ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า องค์ชายรองผู้นี้ก็นับเป็นบุรุษรูปงามที่เจริญหูเจริญตาผู้หนึ่ง คิ้วตาดุจดวงดาวและจันทรา ผิวพรรณขาวผ่องราวกับหิมะ และที่หายากยิ่งกว่าคือกิริยามารยาทที่เข้าถึงง่าย เมื่อเทียบกับกลิ่นอายสูงศักดิ์เย็นชาขององค์รัชทายาทแล้ว องค์ชายรองผู้นี้กลับดูเหมือนแสงแดดอันอบอุ่นอ่อนโยน ส่องประกายจนยากที่ผู้คนจะนึกต่อต้าน
“พี่หญิงใหญ่ ดูสิว่าองค์ชายรองใส่ใจท่านมากเพียงใด!” หลิวหยวนอินที่อยู่ข้าง ๆ ปราดเข้ามาคล้องแขนหลิวชิงซวี่ เอ่ยด้วยความสนิทสนมและจริงจัง “องค์ชายรองเพิ่งเสด็จกลับมาจากนอกเมือง พอได้ยินว่าท่านมาอยู่ที่วัดซุ่นเหอ ก็รีบรุดมาหาทันที บังเอิญข้ากำลังจะนำอาหารมาให้ท่าน ระหว่างทางพบองค์ชายรองเข้าพอดี จึงขึ้นเขามาพร้อมกันเจ้าค่ะ”
หลิวชิงซวี่ดึงมืออีกฝ่ายออกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “น้องรองอย่าเข้ามาใกล้ข้านักเลย ข้ามีโรคติดต่อ ขืนแพร่เชื้อให้น้อง ข้าคงกลายเป็นคนบาปหนาแน่”
ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ใครดูก็ย่อมดูออกว่านางไม่ชอบใจหลิวหยวนอิน
สีหน้าของหลิวหยวนอินดูย่ำแย่ลงเล็กน้อย
แต่เมื่อเห็นเยี่ยนหรงไท่กำลังจ้องมองพวกนางอยู่ นางก็รีบเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา หันไปเอ่ยกับเยี่ยนหรงไท่ว่า “องค์ชายรอง ใกล้จะยามอู่แล้ว วันนี้เสวยที่วัดเถิดเพคะ พอดีหม่อมฉันนำอาหารมาให้พี่หญิงใหญ่ด้วย ให้ทางวัดจัดอาหารเจเพิ่มอีกสักสองสามอย่าง พอประทังไปได้ องค์ชายรองเห็นด้วยหรือไม่เพคะ?”
“ข้า...”
“น้องรองอยู่เสวยเป็นเพื่อนองค์ชายรองเถิด ข้ากินยาแล้ว ทานอย่างอื่นไม่ได้” หลิวชิงซวี่เอ่ยปฏิเสธเสียงเรียบเย็น ตัดบทเยี่ยนหรงไท่ไปในตัว
เยี่ยนหรงไท่ไม่ถือสา ซ้ำยังมองนางด้วยสีหน้าปวดใจยิ่งกว่าเดิม “ซวี่เอ๋อร์ สภาพเจ้าตอนนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก ปล่อยไว้เช่นนี้คงไม่ได้การ เจ้ากลับเข้าเมืองไปพร้อมกับข้าเถิด ข้าจะให้หมอหลวงตรวจดูอาการเจ้าอย่างละเอียด”
หลิวชิงซวี่ได้ยินดังนั้น ก็รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก แสร้งทำเป็นไอโขลกอย่างทรมาน “แค่ก ๆ... ความหวังดีขององค์ชายรอง หม่อมฉันซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่โรคของหม่อมฉันนั้นประหลาดหายาก เกรงว่ายาขนานใดก็คงรักษาไม่หาย หากองค์ชายรองไม่มีธุระอันใด เชิญเสด็จกลับก่อนเถิดเพคะ”
นางไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า นอกจากองค์รัชทายาทจะอยากแต่งกับนางแล้ว องค์ชายรองผู้นี้ก็มีใจให้นางด้วยเช่นกัน
จริง ๆ แล้ว การเป็นสาวเนื้อหอมนางควรจะรู้สึกภูมิใจ ในสังคมศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นางเองก็ชอบความรู้สึกที่มีคนมารุมล้อมเอาใจ แต่ขนาดตอนนั้นนางยังไม่เคยคิดจะคบหาใครจริงจัง นับประสาอะไรกับในโลกต่างมิตินี้
นางย่อกายคารวะเยี่ยนหรงไท่ แล้วหันหลังเดินออกจากศาลา
“พี่หญิงใหญ่!”
