เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ตามด้วยบานประตูที่ถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างของชวัลญาจะโผล่พ้นประตูเข้ามา
“อ้าว อยู่ด้วยกันพอดี แม่ว่าจะเอานี่มาให้” หญิงวัยกลางคนมองสองหนุ่มสาวด้วยอาการเฉยเมย ราวกับไม่ได้ตกใจที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน
“คืออะไรครับ” ภาคินถามหลังจากรับกล่องมาถือโดยไม่ได้เปิดออก เพราะเขามัวแต่รั้งเอวนริยาเอาไว้ไม่ให้เธอลุกขึ้น
“ก็เปิดดูสิ”
ภาคินส่งให้นริยาเป็นคนเปิด เพราะเขามั่นใจว่าสิ่งที่มารดาของเขาเอามา ก็เพื่อเอามาให้เขานำไปให้หญิงสาวตรงหน้าคนนี้
หญิงสาวรับกล่องมาเปิดออก เผยให้เห็นเป็นชุดเครื่องเพชรที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้เล็ก เป็นเพชรร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ตรงจี้เป็นเพชรรูปหยดน้ำล้อมด้วยพลอยสีชมพู กับข้อมือเข้าชุด
“ผู้ใหญ่ให้ของห้ามปฏิเสธนะจ๊ะ” ชวัลญาพูดดักคอเมื่อเห็นนริยาทำท่าจะปฏิเสธ
“รับไปเถอะ แม่ชอบซื้อมาสะสมน่ะ”
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ”
ชวัลญายิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอรู้ดีว่าหากนริยาเป็นคนที่บุตรชายต้องการจริงๆ เวลานี้คือเวลาที่เขาอยากจะอยู่กับหญิงสาวมากที่สุด
ทางด้านนริยา เธอมองกล่องเครื่องเพชรในมืองงๆ ก่อนจะปิดฝากล่องลงแล้วยื่นมันให้กับภาคิน
“แม่ให้เธอ”
“รู้ค่ะ แต่แค่จะฝากไว้ ถ้าอีก 2 ปีพี่ยังไม่เปลี่ยนใจ ค่อยเอามาให้น้ำ”
“อืม ตามนั้น”
เป็นคำตอบที่ไม่ต้องตอบให้ตรงคำถาม เมื่อหญิงสาวเลือกที่จะรอเขา อ้อมแขนอบอุ่นกระชับอ้อมกอด ทั้งสองคนนั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบ
“น้ำกลับห้องก่อนดีกว่า ป่านนี้ยัยรินอาจจะหาน้ำอยู่”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ภาคินปล่อยให้หญิงสาวลุกขึ้นยืน ก่อนที่ตัวเขาจะวางกล่องเครื่องเพชรไว้บนเตียง แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน
แต่เมื่อเดินมาถึงห้องของนาริน ทั้งสองคนก็ชะงักไปเมื่อประตูมันถูกล็อกจากด้านใน นริยายืนอึ้ง ภาคินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจับมือเล็กแล้วพาเดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง
“ยัยรินเมาใช่ไหม”
“คิดว่าเมานะคะ อยู่ๆก็ลุกจากโซฟาแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนที่เตียงเลย”
“งั้นไม่แปลก คงจะลุกมาแล้วเห็นประตูไม่ได้ล็อก เลยมาล็อกนั่นแหละ”
“ลืมน้ำ?”
