที่ดังกังวานแว่วมา ภายในเรือนรับรองอันเงียบสงบ หลิวชิงซวี่ผู้เพิ่งกลับมาจากข้างนอกรีบผลัดเปลี่ยนชุดพรางกายสีดำออก สวมใส่อาภรณ์สีเรียบง่ายแทนที่ ริมฝีปากบางหาวหวอดๆ ขณะปล่อยเรือนผมยาวสยายแล้วเดินไปเปิดประตูด้านนอกมีสาวใช้ตัวน้อยวัยสิบสองสิบสามปียืนรออยู่ เมื่อเห็นนางเปิดประตูจึงย่อกายคารวะ ก่อนจะยกอ่างล้างหน้าและสำรับเช้าเข้ามาวางไว้ภายในห้อง ครั้นจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ภายใต้สายตาเย็นชาของหลิวชิงซวี่ สาวใช้ตัวน้อยก็รีบถอยออกไปจากเรือนรับรองด้วยท่าทีนอบน้อมหลังจากวุ่นวายมาทั้งคืน หลิวชิงซวี่วักน้ำล้างหน้าเรียกความสดชื่นจนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จ นางก็เริ่มกิจวัตรประจำวัน นั่นคือ... การคัดลอกพระคัมภีร์นางมีนามเดิมว่าหลิวเสี้ยว หญิงสาวผู้ข้ามภพมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด มาสู่แคว้นอวี้เยียนแห่งนี้ ในฐานะคุณหนูสายตรงแห่งจวนแม่ทัพเจิ้นกั๋ว นามว่าหลิวชิงซวี่ส่วนสาเหตุที่นางต้องระหกระเหินมาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ฟังดูแล้วก็น่าขบขันยิ่งนักเป็นเพราะองค์รัชทายาทในปัจจุบันส่งคนมาสู่ขอนาง ทว่าบิดาผู้เป็นถึงแม่ท
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 2

หลิวชิงซวี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยี่หระ “รังเกียจหรือ? มีให้กินก็ดีถมไปแล้ว! อย่าลืมสิว่าตอนนี้ท่านเป็นลูกจ้างของข้า ไม่กินของเหลือจากข้า จะให้ข้ากินของเหลือจากท่านหรือไร?” นางเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “อย่าคิดจะให้ข้าไปหามาให้อีกชุดเชียว ยกเว้นท่านอยากให้คนอื่นรู้! แล้วจะบอกให้อีกอย่างนะ ตอนนี้ข้างนอกนั่นนอกจากคนของจวนแม่ทัพแล้ว ยังมีพวกที่ตามล่าท่านอยู่ด้วย หากไม่มีข้าที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ป่านนี้พวกเขาคงบุกเข้ามาค้นห้องนานแล้ว!”พูดจบ นางก็ยัดชามโจ๊กและซาลาเปาอีกครึ่งลูกใส่มือเขา แล้วสะบัดหน้าเดินออกจากหลังฉากกั้นไปอย่างเย็นชาเยี่ยนซื่อหยวนก้มมองของในมือ อกกระเพื่อมขึ้นลง ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรงแต่ท้ายที่สุด เขาก็จำใจส่งซาลาเปาเข้าปาก...ยังไม่ทันถึงเวลาเที่ยงวัน เสียงฝีเท้าของสาวใช้ตัวน้อยก็ดังขึ้นที่หน้าประตู น้ำเสียงแผ่วเบานั้นแฝงความเร่งรีบอยู่หลายส่วน“เรียนคุณหนูใหญ่ องค์รัชทายาทเสด็จมาเยี่ยมเจ้าค่ะ”สีหน้าของหลิวชิงซวี่ที่กำลังคัดลอกพระคัมภีร์อยู่ที่โต๊ะพลันบึ้งตึงขึ้นทันทีองค์รัชทายาท?เขามาทำไม?สำหรับการส
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 3

