ณ ห้องตรวจสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนักในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใบหน้าพริ้มเพราที่หวานเกินชายนั่งฟังคุณหมออธิบายถึงผลตรวจร่างกายของตัวเองเงียบ ๆ
วันนี้เป็นวันนัดตรวจร่างกายหลังจากที่จันทร์จ้าวรับยาปรับฮอร์โมนมาครบสามเดือนพอดิบพอดี หัวคิ้วที่ขมวดกันเล็กน้อยของคุณหมอที่นั่งตรงหน้าเผยออกมาให้เห็นเพียงเสี้ยววินาที และนั่นทำให้ร่างบางอดรู้สึกเป็นวิตกตามไปด้วย
“ผลการตรวจเช็กระดับฮอร์โมนของคุณจันทร์จ้าวหลังจากที่ได้รับยาไปแล้วถือว่าดีขึ้นกว่าเดิมมากนะครับ ส่วนผนังมดลูกก็แข็งแรงขึ้น ไข่ที่ผลิตในแต่ละเดือนก็ถือได้ว่ามีสภาพที่สมบูรณ์กว่าแต่ก่อนมากนะครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปกังวลหรือกดดันตัวเองนะครับ เรายังมีเวลาอีกเยอะ แค่ทานยาให้ครบให้ตรงตามเวลา และมาหาหมอตามนัดทุกครั้ง หมอเชื่อว่าอีกไม่นานน้องต้องมาแน่ ๆ ครับ” คุณหมอวัยกลางคน สวมแว่นท่าทางใจดีเอ่ยกับคนไข้ด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ” สีหน้าที่คลายความกังวล และลมหายใจที่ลอบผ่อนออกมาเบา ๆ จากจันทร์จ้าว ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกโล่งใจมากแค่ไหนกับคำอธิบายของคุณหมอ เรื่องทายาทเป็นเรื่องที่ทั้งคู่คาดหวังเอาไว้เป็นอย่างมาก อีกทั้งพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็กดดันไม่น้อย
“ต่อไปหมอจะปรับโดสของยาเพิ่มขึ้นอีกระดับนะครับ ช่วงเวลาสามเดือน ต่อจากนี้อาจจะมีผลข้างเคียงเรื่องของอารมณ์แปรปรวนมากขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อย วันนัดครั้งหน้าหมออยากให้คุณจันทร์จ้าวพาสามีมาด้วยนะครับ เราจะมาฟังผล และสรุปภาพรวมการทานยาปรับฮอร์โมนกัน”
“ค่ะ คุณหมอ”
“ที่สำคัญเลยก็คือต้องใจเย็นๆ อย่าเครียด เพราะความเครียดของคนท้องส่งผลกระทบตั้งแต่ก่อนการปฏิสนธิยันคลอดเลยนะครับ วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว อีกสามเดือนข้างหน้าเจอกันอีกทีครับ”
จันทร์จ้าวขับรถออกจากโรงพยาบาลมาในเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง หญิงสาวรีบต่อสายถึงสุริเยนทร์ทันที เพราะว่าตั้งใจจะแวะไปทานข้าวกับสามีที่บริษัท ปกติแล้วเธอจะเป็นคนตื่นมาทำอาหารกลางวันให้สามีทุกวัน ยกเว้นวันนี้ที่มีนัดกับคุณหมอแต่เช้า ไม่รู้ว่าผู้เป็นสามีจะให้ม่านดาวจัดการให้หรือยัง ถ้าหากว่ายังเธอจะได้ซื้ออาหารเข้าไป
เสียงรอสายกินเวลาไปเกือบนาทีจนในที่สุดเสียงก็เงียบลง หัวคิ้วบางเลิกขึ้นอย่างนึกสงสัยว่าเหตุใดสามีถึงไม่ยอมรับสาย จันทร์จ้าวรู้ดีว่าสุริเยนทร์เป็นพวกบ้างานมากขนาดไหน เพราะอย่างนี้เธอถึงได้ย้ำนักย้ำหนาเรื่องทานข้าวกลางวัน เนื่องจากสามีของเธอเคยป่วยเป็นโรคกระเพาะจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว
เมื่อติดต่อผู้เป็นสามีไม่ได้บุคคลที่จันทร์จ้าวจะโทรหาเป็นรายต่อไปก็คือหญิงสาวผู้ช่วยเลขาที่นั่งทำงานหน้าห้อง
“สวัสดีค่ะ คุณจันทร์” ปลายสายเอ่ยทักทายเสียงใส
“คุณจันทร์อีกแล้ว บอกให้เรียกพี่ ไม่เคยจะจำ” จันทร์จ้าวดุคนที่เธอรู้สึกเอ็นดูเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เพราะตลอดระยะเวลาที่สอนงานอีกฝ่ายมาสามเดือนเต็มก่อนที่เธอจะวางมือ สิ่งที่จันทร์จ้าวสัมผัสได้มาตลอดคือม่านดาวเป็นคนน่ารัก นิสัยดี มีมารยาท และที่สำคัญทำงานเก่งถูกใจเธอเป็นที่สุด
“ขอโทษค่ะ ดาวไม่กล้า ขอเรียกคุณดีกว่าค่ะ”
“ตามใจเธอแล้วกัน ฉันแค่จะโทรมาถามว่าท่านประธานอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า” จันทร์จ้าวเอ่ยถามถึงประเด็นที่อยากรู้ทันที
“อยู่ค่ะ บอสกำลังทานข้าวอยู่ค่ะ เมื่อวานบอสบ่นปวดท้อง วันนี้ดาวเลยให้บอสทานข้าวเร็วหน่อยค่ะ จะได้ทานยา”
“...”
