Masukรอยยิ้มที่คุ้นเคยกับหัวใจที่เจ็บปวด
หลังจากกิจกรรมชมรมจบลง แอลลี่ตัดสินใจกลับหอพักระหว่างทางแทบไม่พูดอะไรเลย ทว่าเมอร์สันยังคงพูดเรื่องพู่กันจีนและครูสอนศิลป์ที่เขาประทับใจ แต่เสียงเหล่านั้นกลับเลือนรางในโสตประสาท เธอเพียงพยักหน้ารับเป็นระยะ เมื่อเดินถึงห้องก็เดินเข้าไปทันทีโดยไม่ได้คุยกับชายหนุ่ม
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ความเงียบก็เข้าครอบงำ
หญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วทรุดตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดานสีขาวนิ่งงัน เสียงข้อความสุดท้ายจากปลายสายยังดังก้องอยู่ในหัว
“ไม่ว่ามาหรือไม่มา...ฉันก็จะรอ”
เธอพลิกตัวกอดหมอนแน่น ดวงตาร้อนผ่าว ความทรงจำที่พยายามผลักไสกลับไหลบ่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพของชายหนุ่มคนนั้นในวันที่ยังยิ้มให้เธอ วันที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้อีก, วันที่เธอจับได้ว่าเขาโกหกทั้งน้ำตา
แอลลี่หลับตาแน่น แต่ยิ่งพยายามหนี ความรู้สึกก็ยิ่งไล่ตาม เธอไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แสงเย็นลอดผ้าม่านเข้ามาทาบบนผนังห้อง
ครั้นมองเวลาหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
เวลานัดนั้นมาถึงแล้ว
เธอควรจะไปดีหรือไม่ หากไปครั้งนี้อาจจะไม่ใช่การจบความสัมพันธ์ก็ได้
หากเจอกันอีกมีเพียงเธอที่กำลังดำดิ่งอยู่ในวังวง
เธอนั่งนิ่งอยู่นาน ก่อนลุกขึ้นจากเตียง คว้าเสื้อคลุมตัวบางมาสวม พลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินออกจากห้อง
เธอหยุดหน้าห้องเมอร์สัน ยกมือขึ้นเคาะสองครั้ง —ไม่มีเสียงตอบ เธอเคาะอีกครั้ง
หรือเขาจะออกไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้ว
แอลลี่รู้สึกว้าวุ่นใจ จึงรีบยกมือขึ้นตบแก้มทั้งสองข้างเรียกสติกลับมา เมื่อยืนรอสักพักไม่มีคนออกมาเธอจึงหันตัวเดินกลับ ทว่าประตูห้องเมอร์สันเปิดออก กลิ่นสบู่จาง ๆ ลอยออกมาพร้อมร่างของชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมเปียกนิด หน่อย และใบหน้ายังมีรอยยิ้มอบอุ่นประจำตัว
“แอลลี่? มีอะไรหรือเปล่า”
หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่ว “คือ…ตอนนี้ว่างไหม”
ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยถามขึ้น
เขากำลังดีใจจนอยากจะโลดเต้น
“ว่างสิ”
“งั้นเราไปกินมื้อเย็นที่ร้าน XXX กันไหม”
“ได้สิ” เขาตอบรับทันที “เออ.. เข้ามารอผมก่อนไหม”
แอลลี่มองเขาในชุดคลุมอาบน้ำแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ฉันจะรออยู่ที่ด้านล่างหอพักแล้วกัน”
“โอเค อีกสิบนาทีเจอกันนะ” เมอร์สันตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแล้วรีบปิดประตูแต่งตัวทันที
หลังประตูบานนั้นปิดลง แอลลี่มองแผ่นไม้เรียบตรงหน้าอยู่นาน ความรู้สึกบางอย่างตีวนในอกอย่างบอกไม่ถูก — โล่งใจที่เขาอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกหน่วงจนหายใจไม่ทั่วท้อง
เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เมอร์สันก็ปรากฏตัว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงขายาวเรียบง่าย แต่กลับดูดีจนแอลลี่ต้องหลุบตาเลี่ยง เขารีบเดินเข้ามาหา ยิ้มกว้างอย่างคนที่แทบกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่
“ขอโทษที่ให้รอนานเลย”
“ไม่เป็นไร” เธอตอบเรียบ ๆ พยายามทำเสียงให้มั่นคง
“ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริงก่อนจะก้าวนำไป แต่เมื่อหันกลับมาเห็นเธอเดินช้ากว่าปกติ ก็ลดจังหวะให้เท่ากัน สองคนเดินเคียงกันโดยแทบไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งถึงนอกมหาวิทยาลัย
เขาและเธอยืนอยู่บริเวณป้ายรถเมล์
“ร้านที่คุณบอกน่าจะต้องนั่งรถไป เราเรียกแท็กซี่กันไหม”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์เปิดแอป ฯ เพื่อเรียกรถ
“รถเมล์มาแล้วนะ” แอลลี่พูดขึ้นพร้อมคว้าชายหนุ่มวิ่งขึ้นรถขนส่งอย่างรวดเร็ว เมอร์สันที่เดินตามขึ้นรถมาอย่างงุนงงแต่ก็เหลือบมองมือของเธอที่คว้าแขนเขามาด้วยอย่างพึงใจ
“ขอโทษ ฉันเผลอไป” เธอพูดเบา ๆ
การเดินทางใช้เวลาประมาณสิบหน้านาทีก็ถึงที่หมาย—แอลลี่ก้าวเท้าลงจากรถเมล์ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น มือที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัวเริ่มเย็นเฉียบ เธอแอบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนฝืนส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่ก้าวลงมาพร้อมกัน
“ร้านอยู่ตรงหัวมุมนั้นใช่ไหม” เมอร์สันถามพร้อมชี้ไปข้างหน้า น้ำเสียงของเขายังร่าเริงเหมือนเดิม
“อืม...ใช่” เธอตอบเพียงสั้น ๆ แล้วเริ่มเดินนำไป ทุกก้าวที่เดินเข้าใกล้ร้านหัวใจแอลลี่ก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น
ร้านอาหารตั้งอยู่ริมถนนสายเล็กที่เริ่มคึกคักเมื่อยามเย็น แสงไฟจากป้ายชื่อร้านส่องสะท้อนกับกระจกหน้าร้านสีทองอ่อน แอลลี่มองผ่านบานกระจกใส เห็นผู้คนบางตากำลังพูดคุยกันใต้แสงไฟสีอุ่น เธอพยายามข่มความรู้สึกควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติทุกอย่างฝีก้าวที่เข้าใกล้ร้าน
เมื่อถึงหน้าร้านเมอร์สันเป็นฝ่ายผลักประตูเข้าไปก่อน เสียงกระดิ่งเหนือประตูดังเบา ๆ ต้อนรับพวกเขา
กลิ่นอาหารละมุนปนกลิ่นไวน์แดงอวลทั่วร้าน เสียงช้อนกระทบจานดังเป็นจังหวะจากโต๊ะอื่น ด้านในตกแต่งด้วยโทนไม้และแสงไฟนวล ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่แฝงความเงียบลึกอย่างประหลาด
หญิงสาวเดินตามเข้ามา ก้าวเท้าหนักขึ้นทุกทีราวกับมีหินถ่วงไว้ในหัวใจ ดวงตากลมกวาดมองไปทั่วร้าน — และทันทีที่เห็นโต๊ะริมหน้าต่าง ร่างหนึ่งในสูทสีดำก็สะดุดสายตาเธอเข้าอย่างจัง
เขานั่งอยู่ตรงนั้น...แดร์เรน โจว
คนที่เข้ามาในชีวิตเธอ
คนที่สร้างสีสันให้
คนที่เธอพยายามลืม
คนที่ทำให้เธอร้องไห้จนเกือบเกลียดความรักไปตลอดกาล
แอลลี่หยุดเดินในทันที ลมหายใจติดขัดอยู่ที่ลำคอ มือที่ถือกระเป๋ากำแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ความรู้สึกเหมือนเวลาทั้งหมดรอบตัวหยุดนิ่ง เสียงพูดคุย เสียงดนตรีคลอ — ทุกอย่างเลือนหาย เหลือเพียงหัวใจที่เต้นแรงจนได้ยินชัดในหู
เมอร์สันชะงักตาม เขาเหลียวมองตามสายตาเธอ ก่อนจะเห็นชายหนุ่มคนนั้นเช่นกัน
