ในเมื่อยีนส์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของเธอ มิลลิเองก็ไม่หน้าด้านพอที่จะถามซ้ำหรือเซ้าซี่เขาอีก หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เขาก็เดินมาส่งเธอที่อาคารอำนวยการ โดยไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว มีเพียงความเงียบตลอดทาง ก่อนจะเดินกลับไปทันที
ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครตื่น ก็เป็นโอกาสให้เธอได้ปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นที่มันแน่นอยู่ในอกออกมา เป็นการร้องไห้ในรอบปีเลยก็ว่าได้ ล่าสุดจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม ปกติเธอไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนี้ แต่พอเป็นเรื่องของยีนส์เธอจะควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ทันที เธอรักเขามาก ข้อนี้เธอรู้ตัวเองดี แต่เธอผิดเหรอที่รักแฟนตัวเองมาก มันเป็นเรื่องที่คนคบกันต้องรู้สึกแบบนี้ แล้วทำไมเหมือนเธอรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว และเหมือนเขาจะรู้ด้วยว่าเธอรักเขามากขนาดไหน ถึงได้ชอบเอาเรื่องนี้มาทำให้เธอยอมเขาทุกเรื่อง ระยะเวลาเดือนกว่าที่เราคบกันมา หากมาคิดดูแล้ว เขาไม่เคยบอกว่าชอบเธอด้วยซ้ำ แล้วเรื่องของเรามันเกิดมาจากอะไร ทำไมเธอถึงปล่อยใจตัวเองไปได้ขนาดนี้ เหมือนเธอจะเพิ่งมาคิดได้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกมากเกินไป มากจนเขามองไม่เห็นค่าความรู้สึกเธอ ทั้งยังยอมให้เขาได้ตัวเธอง่าย ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มคุยกัน “ฮึก ฮึก” เสียงสะอื้นที่หลุดลอดออกมา ทำให้ปลายฝนที่เป็นคนค่อนข้างหูเบา ลืมตามองหาต้นตอของเสียงก่อนจะเห็นเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ “มิล มึงเป็นอะไร” มิลลิเงยหน้าขึ้นมองปลายฝน แต่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด และเป็นปลายฝนเองที่ฉลาดพอเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง เลยขยับตัวไปกอดเพื่อนเอาไว้ “ร้องออกมาให้พอนะ มึงไม่ใช่คนอ่อนแอกูรู้” “ฮึก ฮึก เหมือนกูจะพลาดไปแล้ว” “พลาดเรื่องอะไร?” “พี่ยีนส์เขาไม่ได้รักกู” ปลายฝนถอนหายใจออกมา คิดแล้วว่าเรื่องต้องเป็นแบบนี้ เธอเองเคยสังเกตุแววตาของรุ่นพี่หนุ่ม ยังคิดไปว่าตัวเองเป็นคนคิดมาก เธอไม่เคยเห็นแววตาว่าจะรักชอบเพื่อนเธอสักนิด ไม่รู้เพราะเขาเก็บความรู้สึกเก่งหรือไม่ได้รู้สึกอะไรกับเพื่อนเธอกันแน่ “อยากร้องเท่าไหร่ก็ร้องออกมาเลย กูอยู่ข้างมึงเสมอ” เพราะต้องเตรียมตัวกลับตอนสิบโมง มิลลิเลยต้องเก็บความเสียใจเอาไว้ก่อน กลับไปคราวนี้เธอจะเคลียร์กับยีนส์ให้รู้เรื่อง จะไม่ปล่อยผ่านไปอีกแล้ว ตอนมาขึ้นรถ เธอเห็นเขายืนอยู่ที่รถอีกคันหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองเธออยู่เหมือนกัน แต่เป็นเธอเองที่หลบสายตาเขาและเดินขึ้นมาบนรถทันที บรรยากาศนั่งรถขากลับก็ช่างเงียบเสียเหลือเกิน เพราะแทบไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของใคร ทุกคนพร้อมใจกันหลับหมด แม้แต่พี่ชายของเธอเองก็เงียบผิดปกติ แต่ช่างเถอะเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน เพราะเธอเองก็ยังไม่อยากพูดคุยกับใครตอนนี้ อยากจะใช้ความคิดทบทวนเรื่องต่าง ๆ ไปคนเดียว ส่วนคาเทียร์ก็รู้เรื่องแล้วเหมือนกัน เพราะตื่นมาตอนเช้าเห็นเธอกับปลายฝนนั่งกอดกันอยู่ แม้ว่าตอนนั้นเธอจะไม่ได้ร้องไห้แล้ว เพราะไม่อยากให้คนอื่นในห้องที่ทยอยตื่นนอนแล้วเห็น แต่เปลือกตาก็บวมเป่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด รถบัสสี่คันที่ขับเข้ามาจอดเรียงกันตรงลานเกียร์ของคณะวิศวะ ในเวลาเกือบสี่โมงเย็น มิลลิและเพื่อนปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำ เพราะไม่ได้ลงที่ปั้มล่าสุดที่รถแวะจอดให้เข้าห้องน้ำ ก็ปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน บอกกับคนเป็นพี่ชายว่าให้รอแถวนี้เพื่อจะกลับบ้านพร้อมกัน