จันทร์จ้าวขมวดคิ้วสงสัย สามีของเธอปวดท้องงั้นเหรอ ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่อง
“คุณจันทร์ไม่ต้องห่วงนะคะ ต่อไปนี้ดาวจะคอยเตือนบอสเรื่องทานข้าวให้ตรงเวลาเองค่ะ” เสียงของปลายสายทำให้จันทร์จ้าวหลุดออกจากภวังค์
“อืมขอบใจมาก บอกท่านประธานด้วยว่าตอนบ่ายฉันจะเข้าไปที่บริษัท”
“ค่ะคุณจันทร์”
ม่านดาว เดินถือแก้วนมเข้ามาภายในห้องทำงานของประธานหนุ่มแทนที่จะเป็นกาแฟดำเหมือนเช่นเคย ร่างบางจัดการวางแก้วเซรามิกไว้ด้านขวามือของผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้สุริเยนทร์ต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“บ่ายนี้ทานนมไปก่อนนะคะ ท้องของบอสยังไม่ค่อยดี ทานกาแฟเยอะจะยิ่งแย่ อีกอย่างบอสเพิ่งทานยาไปด้วย ช่วงนี้ทานกาแฟแค่ตอนเช้าก็พอแล้วนะคะ” ผู้ช่วยเลขาร่างเล็กพูดพร้อมกับส่งยิ้มน่ารักมาให้ สุริเยนทร์เงยหน้าจากงานในมือ ทำให้สายตาคมสบตากับม่านดาวโดยบังเอิญ
“เดี๋ยวนี้เธอกล้าสั่งฉันแล้วเหรอ” สุริเยนทร์พูดน้ำเสียงตำหนิ แต่ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเด็กคนนี้
“ปะ เปล่านะคะ ดาวไม่มีเจตนาแบบนั้น ดาวขอโทษค่ะที่ตัดสินใจเอง ดาวแค่เป็นห่วงบอสค่ะ” ม่านดาวลนลานพูดจาตะกุกตะกักดวงตาคู่สวยสีเดียวกันกับของจันทร์จ้าวหลุบมองพื้น พร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธจนผมหน้าม้าสะบัดไปมาอย่างน่าเอ็นดู
ประธานหนุ่มมองดูผู้ช่วยเลขาที่ทำงานกับเขาเดือนนี้เข้าเดือนที่หกแล้ว แต่ท่าทางที่เหมือนเด็กกลัวถูกผู้ใหญ่ดุของม่านดาวที่มีต่อเขากลับไม่ได้ลดลงไปตามกาลเวลาเลยสักนิด
บางทีสุริเยนทร์ยังนึกสงสัยว่าเขาดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงจะเป็นคนที่เข้มงวดกับการทำงานก็จริง แต่เขาไม่ได้เจ้าอารมณ์ดุลูกน้องโดยที่ไม่มีเหตุผล อีกอย่างเขาก็ไม่เคยดุผู้ช่วยเลขาคนนี้เลยสักครั้ง ทำไมม่านดาวถึงได้ชอบทำทีท่าเกรงกลัวแปลก ๆ
“เธอเป็นห่วงฉันด้วยเหรอ” สุริเยนทร์เอ่ยถามน้ำเสียงคล้ายกำลังหยอกเย้าคนอายุน้อยกว่า ทำงานกันมาตั้งครึ่งค่อนปีมันก็ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนน้องสาวคนหนึ่ง นอกจากม่านดาวจะทำงานได้ดีแล้ว ด้วยความเป็นคนที่มีสัมมาคารวะ มีน้ำใจ และอายุน้อยที่สุด ทำให้เด็กคนนี้เป็นที่เอ็นดูของพนักงานแทบทุกคนในบริษัท
“...” ใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีซับเลือดโดยที่สุริเยนทร์ไม่ทันสังเกตเห็น
“แล้วมีอะไรอีกไหม” เมื่อเห็นว่าผู้ช่วยเลขาก้มหน้างุดไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ประธานหนุ่มจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
สงสัยจะแกล้งแรงไปหน่อย อีกฝ่ายคงกำลังโกรธเป็นแน่สุริเยนทร์คิดในใจ
