บทที่ 2
นายท่านแห่งหอเฟิ่งจือ
ซือเมี่ยวเดินทางมาที่หอเฟิ่งจือพร้อมกับมิ่งจู ทั้งสองใช้ผ้าคลุมหน้าปิดบังใบหน้าของตนเพื่อไม่ให้ผู้ใดจำได้ ด้วยเรื่องที่จะมาพูดคุยกับนายท่านหอเฟิ่งจือคือเรื่องที่สำคัญมาก มิควรให้คนนอกพบเห็นการมาเยือนของนางผู้เป็นถึงบุตรีคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง
"นัดไว้แล้ว"
มิ่งจูชูป้ายไม้ที่คนของหอเฟิ่งจือให้นางเมื่อครั้งก่อน คนดูแลรับมาดูก่อนจะเชิญพวกนางทั้งสองไปยังห้องชั้นบน อันเป็นสถานที่ที่สงวนไว้ให้กับแขกสูงศักดิ์ของนายท่านแห่งหอเฟิ่งจือ
ซือเมี่ยวกวาดตามองโดยรอบอย่างพิจารณา ในนิยายที่นางอ่านมิได้บอกถึงตัวตนของเจ้าของหอเฟิ่งจือ เขาเป็นแค่ตัวประกอบที่ช่วยให้จวิ้นอ๋องกับองค์รัชทายาทเอาชนะชินอ๋องผู้เป็นตัวร้ายได้ ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นผู้ใดกันแน่
"ถึงแล้วขอรับ อีกสักครู่ข้าน้อยจะไปเชิญนายท่านให้มาพบขอรับ"
"ขอบใจเจ้ามาก" มิ่งจูยื่นก้อนตำลึงเงินให้บุรุษผู้นั้น
ซือเมี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ที่บุนวมอย่างดี ในขณะที่มิ่งจูยืนอยู่ทางด้านหลัง นางกวาดสายตามองการตกแต่งห้องที่ดูเรียบง่าย ทว่าข้าวของทุกชิ้นล้วนเป็นของที่มีราคาแพงทั้งสิ้น ผิดกับห้องของนางที่ตกแต่งอย่างไร้รสนิยม ใช้แต่เครื่องเงินเครื่องทองราวกับเป็นร้านขายของเช่นนั้นแหละ ไม่ได้การนางควรตกแต่งห้องเสียใหม่
ผลัวะ!
บานประตูถูกผลักออกพร้อมกับเงาร่างบุรุษที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายสูงใหญ่กำยำเป็นอย่างมาก กลิ่นอายที่แผ่ออกมามิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้เลย ทว่าใบหน้ากลับมีหน้ากากสีเงินปิดบังเอาไว้ เผยให้เห็นดวงตาคมดุและริมฝีปากหยักหนาเท่านั้น
"ขออภัยที่ให้รอนาน" น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ให้ความรู้สึกถึงความน่ายำเกรงดังขึ้นจากร่างสูง
"ไม่เป็นไร... มิ่งจูเจ้าออกไปรอข้าข้างนอกก่อน"
"เจ้าค่ะ"
คล้อยหลังที่มิ่งจูเดินจากไป ซือเมี่ยวจึงได้ถอดผ้าคลุมหน้าของตนออก ก่อนจะหันไปมองบุรุษตรงหน้าที่มีท่าทางเรียบเฉยเมื่อได้ยลโฉมนาง
"ท่านคือนายท่านแห่งหอเฟิ่งจือใช่หรือไม่"
"ใช่ เป็นข้าเอง"
คิ้วเล็กเลิกขึ้นอย่างมีคำถาม แค่เขาบอกว่าใช่นางก็จำเป็นต้องเชื่อหรือ "มีอะไรมายืนยันตัวตน"
บุรุษผู้นั้นเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะหยิบป้ายหยกแดงประจำตัวยื่นให้นาง "หวังว่าสิ่งนี้จะทำให้คุณหนูใหญ่ซือมั่นใจว่าข้าคือลู่เหวิน หาใช่ตัวปลอมไม่"
ซือเมี่ยวยกยิ้มบาง นางพลิกป้ายหยกแดงดูก่อนจะรู้ว่านี่เป็นหยกแดงที่มีราคาแพงมาก ดูจากความกระจ่างใสของเนื้อหยกสีแดงแวววาวก็บ่งบอกได้ว่านี่คือของจริง
"เอาล่ะ ในเมื่อท่านคือนายท่านลู่ตัวจริง เช่นนั้นข้าก็จะมาเจรจาเรื่องสำคัญที่ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ท่าน ข้ามีข่าวอันสำคัญที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อหอเฟิ่งจือของท่านมิมากก็น้อยเลยล่ะ"
'ลู่เหวิน' นายท่านแห่งหอเฟิ่งจือพินิจสตรีตรงหน้าด้วยความสนใจ จากข้อมูลที่เขาได้รับมา นางเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอที่เป็นคู่หมั้นของจวิ้นอ๋อง แล้วสตรีเช่นนางจะล่วงรู้ข่าวสำคัญได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นข่าวที่มาจากบิดาของนางกัน
"เช่นนั้นคุณหนูก็ลองบอกข่าวของท่านมาก่อนสิ แล้วข้าจะตัดสินใจเองว่าจะมีประโยชน์ต่อข้าหรือไม่"
ซือเมี่ยวผุดยิ้มบางก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เขา "ชินอ๋องแห่งแคว้นถังทรงเป็นหมัน!"
