ก๊อก ก๊อก
“พี่หญิง ข้านอนไม่หลับ ข้าเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ”
จูฟางหรงผละห่างจากบานหน้าต่าง เพราะเกรงว่าหลงโหย่วอี้จะสังเกตเห็นตน
“เข้ามาสิ”
ดรุณีแรกแย้มจึงเข้ามา สีหน้าของนางเป็นกังวลอย่างมาก “พี่หญิง ดูเหมือนคืนนี้พายุจะเข้านะเจ้าคะ ท่านจะไม่ให้ท่านอ๋องเข้ามาพักจริงหรือ”
จูฟางหรงผินหน้ามองไปนอกหน้าต่างอย่างนึกกังวล แต่กลับฝืนใจเอ่ย “เขาไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพอฝนตกลงมา เขาก็คงหาที่หลบเอง”
“แต่…”
“ไม่ต้องแต่แล้ว เจ้านอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้หรอกหรือ หากเจ้ากลัวว่าหน้าร้านเราจะมีคนตาย เช่นนั้นก็…”
จูฟางหรงแสร้งขบคิด อันที่จริงนางเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว “เจ้าเอานี่ไปทำแผลให้เขา ถ้าได้ทำแผลก็น่าจะไม่ตายง่ายดายกระมัง”
ลี่ซือมองยาสมานแผล และอุปกรณ์พยาบาลในมือ “พี่หญิง แล้วไยท่านไม่ไปเองเล่าเจ้าคะ ข้าไม่กล้า”
“เจ้าไม่ไปก็ช่าง ข้าก็ไม่อยากไปเช่นกัน งั้นก็ปล่อยเขาไว้อย่างนั้นเดี๋ยวก็จากไปเองนั่นล่ะ”
จูฟางหรงเอื้อมมือหมายหยิบอุปกรณ์ในมือลี่ซือกลับคืน แต่ลี่ซือก็เบี่ยงหลบ “ชะ…เช่นนั้นข้าจะช่วยทำแผลให้ท่านอ๋องเอ
ไม่น่าเชื่อว่านับจากวันที่จูฟางหรงยินยอมร่วมหอกับหลงโหย่วอี้ ทำให้พิษที่เป็นส่วนหนึ่งในกายถูกขับออกไปได้ ซ้ำยังช่วยรักษาอาการหนาวเย็นของหลงโหย่วอี้จนหายขาดอีกด้วย“ฮองเฮาพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว ขึ้นฝั่งกันก่อนนะเพคะ”เป่าชุนเห็นว่าพวกนางล่องเรือออกมาไกลจากตัวเรือนมากเกินไป และยามนี้ขอบฟ้าก็เริ่มทอประกายน้ำเงินเหลือบทองแล้วจูฟางหรงเผยยิ้มซุกซน “ได้สิ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ข้าอยากได้เหลียนฮวา [1] ดอกนั้น หากใช้กลีบของมันผสมลงในอ่างอาบน้ำจะต้องสดชื่นมากเป็นแน่ ท่านพี่เหนื่อยล้าจากราชกิจมานาน ยามนี้ได้หวนมาพักผ่อนที่เรือนกลางหุบเขา ข้าอยากให้เขาผ่อนคลายมากที่สุด”เป่าชุนมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังเจ้าเหลียนฮวาสีชมพูอมม่วงซึ่งเด่นตระหง่านท่ามดอกอื่น ๆ เพราะในสระแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเหลียนฮวาสีขาวเสียมากกว่า“แต่ไกลมากเลยนะเพคะ เป่าชุนเกรงว่าถ้าเราเข้าใกล้อีกนิด จะมืดค่ำเสียก่อน”จูฟางหรงยิ้มหวาน “ไม่เป็นไรข้ามีวิธี เช่นนั้นเจ้ารอข้าตรงนี้ก็พอ”เป่าชุนกะพริบตาถี่เมื่อสตรีร่างระหงลุกยืนบน
แพขนตาหนาขยับแผ่ว จูฟางหรงอึกอัก “ก็เปล่าเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันยังไม่พร้อม” จูฟางหรงเองก็ค่อย ๆ ปล่อยวางเรื่องเมื่อชาติก่อนได้แล้ว ยามนั้นเขาจะทรมานนางก็ไม่แปลก ในเมื่อจูฟางหรงเป็นมือสังหารของศัตรู อีกอย่างที่นางต้องหวนมาเกิดใหม่หาใช่เขาปลิดชีพนางโดยตรง เป็นนางที่เลือกจบชีวิตตนเองอย่างขลาดเขลาเพื่อหลีกหนีปัญหา“หรงเอ๋อร์ ในทุกคืนข้ามักติดอยู่ในภวังค์ฝันแห่งหนึ่ง