“ซวี่เอ๋อร์...”
เสียงเรียกไล่หลังมา นางทำหูทวนลม ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง มุ่งหน้าตรงไปยังกุฏิที่พัก
แต่คาดไม่ถึงว่า เยี่ยนหรงไท่จะตามมาทัน และดักหน้านางไว้ที่หน้าประตูห้อง
“ซวี่เอ๋อร์ เจ้าเป็นเช่นนี้ข้าไม่สบายใจจริง ๆ อีกอย่างที่นี่ก็ทรุดโทรม ไม่มีบ่าวไพร่คอยรับใช้ ข้ามีเรือนรับรองในเมือง ส่งเจ้าไปพักฟื้นที่นั่นดีหรือไม่?”
“ขอบพระทัยองค์ชายรอง” หลิวชิงซวี่ย่อกายขอบคุณอย่างมีมารยาท เอ่ยปฏิเสธเสียงนุ่ม “แม้ที่นี่จะทรุดโทรม แต่ก็เงียบสงบดี อยู่มาหลายวันหม่อมฉันก็คุ้นชินแล้วเพคะ อีกอย่างนี่เป็นการจัดการของท่านพ่อ ท่านทำเพื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่อยากย้ายไปย้ายมาให้ท่านต้องเป็นกังวล”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าพ่อเจ้าส่งเจ้ามาที่นี่เพราะหวังดี?” น้ำเสียงอ่อนโยนของเยี่ยนหรงไท่พลันเจือแววเย็นชา ถึงขั้นเอ่ยออกมาตรง ๆ “หากเขาหวังดีกับเจ้าจริง ก็ควรจะเสาะหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาเจ้า ควรส่งคนมาดูแลให้มากกว่านี้ แต่เจ้าดูที่นี่สิ เหมือนสถานที่พักฟื้นคนป่วยตรงไหน?”
หลิวชิงซวี่ฟังออกว่าเขากำลังเรียกร้องความเป็นธรรมให้นาง ขาดก็แค่ยังไม่ได้พูดคำว่านางถูกครอบครัวทารุณกรรมออกมาเท่านั้น
แต่เพราะแบบนี้แหละ นางถึงได้ปวดหัว
นางสาบานได้เลยว่า นางพอใจกับสถานการณ์ตอนนี้มาก ไม่มีใครมารบกวน สบายใจแถมยังแอบซุ่มทำธุรกิจได้อีก ขืนกลับเข้าเมืองไป นางยังจะนึกรำคาญเสียด้วยซ้ำ!
คนหนึ่งเป็นรัชทายาทจะมาขอแต่งงาน อีกคนเป็นองค์ชายรองจะให้ย้ายบ้าน พวกเชื้อพระวงศ์นี่ว่างงานกันนักหรือไร ถึงได้ชอบมาวุ่นวายกับนางนักหนา?!
“พี่หญิงใหญ่ ดูสิเจ้าคะ องค์ชายรองทรงห่วงท่านจริง ๆ เอาอย่างนี้ดีไหม ให้องค์ชายรองอยู่เป็นเพื่อนท่านที่นี่เสียเลย? ท่านไม่สะดวกกลับเข้าเมือง องค์ชายรองก็ไม่วางพระทัย หากองค์ชายรองยอมอยู่ต่อ มิใช่ว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายหรือ?” หลิวหยวนอินตามมาทัน เอ่ยพร้อมรอยยิ้มพราว
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องแกล้งป่วย หลิวชิงซวี่คงตบสั่งสอนนางไปแล้ว ตบให้นางแพศยาหน้าด้านคนนี้ตายคามือไปเลย!