โซลยืนมองน้องสาวไปเข้าห้องน้ำ เขาก็เดินตรงไปยังอดีตเพื่อนรักเขาทันที เห็นยีนส์กำลังเดินถือกระเป๋าไปยังลานจอดรถ เพื่อนสองคนที่เห็นก็รีบทิ้งกระเป๋าแล้วเดินตามมาทันที เพราะจากอารมณ์ของโซลตอนนี้ดูไม่ปกติเอามาก ๆ “ไอ้สัดยีนส์!!! มึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกัน” อารมณ์ของโซลตอนนี้พุ่งถึงขีดสุดเมื่อเห็นหน้ากวนตีนของยีนส์ ที่ดูเหมือนมันจะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาหามันแน่ เขาพุ่งตัวไปกระชากคอเสื้อยีนส์ทันที กลายเป็นตอนนี้เพื่อนสี่คนกำลังยืนล้อมเขากับยีนส์อยู่ “เดี๋ยว!!! ตรงนี้ไม่เหมาะ ไปเคลียร์กันหลังตึก”สกายเข้ามาแยกโซลกับยีนส์ หันมองมีนักศึกษาหลายคนกำลังยืนดูเหตุการณ์กันอยู่ เลยเดินตามกันไปหลังตึกที่ไม่ค่อยมีคน “มึงกับน้องกู!!!”โซลตะโกนถามออกไปทันที ยีนส์ยกยิ้มมุมปากทันทีกับคำถามนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ คนถามจนตัวแทบจะติดกัน“เออ” ผลัวะ!!! กำปั้นหนัก ๆ ของโซลซัดเข้าแก้มขวาของยีนส์ทันที แต่ทว่าคนโดนต่อยไม่ได้สะทกสะท้าน มันรู้สึกเจ็บก็จริง แต่ยีนส์กลับรู้สึกสะใจมากกว่า “ไอ้เหี้ยมึง!!! ทำแบบนี้กับน้องกูทำไม” “คงเหี้ยแบบมึงมั้ง” ผลัวะ!!! คราวนี้เป็นแก้มข้างซ้ายของยีนส์ รู้สึกได้กลิ่นคาวเลือด ทั้งตะวันและคีรินจะเข้ามา แต่ยีนส์ยกมือห้ามเอาไว้ เรื่องนี้เขาอยากเคลียร์กับมันด้วยตัวเอง “มึงแค้นกู ทำไมไม่มาลงที่กู ไปทำน้องกูทำไม” โซลตะโกนออกมาเสียงโหยหวน เขาเจ็บปวดตรงหัวใจอย่างรุนแรง มิลลิเป็นยิ่งกว่าชีวิตของเขา เขาทะนุถนอมน้องสาวคนเดียวของเขามาตลอด แต่น้องกลับถูกแก้แค้นเพราะเรื่องในอดีตของตัวเอง “กูไม่เคยคิดเลยว่ามึงจะเหี้ยขนาดนี้ มึงมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไอ้สัดยีนส์!!!” ยีนส์ยืนนิ่ง ไม่ได้มีคำพูดอะไรออกไป ยืนมองโซลยืนตะโกนโวยวายมีสกายกับคาเตอร์จับแขนไว้คนละข้าง ด้วยแววตาเรียบเฉย ด้านมิลลิที่เดินกลับมาจากห้องน้ำแล้ว แต่เมื่อมาถึงตรงที่บอกให้พี่ชายรอ เธอกลับไม่เห็นพี่ชายของเธอ และไม่เห็นพี่ชายของคาเทียร์กับปลายฝนด้วย ก่อนจะได้ยินเสียงซุบซิบของนักศึกษาสามคนที่ยืนห่างจากเธอออกไปไม่ไกลนัก “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นว่ะ” “เออ ไม่เคยเห็นพี่โซลโมโหมากขนาดนั้นมาก่อน” “นั่นสิ แล้วเรื่องอะไรกัน ต้องเกี่ยวกับพี่ยีนส์แน่” “แล้วเขาไปเคลียร์กันที่ไหนว่ะ” “ได้ยินว่าหลังตึกนะ” มิลลิที่ได้ยินรู้สึกชาวาบไปทั้งร่างกาย คงไม่ใช่ว่าพี่ชายเธอรู้เรื่องของเธอกับยีนส์แล้วใช่ไหม ซึ่งพอหันมองหน้าเพื่อนสองคน ก็คิดเหมือนกับเธอ ก่อนที่ทั้งสามคนจะรีบวิ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที เมื่อมิลลิมาถึง ก็เห็นพี่ชายของเธอกำลังโดนเพื่อนสองคนจับแขนไว้คนละข้าง ส่วนยีนส์ที่ใบหน้าช้ำอย่างเห็นได้ชัด ขาเรียวเลยจะรีบเข้าไปห้าม แต่ทว่าคำพูดของยีนส์ทำให้เธอชะงักขาตัวเองทันที “มึงบอกกูที ว่ามึงรักมึงชอบน้องกูบ้างไหม หรือมึงแค่ต้องการแก้แค้นกูอย่างเดียว” หลังจากเงียบอยู่นาน ก็ถึงคำถามที่เขาต้องตอบ เป็นคำถามที่เขาอยากตอบมากที่สุด“กูจะรักน้องสาวของคนที่หักหลังกูได้ยังไง” เพียงแค่คำตอบนั้น โซลก็สะบัดแขนออกจากเพื่อนสองคนแล้วเข้าไปผลักยีนส์ให้ล้มลง ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดซัดหน้าของยีนส์ทันทีอย่างแรง จำนวนหมัดรัว ๆ ไม่สามารถนับได้ ก่อนจะถูกแยกอีกครั้ง และมิลลิก็เดินเข้าไปในจังหวะนี้พอดี ใบหน้าสวยของมิลลิเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอเดินไปยืนตรงกลางระหว่างพี่ชาย และคนที่เธอรัก เป็นการสบตากันที่มิลลิคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้ใจเธอแหลกไม่เหลือชิ้นดี ไม่รู้เลยว่าพี่ชายกับเขามีเรื่องแย่งแฟนกันในอดีต แต่ถึงขนาดทำกับเธอแบบนี้เพื่อแก้แค้น เขาทำกับเธอได้อย่างไร ยีนส์ที่เห็นคนตัวเล็กเดินเข้าไป แววตาคมวูบไหว ภายในใจกระตุกทันที