“แค่ก ๆ!” เจียงจิ่วไอโขลกอย่างแรง ก่อนจะกลั้นขำพลางใช้ศอกกระทุ้งคนข้าง ๆ “เจ้าพูดอะไรน่ะ?”“ทำไม หรือข้าพูดผิดตรงไหน?” อวี๋ฮุยชี้ไปที่ร่างของท่านอ๋องเจ้านายตน เสื้อผ้าที่สวมอยู่คับติ้วจนแทบปริแตก เผยให้เห็นแผงอกกว้าง เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจียงจิ่ว เจ้าดูให้ดี ๆ เสื้อผ้าที่ท่านอ๋องใส่อยู่เป็นของท่านอ๋องหรือ? บาดแผลของท่านอ๋องก็ได้คุณหนูหลิวช่วยรักษา เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ของท่านอ๋อง นั่นไม่ได้แปลว่าท่านอ๋องถูกคุณหนูหลิวเห็นจนหมดเปลือกแล้วหรือไง? ท่านอ๋องไม่เคยแม้แต่จะจับมือหญิงใด แต่คราวนี้กลับถูกผู้หญิงลูบคลำไปทั่ว ความบริสุทธิ์ผุดผ่องป่นปี้หมดแล้ว!”“แค่ก ๆ!” เจียงจิ่วไหล่สั่นระริก แทบจะหลุดหัวเราะพรืดออกมา“พูดพอหรือยัง?” เสียงกัดฟันกรอดของท่านอ๋องดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามยังดีที่แสงไฟในห้องสลัว จึงช่วยปกปิดใบหน้าดำทะมึนของเขาไว้ได้อวี๋ฮุยได้รับสายตาคมกริบดุจคมมีด ก็รีบก้มหน้าลงทันที “ทะ... ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่ได้มีเจตนาจะล้อเลียนท่าน กระหม่อมแค่รู้สึกว่า... รู้สึก...”“หุบปาก!” เยี่ยนซื่อหยวนตวาดเสียงต่ำ ไม่อยากฟังเขาพูดต่อแม้แต่คำเดียว “ไสหัวออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”“...
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 4  

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า องค์ชายรองผู้นี้ก็นับเป็นบุรุษรูปงามที่เจริญหูเจริญตาผู้หนึ่ง คิ้วตาดุจดวงดาวและจันทรา ผิวพรรณขาวผ่องราวกับหิมะ และที่หายากยิ่งกว่าคือกิริยามารยาทที่เข้าถึงง่าย เมื่อเทียบกับกลิ่นอายสูงศักดิ์เย็นชาขององค์รัชทายาทแล้ว องค์ชายรองผู้นี้กลับดูเหมือนแสงแดดอันอบอุ่นอ่อนโยน ส่องประกายจนยากที่ผู้คนจะนึกต่อต้าน “พี่หญิงใหญ่ ดูสิว่าองค์ชายรองใส่ใจท่านมากเพียงใด!” หลิวหยวนอินที่อยู่ข้าง ๆ ปราดเข้ามาคล้องแขนหลิวชิงซวี่ เอ่ยด้วยความสนิทสนมและจริงจัง “องค์ชายรองเพิ่งเสด็จกลับมาจากนอกเมือง พอได้ยินว่าท่านมาอยู่ที่วัดซุ่นเหอ ก็รีบรุดมาหาทันที บังเอิญข้ากำลังจะนำอาหารมาให้ท่าน ระหว่างทางพบองค์ชายรองเข้าพอดี จึงขึ้นเขามาพร้อมกันเจ้าค่ะ” หลิวชิงซวี่ดึงมืออีกฝ่ายออกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “น้องรองอย่าเข้ามาใกล้ข้านักเลย ข้ามีโรคติดต่อ ขืนแพร่เชื้อให้น้อง ข้าคงกลายเป็นคนบาปหนาแน่”ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ใครดูก็ย่อมดูออกว่านางไม่ชอบใจหลิวหยวนอิน สีหน้าของหลิวหยวนอินดูย่ำแย่ลงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นเยี่ยนหรงไท่กำลังจ้องมองพวกนางอยู่ นางก็รีบเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา หันไปเอ่ยกับเยี่ยนหรงไท่ว่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 5

วัดซุ่นเหอข้อเสนอของหลิวชิงซวี่ เยี่ยนซื่อหยวนไม่ได้คัดค้าน เย็นวันนั้นเขาก็ให้เจียงจิ่วและอวี๋ฮุยปลอมตัวเป็นผู้ศรัทธาจากต่างถิ่น บริจาคเงินค่าน้ำมันตะเกียงก้อนโต แล้วนายบ่าวทั้งสามก็ย้ายเข้าไปพักในวัดอย่างเปิดเผยเรือนรับรองที่พวกเขาพักอยู่มีเพียงกำแพงกั้นกับเรือนเล็กของหลิวชิงซวี่ จะว่าไป พอพวกเขามาอยู่แบบนี้ หลิวชิงซวี่ก็สบายใจขึ้นไม่น้อยทว่าขณะที่นางเตรียมตัวรอรับมือหลิวหยวนอินที่จะมาหาเรื่อง ผ่านไปหลายวันกลับมีแต่ความเงียบสงบ หลิวหยวนอินไม่ได้โผล่มาอีกเลยทว่าในเรือนรับรองข้าง ๆ ท่านอ๋องบางคนซึ่งกำลังเสวยมื้อเช้า จู่ ๆ ก็ขว้างถ้วยชามทิ้ง“องค์ชายรองก็ไปสู่ขอที่ตระกูลหลิวด้วยหรือ? หลิวจิ่งอู่รับปากจะยกลูกสาวให้เขาแล้ว?”“ท่านอ๋อง โปรดระงับโทสะก่อนพ่ะย่ะค่ะ ข่าวที่กระหม่อมสืบมาเป็นความจริง แต่ยังไม่แน่ชัดว่าแม่ทัพหลิวตกลงยกลูกสาวคนไหนให้พ่ะย่ะค่ะ” อวี๋ฮุยรีบปลอบใจเขา“แล้วเจ้าคิดว่าหลิวจิ่งอู่จะยกลูกสาวคนไหนให้องค์ชายรอง?” เยี่ยนซื่อหยวนย้อนถามด้วยใบหน้าดำทะมึน“เรื่องนี้... กระหม่อมก็พูดลำบากพ่ะย่ะค่ะ” อวี๋ฮุยลูบท้ายทอยแกล้งโง่เจียงจิ่วที่เงียบอยู่ข้าง ๆ มาตลอด เห็นท่าน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 6

หลิวชิงซวี่หยุดฝีเท้า หันกลับมาเสยผมหน้าม้า เชิดหน้าขึ้นใช้สองตามองเพดานอย่างเหยียดหยาม แล้วเอ่ยอย่างถือดีว่า “ได้ยินว่าอ๋องเจินมีดวงกินคนรอบข้าง กินลูกกินเมีย ส่วนข้าในฐานะหญิงเก่งยุคใหม่แห่งโลกใบนี้ ผู้มีความสามารถรอบด้านทั้งคุณธรรม ปัญญา พลานามัย และสุนทรียภาพ รู้แจ้งทั้งดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ เชี่ยวชาญทั้งบู๊และบุ๋น เป็นสตรีเลิศล้ำที่เหลือเพียงแค่ขึ้นไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับดวงอาทิตย์บนฟ้าเท่านั้น บุรุษมีแต่จะทำให้สติปัญญาข้าต่ำลงและขัดขวางความเร็วในการหาเงินของข้า จะให้ข้าเอาชีวิตไปผูกไว้กับบุรุษคนหนึ่ง...” นางมองตรงไปที่เจียงจิ่ว มุมปากยกยิ้ม “เจ้าว่าข้าต้องคิดสั้นขนาดไหนกัน?”“... ?!” เจียงจิ่วมองนางตาค้างราวกับไก่ไม้นางพูดภาษาผีบ้าอะไรเนี่ย?!ไม่ใช่แค่เขา แต่อวี๋ฮุยกับเยี่ยนซื่อหยวนก็จ้องนางตาค้างราวกับเห็นสัตว์ประหลาด โดยเฉพาะเยี่ยนซื่อหยวน สองมือที่วางบนตักกำหมัดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาดำทะมึนราวกับถูกสาดด้วยน้ำหมึกแต่งงานกับเขาเรียกว่าคิดสั้น...นางเป็นสตรีเลิศล้ำหาใครเปรียบ...นั่นไม่เท่ากับด่าทางอ้อมว่าเขาเป็นคนไร้ค่าหาดีไม่ได้หรอกหรือ?!เขาใช้ชีวิตมาตลอดยี่สิบสามปี
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 7

ก่อนฟ้ามืด หลิวชิงซวี่พาเจียงจิ่วเดินสำรวจรอบ ๆ สำนักศึกษาหนึ่งรอบ เพื่อให้เขาคุ้นเคยกับพื้นที่รอบ ๆพอพลบค่ำ นางก็มุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องเจินตามลำพังจวนของเสด็จอาเล็กแห่งราชวงศ์ การอารักขาย่อมเข้มงวด นางเตรียมใจไว้แล้ว แม้โชคร้ายถูกจับได้ นางก็คิดข้อแก้ตัวไว้เสร็จสรรพ ถึงตอนนั้นก็บอกว่านางสงสัยใคร่รู้ในตัวอ๋องเจิน อยากเจอหน้าคู่หมั้นสักครั้ง แล้วถือโอกาสเยี่ยมชมจวนอ๋องเจิน จากนั้นค่อยอาศัยจังหวะเยี่ยมชมจวนหาทางขโมยของแต่พอมาถึงจวนอ๋องเจิน นั่งอยู่บนกำแพงสูง หรี่ตามองสำรวจสภาพภายในจวนอยู่นาน นางกลับไม่กล้ากระโดดลงไปในจวนมืดสนิท แม้แต่เปลวไฟสักนิดก็ไม่เห็น มองไปทางไหนก็เหมือนบ้านร้างเก่าแก่ มืดมิดจนน่าขนลุกนี่ยังไม่เท่าไหร่ที่ทำให้นางแปลกใจยิ่งกว่าคือ ในจวนไม่มีคนเดินเพ่นพ่านก็ว่าแปลกแล้ว แต่ประตูใหญ่กลับเปิดอ้าซ่า ไม่มีเวรยามเฝ้าแม้แต่คนเดียว!คืนที่แสงจันทร์สลัวลมแรงขนาดนี้ ไม่กลัวโจรเข้าบ้านหรืออย่างไร?ไม่ใช่สิ คืนนี้นางก็มาเป็นโจรนี่นา มองดูจวนที่มืดตื้อ เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงัดชวนขนลุก นางถึงไม่กล้าเข้าไปนี่ไง!สิ่งที่นางไม่รู้คือ ในมุมมืดแห่งหนึ่ง มีสายตาหลายคู่กำลั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 8

“เสี่ยวชง!” สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวหลิวชิงซวี่คือเด็กในอ้อมแขนเขา นางตกใจจนรีบพุ่งทะยานเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุดทว่ามีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่านาง ชิงตัวเสี่ยวชงไปได้ก่อนที่ร่างของโจวซานจะล้มฟาดพื้นพอเห็นชัดว่าเป็นเจียงจิ่ว หลิวชิงซวี่ก็ถอนหายใจโล่งอกทันที รีบเข้าไปรับตัวเสี่ยวชงที่กำลังขวัญเสียมาโอบกอดไว้แนบอก“เสี่ยวชงเด็กดี ไม่เป็นไรแล้วนะ คนเลวถูกจัดการแล้ว!” นางลูบหลังปลอบขวัญพลางก้มมองไปที่พื้นหญ้าเลือดสด ๆ กำลังพุ่งกระฉูดออกจากลำคอของโจวซาน ดวงตาเบิกโพลงแทบถลน สิ้นใจตายชนิดที่ไม่มีทางฟื้นคืนมาได้อีกนางกลัวภาพนี้จะทำให้เสี่ยวชงเสียขวัญ จึงรีบอุ้มเขาเดินดุ่ม ๆ กลับไปที่กระท่อมไม้ไผ่ภายในกระท่อมไม้ไผ่ เสี่ยวอันและไห่โย่วได้รับการแก้มัดเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นบุรุษที่ยืนเพิ่มขึ้นมาในห้อง หลิวชิงซวี่ชะงักอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง จากนั้นวางเสี่ยวชงลง แล้วเดินเข้าไปโค้งคำนับอย่างจริงจัง“ขอบคุณพวกท่านมาก”“อืม” สำหรับคำขอบคุณของนาง เยี่ยนซื่อหยวนรับไว้โดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อยหลิวชิงซวี่ยืดตัวตรง จู่ ๆ ก็เลิกเสื้อตัวนอกขึ้นเผยให้เห็นเชือกเส้นหนึ่งพันรอบเอว บนเชือกห้อยถุงผ้าใบ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 9

นางเดินเงียบ ๆ ไปยังห้องเรียนของเด็ก ๆกลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าในห้องเรียนจุดไฟสว่างไสว นายท่านซื่อกำลังนั่งอยู่ข้างแสงไฟ พลิกดูสมุดหนังสือบนโต๊ะบรรยายนางกำลังจะเอ่ยปาก ไต้ฟางจื้อก็เดินเข้ามาพอดีเห็นนายท่านซื่อสนใจสมุดเหล่านั้น เขาก็รีบเข้าไปอธิบาย “บทกวีและโคลงกลอนเหล่านี้คุณหนูหลิวเป็นคนเรียบเรียงขึ้นมาด้วยตัวเองขอรับ คุณหนูหลิวรอบรู้กว้างขวาง นับเป็นยอดหญิงอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งในใต้หล้า!”พรืด!หลิวชิงซวี่เกือบหลุดขำออกมาพูดตามตรง นางรู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง เพราะบทกวีพวกนี้นางไม่ได้แต่งเองสักนิด นางก็แค่ ‘คนขนส่ง’ เท่านั้นเอง!ใครใช้ให้โลกต่างมิตินี้ไม่มีราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิง ชิง กันเล่า!เยี่ยนซื่อหยวนเงยหน้าขึ้น ใช้สายตาอันลุ่มลึกและยากจะคาดเดาจ้องเขม็งมาที่นาง ราวกับสายตาคู่นั้นจะมองทะลุผิวหนังเข้าไปเห็นถึงตับไตไส้พุงข้างใน“เจ้าแต่งหรือ?”“แค่ก ๆ!” หลิวชิงซวี่อดไม่ได้ต้องแกล้งกระแอม แล้วยิ้มบาง ๆ “บทกวีพื้น ๆ น่ะ แต่งขึ้นมาเล่น ๆ ฆ่าเวลา ขายหน้าท่านแล้ว”บทกวีพื้น ๆ?เยี่ยนซื่อหยวนขมวดคิ้วมุ่น บทกวีแต่ละบทล้วนวิจิตรพิสดาร ทุกประโยคเรียกได้ว่าเป็นวรรคทอง ทั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 10

เยี่ยนซื่อหยวนเหลือบตามองนาง รู้สึกเพียงเลือดลมตีขึ้นอก แต่กลับกระอักออกมาไม่ได้เจียงจิ่วและอวี๋ฮุยเกือบจะหลุดขำออกมาเสียงดัง เพื่อไม่ให้นางจับได้ ทั้งสองรีบขานรับแล้วออกไป “คุณหนูหลิว พวกข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ!”พอพวกเขาจากไป หลิวชิงซวี่ก็หันมามองบุรุษข้างกายอีกครั้ง“บาดแผลของนายท่านซื่อไม่เป็นอะไรมากกระมัง?”“ใกล้หายดีแล้ว”“งั้นก็ดี” ฟังน้ำเสียงแข็งกระด้างของเขา หลิวชิงซวี่ลูบจมูกแก้เก้อ รู้สึกเหมือนหาเรื่องใส่ตัว ไม่อยากจะชวนคุยให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนต่อไป นางจึงเปลี่ยนเรื่อง “ไหนว่าจองห้องที่โรงเตี๊ยมฝูไหลไว้ไม่ใช่หรือ? งั้นไปกันเถอะ!”แต่พอพูดจบ นางก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมาทำไมพูดออกมาแล้วเหมือนพวกเขาสองคนกำลังจะไปเปิดห้องทำเรื่องอย่างว่าเลยนะ...มองแผ่นหลังของนางที่เดินออกไป ความเย็นชาในแววตาของเยี่ยนซื่อหยวนจางหายไปเกินครึ่ง มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างเงียบงันปกติหลิวชิงซวี่ก็เป็นพวกนกฮูกราตรีอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องคืนนี้ยังสะสางไม่จบ นางยิ่งไม่มีทางข่มตานอนหลับลงเมื่อถึงโรงเตี๊ยมฝูไหล นางสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์ยกอาหารมาส่งที่ห้องเยี่ยนซื่อหยวนเองก็ไม่เกรงใจ นั่งลงใ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
123
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status