تسجيل الدخولเครื่องนำทางติดรถของข้าวหวานพาชายหนุ่มมายังบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งแถบชานเมือง นายแพทย์กันต์ธีเลิกคิ้วมองหญิงสาวเหมือนแปลกใจ ก่อนหน้าเขานึกว่าเธอจะอยากไปช็อปปิง กินข้าว หรือหาที่นั่งคุยจ้ออยู่ในคาเฟน่ารักที่ไหนสักแห่ง
“ฟาร์มแมวค่ะ” เธอแถลงออกมาเองอย่างลิงโลด
ปากที่ขยับจะปรามก็หยุดกึกเพราะประกายอ้อนวอนบางอย่าง อีกทั้งกันต์ธีก็หวนนึกไปถึงความต้องการของข้าวหวาน
เธออยากมีลูก…
เลี้ยงแมวแทนลูกไปก่อนเถอะ บางทีไอ้แมวดื้อพวกนั้นคงสั่งสอนให้คนอยากเป็นแม่รู้ว่าการถูกผูกมัด มีห่วงคล้องคอมันแย่ขนาดไหน
นายแพทย์หนุ่มส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ทว่าขาก็ก้าวตามหญิงสาวไปยังฟาร์มแห่งนั้น เขาได้เจอเจ้าแมวเด็กสีส้มหน้าตาเย่อหยิ่งที่ภรรยาชื่นชอบ ราคาค่าตัวมันสูงเกินแมวไปมาก และก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินเกินครึ่งแสนอย่างงงๆ เพียงแต่กันต์ธีถือว่าซื้อเพื่อนเล่นให้ข้าวหวานสักตัวแล้วกัน
เธอตั้งชื่อมันว่านุ่มนวล
ชายหนุ่มคิดว่านี่มันตลกหรือไง ยายข้าวหวานแม่แมวก็โคตรนุ่มนิ่ม ลูกแมวตากลมหน้าเหวี่ยงดันชื่อนุ่มนวล เออ…เข้าใจตั้งชื่อดีเหมือนกัน
ถึงเวลาเดินทางกลับหญิงสาวก็อุ้มกอดตะกร้าไว้แน่น เธอกับกันต์ธีมีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มแล้ว บางทีถ้าเขาเห็นว่าบ้านดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ชายหนุ่มอาจเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กสักคนสองคน ความผูกพันมันไม่ใช่ภาระหรือสิ่งน่ากลัวขนาดนั้น
ได้ลูกแมวมาแล้ว ภรรยาสาวก็อ้อนให้ชายหนุ่มเลี้ยวรถตรงไปยังร้านจัดจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์ หยิบอุปกรณ์ ของเล่น และอาหารสำหรับไอ้ตัวสีส้มนั่นมาอย่างครบครัน
กลับถึงบ้านคนตื่นเต้นก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องเจ้านุ่มนวล นี่เป็นครั้งแรกที่ความสนใจของเธอไม่ได้ทุ่มมากับเขา เพียงแต่กันต์ธีรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย เขาเกลียดขี้หน้าไอ้แมวตัวกะเปี๊ยกนั่น อย่างน้อยการกินอยู่ ความเอาอกเอาใจ ในบ้านหลังนี้ก็ไม่มีใครควรได้รับการปรนเปรอไปมากกว่าเขาอีก
“ไม่กินข้าวหรือไงหวาน”
“ยังไม่หิวเลยค่ะ”
“แต่ผมหิวแล้ว” วันพักผ่อนของนายแพทย์หนุ่มกลับถูกแย่งชิงความสำคัญไปโดยไอ้เหมียวหน้าเชิดนั่น มันเอาแต่ส่งเสียงร้องโวยวายเพื่อเรียกความสนใจจากข้าวหวาน ทว่าท้องเขาก็ร้องโครกครากเหมือนกันแหละ
“เดี๋ยวเราสั่งอาหารง่ายๆ มากินกันดีไหมคะพี่กันต์”
“ไม่อะ” ชายหนุ่มเสียงแข็ง “ผมเสียเงินไปครึ่งแสนเลยนะ
ใจคอคุณจะตอบแทนผมด้วยจังก์ฟูดง่ายๆ นั่นเหรอ”“ใช่ที่ไหนล่ะคะ” หญิงสาวหันมาปฏิเสธเสียงอ่อน รู้สึกถึงความระคายเคืองคันยุบยิบไปตามเนื้อตัว ครั้นพอเธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขาขาวๆ และแขนเรียวงามก็เกิดผื่นปื้นสีแดงมาเต็มตัว