เขาอยากให้เธอรู้เรื่องก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะร้องไห้เสียใจขนาดนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้ดีใจกับเรื่องนี้เลยสักนิด ทำไมถึงอยากเดินเข้าไปกอดปลอบใจเธอ ตั้งแต่เรื่องเมื่อเช้าที่เธอถามเขา ตอนนั้นยอมรับว่าเขาสับสน เพราะการเข้าหาเธอเป็นแค่การแก้แค้น แต่บอกแล้วว่าเขาเริ่มรู้สึกกับเธอขึ้นมาจริง ๆ เลยอยากถอยห่าง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เมื่อเธอถามเขาว่ารักหรือเปล่า เขาเองก็เก็บเอามาคิดตลอดทั้งวันเหมือนกัน ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ “ฮึก นี่คือเหตุผลที่มิลถามพี่แล้วพี่ไม่ตอบใช่ไหมคะ" "....." "งั้นมิลขอถามพี่แค่คำถามเดียวนะคะ ฮึก ขอให้พี่พูดกับมิลตรง ๆ แล้วมิลจะไม่ถามหรืออยากรู้อะไรเรื่องนี้อีกเลย” “….” “ตั้งแต่ตอนแรกเหรอคะ ที่พี่เข้าหามิลเพราะเรื่องนี้ หรือพี่อยากคุยกับมิลจริง ๆ แล้วเพิ่งมารู้ว่ามิลเป็นน้องของพี่โซล มิลแค่อยากรู้ว่าพี่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า”“ได้ยินที่มิลถามพี่หรือเปล่าคะ”มิลลิถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นยีนส์ยืนเงียบเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอถาม “…..” คนตัวสูงยังคงจ้องมองเธออยู่แบบนั้น จะให้เขาตอบเธอได้ยังไงในเมื่อเธอยังคงร้องไห้อยู่แบบนี้ เขายืนเงียบอยู่นานจนคนตัวเล็กทนไม่ไหว เดินขยับเข้ามาตรงหน้าเขา ระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงคืบเดียว คนอื่นที่ยืนเห็นเหตุการณ์อยู่ไม่ได้มีใครเข้ามาห้ามอะไร มีเพียงแค่โซลที่ดิ้นตัวจะเข้าไปหาน้องสาว แต่คาเตอร์ก็จับตัวไว้“ให้น้องมึงจัดการมันเอง” เพี๊ยะ!!! เสียงฝ่ามือกระทบลงบนแก้มสากอย่างแรง น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด“พี่มันเลว มิลผิดเองค่ะ ที่เป็นคนชอบพี่ก่อนเลยเปิดโอกาสให้พี่หลอกมิลได้ หลังจากนี้ความแค้นระหว่างพี่กับพี่ชายมิล ขอให้มันจบลงตรงนี้นะคะ” “…..” “และเราสองคน ขอให้จบกันแค่นี้ ถือว่าที่พี่ได้จากมิลไป คงพอสำหรับความแค้นของพี่แล้ว ลาก่อนค่ะ” มิลลิพูดจบก็วิ่งออกไปทันที โดยมีเพื่อนสองคนวิ่งตามมาด้วย ภายในใจเธอแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี เพิ่งรู้ว่าความรักมันเจ็บปวดเจียนตายขนาดนี้ “มึงจะไปไหนไอ้ยีนส์”ยีนส์เมื่อได้สติจากคำพูดของมิลลิ เขาก็กำลังจะเดินตามเธอไปโดยไม่รู้ตัว แต่คีรินกับตะวันม
“กูบอกอะไรให้นะ สภาพมึงตอนนี้หนักกว่าตอนมึงเลิกกับจูเน่อีก ตกลงมึงสะใจแน่ใช่ไหวว่ะ” “มึงก็จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาไอ้ตะวัน คนปากแข็งแบบมันไม่ยอมรับง่าย ๆ หรอก” “กูอยากอยู่คนเดียว”เสียงทุ้มราบเรียบเอ่ยบอกอีกครั้ง แค่ความคิดในหัวเขา ก็มากพออยู่แล้ว แต่เพื่อนสองคนกลับมาทำให้สมองเขาทำงานหนักขึ้นไปอีก ร่างกายไร้เรี่ยวแรงเพราะไม่ได้กินข้าวมาสองวัน และที่อยู่รอดจนได้เห็นพวกมัน แค่นี้ก็นับว่าบุญมากแล้ว “ตกลงเรื่องเรียนว่าไง งานเพียบเหมือนไอ้ตะวันบอกจริง ๆ” “พรุ่งนี้กูไป”ยีนส์บอกไปอย่างตัดความรำคาญ ตอนนี้เขาอยากให้เพื่อนสองคนกลับไปได้แล้ว และเหมือนการสื่อสารของยีนส์จะได้ผล เมื่อทั้งตะวันและคีริน กลับไปในอีกสิบนาทีต่อมา ส่วนเขาก็ดื่มเบียร์ที่เหลืออยู่ครึ่งกระป๋องหมด แล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง และหลับไปในที่สุด เช้าต่อมา มิลลิมาเรียนตามปกติ แม้ว่าขอบตายังคงบวมช้ำเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับวันแรก นับว่าดีขึ้นมาก ส่วนสภาพจิตใจไม่ต้องพูดถึง ยังห่างไกลจากคำว่าทำใจได้ แต่สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด “นี่งานทั้งหมด กูเก็บเอาไว้ให้ มีงานกลุ่มหกคนด้วยนะ อยู่