“ไม่ได้ลืม เชื่อเถอะ”
“…..คนบ้านนี้น่ากลัวทุกคนเลยนะเนี่ย”
“ก็คิดเองสิ ยัยรินให้คีย์การ์ดกับรหัสคอนโดน้ำกับพี่นะ” ชายหนุ่มหัวเราะกับคำพูดของคนตัวเล็กตรงหน้า พร้อมกับดันแผ่นหลังบางให้ไปที่เตียง
“…..ลืมสนิท”
“ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่งพรุ่งนี้เย็นๆ”
นริยาไม่ได้ตอบอะไร เธอเดินไปที่เตียงแล้วหย่อนตัวนั่งลงช้าๆ ดวงตากลมโตมองเขาที่เดินไปเดินมาเพื่อเก็บกล่องเครื่องเพชร
“หิวน้ำ”
“เออ ลืม เดี๋ยวลงไปเอามาให้ รอนี่แหละ ดื่มมาเหมือนกันนี่ เดี๋ยวตกบันได”
“ไม่มีทาง น้ำคอแข็ง ไวน์ขวดเดียวเอง แถมกินดื่มตั้ง 3 คน”
“ลองสักตั้งไหมล่ะ”
“ได้นะ ไม่ติด ยังไม่สะดุ้งสะเทือนเท่าไหร่”
“งั้นรอนี่ เดี๋ยวพี่มา เดินดูอะไรในห้องได้นะ ไม่มีใครเคยมาที่บ้านหรอก ไม่เคยมีใครเข้ามาในห้องด้วยนอกจากคนในบ้าน”
“ไม่เคยพาใครมาเลยเหรอ ผู้หญิงในสต๊อกเป็นลังแบบนั้นอะนะ”
“ไม่เคย ไม่คิดจะพาใครมา ไม่เคยให้ใครใส่เสื้อผ้า แล้วก็จะไม่ใส่เสื้อผ้าต่อจากใครด้วย”
หญิงสาวยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร ร่างสูงก็เดินออกจากห้องไปแล้ว นริยามองตามหลังเขาไปก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินตรงไปยังริมระเบียง มองออกไปด้านนอก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความคิดมากมาย
ไม่นานประตูก็เปิดออก พร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกับวิสกี้ราคาแพง กับแก้วอีก 2 ใบ
“วิสกี้”
“…..พี่จะมอมน้ำเหรอ”
“ก็มาพิสูจน์กันไงว่าคอแข็งจริงไหม แต่ที่แน่ๆยัยรินคออ่อนมาก แค่ไวน์ยังร่วง”
“นินทาน้องตัวเอง”
“ก็เพื่อนเธอนั่นแหละ”
นริยาเดินมานั่งที่โซฟา หลังจากที่เขาวางของในมือลงแล้วเริ่มรินเครื่องดื่มใส่แก้ว มือเล็กรับมาถือ ก่อนจะหมุนแก้วเบาๆ เพื่อให้กลิ่นออกแล้วดมกลิ่น
“ไม่ธรรมดานะเรา”
“ความชอบส่วนตัวค่ะ”
“หืม”
“ก็พ่อแม่น้ำไปทำงาน เวลาอยู่คนเดียว เหงาๆน้ำก็เอาของพ่อมาดื่ม พอมันหลายครั้งเข้า ก็ไม่ค่อยสะเทือนเท่าไหร่ ลองจนครบทั้งตู้เลย”
“นี่ อายุ 18 เองไม่ใช่เหรอ”
“แก้ใหม่ จะ 19 แล้วค่ะ”
“…..” ภาคินส่ายหน้าเบาๆ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่ชวนหญิงสาวดื่ม
สองหนุ่มสาวดื่มกันไปเรื่อยๆ จนนริยารู้ตัวว่าเธอกำลังเมา หญิงสาววางแก้วลงบนโต๊ะก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนตักเขา แล้วซบใบหน้าไปที่อกกว้าง
“พาไปนอนหน่อย”
“เมาแล้วเหรอ”
“อือ”
“เก่ง เมาแล้วรู้ตัว”
“รู้ตัว แต่ลุกไม่ไหว”
“ไปเข้าห้องน้ำไหม เดี๋ยวพาไปส่งก่อน”
“ไป”
ภาคินวางแก้วลงแล้วอุ้มร่างบอบบางที่อ่อนปวกเปียกไปส่งที่ห้องน้ำแล้วปิดประตูให้ ส่วนตัวเขาก็ออกมารอด้านนอก จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูเขาก็เข้าไปอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้ง
“ยัยน้ำ เธอถอดชั้นในเหรอ”
“อือ ก็รำคาญ ไม่ชอบใส่ตอนนอน”
“ให้ตายเถอะ รู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะห้ามใจตัวเองได้เนี่ย”
“อย่าบ่นน่า เดินเร็วๆ”
ภาคินอยากจะโยนหญิงสาวออกไปนอกห้องให้รู้แล้วรู้รอด เขาเริ่มเห็นแววความวุ่นวายที่จะเข้ามา เด็กสาวคนนี้แสบใช่เล่น
ร่างบอบบางถูกวางลงบนเตียงอย่างเบามือ ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นมาคลุมร่างเธอเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ แล้วกลับออกมาปิดไฟดวงใหญ่ภายในห้อง ก้าวยาวๆเดินไปที่เตียงแล้วขึ้นไปนอนเคียงข้างหญิงสาวที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะหลับไปแล้ว
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นเบาๆ มือใหญ่เอื้อมไปดึงลิ้นชักตรงหัวเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสาย
“ว่าไง”
“ไม่ออกมาเจอกันเหรอ”
“ไม่”
“เบื่อแล้วเหรอ”
“…..”