เปรี้ยง!
ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาใส่ศีรษะของลู่เหวิน แววตาที่เรียบนิ่งพลันสั่นไหวด้วยความตกใจ ก่อนจะมองดวงหน้าหวานที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมด้วยความสงสัย นางรู้ได้อย่างไร... นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจจะสั่นคลอนตำแหน่งของชินอ๋องได้เลย
"ข้าจะเชื่อข่าวของท่านได้อย่างไร นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย แม้ชินอ๋องจะยังไม่มีพระชายาแต่ก็มีอนุมากมายในเรือนหลัง หากตรงส่วนนั้น... เอ่อใช้การไม่ได้จริง ๆ ก็น่าจะมีข่าวลือออกมาแล้วสิ" ลู่เหวินไม่เชื่อในคำพูดของซือเมี่ยว
"ข้าไม่ได้บอกว่าใช้งานไม่ได้ แต่ข้าบอกว่าเป็นหมันที่ไม่สามารถผลิตน้ำเชื้อที่ทำให้มีทายาทได้ต่างหากเล่า!" ซือเมี่ยวเอ่ยออกมาด้วยความอ่อนใจ
ตอนพิเศษ 7ความซุกซนของเด็กน้อย "เสด็จพ่อทรงวิ่งเร็ว ๆ สิพ่ะย่ะค่ะ ลูกอยากไปหาเสด็จแม่เร็ว ๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ"'เซี่ยหยางหลง' องค์ชายใหญ่ผู้เป็นแฝดพี่เอ่ยเร่งเร้าพระราชบิดา ขณะที่ตัวเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นคนแรก โดยมี 'เซี่ยหยางเฟิ่ง' องค์หญิงใหญ่ผู้เป็นแฝดน้องจับชายอาภรณ์ของเซี่ยลู่เหวินเดินตามมาไม่ห่าง เหตุเพราะพวกเขาเดินมาอย่างเชื่องช้าเพราะในอ้อมแขนซ้ายขวาของเซี่ยลู่เหวินนั้นได้อุ้ม 'เซี่ยหยางเหวิน' องค์ชายรองผู้เป็นแฝดผู้พี่ กับ 'เซี่ยหยางเจี้ยน' องค์ชายสามผู้เป็นแฝดผู้น้องผู้ใดจะคาดคิดว่าซือเมี่ยวให้กำเนิดฝาแฝดถึงสองคู่ โดยคู่แรกคือคู่หงส์มังกรส่วนคู่ที่สองคือคู่มังกร อายุของฝาแฝดทั้งสองคู่ห่างกันเพียงหนึ่งปีเท่านั้น!"พวกเจ้าช้า ๆ หน่อยเถิด พ่อยังอุ้มอาเหวินกับอาเจี้ยนจะให้ไปเร็วได้อย่างไร" เซี่ยลู่เหวินเอ่ยตอบบุตรชายคนโตด้วยความเหนื่อยใจ กายสูงรู้สึกเหนื่อยหอบยิ่งนัก เพราะต้องอุ้มเจ้าก้อนแป้งที่ตัวหนักจนแขนของเขาแทบจะหลุด และจะไม่อุ้ม
ตอนพิเศษ 6พร้อมหน้าพร้อมตา วันเวลาผ่านไปซือเมี่ยวก็ได้ให้กำเนิดคู่หงส์มังกรแก่เซี่ยลู่เหวินซึ่งหาได้ยากยิ่ง ทว่านางกลับสามารถให้กำเนิดเด็กที่สวรรค์ประทานให้มาอย่างง่ายดาย การคลอดก็แสนจะราบรื่น แม้นางจะเจ็บปวดเหมือนกับร่างกำลังจะแตกสลาย ทว่าความเจ็บนี้คงอยู่ไม่นานนัก เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองก็ลืมความเจ็บปวดไปเสียสิ้น คงเหลือไว้เพียงความดีใจเท่านั้น..."ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ ฮองเฮาทรงให้กำเนิดองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยเพคะ เป็นคู่หงส์มังกรที่สวรรค์ประทานให้เพคะ" รั่วรั่วกับมิ่งจูอุ้มทารกที่อยู่ในผ้าแพรสีแดงไปตรงหน้าของเซี่ยลู่เหวิน การรอคอยที่แสนทรมานได้สิ้นสุดลงเสียที เขาต้องยืนรอนางอยู่หน้าห้องคลอดโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความกังวลที่มีพลันมลายหายไปสิ้น เมื่อได้พบหน้าของเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่เขาเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน"อ่า... นี่ข้าได้ลูกแฝดชายหญิงเลยหรือนี่" เซี่ยลู่เหวินอุทานออกมาด้วยความตกใจและดีใจ คราแรกเขายังคิดว่าอาจจะได
ตอนพิเศษ 5เจ้าก้อนแป้งมาแล้ว ผลสุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดผ่านการคัดเลือกเป็นพระสนมเลยสักคนเดียว นั่นจึงทำให้เหล่าขุนนางต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องอับอายเมื่อบุตรสาวที่เลี้ยงดูมาอย่างดียังต้องถูกลงโทษโบย 60 ไม้ และต้องสูญเงินอีกกว่า 60,000 ตำลึงทองเลย "ฝ่าบาท นี่มันไม่ยุติธรรมนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรก็ต้องเลือกพวกนางหนึ่งในเก้าคนขึ้นมาเป็นพระสนมนะพ่ะย่ะค่ะ" แม่ทัพหลี่เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งการที่ต้องไปช่วยดูแลคนป่วยนั้นเป็นหน้าที่ของบ่าวรับใช้นะพ่ะย่ะค่ะ หาใช่หน้าที่ของพระสนมไม่ ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ" มู่จื้อหยางรีบเอ่ยขึ้นทันที"อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าพวกนางทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ ดูอย่างฮองเฮาสิ ทุกวันนี้นางยังอยู่ที่เมืองจิงเพื่อเฝ้าดูแลผู้ป่วยอยู่เลย ทั้งนางยังเป็นคนออกความคิดเรื่องการดูแลผู้ป่วย ทำให้ตอนนี้สามารถควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ เจ้าลองบอกกับข้าสิว่าพวกนางนั้นคู่ควรที่จะมาเป็นพระสนมของข้าหรือไ
ตอนพิเศษ 4ผู้ชนะ ด่านที่สองจัดขึ้นในสามวันให้หลัง โดยให้แต่ละคนแสดงความสามารถของศิลปะทั้ง 4 ออกมา เริ่มจากการดีดฉิน หมากล้อม เขียนอักษร และวาดภาพ พวกนางจะต้องทำได้ดีทั้ง 4 อย่าง หากพลาดเพียงนิดจะถูกคัดให้ออกทันที โดยครั้งนี้มีสตรีที่ผ่านด่านที่สองทั้งหมด 20 นาง "คุณหนูที่ไม่ผ่านด่านทดสอบเชิญก้าวออกมาข้างหน้าด้วยเจ้าค่ะ" มิ่งจูเอ่ยขึ้นหลังจากประกาศผลแล้ว"..." สตรีทั้งสอบก้าวออกมาด้านหน้าด้วยความอับอาย พวกนางพลาดเพียงนิดเดียวก็ถูกคัดออกโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย ช่างน่าเจ็บใจนัก"คุณหนูที่ถูกคัดออกจะต้องโทษโบยคนละ 40 ไม้ และจ่ายค่าด่านทดสอบ 2 ด่านรวมเป็น 20,000 ตำลึงทองเจ้าค่ะ""ว่าอย่างไรนะ! มิใช่แค่โดนลงโทษโบย 20 ไม้และเงินอีก 10,000 ตำลึงทองหรือ เหตุใดถึงเพิ่มเป็นเท่าตัวเช่นนี้เล่า"มิ่งจูหันไปยิ้มหวานให้กับบุตรีของท่านรองเสนาบดี "เรียนคุณหนูท่านนี้ โทษโบยจะถูกเพิ่มด่านละ 20 ไม้เจ้าค่ะ เช่นเดียวกับการท