ทุกอย่างคล้ายเรื่องจริงมาก ข้าเห็นเจ้าร่วงหล่นลงจากผาสูงชัน ยามนั้นข้าอยากยื่นมือดึงเจ้าขึ้นมาแต่ไม่อาจทำได้ ข้ารู้เพียงว่าเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด และข้าเองก็กระโจนลงหน้าผาตามเจ้าไป ข้าเห็นเจ้าสิ้นใจตรงหน้าข้าเองก็เจ็บปวดอย่างมาก ภวังค์ฝันนี้ข้าติดอยู่กับความรู้สึกสุดทุกข์ทรมาน ข้าไม่รู้ว่าไยจึงฝันไม่เป็นมงคลเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากนั่นคือเรื่องของเราเมื่อภพชาติใดก็ตาม ข้าอยากบอกเจ้าว่าข้าขอโทษ และนับจากนี้ข้าจะเป็นสามีที่ดี จะดูแล ทะนุถนอมเจ้า และสัญญาจะรักและมีเพียงเจ้าผู้เดียวตลอดไป...”จูฟางหรงนิ่งเงียบ ความรู้สึกหลากหลายมันจุกอกเต็มไปหมด เรื่องเมื่อชาติก่อนต่างฝ่ายก็ล้วนมีเส้นทางที่ต
ในวันที่ถังซือหงตัดสินใจช่วยรักษาบาดแผลให้หลงโหย่วอี้ เขาเองก็เริ่มวางทิฐิและปลดปลงเรื่องของจูฟางหรงแล้ว จูฟางหรงยินยอมมาช่วยเฉินกงตามคำร้องขอ เพราะตอนนั้นหลงโหย่วอี้ยังไม่ได้สติบัดนี้จูฟางหรงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ถังซือหงก็เป็นเพียงพี่ชายร่วมสาบานที่ผิดต่อคำสัตย์ของตน เขาจึงไม่คิดห้ามปรามจูฟางหรงอีก ทุกอย่างนางควรได้ตัดสินใจและเดินบนเส้นทางที่เลือกอีกอย่างจูฟางหรงก็เฝ้าฝันมาตลอดว่านางจะได้พบกับพี่ชายที่ตนตามหา และมีชีวิตอยู่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตระกูลของตน เมื่อจังหวะและโชคชะตาได้กำหนดเช่นนี้ เทพเซียนก็มิอาจขวางจูฟางหรงจากไปไม่นาน หลงโหย่วอี้ก็ได้สติ ถังซือหงให้ยาสมานแผลชนิดเฉียบพลันแก่หลงโหย่วอี้ บาดแผลที่ได้รับจะรู้สึกถึงเพียงอาการชาเท่านั้น ทั้งสองคุยเปิดใจกันในทุกสิ่ง กระทั่งถังซือหงรู้ว่าหลงโหย่วอี้ก็คือคนที่จูฟางหรงตามหามาโดยตลอดเขายอมจำนนต่อโชคชะตา และปล่อยให้ทั้งสองได้แก้ไขปัญหากันเอาเอง“พี่ถัง ท่านไม่ตามพี่หญิงไปหรือเจ้าคะ”ถังซือหงส่งยิ้มบางให้ลี่ซือ “ไม่ล่ะ นางควรได้ตัดสินชีวิตตนเองบ้าง”
เจ้าของร่างสูงประคองแผ่นหลังบอบบางไว้ในอ้อมแขน เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหูเล็ก “หรงเอ๋อร์ ที่เหลือข้าจัดการเอง”จูฟางหรงส่ายศีรษะเขามาได้อย่างไร!?“ไม่เพคะ เฟยหมิงอ๋องคือคนที่ทำลายตระกูลหม่อมฉัน หม่อมฉันจะแก้แค้นด้วยตนเอง”มุมปากของหลงเฟยหมิงยกขึ้นเผยความเย็นชาระลอกหนึ่ง “คิดว่าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ ต่อให้เป็นฮ่องเต้หากไร้ซึ่งตรากิเลนเพลิง พระองค์ก็ประหนึ่งฮ่องเต้แขนขาพิกลพิการ”“งั้นหรือ เสด็จอา ท่านชะล่าใจเกินไปแล้วกระมัง ตรากิเลนเพลิงนั่น ท่านแน่ใจหรือว่าเป็นของจริง”เฟยหมิงอ๋องหน้ากระตุก ความร้อนรนสะท้อนออกมาผ่านแววตาของเขา “อย่ามาทำไขสือเล่นลิ้นกับข้า”คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง “ไม่เชื่อหรือ หากไม่เชื่อท่านก็ลองหยิบออกมาดูสิ”มือหยาบกร้านแง้มกล่องไม้สักในมือขึ้นแช่มช้า อกซ้ายของเขาเต้นระทึกด้วยความประหวั่นบรรดาทหารกล้าที่ถูกเฟยหมิงอ๋องควบคุมต่างไขว้เขว กระทั่งสิ่งที่เขาหยิบออกมาก็เป็นเพียงไม้แกะสลักรูปหงส์ง่อย ๆ อันหนึ่งหลงเฟยหมิงผงะ “มะ…ไม่จริง!”เฉินกงที่ยืนเยื้องไม่ไกลสาวเท้า