“ว่าไง”
“ฉันจะปิดเบอร์นี้”
“นายพูดจริงเหรอ”
“อืม”
ภาคินวางสายไปทั้งอย่างนั้น เขาเพิ่งตัดสินใจในตอนที่เขารับสาย ว่าในเมื่อเขาขอให้เธอรอ เขาก็จะเลิกทำตัวเหมือนเดิมให้สมกับที่เธอต้องรอเขากลับมา
วันต่อมา หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเสร็จก็มานั่งรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น ภวินทร์ได้บอกกับทุกคนถึงเรื่องที่ภาคินต้องไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเวลาประมาณ 2 ปี นารินชะงักแล้วมองไปที่นริยา แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอนิ่งสงบ เธอจึงรู้ว่านริยาน่าจะได้รู้ก่อนแล้ว
“ผมก็มีเรื่องจะประกาศ”
หลังจากที่ภาคินพูด ทุกคนก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว ชายหนุ่มมองสบตากับนริยาอย่างจริงจัง ก่อนที่จะหันมาพูดกับทุกคน
“ผมจะใช้โทรศัพท์แค่ 2 เครื่อง”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ภวินทร์กับชวัลญาหันมายิ้มให้กัน พวกเขาเดาได้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าบุตรชายของเขาจะต้องหยุดที่นริยาแน่นอน
“หมั้นเลยไหม” ชวัลญาเอ่ยถามทีเล่นทีจริง
“ขอเวลา 2 ปี รอกลับมาก่อน”
“พ่อว่าหมั้นไว้ก็ดีนะ เผื่อมีสาวๆของคินมายุ่งวุ่นวาย น้ำจะได้มีสิทธิ์เล่นงานทั้งคินทั้งแม่พวกนั้นได้เต็มที่” ภวินทร์เอ่ยเหตุผลที่ดูเหมือนจะพูดเล่น แต่ไม่ใช่การพูดเล่น
“พ่อความคิดดี แม่ชอบ”
“น้ำว่าไง” นารินหันมาถามเพื่อนรักอย่างเกรงใจ
“ไม่รู้อะ ยังไม่ทันคิดอะไรเลย” หญิงสาวตอบทุกคนตามตรง
“เอาอย่างนี้ไหม ก็สวมแหวนกันไปก่อน แล้วถ้าอีก 2 ปี คินกลับมาก็ค่อยจัดพิธี แต่ถ้าเวลานั้นต่างฝ่ายต่างเปลี่ยนใจก็จบกันไป แหวนแม่ก็ยกให้ไปเลย” ชวัลญาเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง
นริยาหันมามองภาคินเป็นเชิงถาม ซึ่งเขาก็พยักหน้าให้เธอเป็นคนตัดสินใจ เขาตามใจเธอ หญิงสาวถึงกับคิดหนัก นี่เธอยังไม่ทันจะได้คบกันด้วยซ้ำ เอาจริงๆเธอยังไม่ทันได้คิดอะไรเลยดีกว่า
“ก็…..ได้แหละค่ะ” หญิงสาวตอบรับแบบงงๆ
“งั้น ให้แม่คุยกับพ่อแม่หนูเองดีไหม เพราะหนูอายุยังน้อย ให้ผู้ใหญ่คุยน่าจะดีกว่า”
“ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกค่ะ พ่อกับแม่ไปทำงาน ส่วนใหญ่จะเดินทางอยู่ต่างประเทศ ตอนนี้อยู่ประเทศไหนน้ำยังไม่รู้เลยค่ะ”
หลังจากที่หญิงสาวบอก ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครรู้เรื่องครอบครัวของเธอเลย เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยบอกใครเลย เรื่องนี้มีเพียงนารินเท่านั้นที่รู้
“แล้วหนูอยู่กับใคร” หญิงวัยกลางคนสอบถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ตอนนี้แม่ซื้อคอนโดให้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยค่ะ แต่ถึงจะอยู่บ้านหรือคอนโดก็ไม่ต่างกัน เพราะน้ำอยู่คนเดียว น้ำเลยอยู่ที่คอนโดเพราะไม่ชอบขับรถ น้ำอารมณ์ร้อน”