อย่าคิดว่านางไม่รู้ว่าหลิวหยวนอินวางแผนอะไร ก็แค่อยากสร้างโอกาสให้นางกับองค์ชายรอง ต่อให้เป็นแค่ข่าวลือเล็กน้อย ก็เพียงพอจะทำลายชื่อเสียงนาง ทำให้รัชทายาทรังเกียจ!
นางอยากให้รัชทายาทรังเกียจก็จริง แต่ไม่มีทางยอมให้นางแพศยาคนนี้เอาชื่อเสียงของนางมาปั่นหัวเล่นเด็ดขาด!
“ซวี่เอ๋อร์ น้องสาวเจ้าพูดมีเหตุผล เช่นนั้นข้าจะอยู่ต่อ...” สิ้นเสียงหลิวหยวนอิน เยี่ยนหรงไท่ก็รีบรับคำทันที
“องค์ชายรอง ไม่เหมาะสมเพคะ” หลิวชิงซวี่ข่มอารมณ์โกรธแล้วพูดแทรกขึ้นมา พลางปรายตามองหลิวหยวนอิน “เรื่องของข้า เมื่อใดถึงคราวให้เจ้ามาตัดสินใจ? หรือว่าเจ้าอยากจะทำลายชื่อเสียงข้า?”
“พี่หญิงใหญ่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าหวังดีต่อท่านนะเจ้าคะ!” หลิวหยวนอินรีบแก้ตัวด้วยความน้อยใจ “ข้าเห็นว่าท่านพักอยู่ที่นี่คนเดียว คงจะเหงาแย่ ถ้ามีคนอยู่คุยด้วย ร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น”
หลิวชิงซวี่ไม่อยากจะเสวนาด้วย นางเพียงหันไปพูดกับเยี่ยนหรงไท่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “องค์ชายรอง หากไม่มีธุระอันใดแล้ว เชิญเสด็จกลับเถิดเพคะ”
เยี่ยนหรงไท่ดูออกว่านางโกรธจริง จึงไม่พูดเรื่องเดิมต่อ ได้แต่กำชับด้วยความเป็นห่วง “เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนให้ดีเถิด ข้าไม่รบกวนแล้ว วันหน้าข้าจะมาไหว้พระ แล้วจะแวะมาเยี่ยมเจ้าใหม่”
หลิวชิงซวี่ถึงได้แอบถอนหายใจโล่งอก
ยังดีที่เขารู้กาลเทศะ
ก่อนจากไป เยี่ยนหรงไท่ยังจ้องมองนางอยู่นาน ความอาลัยอาวรณ์และความเป็นห่วงฉายชัดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา
หลิวชิงซวี่มองส่งเขาจนลับสายตา แล้วหันมามองหลิวหยวนอินด้วยสายตาเย็นชา “ยังไม่ไสหัวไปอีก?”
พอไม่มีเยี่ยนหรงไท่อยู่ด้วย หลิวหยวนอินก็เผยธาตุแท้ออกมา ใบหน้าอ่อนหวานบัดนี้เต็มไปด้วยความรังเกียจ “หลิวชิงซวี่ เจ้านี่มันไม่รู้จักดีชั่ว! องค์ชายรองมีใจให้เจ้าขนาดนั้น เจ้ากลับทำเป็นมองไม่เห็น ข้าว่าเจ้ามันพวกชอบกินเหล้าจับกรอกมากกว่าเหล้ามงคล!”
“ทำไม อิจฉาอีกล่ะสิ?” หลิวชิงซวี่ยกยิ้มเยาะหยัน “ก็แน่ล่ะ องค์ชายรองก็มีใจให้ข้า องค์รัชทายาทก็ยืนกรานจะแต่งกับข้าให้ได้ พวกเขาเป็นถึงองค์ชายผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองพระองค์ ดันมาหลงรักข้าพร้อมกัน เรื่องนี้ถ้าแพร่งพรายออกไป สตรีทั้งแผ่นดินคงอิจฉาจนอกแตกตาย!”