“อย่าเกาๆ” สามีนายแพทย์ผู้สังเกตเห็นความผิดปกติขึ้นก่อน คว้าเรียวแขนภรรยามาถืออย่างอ่อนใจ ตาคมกริบจ้องมองไปที่เจ้าแมวเหมียวสลับกับผื่นแพ้ของหญิงสาว
กันต์ธีจูงมือข้าวหวานออกมาทำความสะอาดเนื้อตัว และส่งยาเม็ดแก้แพ้ให้หญิงสาวรับประทาน ในฐานะหมอ เขาสังเกตและวินิจฉัยจากอาการก็พบว่าภรรยาอาจจะแพ้ขนแพ้น้ำลายเจ้าตัวเล็กนั่น เป็นแบบนี้คงอยู่ร่วมกันไม่ได้เสียแล้ว ชายหนุ่มจ้องเขม็งเพื่อเตรียมสั่งกับเด็กดื้อที่เพียรก้มหน้าหลบสายตา
“ผมว่าคุณเลี้ยงมันต่อไม่ได้แล้วล่ะ”
“…” คนดื้อไม่ปริปากขึ้นโต้เถียง แม้จะหลงรักเจ้านุ่มนวลไปแล้ว แต่บางอย่างเธอก็ฝืนไม่ได้จริงๆ ในเมื่อมีอาการแพ้ จะอดทนเลี้ยงแมวจนร่างกายป่วยแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี
“พรุ่งนี้ผมจะพามันไปที่โรงพยาบาลด้วย คงมีคนรักแมวเอาไปเลี้ยงนั่นแหละ”
“หวานขอเลือกบ้านให้นุ่มนวลเองได้ไหมคะ”
“ก็ตามใจ” นายแพทย์หน้าดุวางมือจากสำลีที่ไล่ทายาไปตามผิวบอบบาง ก่อนจะกำชับอีกรอบแบบคนใจไม้ไส้ระกำ “แต่พรุ่งนี้เช้า ผมต้องไม่เห็นไอ้แมวเด็กนี่อีกนะ”
“อือ” ไฮโซสาวพยักหน้า น้ำตาคลอ
“หยุดคร่ำครวญเลยหวาน”
“หวานเปล่า”
“ก็ไอ้น้ำตาที่คลออยู่นั่นน่ะ มันเป็นอีกหนึ่งอาการของการ
คร่ำครวญ” กันต์ธีเอ่ยเสียงเย็น สงสารอยู่หรอกนะ แต่ใจอ่อนด้วยไม่ไหวจริงๆ อยู่ดีไม่ว่าดีเมียเขาก็เล่นพิเรนทร์ไปซื้อแมวมาเลี้ยง แล้วที่ไม่ยอมออกมาจากห้องเจ้านุ่มนวล คงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตัวแพ้ขนแมวจนผื่นขึ้น จะตีเนียนเลี้ยงดูมันต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่จับได้สินะ“หวานแค่อยากเลี้ยงมันจริงๆ”
“ไม่ได้คือไม่ได้ไง ทำไมชอบฝืนทำเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้อยู่เรื่อย”
“อะไรบ้างคะที่ว่าเป็นไปไม่ได้ เลี้ยงแมวไม่ได้ มีลูกไม่ได้ ทำให้พี่กันต์รักก็ไม่ได้ อะไรๆ ก็ไม่ได้สักอย่างเลยใช่ไหมคะ” อยู่ๆ ข้าวหวานก็พรั่งพรูออกมา หยดน้ำใสก็ร่วงลงสู่ผิวแก้ม
นายแพทย์กันต์ธีดันลิ้นไปแตะกระพุ้งแก้มด้วยความขัดใจ ให้ตายเถอะตอนพูดเขาไม่ได้คิดถึงอย่างอื่นนอกจากเรื่องที่เธอเป็นภูมิแพ้ แล้วยังอุตริจะไปต่อสู้กับสิ่งที่ตัวเองแพ้ มันดูไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ แต่ไหงตอนนี้กลายเป็นลากยาวมาเป็นประเด็นดรามาขึ้นได้
ผู้หญิงนี่น่าปวดหัวชะมัด
“กินยาแล้วก็ไปนอนซะเถอะ สงบสติอารมณ์บ้างนะหวาน”
ข้าวหวานจ้องหน้าสามีด้วยความผิดหวังระคนน้อยใจ ก่อนจะสะบัดตูดขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ปิดประตูเสียงดังโครมแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
