เป็นเวลากว่าสัปดาห์ที่หลงโหย่วอี้ขลุกตัวอยู่ในห้อง เขาได้รับรายงานจากองครักษ์เงาว่าจูฟางหรงหนีไปแล้ว ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่ว่านางจะหนีไปที่ใดหรือเล่นงานคนของเขาจนสะบักสะบอมสักกี่ครา หลงโหย่วอี้ก็ส่งองครักษ์เงาชุดใหม่กลับไปเช่นเดิม ขอเพียงเขาได้รู้ข่าวคราวว่านางยังรอดปลอดภัย เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ที่เขาไม่ออกตามหาจูฟางหรงด้วยตนเอง เพราะยามนี้ยังไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่นานเขาจะต้องเปิดใจคุยกับจูฟางหรงถึงเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่าง
ตอนที่หลงโหย่วอี้ได้สำรวจห้องใต้ดินของจวนสกุลเสิ่น เขาก็พบเบาะแสสำคัญบางอย่าง หลักฐานชิ้นนี้สามารถทำให้เขาทราบถึงตัวตนของผู้บงการเบื้องหลังของหอหงฮวา ถึงเขาระแคะระคายโดยตลอดแต่ไม่อาจปรักปรำหรือทำอันใดได้ จนกว่าจะมีหลักฐานครบถ้วน
“ท่านอ๋อง มีมือสังหาร!” ทหารเฝ้ายามวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
หลงโหย่วอี้รวบหลักฐานทุกอย่างที่ได้มาจากจวนสกุลเสิ่นเก็บเข้าที่ปลอดภัย เขาคาดไว้อยู่แล้วเรื่องราวต้องเป็นเช่นนี้ แต่ไม่คิดว่าศัตรูจะไหวตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
“พวกมันรู้ตัวแล้ว จมูกไวจริงเชียว”
เฉินกง “ท่านอ๋อง กระหม่อมจ
หลงโหย่วอี้ชะงัก ระหว่างที่เขาหันหลังมือสังหารที่เหลือหวังลอบทำร้ายเขา ทว่าองครักษ์เงาก็กระโจนเข้ามากันท่า ต่างฝ่ายต่างเขม้นกันเพื่อหยั่งเชิงจู่ ๆ เสียงทุ้มก็หัวเราะครืน “ฮ่า ฮ่า ท่านอ๋อง คนเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ ท่านก็ยังจะเสนอตนเพื่อสิ่งใด”“หุบปาก!”ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นไม่ได้แยแสเขาสักนิด ยังคงหัวเราะเยาะเขาอยู่ในลำคอ และแน่นอน ชายชุดดำที่ปกปิดเรือนร่างใบหน้ามิดชิดหาใช่ใครอื่น แต่เป็นถังซือหง วันนี้คือภารกิจไล่ล่าชีวิตคนทรยศของหอหงฮวาอย่างแท้จริง เขาไม่อาจทำพลาดได้เป็นอันขาดหลงโหย่วอี้เห็นจูฟางหรงยังคงนิ่งเงียบ และจ้องเขาเขม็ง เขาจึงไม่คิดเข้าใกล้นางให้เกิดความกดดันอีก เพราะเกรงว่าจูฟางหรงจะเผลอถอยหลังมากไปกว่านี้ หากนางยังขยับอีกสองสามเก้า มีหวังได้ตกลงหน้าผาเป็นแน่ร่างสูงหมุนกายขวับ เขาประจันหน้ากับถังซือหง “พวกเจ้ามันก็แค่สุนัขขี้ขลาด หดหัวอยู่ใต้แสงจันทรา ยามตะวันลับฟ้าก็หนีหางจุกก้น เป็นผีสางหรือปีศาจกันเล่าไยต้องปกปิดหน้าตา ซ้ำยังเกรงกลัวแสงสว่าง”“ท่านน่ะสิปีศาจ ข้ามิเค
เป็นเวลากว่าสัปดาห์ที่หลงโหย่วอี้ขลุกตัวอยู่ในห้อง เขาได้รับรายงานจากองครักษ์เงาว่าจูฟางหรงหนีไปแล้ว ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่ว่านางจะหนีไปที่ใดหรือเล่นงานคนของเขาจนสะบักสะบอมสักกี่คราหลงโหย่วอี้ก็ส่งองครักษ์เงาชุดใหม่กลับไปเช่นเดิม ขอเพียงเขาได้รู้ข่าวคราวว่านางยังรอดปลอดภัย เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่เขาไม่ออกตามหาจูฟางหรงด้วยตนเอง เพราะยามนี้ยังไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่นานเขาจะต้องเปิดใจคุยกับจูฟางหรงถึงเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่างตอนที่หลงโหย่วอี้ได้สำรวจห้องใต้ดินของจวนสกุลเสิ่น เขาก็พบเบาะแสสำคัญบางอย่าง หลักฐานชิ้นนี้สามารถทำให้เขาทราบถึงตัวตนของผู้บงการเบื้องหลังของหอหงฮวา ถึงเขาระแคะระคายโดยตลอดแต่ไม่อาจปรักปรำหรือทำอันใดได้ จนกว่าจะมีหลักฐานครบถ้วน“ท่านอ๋อง มีมือสังหาร!” ทหารเฝ้ายามวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหลงโหย่วอี้รวบหลักฐานทุกอย่างที่ได้มาจากจวนสกุลเสิ่นเก็บเข้าที่ปลอดภัย เขาคาดไว้อยู่แล้วเรื่องราวต้องเป็นเช่นนี้ แต่ไม่คิดว่าศัตรูจะไหวตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้“พวกมันรู้ตัวแล้ว จมูกไวจริงเชียว”เฉินกง “ท่านอ๋อง กระหม่อมจ
หลังกลับจากจวนสกุลเสิ่น หลงโหย่วอี้ก็ยังง่วนอยู่กับกองตำราและหลักฐานต่าง ๆ กระทั่งเขาเห็นบางสิ่งตกอยู่บริเวณใต้เตียง“ท่านอ๋อง พระองค์ต้องพักผ่อนบ้างนะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าพักแน่ แต่ขอสะสางเรื่องนี้ก่อน”เอ่ยจบหลงโหย่วอี้ก็ก้มลงเก็บของชิ้นนั้นขึ้นมา ครั้นเห็นว่าเป็นสิ่งใดเขาก็หวนนึกไปถึงตอนที่จูฟางหรงวาดลวดลายร่ายระบำยั่วยวนเจ้าเมืองฉางฝู ที่นางทำเช่นนั้นก็เพียงหลักฐานโง่เง่าอันนี้หลงโหย่วอี้หลับตาลงเพื่อเรียกสติมือของเขากำหยกเก็บสาส์นไว้แน่น ไม่นานก็ถอนหายใจแผ่วอย่างนึกปลดปลง จากความชิงชังรังเกียจที่มีต่อชายากำมะลอมันตาลปัตรจนใจของเขานั้นยากจะสงบ ยามนี้หัวใจของเขามันไขว้เขวและต้องการพบจูฟางหรงเป็นอย่างมาก เหตุใดสวรรค์จึงรังแกเขาในวันที่แยกจากกันด้วยความเข้าใจผิดทว่าภารกิจที่รัดตัวอยู่ตรงหน้าเป็นเหตุให้หลงโหย่วอี้ไม่อาจวางมือยามนี้ได้ หวังเพียงไหวพริบของจูฟางหรงที่มีจะช่วยให้นางเอาตัวรอดจากศัตรูจนกว่าเขาจะตามตัวนางพบ“ท่านอ๋อง”เสียงทุ้มดังมาจากริมหน้าต่าง“เข้ามา”องครักษ์เงากระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แสงสะท้อนยามอาทิตย์อัสดงรับกับเรือนร่างโปร่งที่ยืนต้องสายลมจนชายเสื้อปลิดปลิว ช่างดูงดงามประหนึ่งภาพวาดลายวิจิตร แม้ใบหน้าของสตรีร่างระหงถูกบดบังด้วยแพรผืนบาง ก็ไม่อาจซ่อนเร้นความงามที่เปล่งประกายเป็นเวลาสองวันที่จูฟางหรงสามารถหนีตายจากอ๋องปีศาจออกมาได้ไม่คิดเลยว่าการหลบหนีหนนี้จะง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ คงเพราะเขาได้รับบาดเจ็บจากพิษของนาง จูฟางหรงจึงคิดว่าหลงโหย่วอี้อาจหมดสติไปหลายวันหรือไม่ก็ตายไปจริง ๆ กระนั้นจูฟางหรงก็ไม่อยากคิดไปเอง