LOGINความรักที่ลืมไม่ลง
วันถัดมา
หลังจากคลาสแรกจบลง เสียงพูดคุยของนักศึกษาในห้องเริ่มหนาตาขึ้น คงเป็นเพราะกำลังพยายามให้ภาษาที่เรียนมาให้คล่องเพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ แอลลี่เองที่พอได้ภาษาอยู่แล้วและไม่อยากจะทำความรู้จักคนอื่นจึงได้แค่นั่งเงียบ ๆ ระหว่างรอพักเรียนคลาสถัดไปในอีก 15 นาที
“ผู้ชายคนนั้นชื่อเมอร์สันใช่ไหม หน้าตาเขาดูดีมาก”
“ฉันอยากลองจัง”
แอลลี่ที่กำลังจัดหนังสือในกระเป๋าชะงักมือ เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำเมื่อได้ยินคำว่า “อยากลอง”
หญิงสาวกลอกตาเบา ในใจคิดบ่นไปว่า ผู้ชายเจ้าชู้ ! เธอเกลียดที่สุดเลย !
จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นข้อความจาก
“แฟนเก่า” อีกแล้ว
ผมเห็นคุณลงรูปในVV คุณอยู่เมือง S ใช่ไหม ?
ตอนนี้ผมมาทำงานที่เมือง S เรามาเจอกันแล้วคุยกันได้ไหม
แอลลี่...อย่างน้อยขออธิบายสักครั้งก็ยังดี
ดวงตากลมมองด้วยความสั่นไหว มือที่ถือโทรศัพท์ได้แค่นิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก
“เฮ้ แอลลี่!”
เธอสะดุ้ง หันกลับไปเห็นเมอร์สันยืนโบกมือยิ้มกว้าง
“บ่ายวันนี้แนะนำกิจกรรมชมรม เราลองไปดูกันไหม”
หญิงสาวขมวดคิ้วมอง
“นายไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไง”
“ก็— ตอนนี้มีแค่เธอนะ”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นสะดุดหนึ่งจังหวะโดยไม่รู้ตัว แต่ในจังหวะเดียวกัน โทรศัพท์ของเธอสั่นขึ้นอีกครั้ง ข้อความใหม่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
แอลลี่ คืนนี้เรามาเจอกันดีไหม ที่ร้าน XXX
หญิงสาวหลุบตาลงมองข้อความนั้นอยู่ครู่หนึ่งพลางถอนหายใจออกมา ความทรงจำมากมายที่เธอพยายามฝังกลบไว้ใต้รอยยิ้ม เวลาที่ผ่านไปพลันไหลย้อนกลับมาอย่างไม่ทันตั้งตัว — น้ำเสียง, คำขอโทษขอไปที, และความเจ็บที่ยังไม่หายดี ทุกอย่างยังคงตอกย้ำจนกลายเป็นบาดแผลในใจ
“แอลลี่?”
เมอร์สันเรียกซ้ำเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปนานกว่าปกติ
“เอออ…” เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเขาเพียงแวบเดียวก่อนรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
“บ่ายใช่ไหม ไปสิ”
“เยี่ยมเลย!” เขายิ้มกว้างจนดวงตาเป็นประกาย “เธอสนใจชมรมแนวไหนล่ะ?”
“ไม่แน่ใจ” เธอตอบพลางสะพายกระเป๋า “ขอดูก่อนแล้วกัน”
แอลลี่พูดแล้วเดินนำไป ทางด้านเมอร์สันก็ยิ้มหัวเราะกับท่าทางของเธอพลางสาวเท้าตามไปแล้วเอ่ยชวนคุยถึงมื้ออาหารกลางวันอย่างทันที แอลลี่ไม่ได้มีท่าทางปฏิเสธเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะใจกำลังมีเรื่องให้คิดอยู่เลยไม่ค่อยได้สนใจคำพูดของชายหนุ่มข้าง ๆ
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินมาที่ตึกสำหรับกิจกรรมชมรมที่รวมระหว่างนักศึกษาต่างชาติและนักศึกษามหาลัย แอลลี่และเมอร์สันเป็นเพียงนักศึกษาที่เข้ามาเรียนภาษาระยะสั้นเท่านั้น แต่ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมชมรมของมหาวิทยาลัยได้เช่นกัน
เสียงพูดคุยในโถงก้องไปทั่ว บรรยากาศคึกคักด้วยแผ่นโปสเตอร์หลากสีและนักศึกษาที่เชิญชวนกันเข้าชมรม เมอร์สันเดินนำไปนิด ๆ แต่หันกลับมามองเธอบ่อยครั้งเหมือนกลัวเธอจะหายไป