ฝ่ายหมอหนุ่มที่ยืนมองส่งภรรยาขึ้นนอนก็ได้แต่บ่นอยู่ในใจ เรื่องแค่นี้จะอะไรหนักหนาวะ ไม่ใช่ไม่ให้เอาไอ้แมวเด็กกลับบ้านมาสักหน่อย เลี้ยงเองไม่ได้แท้ๆ แต่กลายมาเป็นความผิดเขาอีก เสียเงินเสียทองไปครึ่งแสน แล้วยังต้องมาเสียอารมณ์ อย่าว่าแต่ข้าวสักจานเลย ไอ้จังก์ฟูดง่ายๆ ที่ว่าเขาก็ยังไม่ได้กิน
โมโหข้าวหวานไปแล้ว ยังต้องมาโมโหหิวอีก
แซ็กโซโฟนเป็นเครื่องดนตรีที่มีชีวิต...ผมรู้สึกแบบนั้นมาตลอด เพราะทุกครั้งที่ได้ยินข้าวหวานเป่าเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้ เธอใส่อารมณ์ ใส่ความรู้สึกรวมถึงเสน่ห์ของเธอลงไปด้วย เธอเซ็กซี่เสมอยามเมื่อยืนอยู่บนฟลอร์และสะกดคนด้วยเสียงเพลงอย่างเช่นคืนที่เราอยู่บนเรือสำราญด้วยกันจริงอยู่คนอื่นอาจจะเห็นเธอในมุมของนักดนตรี ไฮโซสาวพราวเสน่ห์แต่เสน่ห์อย่างอื่นของเธอมีมากมายกว่านั้นถึงแม้ครั้งหนึ่งผมจะหลับหูหลับตา มองเธอผ่านหน้ากากแห่งอคติ แต่ได้โปรดเข้าใจกันบ้าง ตอนนั้นผมคือผู้ชายที่จำใจแต่งงานโดยไม่ได้รักผมไม่ถึงกับโกรธเกลียดข้าวหวาน แค่ขวางหูขวางตานิดหน่อย ผมทำนิสัยแย่ เธอก็ยังยิ้มอ่อน ผมเย็นชา เธอก็ยังทำข้าวกล่องให้ไปกินที่ทำงานทุกเช้า บอกตรงๆ ผมค่อนข้างได้ใจข้าวหวานเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอรักผมมาก รักแบบที่ไม่มีทางไปไหนรอดน่าขำ…ผมไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนตลอดเวลาที่ผมเย็นชา เธออดทนเพราะหวังว่าผมคงอ่อนโยนขึ้นในวันหนึ่งข้างหน้าเวลาที่ผมทำนิสัยแย่ เธอมักจะยิ้มหรือนิ่งเงียบ นั่นเพราะเธอคงไม่อยากให้เราทะเลาะกันจนบานปลายการใช้ชีวิตคู่ที่เธอพยายามและเฝ้าทะนุถนอมมันเพียงฝ่ายเดีย
แสงอาทิตย์อ่อนแสงลงจนดูอ่อนโยนกับท้องทะเล เด็กน้อยหลายคนและนกนางนวลหลายตัวกำลังเล่นลมอย่างสนุกสนาน ฉันมองภาพงดงามซึ่งเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่ใช่ว่าชีวิตจะมีเพียงภาพอันสว่างไสวเช่นนี้เพียงอย่างเดียวคนเราล้วนมีช่วงเวลาที่หวาดกลัวที่สุดในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น สำหรับฉันมันเกิดขึ้นตอนอายุสิบห้าคืนที่ฝนตกกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว เศษกระจกแตกกระจัดกระจาย รถที่พลิกคว่ำ เลือดของฉัน พ่อและแม่ นองไปกับสายฝน กระดูกแขนขาหัก มันเจ็บปวดที่ต้องนอนมองคนที่รักตายอยู่ตรงหน้า แต่กระนั้นฉันก็ยังกลัวความตายที่กำลังคืบคลานมากัดกินฉันอีกคนความอบอุ่นของฝ่ามือมนุษย์แตะเบาๆ ที่ข้างคอของฉัน ผู้ชายที่เปียกโซกไปทั้งตัว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนท่ามกลางความมืดและคาวเลือด นับแต่นั้นฉันฝังรอยยิ้มสว่างไสวของเขาไว้ในความทรงจำ“ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ น้องจะปลอดภัยแน่นอน” เขาพูดแบบนั้นและฉันก็ปลอดภัยจริงๆ แม้ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลของคุณปู่อยู่เกือบปีอาการทางกายของฉันดีวันดีคืนเพราะอยู่ในวัยที่ร่างกายแข็งแรง ทว่าอาการทางใจมันกลับย่ำแย่ลงเรื่อยๆฉันมักหายใจไม่ออกเสมอ หัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล โดยเฉพาะในช่วงคืนที่ฝนตก