“เออ เมื่อกี้คุณจันทร์โทรมาบอกว่าจะเข้ามาที่นี่ค่ะ คุณจันทร์บอกว่าโทรหาบอสแล้วแต่บอสไม่รับสาย” ม่านดาวรายงาน
“อ้าวเหรอ สงสัยฉันคงเผลอไปปิดเสียง” สุริเยนทร์คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากภรรยาอยู่จริง ๆ
“ค่ะ”
“ขอบใจมากนะสำหรับอาหารกลางวัน อาหารไทย ๆ แบบนี้ฉันไม่ได้ทานมานานแล้ว” สุริเยนทร์พูดเพราะปกติแล้วจันทร์จ้าวทำอาหารไทยไม่เก่งเลย อาหารที่ภรรยาเขาถนัดจะเป็นพวกอาหารอิตาเลียนหรือไม่ก็ฝรั่งเศสเสียมากกว่า แต่ถ้าวันไหนอยากกินเป็นพิเศษเขาจะสั่งแม่บ้านเป็นคนทำให้ทาน แต่ก็นาน ๆ ครั้งได้ เพราะเขาอยากทานอาหารฝีมือภรรยามากกว่า
“ถ้าบอสไม่รังเกียจ พรุ่งนี้ดาวทำมาให้อีกก็ได้นะคะ” ม่านดาวเสนอตัว มือบางสองข้างประสานกันแน่น ท่าทางราวกับกำลังลุ้นคำตอบของผู้เป็นนาย
“ไม่เป็นไร จันทร์เขาทำให้ฉันทุกเช้าอยู่แล้ว”
ก๊อก ก๊อก
ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้พูดอะไรกันต่อ เสียงเคาะประตูพร้อมกับร่างสูงบอบบางอรชรในชุดเดรสเข้ารูปสีน้ำตาลอ่อนดูสวยน่ารักของจันทร์จ้าวก็ก้าวเข้ามาภายในห้องพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้ผู้เป็นสามี
“สวัสดีค่ะ คุณจันทร์”
“สวัสดีจ้ะ ฉันซื้อขนมมาฝากด้วยนะ วางไว้บนโต๊ะหน้าห้องทำงาน ฉันฝากเอาไปแบ่งให้คนอื่น ๆ ด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะ” ม่านดาวพูดก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้สองสามีภรรยาอยู่กันตามลำพัง
“จันทร์ เฮียขอโทษนะครับที่ไม่ได้รับสาย เฮียไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์แค่จะโทรมาถามว่าเฮียทานข้าวหรือยัง จันทร์จะได้ซื้อเข้ามาให้ แล้วเที่ยงนี้ดาวสั่งอะไรมาให้เฮียทานเหรอคะ” จันทร์จ้าวถามสามี ก่อนจะวางกระเป๋าถือแบรนด์ดัง และถุงขนมคุกกี้ธัญพืชที่สุริเยนทร์ชอบทานพร้อมกับกาแฟในตอนเช้าไว้บนโต๊ะรับแขก
“ไม่ได้สั่ง พอดีดาวทำกับข้าวมาเผื่อน่ะ เฮียไม่อยากรอนานก็เลยกินของดาว”
“ทำไมดาวถึงทำมาเผื่อเฮียคะ” ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววฉงน
“ไม่ใช่ ๆ ดาวบอกว่าทำมาเผื่อต้าร์ แต่วันนี้ต้าร์มันออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา เฮียก็เลยได้รับอานิสงส์แทนก็แค่นั้น” เมื่อเห็นว่าผู้เป็นภรรยานิ่วหน้า และจ้องกันราวกับจะจับผิด สุริเยนทร์เลยรีบอธิบายให้คนรักหายข้องใจ
“จันทร์ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ แล้วอร่อยไหมคะ กับข้าวฝีมือม่านดาว” จันทร์จ้าวยิ้มหวานส่งให้ผู้เป็นสามี
“อืม ก็ใช้ได้เลยนะ ดาวทำแกงเขียวหวานไก่ เฮียไม่ได้กินมานานแล้ว”
“ไว้คราวหน้าจันทร์ทำให้เฮียนะ จันทร์จะให้ป้าน้อยช่วยสอน” จันทร์จ้าวเดินเข้าหาร่างสูงที่อ้าแขนรอรับเธออยู่ก่อนแล้ว พร้อมหย่อนสะโพกอวบลงบนตักแกร่งของสามี สองแขนเรียนเล็กยกขึ้นโอบรอบคอหนาไว้แน่น
“ลำบากหรือเปล่า ถ้าลำบากไม่ต้องทำนะ เฮียทานอะไรก็ได้แค่จันทร์เป็นคนทำ” สุริเยนทร์เอ่ยพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ
“ปากหวานจังเลยนะคะ จันทร์ชักอยากชิมแล้วสิ” ดวงตาสีน้ำตาลไหม้เป็นประกายวาววับอย่างที่สุริเยนทร์ชอบมอง หันมาสบตาคู่คมของผู้เป็นสามีอย่างท้าทาย
“อยากชิมก็ไปล็อกห้องเลยครับเมีย”
จันทร์จ้าวมองใบหน้าคมของสามีที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียงภายในห้องนอนอย่างสับสน วันนี้สามีของเธอเมากลับบ้านอีกแล้ว สุริเยนทร์เป็นแบบนี้กว่าสามอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่กลับมาจากปราจีนบุรีคราวนั้นหลังจากที่ขุนพลแบกร่างอ่อนปวกเปียกของสุริเยนทร์มาวางบนเตียงแล้ว ระหว่างทางที่เดินมาส่งเพื่อนสนิทของสามีที่หน้าบ้าน จันทร์จ้าวก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามสารวัตรขุนพลถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของสามีในพักหลังนี้ทันที“เฮียขุน เฮียพอจะรู้ไหมคะ ว่าช่วงนี้เฮียเยนมีเรื่องทุกข์ใจอะไร หรือเปล่า”เสียงถอนหายใจจากร่างสูงตรงหน้า พร้อมกับการส่ายหน้าเบา ๆ ทำให้จันทร์จ้าวเป็นฝ่ายที่ต้องถอนหายใจตามบ้าง“พี่ถามมันแล้ว มันไม่ยอมบอก แต่ถ้าให้พี่เดามันต้องเป็นเรื่องใหญ่มาก” ขุนพลพูดจากที่ลอบสังเกตเพื่อนสนิท สุริเยนทร์ไม่ใช่คนชอบดื่ม แต่พักหลัง ๆ มานี่เพื่อนเขาชวนดื่มบ่อยผิดปกติ แถมท่าทางก็ดูร้อนรุ่มกลุ้มใจ แต่เมื่อเพื่อนไม่ยอมปริปากเล่า เขาเองก็จนใจ“เรื่องใหญ่มากงั้นเหรอคะ จะเรื่องงานก็ไม่น่าใช่ ช่วงนี้ที่บริษัทไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย โรงงานที่สร้างใหม่ก็ราบ
จันทร์จ้าวเหลือบมองนาฬิกาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่อาจรู้ได้ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม สุริเยนทร์ยังไม่กลับถึงบ้าน เวลาล่าสุดที่คนเป็นสามีทักมาบอกว่ากำลังจะเดินทางกลับคือเวลาบ่ายสามโมง ความจริงมันต้องถึงกรุงเทพตั้งแต่หกโมงเย็นแล้วด้วยซ้ำจันทร์จ้าวโทรไปถามต้าร์เลขาของสุริเยนทร์ฝ่ายนั้นก็ไม่รับสาย ครั้นจะโทรไปหาม่านดาวก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ไปด้วย นี่เป็นอีกครั้งที่จันทร์จ้าวรู้สึกไม่โอเค การที่เธอไม่ได้ทำงานกับสามี เธอเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสามีจะไปที่ไหน ไปทำอะไร ไปกับใครบ้าง เธอก็ไม่รู้เรื่องเลย จะให้ถามม่านดาวไปซะหมดทุกเรื่องมันก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในสายตาคนนอก คนอื่นจะมองว่าเธอไม่ไว้ใจสามีเอาได้ถึงจะบอกว่าให้ม่านดาวช่วยดูพฤติกรรมของเฮียสุริเยนทร์ให้ เธอก็เอาเรื่องงานมาอ้างเสียมากกว่า โดยไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงให้อีกฝ่ายรับรู้เลยแม้แต่น้อย ยังไงเสียม่านดาวก็ถือว่าเป็นคนอื่นไฟในอย่านำออกไฟนอกอย่านำเข้า ซึ่งจันทร์จ้าวก็รู้ดี หากว่าเด็กคนนั้นเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พนักงานที่บริษัทฟัง สามีของเธอนั่นแหละจะโดนผลกระทบเ