ในขณะที่เธอแสร้งทำเป็นสนใจบอร์ดกิจกรรมตรงหน้า โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นขึ้นอีกครั้ง — คราวนี้ไม่ใช่ข้อความ แต่เป็นสายเรียกเข้า ชื่อของแฟนเก่ายังเด่นชัดอยู่บนหน้าจอ หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบได้ยินเสียงตัวเอง
แอลลี่กำโทรศัพท์แน่น มือสั่นเล็กน้อย — อันที่จริงเธอควรจะบล็อกเขาตั้งแต่ตอนที่รู้ความจริงแล้ว ทว่าก็ไม่อาจทำใจได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้—ขณะที่ทุกคนกำลังสนใจกับกิจกรรมชมรม เธอหันหลังให้เมอร์สันอย่างเงียบ ๆ แล้วเดินแยกออกไปทางมุมอาคารที่ผู้คนเบาบาง ก่อนจะกดรับสาย
“แอลลี่ ฉันดีใจที่เธอรับสาย” เสียงผู้ชายปลายสายเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ฉันแค่...อยากเจอ อยากอธิบายทุกอย่าง เธอจะให้โอกาสฉันไหม?”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ความทรงจำเก่าพาเอาความเจ็บกลับมาอีกครั้ง เธอหลับตาลง สูดลมหายใจยาว ก่อนตอบด้วยเสียงสั่น
“มันไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้วล่ะ”
เธอกำลังจะกดวางสาย ทว่าคำพูดถัดมาของเขาทำให้มือชะงัก
“คืนนี้ ฉันจะรออยู่ที่ร้านนั้น ไม่ว่ามาหรือไม่มา...ฉันก็จะรอ”
สัญญาณสายถูกตัดไปพร้อมกับความเงียบที่กดทับอยู่ในใจ แอลลี่มองหน้าจออย่างว่างเปล่า ก่อนกำโทรศัพท์แน่น — ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่จุกอกคือความโกรธ หรือความหวั่นไหวที่ยังไม่จางหายกันแน่
เสียงเรียกของเมอร์สันดังขึ้นอีกครั้งจากไกล ๆ
“แอลลี่! มานี่สิ ฉันเจอชมรมที่เธอต้องชอบแน่ !”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้า ซ่อนแววตาที่สั่นไหวไว้ใต้รอยยิ้มก่อนหันเดินกลับไปหาชายหนุ่ม
“ชมรมเขียนพู่กัน น่าสนใจมาก” เขาเอ่ยนำเสนอออกมา “เห็นว่าผู้สอนคือศาสตราจารย์ที่ได้รับรางวัลด้วยนะ”
เมอร์สันคว้ามือลากหญิงสาวมายืนอยู่ที่ซุ้มหน้าชมรม ที่มีแต่คนเดินผ่านแต่ไม่มีใครสนใจจะเข้าไปเรียนสักเท่าไหร่
“เป็นไง เธอสนใจไหม” เขาเอ่ยถามความเห็นของเธอ
แอลลี่ในขณะนี้ไม่มีสมาธิตัดสินใจอะไรเท่าไหร่ เธอแค่พยักหน้าแล้วขานรับในลำคอไปอย่างงุนงง เมอร์สันเมื่อเห็นหญิงสาวตอบตกลงก็รีบลงชื่อทันทีไม่รีรอ
บทที่ 4 รอยยิ้มที่คุ้นเคยกับหัวใจที่เจ็บปวดหลังจากกิจกรรมชมรมจบลง แอลลี่ตัดสินใจกลับหอพักระหว่างทางแทบไม่พูดอะไรเลย ทว่าเมอร์สันยังคงพูดเรื่องพู่กันจีนและครูสอนศิลป์ที่เขาประทับใจ แต่เสียงเหล่านั้นกลับเลือนรางในโสตประสาท เธอเพียงพยักหน้ารับเป็นระยะ เมื่อเดินถึงห้องก็เดินเข้าไปทันทีโดยไม่ได้คุยกับชายหนุ่มทันทีที่ประตูห้องปิดลง ความเงียบก็เข้าครอบงำหญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วทรุดตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดานสีขาวนิ่งงัน เสียงข้อความสุดท้ายจากปลายสายยังดังก้องอยู่ในหัว“ไม่ว่ามาหรือไม่มา...ฉันก็จะรอ”เธอพลิกตัวกอดหมอนแน่น ดวงตาร้อนผ่าว ความทรงจำที่พยายามผลักไสกลับไหลบ่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพของชายหนุ่มคนนั้นในวันที่ยังยิ้มให้เธอ วันที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้อีก, วันที่เธอจับได้ว่าเขาโกหกทั้งน้ำตาแอลลี่หลับตาแน่น แต่ยิ่งพยายามหนี ความรู้สึกก็ยิ่งไล่ตาม เธอไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แสงเย็นลอดผ้าม่านเข้ามาทาบบนผนังห้องครั้นมองเวลาหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเวลานัดนั้นมาถึงแล้วเธอควรจะไปดีหรือไม่ หากไปครั้งนี้อาจจะไม่ใช่การจบความส