เพราะคำว่าสมควรโดนทิ้งที่เธอพลั้งปากพูดออกมาด้วยความโมโห มันทำให้สติของเขาขาดผึงขึ้นมาทันที มือหนาออกแรงบีบแขนเล็กแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จนมิลลินิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ยังอดทนไม่ร้องออกมา “คนเหี้ย ๆ ที่เธอพูดคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เx็ดเธออยู่ทุกวัน ไอ้เหี้ยนี่ไม่ใช่เหรอที่เธออมคxยให้ ตอนนั้นทำไมไม่ขยะแขยงบ้างว่ะ ตอนที่ฉันแยงมันเข้าไปในรูเธอ” เพี๊ยะ!!! มือเล็กสะบัดออกจากการเกาะกุม ก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างจัง ด้วยแรงทั้งหมดที่มี จนขึ้นรอยนิ้วมือบนแก้มสากอย่างชัดเจน “อย่ามาพูดจาทุเรศ ๆ แบบนี้นะ ฉันไม่ใช่คนประเภทเดียวกับพี่ อีกอย่างถ้าตอนนั้นฉันรู้ว่าพี่เหี้ย คงไม่เอาตัวลงไปเกลือกกลั้วด้วยหรอก แค่คิดก็ขนลุกไม่ไหว” “เธอจะหยุดได้หรือยังมิลลิ!!!” มิลลิสะดุ้งเพราะเสียงทุ้มที่ตะโกนออกมา ใบหน้าเขาแดงก่ำเพราะความโมโหสุดขีด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนด่าเขาเจ็บแสบแบบเธอมาก่อน มันเจ็บจนเข้าไปถึงกระดูกดำ ยิ่งเธอเน้นย้ำคำว่ารังเกียจ คำว่าขยะแขยง ความโมโหเขายิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก “ออกไปจากรถฉันได้ ละ อื้อ~” เสียงหวานหายเข้าไปในลำคอทันที เมื่อใบหน้าหล่อขยับเข้ามาประกบจูบรุนแรงกับเธอทันที
เมื่อเข้ามาในห้อง ยีนส์ก็เดินตรงไปนั่งที่โซฟา พร้อมทั้งดึงเธอให้นั่งลงบนตักเขา มือหยาบหนาลูบไล้ใบหน้าสวยของเธอเบา ๆ จับคางเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา “หิวหรือเปล่า?” “จะถามทำไมคะ อยากทำอะไรก็ทำเลยค่ะ” “ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะปากดีได้ขนาดนี้ ไม่กลัวมือฉันลั่นทำคลิปหลุดออกไปหรือไง” มิลลิระบายยิ้มออกมาอย่างขมขื่น“ที่มานั่งทนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เพราะความกลัวเหรอคะ หรือพี่ยังคิดว่าฉันพิศวาสพี่” “งั้นมาดูหน่อยดีกว่า ว่าเธอไม่ได้พิศวาสฉันจริงหรือเปล่า” มือหนาของยีนส์บีบเค้นอกอวบของเธอทันที ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่าง เพราะเขาบีบเค้นมันอย่างแรง มิลลินิ่วหน้า แต่ทว่าก็นั่งนิ่งให้เขาบีบอยู่แบบนั้น ใบหน้าหล่อเหลาก็ก้มลงมาไซร้ซอกคอของเธอ ใช้ลิ้นสากปาดเลียไปทั่วจนถึงกกหู มืออีกข้างก็ถกกระโปรงนักศึกษาทรงเอขึ้นมาไว้บนเอวคอดกิ่ว ใช้นิ้วกรีดกรายตรงรอยแยกเบา ๆ จนเธอกระตุกตัวสั่นเกร็ง ริมฝีปากอวบอิ่ม ขบเม้มกันแน่น กลั้นเสียงครางเมื่อความเสียวซ่านเริ่มถาโถมเข้ามาไม่หยุด “แฉะแล้วนิ ไหนบอกขยะแขยงฉัน” “…..” “แค่นิ้วฉันกรีดตรงร่องเธอ ร่างกายเธอมันก็สั่นเหมือนลูกนกแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเธอชอบสัมผัสของ
ใบหน้าหล่อเหลาผละออกจากใบหน้าสวย สบตากับเธอบอกความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจน ใช้เข่าดันขาเธออ้าออก ก่อนจะค่อย ๆ สอดแก่นกายใหญ่เข้ามาในร่องรักช้า ๆ เขาทำมันอย่างใจเย็น ขัดกับความร้อนรุ่มภายในที่เมื่อสัมผัสกับร่องสาว ก็แทบจะระเบิดออกมา “ซี้ด อย่าเพิ่งตอด อ๊าสส” ความอึดอัดเริ่มคืบคลานเข้ามาช้า ๆ พร้อมด้วยความเสียวซ่านจากแท่งเนื้ออุ่นที่เสียดสีกับร่องคับแคบ นิ้วเล็กเริ่มจิกเกร็ง ใบหน้าสวยเชิดขึ้นส่งเสียงครางกระเส่าไม่เป็นภาษา และเมื่อคนตัวสูงทนใจเย็นไม่ไหว ก็กระแทกเอวสอบเข้าไปทันทีสุดแรง จนคนตัวเล็กกระตุกสะโพกเพราะความเจ็บปนจุก สวบ!!! “อื้อ~” มิลลิน้ำตาไหลหยดลงมาเพราะความเจ็บปวด ที่โดนเขากระแทกเอ็นแข็งเข้ามาทีเดียวสุดลำ ก่อนที่ความอึดอัดจะเข้ามาแทนที่ เอวสอบก็เริ่มขยับเข้าออกอย่างช้า ๆ เพื่อปรับขนาดร่องรักที่คับแคบจนขยับได้ลำบาก “ซี้ด แน่น อ๊าสส” เมื่อกระแทกแก่นกายเข้าสุด ออกสุด อยู่สักพัก ก็เริ่มเร่งจังหวะให้แรงขึ้นเรื่อย ๆ ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วร่างทั้งสองที่สอดรับแรงกระแทกกันอย่างลงตัว บรรยากาศภายในห้องนอนร้อนระอุ ได้ยินเสียงครางกระเส่าของคนสองคน แข่งกับเสียงเนื้อกระทบกันดัง