จันทร์จ้าวนอนลืมตาโพลงบนเตียงกว้าง ความสงสัยที่ได้รับมาเมื่อตอนเย็นทำให้ไม่อาจข่มตาให้หลับได้ นอกจากเรื่องรูปภาพที่ถูกส่งมาจากผู้หวังดีแล้วยังมีเรื่องกวนใจเธอเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง นั่นก็คือกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงบนอกเสื้อของสามีเป็นปกติที่เวลาสามีถอดเสื้อสูท หรือกางเกงที่ใส่ออกไปทำงานไว้ในตะกร้าหน้าห้องน้ำ เธอจะเป็นคนเช็กว่าสามีลืมอะไรไว้ในกระเป๋าเสื้อกับกางเกงบ้างหรือเปล่าเพราะมันเคยมีเหตุการณ์ที่สุริเยนทร์ลืมกระดาษทิชชูไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วตอนเอาไปสักแม่บ้านไม่ได้เช็กก่อน ทำให้เสื้อผ้าทุกตัวที่สักรวมกันเปื้อนคราบขาวของเนื้อเยื่อกระดาษเต็มไปหมดและตั้งแต่นั้นมาการเช็กเสื้อผ้าก่อนเอาไปให้แม่บ้านสักมันเลยกลายเป็นนิสัยส่วนตัวของจันทร์จ้าวไปโดยปริยายไม่บ่อยนักที่จะเจอพวกนามบัตร หรือกระดาษทิชชูบ้างเล็กน้อย แต่ครั้งนี้ต่างออกไป จันทร์จ้าวไม่ได้เจอสิ่งของแปลกปลอม แต่เธอได้กลิ่นน้ำหอม ประเด็นคือมันต้องใกล้ชิดกันขนาดไหนกลิ่นน้ำหอมถึงได้ติดเสื้อผ้ามาได้เสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของคนที่นอนข้าง ๆ บ่งบอกให้จันทร์จ้าวรู้ว่าสามีของเธอได้หลับไปแล้ว วันนี
ดวงหน้างดงามมีเสน่ห์เย้ายวนที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพอเหมาะ กำลังหลับตาพริ้ม ริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อยเพื่อให้ลิ้นร้อนของผู้เป็นสามีเข้าไปทักทายกับเรียวลิ้นสีแดงสดข้างในโพรงปาก เสียงลามกจากการแลกน้ำลายดังทั่วห้องทำงานที่ถูกปิดลงกลอนเรียบร้อยแล้วมือบางกำเสื้อสูทตัวเก่งของสามีจนมันยับยู่ยี่ แต่ร่างสูงก็หาได้สนใจ เพราะตอนนี้สุริเยนทร์กำลังหลงใหลมัวเมากับจูบรสหวานของผู้เป็นภรรยาจนอะไรต่อมิอะไรที่มันเคยสงบอยู่ภายใต้กางเกงกลับตั้งโด่จนเจ้าของรู้สึกปวดหนึบ“พอก่อนค่ะ เดี๋ยวจะเลยเถิด” จันทร์จ้าวถอนจูบออกก่อนจะเอ่ยเตือนสามี เมื่อสัมผัสได้ถึงของแข็งร้อนผ่าวที่กำลังถูไถกับสะโพกอวบของตัวเองอยู่ในตอนนี้“ที่รัก ทำให้มันสงบทีครับ เฮียเงี่ยu ไม่ไหวแล้ว”มือเรียวบางยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมคาย ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยสบนัยน์ตาสีดำสนิทที่ทอประกายร้อนแรงจนทำให้คนมองแทบจะละลายเสียให้ได้จันทร์จ้าวลุกขึ้นจากตักแกร่งแล้ว ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของผู้เป็นสามี สองมือก็ปลดหัวเข็มขัดเงินวาววับออกจากกัน มือนุ่มที่เย็นเฉียบควักท่อนเนื้อร้อนลวกมือออกม