ทว่าจูฟางหรงก็ยังสงบนิ่ง และไม่ได้แสดงท่าทีร้อนใจใด เสียงใสถามอีกฝ่ายด้วยความใจเย็น “ท่านอ๋อง กำลังอยากบอกสิ่งใดหรือ”เฟยหมิงอ๋องคิดว่ายามนี้ตนกำลังถือไพ่เหนือกว่า “นางคือคนของหอหงฮวา ทุกคนก็รู้ว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนปกครองราษฎรย่ำแย่เพียงใด ฮ่องเต้หมายปลิดชีพโหย่วอี้อ๋องเพื่อลดทอนอำนาจทหารจนต้องเลือกสตรีไร้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นพระชายาของเขา นางคือมือสังหารของหอหงฮวา สตรีเช่นนี้นับว่ามีคุณสมบัติใดได้รับตำแหน่งฮองเฮา”เสียงทุ้มถกเถียงอึงอลขึ้นอีกครั้งจู่ ๆ จูฟางหรงก็หัวเราะครืนราวได้ชมเรื่องขบขัน “ท่านอ๋องไม่คิดเลยว่าท่านจะห่วงไยสายโลหิตเดียวกันเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อจริงเชียว แต่ทว่าท่านทำพลาดไปหนึ่งสิ่ง ท่านไม่รู้หรือว่าข้าคือใคร เช่นนั้นข้าจะบอกให้เอาบุญ ว่าข้ามีคุณสมบัติเหมาะสมทุกประการที่จะได้รับตำแหน่งฮองเฮา”“ฮองเฮา ท่านอย่าแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อีกเลย”“ข้าเปล่าแก้ตัว หากทุกคนยังไม่รู้ ข้าก็อยากจะประกาศให้รู้โดยทั่วกัน ข้าคือคุณหนู เสิ่นฟางหรง และเป็นบุตรีเพียงหนึ่งเดียวของใต้เท้าเสิ่นที่รอดชีวิตจากการถูกใส่ความว่าเป็นกบฏ เมื่อสิบปีก่อน”หลงเฟ
บัลลังก์มังกรเริ่มสั่นคลอนอีกครั้ง เนื่องจากเป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่เหล่าขุนนางไม่พบแม้แต่เงาของฮ่องเต้ พวกเขาจึงรวมตัวกันที่ลานหน้าตำหนักใหญ่ ต่างนั่งคุกเข่าตากแดดตากลม และอดอาหารเพื่อบีบคั้นให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันออกมาทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง“ฝ่าบาทได้โปรดอย่าหมางเมินเหล่าอาณาประชาราษฎร์เลยพ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์ไม่ออกมาเกรงว่าคงต้องมีการแต่งตั้งฮ่องเต้พระองค์ใหม่”เสียงขุนนางร้องดังระงมสะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ผู้ที่ยืนเหยียดยิ้มย่ามใจในยามนี้คงหลีกไม่พ้นเฟยหมิงอ๋อง เขารอโอกาสนี้มาเนิ่นนาน และผู้ที่ยุยงให้เหล่าขุนนางทำตัวประหนึ่งกบฏ ล้วนเป็นฝีมือของเขาเช่นเดียวกัน“พวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้วงั้นหรือ ข้าเป็นไทเฮา ยามนี้ฝ่าบาทประชวรแต่ก็ยังทำภารกิจไม่ว่างเว้น หลักฐานก็มี ไยจำต้องพบพระพักตร์ฝ่าบาทให้ได้”“แต่ว่าไทเฮา การปกครองจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีองค์จักรพรรดินั่งบนบัลลังก์ ทว่ายามนี้ กระทั่งฮองเฮาก็ไม่มี”“ผู้ใดบอกงั้นหรือว่าไม่มี” เสียงใสโพล่งขึ้นจากทางด้านหลัง ร่างระหงย่างกรายออกมาจากด้านในเนิบนาบด้วยท่วงท่างามสง่าเหล่าขุนนางปากอ้าตาค้