คบกันมาเกือบสองเดือน มิลลิไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเขาจริง ๆ มีเพียงเธอที่มีความสุขกับเรื่องของเรา แต่เขากลับยังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้น เธอรีบเอาโทรศัพท์ไปวางเอาไว้ที่เดิม แล้วฝืนลุกขึ้น พาร่างกายมานั่งอยู่ตรงโซฟา ปลดปล่อยความเสียใจของตัวเองออกมาให้มากที่สุด ติ้ง เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นรัว ๆ คงจะเป็นเพื่อนสนิทของเธอส่งข้อความมาหา เพราะตั้งแต่ออกจากมหาลัย เธอก็บอกกับเพื่อนว่าจะนัดเคลียร์กับยีนส์ แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้กลับคอนโด ปลายฝน: มิลลิตกลงเป็นยังไงบ้าง คาเทียร์: อีมิล มึงกลับหรือเปล่า คาเทียร์: ตอบกูบ้างดิว่ะ ปลายฝน: อย่าให้กูเป็นห่วง คาเทียร์: มึงเงียบแบบนี้กูใจคอไม่ดีเลย และอีกหลายข้อความ เป็นข้อความที่ส่งจากแชทกลุ่มสามคนของพวกเธอ มิลลิเลยกดส่งไปเพียงหนึ่งข้อความให้เพื่อนสบายใจว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ มิลลิ: กูไม่เป็นไร เสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง แต่เธอก็ไม่ได้หันไปมอง เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเจ้าของห้อง “ตื่นมาทำไม?” “ฉันหิว” “แล้วทำไมไม่สั่งล่ะ นั่งอยู่แบบนี้จะได้กินหรือไง” เธอเหยียดยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น ไม่ได้คาดหวังคำพูดดี ๆ จากเขาอยู่แล้ว เพราะเธอเองก็ไม่ได้
มิลลินอนซมอยู่ที่ห้องสองวันเต็ม โชคดีที่ตรงกับเสาร์อาทิตย์พอดีเลยไม่ต้องขาดเรียน และเธอก็ไม่กลับบ้านเพราะบอกแม่ว่าต้องทำรายงานกับเพื่อน แม่กับพ่อเองก็ไม่ได้สงสัยอะไร เธออยากจะไปเจอท่านตอนที่สภาพจิตใจเธอพร้อมกว่านี้ ส่วนพี่โซลรายนั้นก็ยังเอาแต่โทษตัวเองอยู่ ขนาดเธอบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไร เธอเองก็ดีขึ้นมาก แค่ป่วยนิดหน่อยก็ยังไม่เชื่อ จะมานอนเฝ้าเธอที่คอนโด แต่เธอห้ามไว้ บอกว่าอยากพักรักษาใจคนเดียวก่อน หากเธอพร้อมเมื่อไหร่ เธอจะกลับไปเป็นคนเดิมให้เร็วที่สุด ติ้ง เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ในตอนเย็นวันอาทิตย์ ก่อนหน้านี้เธอก็แค่ตอบข้อความยีนส์ไปว่าไม่สบาย ขอนอนพักผ่อน ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ ไม่ได้เซ้าซี่อะไรเธอ แต่เมื่อวานเธอไม่ได้ตอบและรับโทรศัพท์เขาเลย คงจะส่งข้อความมาขู่เธออีกแน่ที่หายไปแบบนี้ ยีนส์: ทำไม่ไม่รับโทรศัพท์ ยีนส์: ข้อความเธอก็ไม่อ่าน ยีนส์: ที่บอกไม่สบาย โกหกใช่ไหม ยีนส์: เธอกำลังหนีฉันอยู่หรือเปล่า ยีนส์: รู้ใช่ไหม ทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์ ยีนส์: ลงมาฉันรอเธออยู่ที่ด้านล่างคอนโด ยีนส์: ให้เวลาสิบนาที ยีนส์: อย่าให้ฉันต้องขึ้นไปตามเธอนะ ยีนส์: อยากลองดี
07.30 น. มิลลิตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ที่เธอตั้งเอาไว้ มือบางควานหามันมาปิดเสียง แต่ทว่าเคลื่อนไหวได้ลำบากเพราะแขนแกร่งที่ทับตัวเธออยู่ “เรียนกี่โมง?”เสียงทุ้มงัวเงียถาม ตายังปิดสนิท “สิบโมงค่ะ แต่ฉันไม่ได้เอาชุดนักศึกษามา ต้องกลับไปเปลี่ยนก่อน” ยีนส์จำใจต้องลุกขึ้น จากที่นอนทั้งที่เขามีเรียนบ่าย มือหนายกมือยีผมตัวเองแรง ๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานเขาก็อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย ออกมาหาเธอที่นั่งรออยู่ตรงโซฟา“ไปสิ” คนตัวสูงเร่งความเร็วรถมากกว่าปกติ มาถึงคอนโดเธอตอนแปดโมงครึ่ง เมื่อเธอเตรียมตัวจะลงจากรถ เสียงทุ้มก็เรียกเธอไว้ก่อน“ฉันจะรอตรงนี้” เขารู้ว่าเธอจอดรถไว้ที่มหาลัย เขาเลยจะไปส่งเธอ แต่คนตัวเล็กปฏิเสธเสียงแข็งทันที “ไม่ค่ะ ฉันจะไปกับเพื่อน” “อย่าดื้อได้ไหม หรืออยากให้ฉันขึ้นไปรอข้างบน” เขาทำทีจะลงจากรถจริงอย่างปากว่า แต่คนตัวเล็กก็ดักทางเสียก่อน เลยต้องนั่งรอในรถเหมือนเดิม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูเฟซบุ๊คฆ่าเวลาระหว่างรอ แต่ทว่าเขาก็เห็นข้อความของจูเน่ถูกส่งเข้ามาตอนค่ำเมื่อวาน เขาจำได้ดีว่าไม่เคยเปิดอ่านข้อความของเธอมาก่อน แต่เห