เพราะจูฟางหรงทราบดีว่าหลงโหย่วอี้โกงความตายเก่งยิ่งนัก นางจึงไม่ได้รู้สึกประหวั่นเรื่องที่เขาต้องสิ้นชีวิตแต่อย่างใดน่าเสียดายที่จูฟางหรงเผลอทำหลักฐานชิ้นสำคัญหล่นเอาไว้ ข้อต่อรองเพียงหนึ่งเดียวที่มีจึงอันตรธานหายไปในพริบตา นับจากนี้คงต้องหาวิธีหลีกหนีคมหอกห่าธนูของโหย่วอี้อ๋องใหม่เสียแล้ว สิ่งที่หมายพิชิตใจเพื่อหลอกใช้เขามันช่างเป็นวิธีสิ้นคิดและโง่เขลาเสียจริง มิสู้ตาต่อตาฟันต่อฟันน่าจะง่ายกว่า แต่อย่างน้อยจูฟางหรงก็ได้รับรู้ว่านางสามารถสร้างบาดแผลในใจให้อ๋องอำมหิตได้บ้างแล้ว หวังว่าการจากมาของนางจะทำให้เขาคลุ้มคลั่งอย่าได
หลงโหย่วอี้นิ่งอยู่นาน เขารู้สึกว่าโลกกำลังกลับด้านไปเสียหมด ยิ่งย้อนนึกถึงใบหน้าแย้มยิ้มของจูฟางหรงยามเห็นลูกกวาดรสหวานกำลังสวมทับรอยยิ้มพริ้มเพราของเด็กไม่ประสา หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นครึกโครมโกหกหรือไม่ นี่ข้าทำอะไรลงไป“ท่านอ๋องเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ”หลงโหย่วอี้หูดับไปตั้งนานแล้ว กระทั่งหมอหลวงมาถึง หลงโหย่วอี้ก็ยังนั่งพิงกำแพงอยู่ที่เดิม สมองของเขาประหนึ่งมีละอองหมอกขาวบดบังทุกสิ่ง เฉินกงร้องเรียกหลงโหย่วอี้หลายครา ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมขยับหมอหลวงจึงเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋อง เช่นนั้นกระหม่อมขอตรวจอาการครู่เดียวนะพ่ะย่ะค่ะ”แขนที่ได้รับบาดเจ็บวางแหมะลงบนพื้น จิตใจของหลงโหย่วอี้ล่องลอยไปไกลลิบ ดูเหมือนว่าคนที่เขากำลังตามหาอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทุกการกระทำที่ผ่านมามันกำลังย้ำเตือนความผิดบาปในใจของเขาไยนางจึงกลายเป็นคนของหอหงฮวาได้เฉินกงเห็นหมอหลวงดูประหม่าอย่างมาก เขาจึงช่วยประคองมือของหลงโหย่วอี้เอาไว้ทั้งที่เจ้าตัวยังนิ่งสนิทจากนั้นหมอวัยกลางคนก็วางนิ้วเพื่อจับชีพจร
สติของถังซือหงกระเจิงไปหมดแล้ว เขาไม่อาจยอมรับภารกิจแสนทรหดนี้ได้“ท่านอาจารย์ เรายังไม่มีหลักฐาน ไยต้องเร่งทำเช่นนี้ รอนางกลับมาอธิบายก่อนไม่ดีกว่าหรือขอรับ”“ไม่มีประโยชน์ เก็บอาวุธของเจ้าลง”ถังซือหงตวัดกระบี่ลงด้วยความหัวเสีย ทั้งยังได้ยินเสียงเยาะหยันจากบุรุษฝั่งตรงข้าม“หากเจ้าไม่ทำ เช่นนั้นข้าจะส่งเรื่องรายงานกลับไปหานายท่าน”ถังซือหงใจชื้น “ภารกิจนี้จะยกเลิกใช่หรือไม่ขอรับ”หนึ่งศิษย์หนึ่งอาจารย์ประสานสายตากันประหนึ่งช่วงเวลาหยุดนิ่ง“ไม่ใช่”ทันทีที่ถังซือหงได้ยินคำปฏิเสธ ขาสูงก็อ่อนยวบคล้ายกับฟ้ากำลังถล่มลงตรงหน้า “ทำไมขอรับ หรงเอ๋อร์ก็เป็นศิษย์ของท่าน”“ศิษย์งั้นหรือ ศิษย์ที่คิดทรยศอาจารย์ นับว่าเป็นตัวอะไร!”ถังซือหงคอตกเพราะเห็นศิษย์ของเขาลำบากใจ ตู้เชินจึงเอ่ยอีกครั้ง “เช่นนั้นงานนี้ก็ให้ผู้อื่นทำ”ก่อนที่ตู้เชินจะหันไปมอบภารกิจให้ผู้อื่น ถังซือหงก็พยายามตริตรองและหาทางออก ถึงอ