ดวงตาของแอลลี่สั่นระริก ความเสียใจ ผิดหวังปนเจ็บปวดเผยออกมาชัดเจน แม้เธอพยายามจะยืดหลังตรงและแสร้งวางเฉย แต่ท่าทางแข็งเกร็งของเธอกลับสั่นไหวอย่างน่าสงสาร
“แอลลี่…” เมอร์สันกระซิบเรียกชื่อเธอ
หญิงสาวไม่ตอบ เพียงสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งแล้วก้าวเดินต่อทีละก้าว ช้าและหนักเหมือนแต่ละก้าวต้องแลกกับแรงใจทั้งหมดที่เหลืออยู่จนกระทั่งถึงโต๊ะนั้น
ชายหนุ่มที่รออยู่เงยหน้าขึ้น — รอยยิ้มคุ้นตาปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“แอลลี่…” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยน
เธอหยุดยืนอยู่ตรงนั้น ไม่พูด ไม่ยิ้ม ดวงตาคู่นั้นสะท้อนทั้งความตกใจ ความเจ็บ และความพยายามจะไม่ให้มันไหลออกมาทางน้ำตา
เมอร์สันยืนข้าง ๆ เธอ เงียบงัน เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร แต่ในวินาทีที่เห็นมือของแอลลี่เริ่มสั่น เขาก็ไม่ลังเลที่จะยื่นมือออกไป — กุมมือเธอไว้แน่นในจังหวะที่เธอกำลังสูดลมหายใจสะท้อนใจ
สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกเหมือนได้ยึดเหนี่ยวบางอย่างไว้ไม่ให้ถลำลงไปในหลุมความทรงจำที่เคยเจ็บ
เธอไม่พูดอะไร ขณะที่สายตายังคงมองคนตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด...
บทที่ 4 รอยยิ้มที่คุ้นเคยกับหัวใจที่เจ็บปวดหลังจากกิจกรรมชมรมจบลง แอลลี่ตัดสินใจกลับหอพักระหว่างทางแทบไม่พูดอะไรเลย ทว่าเมอร์สันยังคงพูดเรื่องพู่กันจีนและครูสอนศิลป์ที่เขาประทับใจ แต่เสียงเหล่านั้นกลับเลือนรางในโสตประสาท เธอเพียงพยักหน้ารับเป็นระยะ เมื่อเดินถึงห้องก็เดินเข้าไปทันทีโดยไม่ได้คุยกับชายหนุ่มทันทีที่ประตูห้องปิดลง ความเงียบก็เข้าครอบงำหญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วทรุดตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดานสีขาวนิ่งงัน เสียงข้อความสุดท้ายจากปลายสายยังดังก้องอยู่ในหัว“ไม่ว่ามาหรือไม่มา...ฉันก็จะรอ”เธอพลิกตัวกอดหมอนแน่น ดวงตาร้อนผ่าว ความทรงจำที่พยายามผลักไสกลับไหลบ่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพของชายหนุ่มคนนั้นในวันที่ยังยิ้มให้เธอ วันที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้อีก, วันที่เธอจับได้ว่าเขาโกหกทั้งน้ำตาแอลลี่หลับตาแน่น แต่ยิ่งพยายามหนี ความรู้สึกก็ยิ่งไล่ตาม เธอไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แสงเย็นลอดผ้าม่านเข้ามาทาบบนผนังห้องครั้นมองเวลาหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเวลานัดนั้นมาถึงแล้วเธอควรจะไปดีหรือไม่ หากไปครั้งนี้อาจจะไม่ใช่การจบความส
บทที่ 3 ความรักที่ลืมไม่ลงวันถัดมาหลังจากคลาสแรกจบลง เสียงพูดคุยของนักศึกษาในห้องเริ่มหนาตาขึ้น คงเป็นเพราะกำลังพยายามให้ภาษาที่เรียนมาให้คล่องเพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ แอลลี่เองที่พอได้ภาษาอยู่แล้วและไม่อยากจะทำความรู้จักคนอื่นจึงได้แค่นั่งเงียบ ๆ ระหว่างรอพักเรียนคลาสถัดไปในอีก 15 นาที“ผู้ชายคนนั้นชื่อเมอร์สันใช่ไหม หน้าตาเขาดูดีมาก”“ฉันอยากลองจัง”แอลลี่ที่กำลังจัดหนังสือในกระเป๋าชะงักมือ เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำเมื่อได้ยินคำว่า “อยากลอง”หญิงสาวกลอกตาเบา ในใจคิดบ่นไปว่า ผู้ชายเจ้าชู้ ! เธอเกลียดที่สุดเลย !จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นข้อความจาก“แฟนเก่า” อีกแล้วผมเห็นคุณลงรูปในVV คุณอยู่เมือง S ใช่ไหม ?ตอนนี้ผมมาทำงานที่เมือง S เรามาเจอกันแล้วคุยกันได้ไหม แอลลี่...อย่างน้อยขออธิบายสักครั้งก็ยังดีดวงตากลมมองด้วยความสั่นไหว มือที่ถือโทรศัพท์ได้แค่นิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก“เฮ้ แอลลี่!”เธอสะดุ้ง หันกลับไปเห็นเมอร์สันยืนโบกมือยิ้มกว้าง“บ่ายวันนี้แนะนำกิจกรรมชมรม เราลองไปดูกันไหม”หญิงสาวขมวดคิ้วมอง“นายไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไง”“ก็— ตอนนี้มีแค่เธอนะ”คำพู
บรรยากาศช่วงเย็นคึกคักมากกว่าปกติเพราะนักศึกษาจะออกมาเดินเล่น หรือออกกำลังกายที่สนามกัน แอลลี่ใช้เวลาว่างเดินเล่นซึมซับบรรยากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกพลางยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นเก็บภาพขณะเดินชมวิวไปเรื่อย ๆ พลางคิดถึงภาพความทรงจำที่ยังทิ้งร่องรอยเจ็บลึกอยู่ในใจ แอลลี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือรูปถ่ายงานแต่งงานของเขา...แฟนเก่าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าจะร่วมชีวิตด้วย เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่น ความเศร้าและความเสียใจแล่นพล่านไปทั่วกาย หลายเดือนที่เธอพยายามทำใจ พยายามลบเขาออกไปจากความทรงจำ แต่มันกลับเหมือนตอกย้ำว่าเธอไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่รู้สึกอะไรได้อีกเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามตั้งสติและก้าวเดินต่อไป แต่ความรู้สึกในใจยังคงวนเวียนขณะนั้นเองแอลลี่เหลือบเห็นใครบางคนตรงสนามออกกำลังกาย เป็นเขา...เมอร์สัน เขาสังเกตเห็นเธอเช่นกัน และทันใดนั้นเขาก็รีบหยุดการออกกำลังกายแล้ววิ่งตรงมาหาเธอ ทิ้งเพื่อน ๆ ไว้ข้างหลัง“เจอกันอีกแล้ว” เมอร์สันทักทายพร้อมรอยยิ้มยียวนเหมือนเคย แอลลี
บทที่ 2 การทักทายของเพื่อนข้างห้องเช้าวันก่อนเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิแอลลี่ที่นอนไม่เต็มอิ่มจากเสียงที่รบกวนมาหลายวันแม้พยายามเปิดเสียงเข้าสู้แล้วก็ตาม เธอควรจะเดินไปเคาะประตูแล้วบอกพวกเขาดีหรือไม่ว่าทำ...กระแทก...หรืองดใช้เสียงดังในพื้นที่ส่วนรวม ให้ตายสินี่มันแย่มาก แถมกำแพงหอพักก็บางจนรับรู้ทุกอย่างที่ข้างห้องทำกิจกรรมเช้าวันนี้หญิงสาวมีนัดอบรมคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาและรับหนังสือเรียนก่อนที่จะเริ่มเรียนในวันพรุ่งนี้“โชคดีจริง เราอยู่คลาสเดียวกัน” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นขณะเดินเข้ามาหาหญิงสาวแอลลี่มองด้วยความตกใจแต่ก็ทำเป็นว่าไม่เห็น ใช่แล้ว...ไม่อยากจะคุยเลยในเมื่อผู้ชายเจ้าของเสียงคือ เพื่อนข้างห้องที่ทำให้เธอไม่ได้นอนมาหลายคืน“ฉันชื่อ เมอร์สัน เชน ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรพลางยิ้มหวานให้หญิงสาว ทว่าแอลลี่กลับมองด้วยสายตาเย็นชาและเดินจากไปทันที เขารู้สึกน้อยใจแต่ก็รีบเดินตามหญิงสาวไปในทันที“เออ เธอโกรธผมใช่ไหม”แอลลี่ยังคงทำเมินและไม่สนใจเมอร์สันเดินมาดักหน้าและพูด “โอเค ผมขอโทษ”เธอถอนหายใจ และสบตาตาอีกฝ่าย “เรื่องอะไร?”“ก็เรื่องที่...ทำเสียงด