หลังจากบทรักตอนเที่ยงจบลง ท้องของมิลลิก็ส่งเสียงประท้วงเสียงดัง ตอนแรกคนตัวสูงอยากจะต่อรอบกับเธอด้วยซ้ำ เพราะบรรยากาศที่เป็นใจ ถึงจะร้อนไปหน่อย แต่มีความตื่นเต้นจากการทำรักเอาท์ดอร์ครั้งแรก แต่ทว่าคนตัวเล็กขอพักกินข้าวก่อน "ประจำเดือนมิลมาอยู่หรือเปล่า” ยีนส์ต้องถามภรรยาเรื่องนี้ เพราะหลังจากเธอเรียนจบก็ไม่ได้กินยาคุมอีก แต่ผ่านมาเกือบสามเดือน ทำไมเธอถึงยังไม่ท้องสักที ทั้งที่เขาขยันทำการบ้านกับเธอแทบตาย งัดกลเม็ดทุกอย่างมาใช้หมดแล้ว แต่ทว่ายังไร้วี่แวว “ที่จริงประจำเดือนมิลก็มาไม่ปกติอยู่แล้ว แต่เพื่อความสบายใจของพี่ มิลจะตรวจหลังจากเรากลับนะคะ” “เมื่อวานพ่อตาบอกว่าพี่ไม่มีน้ำยา”มิลลิหัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงคำพูดของพ่อที่บ่นเธออยู่ทุกวันว่าเมื่อไหร่จะมีหลานให้ท่านสักที “หรือพี่จะไม่มีน้ำยาอย่างพ่อตาว่าจริง ๆ”เขายังคงคิดมากเรื่องนี้อยู่ ก็เขาอยากมีลูก พ่อกับแม่ของเขาก็อยากมีหลานหลาย ๆ คน “พี่อย่าคิดมากสิคะ มิลเพิ่งปล่อยได้แค่สองเดือนกว่า ๆ เอง ใครจะไปรู้ตอนนี้มิลอาจจะท้องแล้วก็ได้” “งั้นเราไปซื้อที่ตรวจมาตรวจเลยได้ไหม พี่อยากรู้ตอนนี้เลย มิลก็รู้ว่าพี่อยากมีลูกขนาดไหน” สุดท้าย
หลังจากงานแต่งจบลง ยีนส์และมิลลิก็รีบไปสนามบินทันที ทั้งคู่จะไปฮันนีมูนกันที่มัลดิฟส์ เป็นเจ้าสาวที่จองตั๋วเครื่องบินและที่พักเองหมดทุกอย่าง กำหนดการเที่ยวทุกอย่างใช้เวลา4วัน3คืน “มิลตื่นเต้นอยากเห็นทะเลใจจะขาดแล้วค่ะ”มิลลิเดินควงแขนสามีหนุ่มหล่อ เพื่อไปยังรถตู้ของโรงแรมที่เธอจองเอาไว้ แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีสี่กว่าแล้ว อีกทั้งยังเหนื่อยกับงานแต่ง แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วงสักนิด เพราะทะเลที่นี่ เธอใฝ่ฝันจะมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว “พี่อยากให้มิลพักหน่อยนะ”ยีนส์พูดไปตามที่คิด เพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เห็นเธอหลับเลย ทั้งที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อแต่งหน้า ทำผม ไหนจะยุ่งกับงานแต่งทั้งวัน เสร็จจากงานก็เที่ยงคืน ก็รีบมาสนามบินทันที เป็นเขาเสียอีกที่รู้สึกอ่อนเพลียมาก “ถึงที่พักแล้วค่อยนอนก็ได้ค่ะ สามีของมิลเหนื่อยแล้วเหรอคะ” “พี่ยอมแพ้มิล” รถตู้ของที่พักเข้ามาจอดตรงส่วนของโรงแรม แต่มิลลิจองเป็นที่พักติดทะเลไว้ เลยต้องใช้เวลาเดินไปอีก ขนาดว่าตอนนี้ตีห้า แต่ก็ยังมองเห็นความสวยงามของทะเล พนักงานของโรงแรมพาเดินไปตามสะพานไม้ที่พาไปยังที่พักเป็นหลังที่สร้างอยู่ในทะเล ก่อนที่จะหย
ยีนส์ขับรถหรูเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ เพื่อส่งมิลลิลงก่อน ส่วนเขาก็ขับไปจอดในลานจอดรถ ก่อนจะเดินลงมาหาเธอที่ยืนรออยู่ พร้อมกับว่าที่พ่อตา ว่าที่แม่ยาย และพี่ชายสองคนของเธอ คนตัวสูงยอมรับว่าประหม่ามาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่ากลัวอะไรขนาดนั้น เขาเองก็เป็นลูกผู้ชายมากพอ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้อยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ว่าจะโดนอะไรเขาก็พร้อมจะยอมรับ ขอแค่อย่างเดียวอย่าให้เขาเลิกคบกับมิลลิ เพราะเป็นเรื่องเดียวที่เขาจะไม่ยอม “สวัสดีครับ”ยีนส์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง และพี่ชายคนโตของมิลลิด้วยท่าทางปกติ ผิดกับสายตาของว่าที่พ่อตา ที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเขามาก ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่สบัดหน้าหนีเขา ไม่รับไหว้เขาเหมือนอย่างแม่ของเธอ “เข้าบ้านกันดีกว่า มิลพาพี่เขาเข้ามาเร็วลูก” มิลลิจับมือของเขา เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน ตรงที่พ่อกับแม่นั่งรออยู่คือห้องรับแขกของบ้าน ยีนส์ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ของมิลลิทันที ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว จากตอนแรกที่ไม่รู้สึกอะไร เจอแบบนี้เขาเองก็ต้องกุมมือเข้าหากันเพื่อลดอาการประหม่าของตัวเองตอนนี้ “เรื่องที่ผ่านมา แม่จะไม่พูดถึงมันนะ แต่หลังจากนี้