ตอนพิเศษ 3การทดสอบด่านแรก เพียงประโยคเดียวของซือเมี่ยวก็ได้สร้างคลื่นลมให้กับราชสำนักแล้ว หลังจากเซี่ยลู่เหวินจากไปเขาก็ได้นำคำพูดของซือเมี่ยวไปขบคิด ก่อนจะรู้สึกเห็นด้วยกับนางที่อยากจะจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงจะยอมมีบุตรชายหญิงได้ เมื่อนี่เป็นความต้องการของนางเขาย่อมไม่คัดค้าน มีแต่จะสนับสนุนเพื่อให้นางมั่นใจแล้วยอมตั้งครรภ์ลูกในท้องของเขาเสียที"เจ้าจงนำสารลับนี้ส่งไปยังเมืองชายแดนทันที" เซี่ยลู่เหวินเขียนจดหมายสำคัญให้ไปส่งเว่ยหมิงจิ้นที่อยู่ชายแดนที่อยู่ติดกับแคว้นซ่ง เวลานี้เขากับถังหนิงหลงได้ร่วมมือกันที่จะตีแคว้นซ่งแล้ว รอเพียงไม่นานจะต้องเอาชัยเหนือแคว้นซ่งเป็นแน่ "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" ขันทีข้างกายน้อมรับคำสั่ง"แล้วก็ไปบอกกับจงเหยาด้วยว่าข้าให้ซื้อปืนยาวไฟของพวกตาสีฟ้า มีเท่าไหร่ก็ซื้อทั้งหมดแล้วส่งไปให้แม่ทัพเว่ย การศึกครั้งนี้เห็นทีจะต้องพึ่งปืนไฟพวกนี้เสียแล้ว""แต่ปืนไฟพวกนี้มีราคาแพงมากเลยไม่ใช่ห
ตอนพิเศษ 2การแข่งขันของสาวงาม จวนตระกูลเป็นมู่จื้อหยางรีบนำข่าวดีนี้มาบอกบุตรสาวด้วยความยินดียิ่ง ในที่สุดฝ่าบาทก็มิอาจขัดความต้องการของเหล่าขุนนางได้ แม้ในราชโองการจะมีข้อบังคับหลายประการ อีกทั้งพระสนมที่จะถูกแต่งตั้งก็เป็นเพียงพระสนมขั้นผิน หาใช่ขั้นเฟยที่เขาต้องการให้บุตรสาวไม่ ทว่านี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เขาเชื่อว่าเมื่อฝ่าบาทได้ยลโฉมบุตรสาวอีกครั้งจะต้องหลงใหลนางอย่างแน่นอน และอาจจะมากกว่าฮองเฮาผู้เป็นคนต่างแคว้นนั่นด้วย!"เมิ่งเอ๋อร์ ในที่สุดฝ่าบาทก็มีราชโองการรับพระสนมเข้าวังแล้ว เจ้าจะต้องแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาให้จงได้ เข้าใจหรือไม่""ท่านพ่อโปรดวางใจ ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ฝ่าบาทหลุดมือข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง และตำแหน่งฮองเฮาของแผ่นดินจะต้องเป็นของข้าเจ้าค่ะ" 'มู่ซูเมิ่ง' บุตรีเพียงคนเดียวของมู่จื้อหยางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ครั้งนั้นนางพลาดตำแหน่งฮองเฮาไปเพราะฝ่าบาทยังไม่เคยพบหน้านางเลยสักครั้ง นางไม่เชื่อหรอกว่าด้วยรูปโฉมและความสาม