สถานตากอากาศบางปูในวันสุดสัปดาห์ผู้คนหนาแน่นกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงเข้าใกล้ปลายปีแบบนี้กันต์ธีหยิบหมวกปีกกว้างสวมบนศีรษะของภรรยาสาวที่กำลังท้องแก่ อีกมือก็ก้มลงจูงเด็กชายเขตต์วัยสามขวบกว่าที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นสิ่งรอบตัว ที่สำคัญคือลูกเขาซนมากอย่างที่เคยบอกนั่นแหละ หมอหนุ่มยังคงเป็นมนุษย์เย็นชาที่ไม่ชอบเด็กเอาเสียเลย ทว่าเขากลับรักเด็กคนนี้จับจิตจับใจ“เดินรอแม่ด้วยสิลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากเตือน หนูน้อยที่อยู่ในช่วงพลังงานล้นเหลือก็ก้าวเท้าช้าลง ปล่อยมือจากบิดาและหันไปประคบประหงมมารดาแทน“คับ” เด็กชายเขตต์ยิ้มแฉ่งให้กับผู้เป็นแม่ที่ยังเดินอุ้ยอ้าย ฝีเท้าเล็กๆ ก็ขยับช้าลงฉับพลันกันต์ธีมองความอ่อนโยนของลูกชาย โชคดีที่เขตต์ได้รับนิสัยน่ารักแบบนี้มาจากฝั่งของข้าวหวาน เขาจำได้ วันที่รู้ว่าในท้องของภรรยาเป็นลูกสาวเขาก็บอกกับลูกชายคนโตว่าต่อไปจะมีน้องน้อยที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาออกมาเป็นเพื่อนเล่นอีกคน เด็กชายเขตต์ก็ดีอกดีใจ ทุกวันนี้พี่ชายตัวโตก็มักจะวิ่งเข้าโอบกอดท้องกลมเหมือนลูกแตงโมของมารดาอยู่ทุกวัน“น้องเขตต์จับมือคุณพ่อไว้นะคะ” คุณแม่ยังสาวรีบเตือนบุตรชายเมื่อเดินพ้นระยะจากลานจอดร
พ้นจากช่วงงานยุ่งติดพันมาพักใหญ่ ในที่สุดคู่สามีภรรยานักบริหารก็หาเวลาว่างมาล่องเรือสำราญกันได้สำเร็จแม้จะเป็นการมาพักผ่อนเพียงช่วงสั้นๆ ราวสามสี่คืน แต่นายแพทย์กันต์ธีก็เปี่ยมไปด้วยสุขที่เห็นภรรยาสาวผ่อนคลายลง เธอดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้นจนเขารู้สึกได้ ผิวขาวน้ำนมของหญิงสาวเหมือนจะเปล่งรัศมีเรืองแสง ยิ่งยามที่เธอเฉิดฉายอยู่ในชุดสีแดงแบบนี้ด้วย เขาไม่เหลือสายตาไปมองใครเลยแม้แต่วินาทีเดียว“เรือลำเดิมเลยค่ะพี่กันต์ จำได้หรือเปล่า”“จำได้สิครับ” ชายหนุ่มเดินโอบไหล่บอบบางพาไปยังบริเวณราวเหล็กด้านข้างเรือ ตั้งใจว่ารอให้แดดร่มลมตกกว่านี้ก่อนค่อยชักชวนภรรยาสาวขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าสำหรับดินเนอร์มื้อค่ำ“ที่บอกว่าจำได้เนี่ย คือจำว่ามากับหวาน หรือมากับดีเทลยาคนนั้นที่พากันเข้าห้องไปคะ” หญิงสาวเปิดปากกระแนะกระแหน ในใจก็นึกว่าจะไม่จิกกัดเขาเรื่องนี้อยู่แล้วเชียว แต่เมื่อก้าวขามาอยู่บนเรือสำราญ หัวใจมันคันยุบยิบ ปล่อยไปกันต์ธีก็เหมือนจะลอยตัว วันนี้เลยขอเคลียร์สิ่งที่ค้างคาสักหน่อย แล้วเธอจะมูฟออนจากเรื่องสาวๆ ของเขาเสียที“โธ่ หวาน”“อย่ามาทำเสียงแบบนั้นกลบเกลื่อนค่ะพี่กันต์ มันไม่ได้ผล” ไฮโซสาวยกแข
ทริปล่องเรือสำราญล่มไม่เป็นท่าเพราะนายแพทย์หนุ่มป่วยจนไข้ขึ้นถึงแม้กันต์ธีจะพยายามผงกหัวแล้วร้องโวยวายเสียงแหบพร่า บอกกับหญิงสาวว่าให้เตรียมตัวไปทริป แต่ด้วยสภาพของเขาที่มันตรงกันข้าม พอเริ่มงอแงหนักข้อขึ้น ไฮโซสาวก็เปลี่ยนมายืนเท้าเอว พลิกจากลูกโอ๋เป็นดุเสียงเข้มแทน“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ยืนยันจะไปล่องเรือ หวานจะได้ไม่ต้องขนของกลับมาที่นี่”“ทำไมล่ะ” คนป่วยเบิกตาโต เสียงแห้งไปกว่าเดิมอีกพันเท่า พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนหมดเรี่ยวหมดแรง“ก็หวานจะเอาวันหยุดของเรา ย้ายของซะหน่อย ถ้าพี่กันต์อยากไปเที่ยวมาก งั้นเรื่องขนของกลับมาที่นี่ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ค่ะ”ได้ยินเหตุผลของหญิงสาว คนดื้อก็เด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าซีดเผือดเริ่มกลับมามีสีเลือดพร้อมกับทำเสียงจริงจัง จนคนที่แอบมองอยู่ต้องอมยิ้ม “ได้ยินกรมอุตุบอกว่าช่วงนี้คลื่นลมแรง เราอยู่บ้านก็ดีเหมือนกัน”“พูดง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อยค่ะ”“แล้วรักไหม” ไม่ใช่เพราะพิษไข้นี่หรอกที่ทำให้เขาอยากออดอ้อน แต่เพราะความรักที่ท่วมท้นล้นเอ่อ ในหัวใจมันรู้สึกหวานๆ คล้ายอยากให้เธอเติมคำว่ารักเข้ามาเพิ่ม อยากได้ยินอยู่แบบนั้นราวกับมันเป็นเสียงดนตรีบรรเลงที่อยา
หลังส่งมารดาขึ้นรถกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว นายแพทย์หนุ่มก็เดินเข้าครัวเพื่ออุ่นซุปเยื่อไผ่กระดูกอ่อน เดือดพลุ่งทั่วหม้อเขาก็ยกลงตักใส่ถ้วยกระเบื้อง พยายามฝืนกลืนให้ตัวมีแรง ในใจคิดไปว่าฝีมือมารดาคงอร่อยมากหากได้กินในช่วงเวลาปกติ ทว่าตอนนี้ปากของเขาเริ่มขมปร่าไม่รู้รสชาติเสียแล้ว กลิ่นที่ควรหอมฟุ้งจากน้ำต้มซุปกระดูกหมูก็ไม่พาเข้าสู่โสตประสาทใดๆเมื่อท้องอุ่นขึ้น คนใกล้ป่วยก็พาตัวเองไปยังห้องนอนกว้างข้าวหวานมักหาเวลามานอนค้างด้วยที่นี่เป็นบางครั้ง แต่หลังจากค่ำคืนที่หญิงสาวกลับไป เขาจะยิ่งทุรนทุรายด้วยความคิดถึงกว่าเดิมเมื่อต้องอยู่เพียงลำพัง เฉกเช่นคืนนี้ที่หลานสาวเจ้าสัวต้องควงปู่เพชรไปงานเลี้ยงที่สมาคม ส่วนเขาเร่งมือเคลียร์งานจึงไปกับเธอไม่ได้ ช่วงเวลาของการได้พบหน้าในตอนกลางวันมันไม่เพียงพอ ทั้งที่รู้สึกอ่อนเพลียขนาดนี้ แต่กันต์ธีก็ยังหลับไม่ลง‘นอนหรือยังคะ’ ข้อความที่เด้งขึ้นจากแอปพลิเคชันสนทนา ทำให้คนที่กำลังน้อยอกน้อยใจเปิดปากยกยิ้ม เขารีบพิมพ์กลับไปทันทีแบบไม่เล่นตัว‘ยังไม่นอน คิดถึงข้าวหวานจัง’ครู่ต่อมาเสียงโทรศัพท์ก็แผดร้องขึ้น ชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงยกขึ้นปัดรับด้