“แบบวันนี้ คือแม่พี่ชอบมิลหรือเปล่าคะ”มิลลิถามขึ้นตอนที่กลับมาถึงคอนโดของยีนส์แล้ว “ใช้คำว่าถูกใจเลยดีกว่า” เขาไม่ได้อวยเธอเกินจริง แต่การที่แม่เอ่ยปากชวนเธอไปชิมขนมที่ร้าน มันเป็นสัญญาณว่าแม่เขาถูกใจเธอมาก “แต่มิลก็อยากจะตีพี่เหลือเกิน รู้ว่ามิลชอบกินขนม ยังไม่บอกมิลอีกว่าแม่พี่เปิดร้านขนม” เธอทำหน้างอนเขาและทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟา โดยยีนส์ก็เดินเข้ามากอดเธอ ยกตัวเธอขึ้นนั่งบนตักของเขา ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มของเธอเบา ๆ “พี่กลัวมิลจะไม่อยากเจอแม่พี่ต่างหาก อีกอย่างตอนนั้นพี่ก็ยังไม่รู้ใจตัวเองด้วย หลังจากนี้พี่จะพาไปจนมิลเบื่อเลยดีไหมครับ” “ดีค่ะ มิลอยากเปิดร้านขนมมาตั้งนานแล้ว” “เรียนบริหารแต่ไปเปิดร้านขนมเหรอ” “ความชอบกับความฝันมันต่างกันค่ะ มิลเรียนบริหารเพราะเห็นพี่ชายคนโตเรียนค่ะ อีกอย่างเรียนจบมิลก็ต้องไปทำงานกับบริษัทของพ่อ” “แล้วไอ้โซลล่ะ มันเรียนวิศวะเครื่องยนต์นะ” “พ่อมีบริษัทผลิตยานยนต์ค่ะ พี่โซลตามพ่อไปทำงานตั้งแต่เด็ก ๆ เลยอยากเป็นอย่างพ่อ” “นี่พี่ตกถังข้าวสารเหรอเนี๊ยะ ต่อไปมิลต้องเลี้ยงพี่ด้วยนะ” “พี่รวยกว่ามิลอีกนะคะ เป็นลูกคนเดียวด้วย พี่นั่น
“พี่ไม่แปลกใจเลย ทำไมพี่ชายมิลถึงหวงมิลนัก” “ใช่ค่ะ เราห่างกันคนละปีกว่า ๆ เอง คลอดปุ๊บ แม่ก็ท้องปั๊บเลย” “อาทิตย์หน้าไปกินข้าวบ้านพี่บ้างสิ พี่อยากให้แม่กับพ่อพี่ได้รู้จักว่าที่ลูกสะใภ้” “พี่เคยพาแฟนเก่าเข้าบ้านหรือเปล่าคะ” ที่ถามไม่ใช่ว่าเพราะเธอโกรธหรอก เธอเองก็ทำใจเรื่องใจอดีตเขาได้แล้ว เพียงแต่ถามเพื่อจะได้ทำตัวถูกเวลาเจอหน้าพ่อกับแม่ของเขา “ไม่เคย ตอนนั้นพี่เพิ่งเรียนปีหนึ่งเองนะ ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย” “….” “แต่ตอนนี้พี่คิดแล้วนะ พี่เป็นคนรักคนยากนะมิล ถ้าพี่รักแล้ว พี่ก็อยากจะคบกับเขาให้นานที่สุด” ยิ่งเขาพูด เธอก็ยิ่งเขินหน้าแดงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็ไม่อยากจะคิดหรอกว่าเธอโชคดีแค่ไหน ที่ได้เป็นคนนั้นในใจเขา เรื่องของความรัก มันไม่ใช่อีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายโชคดีอย่างเดียว แต่มันคือการที่คนสองคนโชคดีทั้งคู่ต่างหากที่ได้มาเจอกัน ตอนนี้อยากจะบอกแฟนเก่าของเขาเหลือเกินว่าขอบคุณนะคะ ที่ทิ้งเขามาจนเจอกับเธอ 21.30 น. บรรยากาศในผับสุดหรูของพายุ ที่มีศักดิ์เป็นลุงของมิลลิ เธอไม่ค่อยได้มาที่นี่ นอกจากว่าจะมาพี่ชายหรือคนเป็นพ่อ เวลามีงานฉลองอะไร ครอบครัวของเธอมักจะเลือกมาฉลองกันที่นี่
“กว่าครอบครัวมิลจะยอมรับพี่ กระดูกพี่ไม่หักไปก่อนเหรอ” “หักไม่ได้คะ มิลไม่ยอมหรอก ว่าแต่….” “แต่อะไร?” “ว่าแต่มีตรงไหนให้พ่อมิลทำพี่ได้อีกบ้างค่ะ หน้าโดนแล้ว ขาโดนแล้ว งั้นหลังได้ไหมคะ” “มิลลิ”เสียงทุ้มเรียกชื่อเธออย่างไม่เชื่อ ตอนแรกเขาก็คิดว่าเธอพูดเล่น แต่ทำไมท่าทางเธอตอนนี้ถึงดูจริงจังขนาดนี้ “คิก คิก มิลพูดเล่นค่ะ เหลือด่านสุดท้ายแล้วนะคะ” มิลลิเข้าไปออดอ้อนแฟนหนุ่ม ตอนนี้ที่พวกเธอนั่งอยู่ท่ามกลางสายตาของเพื่อนสนิทมิลลิสองคน ตรงใต้ตึกคณะบริหาร ทำให้เพื่อนสองคนนั่งมองเธอด้วยสายตาหมั่นไส้ “งั้นมิลก็ต้องปลอบใจพี่ด้วยนะ ดูสิ”เขาเอียงหน้าให้เธอดูรอยแผลตรงมุมปาก คนตัวเล็กหันซ้าย หันขวา ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปเบา ๆ อย่างเอาใจ “แหวะ!!! อีมิล กูจะอ้วก” คาเทียร์มองบนทนความคลั่งรักของคู่นี้ไม่ไหว ต้องทำท่าอ้วกออกมา โดยมีปลายฝนนั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่สนใจพวกเธอสักนิด ยังคงนั่งออดอ้อนกันอยู่แบบนั้น ราวกับว่าโลกนี้มีเพียงสองเรา “ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ยีนส์จะเป็นคนคลั่งรักขนาดนี้”ปลายฝนพูดขึ้นขณะเดินไปเรียนวิชาช่วงเช้า “ไม่ใช่แค่พี่ยีนส์หรอก อีเพื่อนตัวดีของเราก็น้อยห