ณ ห้องตรวจสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนักในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใบหน้าพริ้มเพราที่หวานเกินชายนั่งฟังคุณหมออธิบายถึงผลตรวจร่างกายของตัวเองเงียบ ๆวันนี้เป็นวันนัดตรวจร่างกายหลังจากที่จันทร์จ้าวรับยาปรับฮอร์โมนมาครบสามเดือนพอดิบพอดี หัวคิ้วที่ขมวดกันเล็กน้อยของคุณหมอที่นั่งตรงหน้าเผยออกมาให้เห็นเพียงเสี้ยววินาที และนั่นทำให้ร่างบางอดรู้สึกเป็นวิตกตามไปด้วย“ผลการตรวจเช็กระดับฮอร์โมนของคุณจันทร์จ้าวหลังจากที่ได้รับยาไปแล้วถือว่าดีขึ้นกว่าเดิมมากนะครับ ส่วนผนังมดลูกก็แข็งแรงขึ้น ไข่ที่ผลิตในแต่ละเดือนก็ถือได้ว่ามีสภาพที่สมบูรณ์กว่าแต่ก่อนมากนะครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปกังวลหรือกดดันตัวเองนะครับ เรายังมีเวลาอีกเยอะ แค่ทานยาให้ครบให้ตรงตามเวลา และมาหาหมอตามนัดทุกครั้ง หมอเชื่อว่าอีกไม่นานน้องต้องมาแน่ ๆ ครับ” คุณหมอวัยกลางคน สวมแว่นท่าทางใจดีเอ่ยกับคนไข้ด้วยรอยยิ้ม“ค่ะ” สีหน้าที่คลายความกังวล และลมหายใจที่ลอบผ่อนออกมาเบา ๆ จากจันทร์จ้าว ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกโล่งใจมากแค่ไหนกับคำอธิบายของคุณหมอ เรื่องทายาทเป็นเรื่องที่ทั้งคู่คาดหวังเอาไว้เป็
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ของเรือนหอมูลค่าเกือบห้าสิบล้าน ที่สุริเยนทร์เป็นคนออกแบบเองทั้งหมดเพื่อเป็นของขวัญมอบให้แก่คนรักในวันแต่งงาน โคมไฟระย้าที่ประดับด้วยคริสตัลระยิบระยับบนเพดานส่องแสงไฟสีวอร์มไวท์ทั่วทั้งห้อง ทำให้เกิดบรรยากาศที่อบอุ่น และโรแมนติก มีคู่รักคู่หนึ่งกำลังนอนกอดก่ายกันไปมาหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจผลิตทายาทไปหมาด ๆร่างกายมนุษย์เพศชายรูปร่างสูงใหญ่ มีท่อนแขนแข็งแรง กล้ามเนื้อหน้าท้องเด่นชัด และแผงอกกำยำ ที่ตอนนี้เปียกลื่นไปด้วยเหงื่อจากการออกแรงไปเมื่อครู่ ไม่ต่างจากร่างที่บอบบางของผู้เป็นภรรยาเลยสักนิด จันทร์จ้าวนอนหายใจหอบ ขมับขาวมีเหงื่อเม็ดโตซึมออกมาจนไรผมเปียกชุ่ม“ตัวเล็กมาหาปะป๊าได้แล้วนะครับ หม่าม้ากับปะป๊ารอหนูอยู่นะ”สุริเยนทร์พูดกับหน้าท้องแบนราบของคนรัก หลังจากที่จันทร์จ้าวทานยาปรับฮอร์โมน และพักงานอย่างจริงจังมาเป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วมือหนาลูบไล้ผิวเนียนนุ่มขาวผ่องไม่วางมือ จมูกโด่งก็คลอเคลียความหอมอ่อน ๆ บนผิวเนื้ออ่อนไปด้วย สัมผัสหนักบ้างเบาบ้างตรงจุดที่อ่อนไหวบนหน้าอกบาง ทำให้ความปรารถนาที่เพิ่งมอดดับไปเมื่อครู่ของจันทร์จ้า