“หลิวชิงซวี่!” หลิวหยวนอินกัดฟันกรอด จ้องหน้านางเขม็ง
ที่นางเกลียดหลิวชิงซวี่ ก็เพราะฐานะบุตรีสายตรงนี่แหละ ที่ทำให้พวกเชื้อพระวงศ์และคุณชายในเมืองหลวงต่างรุมตอมหลิวชิงซวี่ราวกับมดตอมน้ำตาล!
หลิวชิงซวี่เข้าใจจุดนี้ดีที่สุด จึงขยี้จุดอ่อนนางอย่างไม่ปรานี “หลิวหยวนอิน บอกตามตรงนะ เมื่อวานรัชทายาทประกาศเจตนารมณ์กับข้าแล้ว ต่อให้ข้าตาย เขาก็จะแห่ป้ายวิญญาณข้าเข้าตำหนักบูรพาให้ได้”
“อะไรนะ?! องค์... องค์รัชทายาทตรัสเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?!” หลิวหยวนอินตาโต หน้าซีดเผือดราวกับถูกสูบเลือด
“เพราะฉะนั้นข้าขอเตือนให้เจ้าทำตัวดี ๆ หน่อย” หลิวชิงซวี่ยื่นมือไปผลักนางออกด้วยความรังเกียจ แล้วกอดอกเชิดคางขึ้น พูดจาโอ้อวดเต็มที่ “ถ้าเจ้าสงบเสงี่ยมเจียมตัว บางทีข้าอาจจะยอมตามใจท่านพ่อ หาทางช่วยให้เจ้าได้แต่งเข้าตำหนักบูรพา แต่ถ้าเจ้ายังทำตัวแบบนี้ วิ่งมาเกะกะลูกตาข้าสามวันดีสี่วันไข้ ข้าก็ไม่รับประกันนะว่าคราวหน้ารัชทายาทมาอีก ข้าจะยังปฏิเสธอยู่หรือไม่ พูดกันตรง ๆ นะ ถ้าข้าพยักหน้าตกลงแต่งกับรัชทายาทจริง ๆ ท่านพ่อก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
หลิวหยวนอินกัดริมฝีปากล่างแน่น เล็บยาวจิกผ้าเช็ดหน้าในมือจนขาด
“พอได้แล้ว ไสหัวไปซะ ขืนยังมากวนใจข้าอีก ข้าจะย้ายกลับจวนเดี๋ยวนี้ แล้วบอกทุกคนว่าข้าหายดีแล้ว” หลิวชิงซวี่ตีหน้าขรึมไล่แขก
“เจ้า...” หลิวหยวนอินจ้องนางด้วยความเคียดแค้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะพอนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ ที่ว่ารัชทายาทไม่ยอมปล่อยแม้แต่ป้ายวิญญาณนาง ยิ่งทำให้นางเจ็บใจจนเลือดแทบกระอักในอก
สุดท้าย นางก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความโมโห เดินออกจากวัดไป
หลิวชิงซวี่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง มองไปที่ประตูรั้ว คิ้วขมวดมุ่นไม่คลาย
แค่องค์รัชทายาทคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่ จู่ ๆ ยังมีองค์ชายรองผู้แสนอบอุ่นโผล่มาอีกคน ดูท่าทางนางคงต้องหนีไปจากที่นี่จริง ๆ แล้ว!