บทที่ 3 ความรักที่ลืมไม่ลงวันถัดมาหลังจากคลาสแรกจบลง เสียงพูดคุยของนักศึกษาในห้องเริ่มหนาตาขึ้น คงเป็นเพราะกำลังพยายามให้ภาษาที่เรียนมาให้คล่องเพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ แอลลี่เองที่พอได้ภาษาอยู่แล้วและไม่อยากจะทำความรู้จักคนอื่นจึงได้แค่นั่งเงียบ ๆ ระหว่างรอพักเรียนคลาสถัดไปในอีก 15 นาที“ผู้ชายคนนั้นชื่อเมอร์สันใช่ไหม หน้าตาเขาดูดีมาก”“ฉันอยากลองจัง”แอลลี่ที่กำลังจัดหนังสือในกระเป๋าชะงักมือ เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำเมื่อได้ยินคำว่า “อยากลอง”หญิงสาวกลอกตาเบา ในใจคิดบ่นไปว่า ผู้ชายเจ้าชู้ ! เธอเกลียดที่สุดเลย !จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นข้อความจาก“แฟนเก่า” อีกแล้วผมเห็นคุณลงรูปในVV คุณอยู่เมือง S ใช่ไหม ?ตอนนี้ผมมาทำงานที่เมือง S เรามาเจอกันแล้วคุยกันได้ไหม แอลลี่...อย่างน้อยขออธิบายสักครั้งก็ยังดีดวงตากลมมองด้วยความสั่นไหว มือที่ถือโทรศัพท์ได้แค่นิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก“เฮ้ แอลลี่!”เธอสะดุ้ง หันกลับไปเห็นเมอร์สันยืนโบกมือยิ้มกว้าง“บ่ายวันนี้แนะนำกิจกรรมชมรม เราลองไปดูกันไหม”หญิงสาวขมวดคิ้วมอง“นายไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไง”“ก็— ตอนนี้มีแค่เธอนะ”คำพู
บรรยากาศช่วงเย็นคึกคักมากกว่าปกติเพราะนักศึกษาจะออกมาเดินเล่น หรือออกกำลังกายที่สนามกัน แอลลี่ใช้เวลาว่างเดินเล่นซึมซับบรรยากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกพลางยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นเก็บภาพขณะเดินชมวิวไปเรื่อย ๆ พลางคิดถึงภาพความทรงจำที่ยังทิ้งร่องรอยเจ็บลึกอยู่ในใจ แอลลี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือรูปถ่ายงานแต่งงานของเขา...แฟนเก่าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าจะร่วมชีวิตด้วย เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่น ความเศร้าและความเสียใจแล่นพล่านไปทั่วกาย หลายเดือนที่เธอพยายามทำใจ พยายามลบเขาออกไปจากความทรงจำ แต่มันกลับเหมือนตอกย้ำว่าเธอไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่รู้สึกอะไรได้อีกเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามตั้งสติและก้าวเดินต่อไป แต่ความรู้สึกในใจยังคงวนเวียนขณะนั้นเองแอลลี่เหลือบเห็นใครบางคนตรงสนามออกกำลังกาย เป็นเขา...เมอร์สัน เขาสังเกตเห็นเธอเช่นกัน และทันใดนั้นเขาก็รีบหยุดการออกกำลังกายแล้ววิ่งตรงมาหาเธอ ทิ้งเพื่อน ๆ ไว้ข้างหลัง“เจอกันอีกแล้ว” เมอร์สันทักทายพร้อมรอยยิ้มยียวนเหมือนเคย แอลลี
บทที่ 2 การทักทายของเพื่อนข้างห้องเช้าวันก่อนเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิแอลลี่ที่นอนไม่เต็มอิ่มจากเสียงที่รบกวนมาหลายวันแม้พยายามเปิดเสียงเข้าสู้แล้วก็ตาม เธอควรจะเดินไปเคาะประตูแล้วบอกพวกเขาดีหรือไม่ว่าทำ...กระแทก...หรืองดใช้เสียงดังในพื้นที่ส่วนรวม ให้ตายสินี่มันแย่มาก แถมกำแพงหอพักก็บางจนรับรู้ทุกอย่างที่ข้างห้องทำกิจกรรมเช้าวันนี้หญิงสาวมีนัดอบรมคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาและรับหนังสือเรียนก่อนที่จะเริ่มเรียนในวันพรุ่งนี้“โชคดีจริง เราอยู่คลาสเดียวกัน” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นขณะเดินเข้ามาหาหญิงสาวแอลลี่มองด้วยความตกใจแต่ก็ทำเป็นว่าไม่เห็น ใช่แล้ว...