บทที่ 1 กิจกรรมที่รบกวนการนอน“ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนสู่มหาวิทยาลัย S….”ดวงตากลมโตของหญิงสาวจับจ้องไปยังเบื้องหน้าบนเวทีกับการกล่าวเปิดปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยในกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่มาศึกษาภาษาที่นี่ ผู้คนที่นั่งอยู่ก็ต่างจับจ้องมองกระทั่งมีกิจกรรมที่บางคนถูกเรียกขึ้นไปเข้าร่วม—เสียงหัวเราะและเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นไปทั่วแอลลี่หัวเราะและยิ้มออกมา คนที่นี่หลายเชื้อชาติมากมายแต่พวกเขาก็ดูเป็นมิตร หลังจากการปฐมนิเทศเสร็จสิ้นทุกคนก็ต่างทยอยกันออกจากห้องโถง แอลลี่มองไปรอบ ๆ เพราะว่าเธอไม่กล้าจะเดินเข้าไปทักทายสักเท่าไหร่จึงตัดสินใจเดินออกมาเพียงลำพัง วันนี้ก็ว่างอีกเช่นเคยหลังจากปฐมนิเทศแล้ว กว่าจะเริ่มเรียนก็อีกสามวันข้างหน้า เธอยังมีเวลาที่จะปรับตัวและทำความรู้จักกับที่นี่บ้าง“เออ...ขอโทษนะ เธอเป็นนักศึกษาใช่ไหม”เสียงหวานเล็ก ๆ เอ่ยถามแอลลี่ขึ้นจากทางด้านหลังเธอหันไปมองพินิจหญิงตรงหน้า โดยตอบปัดไป “ไม่ใช่ ฉันเป็นนักเรียนต่างชาติเหมือนกัน”“ว้าว !” หล่อนร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “แต่เธอเหมือน...”“ทุกคนก็บอกแบบนั้น” แอลลี่กล่าวพลางยิ้มตอบ“ขอโทษนะ ฉันคิดว่าเธอเป็นนักศึกษาที่มางาน
นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน เนื้อเรื่อง สถานที่ และตัวละครทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องสมมติ มิได้มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากเนื้อหามีส่วนใดสอดคล้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะบทนำเสียงพูดคุยตลอดระยะทางตั้งแต่เดินออกจากอาคารสนามบิน ดวงตากลมสุกใสฉายแววส่องประกายครั้นมองไปยังเบื้องหน้า รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นขณะที่เท้าหยุดก้าว เธอมีความสุขที่ได้มายังเมือง S ตามความฝันที่เคยวาดไว้“แอลลี่ หลิน” ก้มหน้ากดโทรศัพท์ก่อนชะเง้อคอมองรถแท็กซี่ผ่านไปหลายคัน ทว่าไม่ใช่ของเธอ รอจนเกือบห้านาทีจึงก้มหน้าดูพิกัดที่จอโทรศัพท์อีกครั้ง เธอรีบลากกระเป๋าใบใหญ่ข้างตัวเดินย้อนขึ้นไปหาแท็กซี่ที่ตนเรียกมาทันที ระยะทางจากสนามบินมาจนถึงหน้ามหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล ระหว่างทางสายตาของเธอจับจ้องอยู่ด้านนอกหน้าต่างแต่ว่าคนขับจะคอยชวนพูดคุยไถ่ถามบ้างก็ตาม กระทั่งรถแท็กซี่จอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัยแล้ว หญิงสาวลงจากรถและขนสัมภาระเดินเข้าไปข้างในมหา’ลัยแสนกว้างใหญ่ ผู้คนก็เยอะล้นหลามด้วยเช่นกัน หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบไปตามทาง ขณะที่สายตากวาดมอง