ยีนส์ทำสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินลงมาส่งเธออย่างไม่เต็มใจ เมื่อเห็นสีหน้ายียวนของไอ้เพื่อนเวร เขาก็ชักสีหน้าใส่มันทันที “ทำไมมึงทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะว่ะ” โซลแซวด้วยรอยยิ้มขบขัน เขารู้ว่ามันไม่เต็มใจจะให้น้องสาวเขากลับ ยอมรับว่าที่มารับมิลลิ ก็เพราะเขาอยากแกล้งมันโดยตรง หมั่นไส้มันที่เคยทำกับน้องเขา แล้วมาดี๊ด๊าเมื่อน้องเขาให้อภัยมันง่าย ๆ “ไอ้เวร มึงเอาคืนกูที่น้องมึงให้อภัยกูใช่ไหม” “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”โซลหัวเราะเสียงดัง ไม่อยากเชื่อว่ามันจะอ่านใจเขาออกขนาดนี้ “สัด!!! กูขอแช่งให้มึงโดนบ้างเวลามึงมีความรัก มึงคอยดู” “แม่ง!!! แช่งเป็นเด็ก ๆ แต่กูคงไม่มีวันนั้นว่ะ ขอโทษด้วยนะ เพราะคนอย่างกูไม่รักใครง่าย ๆ เหมือนมึงหรอก” มิลลิยืนมองพี่ชายกับแฟนยืนเถียงกันแบบเด็ก ๆ แล้วก็ส่ายหัวออกมา ดูท่าว่าเธอจะต้องเจอแบบนี้ไปตลอด เพราะสองคนนี้ดูเป็นคนไม่ยอมใครทั้งคู่ “ไปได้แล้วค่ะ”เธอตัดบทก่อนจะขึ้นไปรอบนรถคนเป็นพี่ชาย มองเห็นสองคนยังยืนเถียงกันต่อ จนเธอต้องเปิดกระจกตะโกนเรียกพี่ชายให้ขึ้นรถได้แล้ว “เตรียมจะบอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่” ระหว่างที่นั่งบนรถ พี่ชายก็ถามเธอถึงเรื่องนี้ แต่ก็เป็นเ
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! เสียงตอกอัดเข้าออกรุนแรงอย่างดิบเถื่อน จนร่างเล็กโยกโคลงตามแรงกระแทกนั้น เธอต้องเอามือขึ้นเกาะบ่าเขาไว้ เล็บจิกเกร็งตรงผิวเนื้อเขาจนเลือดซิบ ใบหน้าสวยเหยเก หลับตาคราญครางเสียงดังด้วยความเสียวซ่าน ทุกจังหวะการกระแทกที่เพิ่มระดับความแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความกระสันที่พุ่งสูงขึ้น เหงื่อเม็ดโตผุดพลายบนใบหน้าหล่อเหลา กรามหนาขบเข้าหากันแน่นทุกครั้งที่ร่องรักของเธอตอดรัดเอ็นร้อนของเขาแรง ๆ รัว ๆ “อ๊าสส ตอดแรง พี่เสียวหัวมากเลยครับ” เสียงทุ้มครางกระเส่า พร้อมคำพูดหวานหู ที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งมาพูดเวลานี้ ยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านขึ้นถึงขีดสุด ร่างหนายังคงขยับโยกไปมาอย่างไม่ลดระดับความแรง มือหนาเอื้อมไปบีบเค้นอกอวบของเธอไปด้วย “มิลไม่ไหวแล้วค่ะ อื้อ~ อ๊าสส” มิลลิสะบัดหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่าน ร้องครางเสียงดัง ก่อนที่เธอจะกระตุกตัวเกร็งปลดปล่อยออกมาทันที “อร้ายย”เมื่อเห็นเธอเสร็จแล้ว ยีนส์ก็เร่งความเร็วถึงขีดสุด กระแทกเข้าออกถี่ ๆ แรง ๆ ก่อนที่เขาจะแตกพร่า ฉีดอัดน้ำรักเข้าไปในร่องรักของมิลลิจนหมด “อึก อ๊าส”ครวญครางออกมาอย่างสุขสม ยีนส์แช่เอ็นร้อนเอาไว้ ไม่ได้ถอดอ
เมื่อประตูคอนโดเปิดออก ยีนส์ก็ผลักคนตัวเล็กติดผนังทันที แววตาคมเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ร่างกายเครียดเกร็งไปหมดทุกส่วน บางอย่างที่แข็งขืนอยู่นาน ยิ่งทวีความต้องการมากขึ้น ริมฝีปากหนาก้มลงจูบดูดดื่มกับริมฝีปากอวบอิ่ม ส่งลิ้นร้อนเข้าไปกวาดต้อน เกี่ยวพันกับลิ้นเล็ก รสจูบแผดเผาร่างกายมิลลิจนร้อนรุ่มไปหมด ใจเต้นเสียงดังโครมคราม มันแตกต่างจากจูบทุกครั้งที่ผ่านมา นอกจากความเร่าร้อนแล้ว ยังเต็มไปด้วยความดุดัน ลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร มือเล็กยกขึ้นเกี่ยวคอแกร่ง เมื่อถูกความกระสันเสียวเล่นงานไม่หยุด จนร่างกายอ่อนปวกเปียกยืนทรงตัวแทบไม่ได้ มือหนาของคนตัวสูงยกขึ้นบีบสะโพกสวยอย่างจงใจ เขาค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้ง ของคนตัวเล็ก ก่อนจะมาเจอกับก้อนกลมด้านหน้าสองลูก ที่เขาออกแรงบีบเค้นมากกว่าปกติ ริมฝีปากก็ยังดูดดึงกันอยู่อย่างนั้น “อืม”เสียงทุ้มครางออกมาอย่างถูกใจ ก่อนจะผละริมฝีปากออกไป“พี่เจ็บจังเลยครับ” “ให้มิลทำยังไงคะ”รอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ส่งมา ทำให้เธอเขินอาย หน้าแดงก่ำ ช่วงริมฝีปากไม่สามารถหุบยิ้มได้ “มิลอยากทำยังไงกับพี่ครับ” “มิลอยากทำแผลให้พี่ค่ะ”ยีนส์กรอกตามอ