ไม่อยากจะคุยเลยในเมื่อผู้ชายเจ้าของเสียงคือ เพื่อนข้างห้องที่ทำให้เธอไม่ได้นอนมาหลายคืน“ฉันชื่อ เมอร์สัน เชน ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรพลางยิ้มหวานให้หญิงสาว ทว่าแอลลี่กลับมองด้วยสายตาเย็นชาและเดินจากไปทันที เขารู้สึกน้อยใจแต่ก็รีบเดินตามหญิงสาวไปในทันที“เออ เธอโกรธผมใช่ไหม”แอลลี่ยังคงทำเมินและไม่สนใจเมอร์สันเดินมาดักหน้าและพูด “โอเค ผมขอโทษ”เธอถอนหายใจ และสบตาตาอีกฝ่าย “เรื่องอะไร?”“ก็เรื่องที่...ทำเสียงด
บทที่ 1 กิจกรรมที่รบกวนการนอน“ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนสู่มหาวิทยาลัย S….”ดวงตากลมโตของหญิงสาวจับจ้องไปยังเบื้องหน้าบนเวทีกับการกล่าวเปิดปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยในกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่มาศึกษาภาษาที่นี่ ผู้คนที่นั่งอยู่ก็ต่างจับจ้องมองกระทั่งมีกิจกรรมที่บางคนถูกเรียกขึ้นไปเข้าร่วม—เสียงหัวเราะและเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นไปทั่วแอลลี่หัวเราะและยิ้มออกมา คนที่นี่หลายเชื้อชาติมากมายแต่พวกเขาก็ดูเป็นมิตร หลังจากการปฐมนิเทศเสร็จสิ้นทุกคนก็ต่างทยอยกันออกจากห้องโถง แอลลี่มองไปรอบ ๆ เพราะว่าเธอไม่กล้าจะเดินเข้าไปทักทายสักเท่าไหร่จึงตัดสินใจเดินออกมาเพียงลำพัง วันนี้ก็ว่างอีกเช่นเคยหลังจากปฐมนิเทศแล้ว กว่าจะเริ่มเรียนก็อีกสามวันข้างหน้า เธอยังมีเวลาที่จะปรับตัวและทำความรู้จักกับที่นี่บ้าง“เออ...ขอโทษนะ เธอเป็นนักศึกษาใช่ไหม”เสียงหวานเล็ก ๆ เอ่ยถามแอลลี่ขึ้นจากทางด้านหลังเธอหันไปมองพินิจหญิงตรงหน้า โดยตอบปัดไป “ไม่ใช่ ฉันเป็นนักเรียนต่างชาติเหมือนกัน”“ว้าว !” หล่อนร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “แต่เธอเหมือน...”“ทุกคนก็บอกแบบนั้น” แอลลี่กล่าวพลางยิ้มตอบ“ขอโทษนะ ฉันคิดว่าเธอเป็นนักศึกษาที่มางาน
นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน เนื้อเรื่อง สถานที่ และตัวละครทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องสมมติ มิได้มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากเนื้อหามีส่วนใดสอดคล้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะบทนำเสียงพูดคุยตลอดระยะทางตั้งแต่เดินออกจากอาคารสนามบิน ดวงตากลมสุกใสฉายแววส่องประกายครั้นมองไปยังเบื้องหน้า รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นขณะที่เท้าหยุดก้าว เธอมีความสุขที่ได้มายังเมือง S ตามความฝันที่เคยวาดไว้“แอลลี่ หลิน” ก้มหน้ากดโทรศัพท์ก่อนชะเง้อคอมองรถแท็กซี่ผ่านไปหลายคัน ทว่าไม่ใช่ของเธอ รอจนเกือบห้านาทีจึงก้มหน้าดูพิกัดที่จอโทรศัพท์อีกครั้ง เธอรีบลากกระเป๋าใบใหญ่ข้างตัวเดินย้อนขึ้นไปหาแท็กซี่ที่ตนเรียกมาทันที ระยะทางจากสนามบินมาจนถึงหน้ามหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล ระหว่างทางสายตาของเธอจับจ้องอยู่ด้านนอกหน้าต่างแต่ว่าคนขับจะคอยชวนพูดคุยไถ่ถามบ้างก็ตาม กระทั่งรถแท็กซี่จอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัยแล้ว หญิงสาวลงจากรถและขนสัมภาระเดินเข้าไปข้างในมหา’ลัยแสนกว้างใหญ่ ผู้คนก็เยอะล้นหลามด้วยเช่นกัน หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบไปตามทาง ขณะที่สายตากวาดมอง