นางหันหลังผลักประตูห้อง
ขณะจะก้าวเข้าไป ก็ต้องสะดุ้งตกใจกับคนที่อยู่ในห้อง
บุรุษที่ควรจะซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้น ไม่รู้ทำไมถึงมายืนตัวตรงตระหง่านอยู่ที่หน้าประตูได้
มิหนำซ้ำ สีหน้าเขายังดำทะมึนราวกับถูกมัจจุราชเข้าสิง ดวงตาลึกล้ำคู่นั้นหรี่ลงจนเป็นเส้นตรง แผ่ไอเย็นยะเยือกออกมาจากนัยน์ตาที่หรี่แคบ ราวกับมีศรน้ำแข็งนับพันดอกพุ่งตรงเข้าใส่นาง
นางตัวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะเงยหน้าถามเขา “ท่านทำบ้าอะไร? อยากให้คนมาเจอแล้วโดนแทงเพิ่มอีกสักสองสามแผลหรืออย่างไร?”
เยี่ยนซื่อหยวนจ้องมองใบหน้าหมองคล้ำไร้ราศีเพราะแกล้งป่วยของนางเขม็ง ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อย แต่แล้วก็เม้มเป็นเส้นตรงอย่างเย็นชา
สตรีผู้นี้ ขนาดหน้าตาอัปลักษณ์ยังเรียกผึ้งล่อผีเสื้อได้ขนาดนี้ ถ้าหน้าตาปกติขึ้นมาหน่อย จะไม่กลายเป็นหญิงงามล่มเมืองเลยหรือ?
“หลีกไป อย่าเกะกะ! ข้ากำลังอารมณ์ไม่ดี ทางที่ดีอย่ามายั่วโมโหข้า!” หลิวชิงซวี่ปิดประตูไล่หลัง แล้วเดินเลี่ยงเขาไปอย่างหงุดหงิด พอนั่งลงบนเบาะรองนั่งที่โต๊ะแล้ว เห็นเขายังยืนทื่ออยู่ที่เดิม ก็ยิ่งรู้สึกรำคาญ “ยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบมานี่สิ ข้ามีเรื่องจะปรึกษา”
เยี่ยนซื่อหยวนหันกาย เดินหน้าตึงมาที่โต๊ะ ก้มมองนางด้วยสายตาเหนือกว่า
หลิวชิงซวี่เงยหน้าขึ้น อยากจะพ่นคำด่าออกมาเสียเหลือเกิน
นี่คือท่าทางของลูกน้องที่รอรับคำสั่งหรือ? นางดูแล้วเหมือนมัจจุราชหน้าเหล็กมาทวงหนี้มากกว่า!
“สองสามวันนี้สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ท่านพักที่ห้องข้าต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ให้ลูกน้องสองคนของท่านไปคุยกับคนดูแลวัด แกล้งทำเป็นผู้ศรัทธาเดินทางมาจากต่างถิ่น ลองดูว่าจะขอเช่าห้องพักสักห้องได้หรือไม่”
“แล้วอย่างไรต่อ? เพื่อเจ้าจะได้พลอดรักกับองค์ชายรองสะดวก ๆ งั้นหรือ?”
“พลอดรัก?” หลิวชิงซวี่ตาโต “พูดจาเหลวไหลอะไร? ไม่เห็นหรือว่าข้าหนีพวกเขายังแทบไม่ทัน? อีกอย่าง ข้าจะเป็นอะไรกับใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน?”
ความเย็นชาในแววตาของเยี่ยนซื่อหยวนละลายหายไปไม่น้อย ภายใต้สายตาดุเดือดของนาง เขาหันหน้าหนีอย่างแข็งทื่อ
“ข้า... ข้าไม่ชอบพวกคุณชายเชื้อพระวงศ์... ก็เลย...”
“ก็เลยทนเห็นข้าไปคบค้าสมาคมกับพวกเขาไม่ได้หรือ?” พอได้ยินคำอธิบาย หลิวชิงซวี่ก็กลอกตามองบนใส่เขา “ไม่ชอบก็บอกตรง ๆ สิ จะมาชักสีหน้าใส่ข้าทำไม? คนไม่รู้จะนึกว่าท่านไม่พอใจอะไรข้า! อีกอย่าง ข้าเองก็พยายามหลบหน้าพวกเขาแทบแย่ ท่านดูไม่ออกหรืออย่างไร?”