“…..อยู่บ้านก็อยู่คนเดียวเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นมาอยู่ที่นี่ด้วยกันไหม”
“นั่นสิ ไหนๆ ก็หมั้นแล้วนี่ ไม่เป็นอะไรหรอก” ภวินทร์เห็นด้วยกับภรรยา
“น้ำขอมาแค่เสาร์อาทิตย์หรือวันที่ไม่มีเรียนได้ไหมคะ”
“เอาที่หนูสะดวกเลย พ่อกับแม่ไม่มีปัญหา” ชวัลญาพยักหน้า เธอบอกกับนริยาอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะ”
“งั้น…..เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราสวมแหวนกันในบ้านนี่แหละเนอะ แล้วปล่อยให้หลังจากนี้เป็นเรื่องของเวลา”
หลังจากที่ชวัลญาพูดสรุปให้ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย หญิงวัยกลางคนจึงสั่งให้คนมาช่วยย้ายโต๊ะกระจกออก แล้วให้ทุกคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงมาพร้อมกันในตอน 8 โมงครึ่ง
“แม่มีชุดเดรสสีขาวอยู่ น้ำน่าจะใส่ได้ เพิ่งซื้อมาไม่นาน คนอื่นใส่สีฟ้าให้หมดนะ”
สิ้นคำสั่งของผู้เป็นแม่ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองไปแต่งตัว เพื่อให้ทันเวลาที่จะกลับลงมารวมตัวกัน
ชวัลญาเดินกลับไปที่ห้องของตนเองแล้วหยิบชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวจั๊มเอว ผ้าชีฟองความยาวคลุมเข่า ก่อนจะรีบเอามาให้นริยาที่ห้องของนาริน
“แต่งตัวเลยจ้ะ แล้วมาแต่งหน้า เดี๋ยวแม่แต่งให้” นริยารับชุดเดรสที่ชวัลญาส่งมาให้ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วกลับออกมาภายในเวลาไม่กี่นาที
ชวัลญาจัดการแต่งหน้าทำผมให้กับนริยาอย่างคล่องมือ ก่อนจะรีบกลับไปจัดการตัวเองที่ห้องแล้วลงไปข้างล่างก่อนเพื่อจัดการกับสถานที่
ทางด้านนริยากับนารินที่แต่งตัวเสร็จแล้วก็นั่งคุยกันอยู่บนห้องเพื่อรอเวลา นริยายังมีอาการสับสนกับตัวเองอยู่ แต่โชคดีที่นารินเข้าใจเธอ
“มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วแก ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไปเรื่อยๆนั่นแหละ ไม่แน่ว่าพอถึงเวลานั้น พี่คินอาจจะมีใคร แกก็อาจจะถูกใจใครขึ้นมาก็ได้ เวลา 2 ปี มันไม่ใช่น้อยๆนะ”
“ฉันรู้ แต่ฉันยัง…..”
“แกสับสน ฉันรู้”
“ใช่ฉันสับสน ฉันไม่ได้คบกับพี่คินด้วยซ้ำ”
“แต่แกก็ยอมให้พี่คินจูบแกนะ แกยอมให้พี่คินใกล้ชิดแบบที่แกไม่เคยยอมใคร ฉันไม่เคยเห็นแกยอมให้ผู้ชายคนไหนถูกตัวแกเลย”
“เหรอ ฉันเป็นแบบนั้นเหรอ”
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวแกก็รู้ใจตัวเอง ให้เวลาตัวเอง ให้เวลาพี่คิน พี่คินไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถึงเขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมปรับเปลี่ยนเพื่อแกนะ”
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ ชวัลญาก็โทรมาหานารินเพื่อตามทั้งสองคนให้ลงไปข้างล่าง ทั้งสองสาวจึงหยุดเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่ นริยาสูดหายใจเข้าแรงๆเพื่อตั้งสติ ก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วพากันเดินออกไป
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา