LOGIN“ท่านสั่งงานไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญคุณน้ำผึ้งทางนี้” พนักงานเอ่ยบอกเสียงหวาน ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งพาสายน้ำผึ้งเดินผ่านพนักงานสาวอีกสามสี่คนซึ่งนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้นไปที่ประตูกระจกใส “คุณเดินตามเส้นทางนี้ไป สุดปลายทางก็ให้เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองห้องแรก ห้องประชุมเล็กนะคะ”
สายน้ำผึ้งมองตามร่างโปร่งที่สะบัดหน้าเชิดเดินกลับไปทางเดิม ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจกับความไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายส่งมาให้ รีบก้าวเดินฉับๆ ไปตามเส้นทางที่ได้รู้ ทว่า...
“บ้าจริง! ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า วันนี้มันวันซวยอะไรของเธอนะ ถึงได้เจอแต่อุปสรรคตลอดเลย” บ่นพึมพำขณะก้มลงเก็บเอกสารที่หลุดร่วงออกจากอ้อมแขนและรีบเดินไปยังห้องประชุมเล็กอย่างเร็ว
“เชิญ” เอ่ยอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู โดยที่ยังก้มหน้ามองดูเอกสารในมืออย่างขะมักเขม้น คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน มือแกร่งยื่นไปคว้าปากกามากดและทำเครื่องหมายในเอกสารที่เขาเห็นรายละเอียดปลีกย่อยไม่ชัดเจน พร้อมเขียนซ้ำด้วยว่าต้องการให้เป็นยังไง
“ช่วยล็อกห้องให้ด้วย” เอ่ยสั่งโดยไม่หันไปมองคนที่เข้ามา ด้วยเขาต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้มีใครเข้ามาขัดจังหวะระหว่างการคุยงาน
“ขอโทษนะคะ ฉันทำให้คุณต้องรอ” หญิงสาวเอ่ยปากขอโทษตามมารยาททั้งที่เธอก็ไม่ได้มาสายเพียงแค่จวนเจียนไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“ไม่เป็นไร ยังไม่ถึงเวลานัด” ชายหนุ่มตอบกลับโดยไม่ยอมเงยหน้าจากเอกสาร มือจดรายละเอียดเพิ่มลงไปในสัญญาอีกเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายได้นำกลับไปอ่านและแก้ไขให้เป็นไปตามความต้องการของเขา
‘เสียงนี้!! คุ้นหูจัง’ คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน รีบลดแฟ้มเอกสารในมือที่ทำให้เธอมองคนพูดไม่ชัดเจนลง
ผมสีดำสนิทราวกับนิลหวีจนเรียบแทบไม่มีเส้นใดปลายกระดิกออกมาให้เห็น ลำคอแกร่งและแผ่นหลังกว้าง...คุ้นตามาก คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน ฟันซี่เล็กขาวสะอาดขบกัดกลีบปากอิ่ม คุ้นอย่างกับเธอเพิ่งเคยเจอคนลักษณะอย่างนี้เมื่อไม่นานนี่เอง
นัยน์ตากลมใสแจ๋วไล่มองทั่วร่างใหญ่อย่างไม่รักษามารยาทเอาเสียเลย ด้วยสมองไพล่คิดถึงคนบางคนที่ด่าว่าเธอเสียๆ หายๆ เมื่อวันก่อน แล้วเดินจากไปอย่างไม่ยอมเคลียร์เรื่องราวให้มันจบ เฝ้าภาวนาขออย่าให้คนตรงหน้าใช่คนที่เธอคิดอยู่เลย เพราะไม่อยากมีปัญหาต่อปากต่อคำกับลูกค้า อันจะกลายเป็นประวัติด่างพร้อยที่เธอไม่อยากให้มี
“อ้าว...จะยืนค้ำหัว มองอย่างกับไม่เคยเห็นคนอยู่อีกนานไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยหงุดหงิด งานนี้เขาไม่ได้อยากรับมาทำแต่มันมีเหตุให้ต้องลงมาจัดการเอง
สายน้ำผึ้งถึงกับอ้าปากค้างอย่างกับคนถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ เมื่อเห็นคู่กรณีชัดเจนเต็มสองตา
“คุณ!! คุณมาทำอะไรที่นี่!!” หญิงสาวถามเสียงเข้มออกเค้าดุแข็งอย่างลืมตัว เพลิงอารมณ์เริ่มคุกรุ่นพร้อมควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาราวกับมีใครเอาถ่านไฟร้อนๆ ไปโยนใส่ฟางแห้งเมื่อเจอคู่ปรับที่ทำให้เธอแพ้ยับเยินมาแล้วครั้งหนึ่ง
“เผอิญได้ยินข่าวมา...”
ชายหนุ่มกวาดสายตามองไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า วันนี้ของเธอไม่ต่างจากวันนั้นเลยสักนิด เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อนสวมทับเสื้อเชิ้ตคอปกสีมะปรางอ่อน ปลดกระดุมสองเม็ดบนให้เห็นร่องอกอวบอิ่มรำไร ตัวกระโปรงรัดรูปยาวลงมาปิดแก้มก้นเล็กน้อย ตัวชายกระโปรงจับกลีบสั้นๆ รายรอบ อวดลำขาเสลายาวเรียวยามก้าวเดิน เรียกทุกสายตาให้ต้องเหลียวมองจนต้องเหลียวหลังได้ชะงัด
“มีผู้หญิงบางคนอารมณ์เปลี่ยวเหงา หนังหน้าอย่างหนา ยางอายไม่มี สนุกกับการที่ได้เห็นคนอื่นเป็นทุกข์จากการถูกแย่งของรักของหวง ชอบลดแลกแจกให้คนอื่นกินฟรี” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำในบางคำ รอยยิ้มแต้มบนมุมปากหยักของดวงหน้าเข้มดุ ไม่สนใจเพลิงโทสะจากสาวร่างโปร่งเพรียวที่แผ่กระจายมา
“ก็เลยสงสัย ผู้หญิงคนนั้นจะสวยเลิศเลอสักแค่ไหน ถึงทำให้ผู้ชายแก่ๆ บางคนทุรนทุรายร้อนใจด้วยความอยาก...กินของคาวๆ แต่เห็นหน้าแล้ว...”
ตอนได้ฟังคนเป็นป้าร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายพาลูกพี่ลูกน้องสาวอย่างเนตรนพิศมาปรับทุกข์เรื่องสามีไปติดพันผู้หญิงคนใหม่ จนถึงขั้นเอ่ยปากยกเลิกการไปทัวร์ต่างประเทศ เขาชักอยากเห็นแม่ผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น จะสวยเลิศแจ่มเลิศราวกับนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหน ถึงได้ทำให้ผู้ชายวัยคราวพ่อร้อนรุ่มทุรนทุรายจนแทบเป็นบ้า แต่ได้เห็นแล้ว ศีรษะทุยสะบัดแรงๆ ปากหนาเบะออก...
“ผิดหวังเป็นอย่างแรง!!”
แค่ได้เจอคนตรงหน้าอย่างไม่คาดฝัน สายน้ำผึ้งก็หน้าหงิกงอบูดบึ้งแล้ว ได้เจอกับคำพูดและสายตาหยามเหยียดเย้ยหยันยัดเยียดในสิ่งไม่ได้เป็นอีก เรื่องเก่ายังไม่ได้เคลียร์ ก็มีเรื่องใหม่มาอีก เพลิงโทสะในกายถึงพุ่งปรี๊ดราวกับน้ำในกาที่ถูกต้มจนเดือดพล่าน ไอสีขาวพวยพุ่งออกทางใบหูซึ่งแดงเถือกราวกับถูกหยิกขยี้อย่างรุนแรง
ปัง!! หญิงสาวทิ้งแฟ้มเอกสารในมืออย่างไม่ยี่หระว่าข้าวของภายในจะร่วงปลิวหล่นออกมา ทาบสองฝ่ามือเท้าบนโต๊ะตัวยาว
“หุบปากเน่าๆ ของคุณได้แล้วไอ้...” อุ้ย!! นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง ยกมือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน เมื่อรู้ว่าทำอะไรลงไป สายน้ำผึ้งรีบข่มเพลิงโทสะในกายด้วยการท่องคำว่าอดทนเอาไว้ งาน...งาน แต่ก็ยากเหลือเกิน เมื่อในใจร้อนรุ่มราวกับถูกไฟเผาอยู่อย่างนี้
แต่...เจอคนเกลียดมาก็เยอะแยะแล้ว มีเพิ่มอีกคนก็ไม่เห็นทำให้โลกที่ยืนอยู่เปลี่ยนแปลงไปเลยนี่น่า อีกอย่างเธอก็มีวิธีการรับมือพวกปากไม่มีหูรูดเหล่านี้นี่น่า ไหล่กว้างเลิกขึ้น กลีบปากอิ่มสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้ม นัยน์ตาใสแจ๋ววาววับ
“เฮ้อ! คุณนี่นะ” หญิงสาวทรุดตัวลงนั่ง แผ่นหลังและลำคอตรงดิ่ง มือเรียวยาวยื่นไปด้านหน้าเล็กน้อย ตวัดลำขาเสลาพาดบนขาอีกข้างอวดต้นขากลมกลึงนวลเนียนน่าจับต้องอย่างไม่สนใจสายตาเข้มดุที่มองมาอย่างกล่าวหา
“ถามจริง คุณแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะตกลง แล้วเกิดไม่...แม่คุณไม่หน้าแตกหรือไง” แต่แม่เธอนะหรือที่จะปฏิเสธ มีแต่จะรีบจับเธอใส่พานยกให้แม่ภาสวรโดยเร็วนะสิ ก็อยากจะให้เธอแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นจนถึงกับเคยเปรยให้เธอได้ยินอยู่ว่า ถ้ามีใครสักคนกล้าหาญมาขอเธอไปเป็นศรีภรรยาละก็...จะยกให้พร้อมกับทองสักสองสามบาท ไหนจะที่ทางอีกล่ะภาสวรส่ายศีรษะ เขามั่นใจเลว่าพ่อกับแม่จะทำสำเร็จเช่นตัวเขาเองที่ต้องสำเร็จด้วยเช่นกัน“ไม่เลย เพราะผึ้งไม่มีทางหนีมือฉันพ้น ถ้า...ป่อง” ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาวาวระยับขณะสองมือวาดท้องโตขึ้นพร้อมใบหน้ารอยยิ้มละมุนละไม นัยน์ตาเข้มดุวามวาวเป็นประกายแฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้เต็มพิกัด ที่คนเห็นถึงกับหนาวจับขั้วหัวใจ “ผึ้งจะยอมอาย ไม่แต่งงานกับฉันได้หรือ” “ป่องเองสิยะ ไม่ย่ะ ฉันไม่ป่อง” “มีสิทธิ์เลือกหรือจ๊ะผึ้งจ๋า...ฉันปล่อยเชื้อไว้เต็มที่ทุกครั้งที่เราปั่มปั๊มกัน ใครจะไปรู้ ตอนนี้ผึ้งอาจมีผึ้งตัวเล็กๆ ซุกอยู่ในท้องแล้วก็ได้ แต่ถ้าผึ้งยังไม่มั่นใจ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันซ้ำให้นะจ๊ะเมียจ๋า” ภาสวรช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นไปวางบนเตียงนอนพร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าจากสองกายหลุดออกไปอย่างเร็วแทบเป
“ความจริงผึ้งควรดีใจนะที่เกิดเหตุการณ์นั้น เพราะทำให้ฉันมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง” ไม่เข้าใจ ศีรษะทุยเอียงเล็กน้อย ไอ้ที่เขาพูดมาหมายความว่ายังไงภาสวรยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “ฉันแค่อยากมั่นใจ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ไม่ใช่แค่ความผูกพันทางกาย แต่เป็นสายใยเชื่อมใจสองดวง เชื่อมคนสองคนให้ร่วมจับมือฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค เติมเต็มความสุขพร้อมสร้างสุขด้วยกันตลอดจวบจนแก่เฒ่า” สายน้ำผึ้งไม่รู้เลยว่าตอนนี้หัวใจของเธอเริ่มละลายจากการกระทำและคำพูดที่จริงใจและเปี่ยมด้วยรักที่หัวใจรับรู้“ฉันขอโทษที่ฟังความเพียงข้างเดียว แล้วปรักปรำและทำร้ายเธออย่างไม่น่าอภัย ฉันรู้ว่าทำใจลืมยากกับการถูกข่มเหงร่างกายโดยไม่ยินยอม ฉันไม่เถียงที่ส่วนหนึ่งคืออยากลบล้างความรู้สึกผิดที่เกาะกุมใจ แต่ที่มากกว่านั้นคืออยากเติมความรู้สึกผูกพันและรักใคร่ระหว่างกัน พร้อมอยู่ดูแลกันด้วยรักไปตลอดตราบจนชั่วชีวิต” ภาสวรดันร่างเพรียวพาลงไปยืนบนพื้น ขณะที่เขาทรุดกายคุกเข่า “ทำอะไรน่ะคุณภาส” พยายามดึงเอาร่างใหญ่ให้ลุกขึ้น แต่กลับสู้แรงเขาไม่ได้และยังถูกจับมือเอาไว้“ก่อนที่ฉันจะดูแลเธอไปตลอดชีวิตได้ก็ต้อง... บอกรักและขอแ
“บางครั้งคนเราก็ทำอะไรที่ไม่ชอบลงไปจากความเข้าใจผิดของตัวเอง ฉันเป็นหนึ่งในนั้น ที่ยังดื้อดึงดันลุยไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งใด” ขนาดรู้ว่าไม่ใช่ เขาก็ยังไม่ยอมหยุด...“คุณจะพูดยังไงก็ได้ เพราะคุณเป็นฝ่ายได้เปรียบ” ให้เขาพูดดีและจริงใจแค่ไหน ทว่าความเลวร้ายที่เกิดขึ้นใช่ว่าจะลบเลือนได้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ เพราะทุกการกระทำของเขา คือลิ่มเหล็กตอกย้ำความเจ็บช้ำและปวดร้าวฝังตรึงอยู่ในใจมิรู้คลาย “ปล่อยฉันเถอะคุณภาส ถ้าคุณรักฉันอย่างที่พูด ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยให้ฉันไปมีชีวิตของฉัน” สายน้ำผึ้งอ้อนวอนเสียงสั่นพร่าและแหบเครือ“ไม่!!” ภาสวรผวากอดสายน้ำผึ้งเต็มรัก แค่เธอจากมาไม่กี่วันเขารู้สึกคล้ายรอบกายว่างเปล่า มองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มืดมนจนมองแทบไม่เห็นทาง “ไม่! ไม่มีวันที่ฉันจะปล่อยเธอไป” เขารัดร่างนุ่มนิ่มแนบอก “แม้ต้องบังคับให้เธออยู่ด้วย...ฉันก็จะทำ!” อยากผลักไส แต่เรี่ยวแรงกลับแห้งเหือดหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เธอจึงได้แต่อยู่ในอ้อมกอดที่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บออกไปจนหมดสิ้น แต่สายน้ำผึ้งก็ยังพยายามเรียกเอาคำพูดและการกระทำของภาสวรที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีขึ้นมากลบ “
ภาสวรคลี่ยิ้มปากกว้าง “คุณเลยหวังใช้มือผมจัดการสั่งสอนสายน้ำผึ้งว่างั้นเถอะ” เจสันหัวเราะกลั้วคอ “ผมเอาคืนเล็กน้อย แต่คุณได้ประโยชน์เต็มๆ แล้วอย่างนี้จะตกลงรับข้อเสนอผมไหมล่ะ” ถ้าเขาไม่รับก็ต้องใช้เวลาควานหาตัวสายน้ำผึ้งที่ยังทำตัวดำดินมุดอยู่ในรูอีกนาน ในเมื่อมีคนพาตัวเธอมาเสิร์ฟให้ถึงมือ มีหรือจะไม่เอา“แล้วคุณมีแผนการยังไงบ้าง” ภาสวรเอ่ยถามและรับฟังด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น แม้ต้องอดทนที่ต้องมองสายน้ำผึ้งอยู่ไกลๆ แต่เพื่อวันแห่งความสุขเขาจำต้องยอมอดกลั้นที่เธอรู้สึกคล้ายถูกมองและถูกตามเมื่อสองสามวันก่อน...ก็เป็นอีตาหมีควายนี่น่ะสินะ แต่แปลกในเมื่อเขาเจอเธอแล้วทำไมถึงได้ไม่จับตัวไว้ตั้งแต่วันนั้นละ เชื่อได้หรือว่าเขาปล่อยเธอให้ลอยนวลโดยไม่ลากเข้าห้องแล้วขย้ำขยี้ให้แหลกละเอียดยิ่งกว่าแก้วที่ถูกตกลงบนพื้นแล้วถูกรถทับซ้ำอีกครั้ง ภาสวรยิ้ม “ถูกแล้วผึ้ง ฉันตามติดแต่ยอมอดทนตามที่เจสันแนะนำ เพราะกลัวเธอหนีไปอีกครั้งจนหาไม่เจอ รู้ไหมฉัน...หงุดหงิดแทบเป็นบ้าที่ต้องทำอย่างนั้น” เขาหงุดหงิดแทบเป็นบ้าเลยจริงๆ แต่ช่วงเวลาที่ห่างหายไม่ได้อยู่ใกล้กันก็มีส่วนดีด้วยเหมือนกัน เพราะทำให้เขาล่วงรู้ความ
เธอพกความช้ำชอกรวดร้าวกับขาดรอนและน้ำตากลับบ้าน ที่เพียงย่างเท้าเหยียบลงไปบนพื้น แข้งขาก็อ่อนแรง แต่จำต้องกัดฟันพาเรือนกายอ่อนระโหยโรยแรงก้าวเดินเข้าไปภายใน เพื่อเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็น รีบเดินทางออกจากบ้าน หาเช่าที่พักใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราว ก่อนภาสวรรู้ตัวและตามล่าเอาตัวกลับไปทรมานให้ตกนรกทั้งเป็นจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด หลบหนีรอดอุ้งมือมาได้ตั้งหลายวัน จนตอนนี้เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยและจะเดินทางกลับบ้านก่อนต่อด้วยเดินทางไปหางานทำยังดินแดนที่ได้ขึ้นชื่อว่าไข่มุกแห่งอันดามัน ซึ่งเธอได้โทรติดต่อสอบถามบ้างแล้ว แต่ใครจะคาดคิดเล่าภาสวรดักรอเหมือนกับรู้ล่วงหน้าอย่างนั้นแหละ แม้หวาดหวั่นกริ่งเกรงจากรัศมีสายตาของคนตัวใหญ่ จนใบหน้าขาวนวลผุดผ่องค่อนไปทางซีดเผือด ทว่าสายน้ำผึ้งก็ยังเชิดขึ้นสูง ไม่ยอมมองพ่อหมีควายตัวโคร่งที่ยืนสอดมือเข้าในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าเข้มกรุ้มกริ่ม สายตาคู่นั้นฉายแวววามวาวที่เธอคุ้นเคย และรีบสาวเท้าเป็นวิ่งเดินเลี่ยงไปที่ลิฟต์ซึ่งเปิดพอ“อะไรกันสายน้ำผึ้ง เจอหน้าผัวเก่าทั้งที นอกจากไม่ถามไถ่ไม่เจอกันหลายวัน คิดถึงกันบ้างไหม แล้วเป็นไงบ้างสบายดีหรือเปล่า ยังคิดห
“ถ้าพี่สรไม่รังเกียจ...หนูเอมจะยอมปวารณาตัวเป็นทาส...รัก” แม้เป็นเสียงกระซิบ แต่ก็ดังเข้าไปถึงหัวใจเจสันจนเขาต้องจดจำคำนี้ไม่มีวันลืม “ทาสเสน่หา...ทาสรักของพี่สรตลอดไปค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นเราต้องรีบบอกแม่หนูเอม แล้วไปจดทะเบียนกันนะ” เขาอยากมั่นใจ แค่สายใจสายสัมพันธ์สวาทผูกรัดเธอไว้ไม่พอ ยังต้องใช้ฐานะทางกฎหมายและสังคมมัดเธอไว้อีกชั้น ผู้หญิงดีๆ มีความอดทน ทำให้เขารู้สึกประหนึ่งได้พบลาภก้อนใหญ่ มีค่าดังราวกับเพชรในโคลนตม อย่างนี้มีหรือที่เขาจะปล่อยทิ้งไปได้นะ เป็นอย่างนั้นนะ...โง่บรมแล้วล่ะ “แล้วพี่สรจะบอกรักหนูเอมทุกๆ วันใช่ไหมคะ” ก็แหม...คำรักหวานๆ เธออยากฟังซ้ำหลายๆ ครั้งนี่น่า“ไม่ล่ะ คำนี้ถ้าพูดทุกวัน เดี๋ยวจะไม่มีความหมาย คล้ายไม่จริงใจมากกว่า ไว้ใช้ในโอกาสสำคัญๆ ดีกว่านะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ” เขารีบบอกดักคอไว้ก่อน เพราะไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆ จากคนตัวเล็ก “ความรักไม่จำเป็นต้องเอ่ยพูด แต่แสดงออกทางความรู้สึก...ที่หนูเอมลืมไปเลย ฉันเอ่ยบอกรักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” “ค่ะ...หนูเอมจะรอดู” เฌอเอมทาบมือบนท่อนแขนกำยำ เอนกายอิงอกกว้าง อบอุ่นวาบไปทั้งร่างกายและหัวใจ หลังจากบอกมารดาเป็นที่เรียบร้