นางพอจะเข้าใจเหตุผลของเขา เพราะไม่ใช่ทุกคนจะชอบประจบสอพลอผู้มีอำนาจ เหมือนกับนางที่ไม่ชอบสุงสิงกับพวกลูกหลานคนมีอำนาจพวกนั้น
เยี่ยนซื่อหยวนไม่ตอบ ได้แต่ลอบกวาดตามองใบหน้านางเงียบ ๆ
หลิวชิงซวี่จู่ ๆ ก็ถอนหายใจมองออกไปนอกประตู
เพราะเขาแท้ ๆ ธุรกิจข้างนอกของนางเลยล่าช้าไปหมด เดิมทีตั้งใจว่าจะจัดการให้เสร็จภายในสองสามวัน ตอนนี้เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
ตอนนี้ยังมีองค์ชายรองเข้ามาเอี่ยวอีก ดูจากท่าทีห่วงใยวันนี้แล้ว สงสัยจะไม่ยอมตัดใจง่าย ๆ
เห็นทีแผนการหนีคงต้องวางแผนกันใหม่เสียแล้ว...
......
จวนแม่ทัพเจิ้นกั๋ว
พอรู้ว่าลูกสาวคนเล็กไปที่วัดซุ่นเหออีกแล้ว หลิวจิ่งอู่ก็ให้พ่อบ้านไปตามตัวมาพบ
ทันทีที่เจอหน้าบิดา หลิวหยวนอินก็ทำตัวราวกับแมวน้อยที่ถูกรังแก เข้าไปนั่งยอง ๆ ข้างเท้าหลิวจิ่งอู่ น้ำตาคลอเบ้า เอ่ยว่า “ท่านพ่อ รัชทายาทไปหาพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ แถมยังตรัสว่า ต่อให้พี่หญิงใหญ่ตาย พระองค์ก็จะแห่ป้ายวิญญาณนางเข้าตำหนักบูรพา ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกจะทำอย่างไรดี? หรือลูกจะวาสนาน้อย ไม่ได้เข้าตำหนักบูรพาจริง ๆ เจ้าคะ?”
หลิวจิ่งอู่นั่งสง่าผ่าเผยอยู่บนเก้าอี้ใหญ่ ทุกกิริยาเต็มไปด้วยความห้าวหาญ แต่กับลูกสาวคนเล็กตรงหน้า แววตาที่เคร่งขรึมกลับดูอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว
ลูบศีรษะลูกสาวคนเล็ก เอ่ยเสียงนุ่มนวล “อินเอ๋อร์อย่าเพิ่งใจร้อน พ่อได้ยินว่าวันนี้องค์ชายรองก็ไปหานางด้วยใช่หรือไม่?”
หลิวหยวนอินพยักหน้า
หลิวจิ่งอู่เอ่ย “คนนอกไม่รู้ แต่พ่อรู้ดี องค์ชายรองมีใจให้พี่สาวเจ้ามาตั้งแต่เด็ก หากกล่อมให้พี่สาวเจ้ายอมแต่งงานกับองค์ชายรองได้ ทางฝั่งรัชทายาทก็คงคุยง่ายขึ้น”
“แต่ลูกดูแล้วพี่หญิงใหญ่ดูจะไม่ชอบองค์ชายรองนะเจ้าคะ วันนี้องค์ชายรองบอกจะรับนางไปพักฟื้นที่อื่น นางก็ไม่ยอม! แถมยังหันมาดุลูกอีก ว่าไม่ควรสอดรู้เรื่องชาวบ้าน” หลิวหยวนอินเบะปาก ยิ่งพูดยิ่งน้อยใจ
“เรื่องแต่งงานพ่อแม่เป็นคนตัดสิน เมื่อใดจะถึงคราวนางเป็นคนเลือก?” หลิวจิ่งอู่หน้าขรึม แววตาฉายแววโกรธเคืองทันที
ตั้งแต่เขารับอินเอ๋อร์กับเจี๋ยเอ๋อร์กลับมาตระกูลหลิว ลูกสาวคนโตก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน จากที่เคยอยู่ในระเบียบวินัย พูดน้อยสงบเสงี่ยม กลับกลายเป็นคนหยิ่งยโส ปากคอเราะร้ายเหลือทน ขนาดต่อหน้าเขาที่เป็นบิดาก็ยังไม่ไว้หน้า นอกจากจะเถียงคำไม่ตกฟากแล้ว ยังกล้าเชิดหน้าเหน็บแนมเขาอีก!
มันจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!
รัชทายาทมาสู่ขอ ตามหลักเขาควรจะดีใจ แต่ลาภยศนี้เขาไม่อยากให้ลูกสาวคนโตได้ไป เพราะยังไงนาง...
“ท่านพ่อ ตอนนี้พี่หญิงใหญ่ไม่ฟังคำพูดพวกเราหรอกเจ้าค่ะ ถ้าเกิดนางไม่ยอมแต่งกับองค์ชายรองเล่าเจ้าคะ?” หลิวหยวนอินทำเสียงสะอื้น ก้มหน้าซับน้ำตา
หลิวจิ่งอู่ตบไหล่นางด้วยความสงสาร จู่ ๆ ก็เอ่ยด้วยความเศร้าสร้อย “อินเอ๋อร์ ตอนนั้นที่พ่อแต่งกับแม่ของซวี่เอ๋อร์ ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิต คนภายนอกเห็นว่าพ่อรักใคร่กลมเกลียวกับแม่ของซวี่เอ๋อร์ แต่หารู้ไม่ว่าพ่อกับแม่ของเจ้าต่างหากที่รักกันด้วยใจจริง แต่อนิจจาแม่เจ้าวาสนาน้อย อายุสั้น ประกอบกับหลายปีมานี้พ่อต้องออกรบตลอด ยังไม่ทันได้ไปรับพวกเจ้า แม่เจ้าก็ด่วนจากไปเสียก่อน เจ้าวางใจเถิด ต่อไปพ่อจะชดเชยให้พวกเจ้าสองพี่น้องอย่างเต็มที่ ตำแหน่งพระชายารัชทายาท พ่อจะแย่งชิงมาให้เจ้าให้ได้”
“ท่านพ่อ ท่านทำเพื่อลูกขนาดนี้ ลูกดีใจและซาบซึ้งใจเหลือเกินเจ้าค่ะ” หลิวหยวนอินซบหน้าลงบนตักบิดา ร้องไห้กระซิก ๆ “ตั้งแต่ท่านแม่ตาย ลูกกับพี่ชายอดมื้อกินมื้อ แถมยังโดนคนรังแก เขาพากันด่าว่าพวกลูกเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ ตอนนี้ได้กลับมาตระกูลหลิว ได้กลับมาอยู่ข้างกายท่านพ่อ ลูกเชื่อว่าวิญญาณท่านแม่บนสวรรค์ต้องหมดห่วงแน่เจ้าค่ะ”
หลิวจิ่งอู่ลูบหัวนาง ยิ่งสงสารจับใจ “เอาล่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ต่อไปพวกเจ้าพี่น้องอยู่ตระกูลหลิว มีพ่อคอยหนุนหลัง ใครหน้าไหนก็มาทำร้ายพวกเจ้าไม่ได้อีก!” เพื่อปลอบใจนาง เขาจึงเอ่ยต่อว่า “เดี๋ยวพ่อจะให้ฝูหลินไปเชิญองค์ชายรองมาคุยเรื่องงานแต่งของพี่สาวเจ้า เชื่อพ่อเถิด พ่อจะจัดงานแต่งส่งเจ้าเข้าตำหนักบูรพาอย่างสมเกียรติแน่นอน”
ที่รัชทายาทดึงดันจะแต่งกับลูกสาวคนโต ก็เพราะฐานะบุตรีสายตรงนั่นแหละ ขอแค่เขารีบจัดการเรื่องแต่งงานของลูกสาวคนโตให้เรียบร้อย ถ้ารัชทายาทอยากได้เขาเป็นพวก ก็มีแต่ต้องแต่งกับลูกสาวคนเล็กของเขาเท่านั้น!