หลายเดือนต่อมา หลังจากที่ภาคินกับนริยาเข้าพิธีหมั้นแบบเรียบง่าย ที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่เข้าร่วม ภาคินก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศ นริยาที่ยังปรับตัวไม่ทันก็ต้องพยายามใช้ชีวิตปกติ
หญิงสาวตกลงกับภาคินว่าวันที่มีเรียน เธอจะอยู่ที่คอนโดเหมือนปกติ แต่ในวันเสาร์อาทิตย์ วันหยุด หรือวันที่ไม่มีเรียนจะมาอยู่ที่บ้านเขา และเขากับเธอจะต้องส่งข้อความรายงานความไปเป็นในแต่ละวันให้กับอีกฝ่ายรู้ในทุกวัน
โชคดีของหญิงสาวที่ภวินทร์กับชวัลญาเข้าใจเธอและค่อนข้างหัวสมัยใหม่ จึงไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องความสัมพันธ์ของเธอมากนัก
“วันนี้ไปหาอะไรกินกัน ค่อยกลับบ้าน” นารินชวนนริยาหลังหมดคลาสเรียน
“อือ” นริยาเก็บของใส่กระเป๋าเล็กของเธอก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป
“น้ำ…..” เสียงห้าวเรียกเธอและวิ่งเข้ามาหา
“อ้าว แฟรงค์ ว่าไง”
“วันนี้ไปไหนไหม เราจะชวนไปกินข้าว ทั้งสองคนเลย”
“…..กำลังจะไปกินข้าวกับรินนี่แหละ”
“โอเค งั้นเราไปด้วยได้ไหม”
นริยาหันไปมองนารินเป็นเชิงถามความเห็น ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพยักหน้า ทั้งสามคนจึงนัดไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ
นริยากับนารินพากันเดินไปที่รถ ก่อนที่นริยาจะขับออกไปหลังจากที่นารินคาดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว
“ฉันว่าแฟรงค์ชอบแกว่ะ”
“บ้า แกก็คิดเยอะ”
“จริงๆ นะ”
“ถ้าไม่อยากให้พี่แกบินกลับมา แกอย่าพูดให้เขาได้ยินเชียวนะ” นริยาบอกทีเล่นทีจริงก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปยังลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า
หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อยทั้งสองสาวก็พากันเดินไปยังร้านอาหารที่นัดกับเพื่อนเอาไว้ แต่เมื่อเดินมาถึงก็ยังไม่พบกับธีรภพ ทั้งสองสาวจึงเดินเข้าร้านกระเป๋าแบรนด์ดังเพื่อเดินฆ่าเวลา
“น้องรินใช่ไหมคะ” นารินชะงักไปก่อนจะหันไปทางต้นเสียงก็พบหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังทักทายเธออยู่
“ค่ะ”
“พี่เป็นเพื่อนของคินน่ะค่ะ พอดีเห็นรูปที่คินเอาลงในโซเชียล พี่เห็นมีรูปน้องรินกับครอบครัวด้วย”
“รูปเหรอคะ”
“ค่ะ รูปที่เป็นรูปรวม มีน้องคนนี้อยู่ในรูปด้วยค่ะ”
“อ๋อ ค่ะ”
นริยากับนารินมองสบตากัน ในรูปนั้นเป็นเหมือนรูปรวมก็จริง แต่เป็นรูปวันหมั้นของเธอกับภาคิน ทุกคนใส่ชุดสีฟ้า ส่วนเธอกับภาคินใส่ชุดสีขาว มันไม่ใช่รูปตอนสวมแหวนเพราะเธอขอให้เขาลงตอนกลับมา มันเป็นรูปที่ถ่ายเหมือนรูปรวมทั่วไป แต่ถ้าสังเกตเรื่องชุดก็จะมองออก อีกอย่างตำแหน่งการนั่งและการวางมือ จะเห็นได้ว่าเธอกับภาคินนั่งคู่กันอยู่ข้างหน้าบิดามารดา และมือของเขาจับมือเธอข้างที่สวมแหวนให้หันแหวนออกโชว์ให้กล้องเห็นด้วย
“พี่โทรหาคินไม่ติดเลย คินเปลี่ยนเบอร์เหรอคะ”
“พี่คินปิดเบอร์นั้นไปแล้วค่ะ”
“ปิด?”
“ใช่ค่ะ พี่คินปิดเบอร์นั้นไปแล้ว แล้วก็เดินทางไปต่างประเทศหลายเดือนแล้วค่ะ”
“พี่เห็นเขาส่งข้อความมาบอกว่าวางมือเพราะมีคู่หมั้นแล้ว แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะพูดจริง”
นริยากับนารินหันมามองหน้ากัน พวกเธอไม่ได้คิดว่าภาคินจะบอกบรรดาคู่ขาของเขาตรงๆแบบนั้น
“น้องคนนี้ใช่ไหมคะ”
“เอ่อ ค่ะ” นริยาสะดุ้งก่อนจะตอบรับ
“ยินดีด้วยนะคะ คินเป็นผู้ชายที่ครบค่ะ ไม่ว่าจะหน้าตา นิสัย ฐานะ หน้าที่การงาน หรือแม้แต่เรื่องบนเตียง น้องโชคดีมากที่เขายอมหยุดที่น้อง” หญิงสาวพูดกับนริยาด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องคิดมากนะคะ พวกพี่จบลงด้วยดีค่ะ เราไม่เคยคบกัน ไม่เคยมีความรู้สึกเกินเลยมากไปกว่านั้น เป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์เท่านั้นค่ะ”
“…..” นริยาแอบเหวอเล็กน้อยที่ผู้หญิงคนนี้พูดออกมาตรงๆ
“เอาอย่างนี้ไหมคะ พอมีเวลาไหม หาที่นั่งคุยกันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร
“ได้ค่ะ เรากำลังจะไปร้านอาหารพอดี ไปด้วยกันก็ได้ค่ะ” นริยาตอบรับความจริงใจที่อีกฝ่ายยื่นให้
ทั้งสามสาวออกจากร้านตรงไปยังร้านอาหารที่นัดกับแฟรงค์เอาไว้เพราะพวกเธอมาก่อนเวลา คิดว่าน่าจะพอมีเวลาที่จะได้พูดคุยกับหญิงสาวคนนี้ก่อนที่เขาจะมา
“พี่ชื่อพลอยค่ะ”
“น้ำค่ะ”
“กับตัวพี่ ขอให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาตามมาแน่นอน แต่มันอาจจะมีหลายคนที่ไม่อยากจบและเริ่มตามหาตัวน้อง พี่อยากให้ระวังตัวเอาไว้หน่อยก็ดีนะคะ เขาเป็นคนกินจุ ไม่ได้มีแค่พี่คนเดียว”
“กินจุเหรอคะ”
“…..ถ้าพี่พูดตรงๆ รับได้ใช่ไหมคะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ รินออกไปรอแฟรงค์แล้วนั่งโต๊ะอื่นได้ไหม”
“ได้ เดี๋ยวเราไปลงชื่อจองโต๊ะใหม่เอง”
นารินหยิบกระเป๋าสะพายของเธอเดินออกไปหาพนักงานหน้าร้านอีกครั้งเพื่อขอโต๊ะใหม่ ก่อนจะโทรหาธีรภพเพื่อบอกให้เขาไปนั่งกับเธอก่อนและนริยาจะตามไปทีหลัง
หลังจากที่นารินออกไป อาหารและเครื่องดื่มที่นริยากับหญิงสาวผู้นั้นสั่งก็มาพอดี ทั้งสองสาวจึงจิบน้ำแก้เก้อก่อนจะเริ่มคุยกันต่อ
“พี่เป็นเพื่อนกับคินตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยค่ะ เขาไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนเลยแม้แต่คนเดียว เราเป็นเพื่อนคนละกลุ่มแต่เรียนเอกเดียวกัน จึงมีโอกาสได้เจอกัน พี่เป็นหนึ่งในหลายๆคนที่เป็นคู่นอนของเขา”
“แล้วเคยมีทะเลาะกันบ้างไหมคะ”
“กับผู้หญิงพวกนั้นเหรอคะ พี่ไม่ทะเลาะค่ะ เพราะพี่ไม่ได้คิดอะไรกับคินเลย ไม่ได้คิดจะเป็นตัวจริงและไม่ได้คิดครอบครอง แต่กับคนอื่นได้ข่าวบ่อยอยู่เหมือนกันว่ามีปัญหากันบ่อย เพราะต้องการเป็นตัวจริงเลยเขม่นกันเอง”
“น้ำถามได้ไหมคะ ว่าทำไมพี่เลือกที่จะเป็นเซ็กส์เฟรนด์ของพี่คิน”
“อารมณ์เบื่อล่ะมั้งคะ เหมือนชีวิตอยู่แต่ในกรอบ ทำอะไรก็จะมีเส้นขีดกำหนดเอาไว้ ส่วนคินเองเขาแค่เป็นคนมีความต้องการสูงค่ะเขามีผู้หญิงมากมาย เรื่องนี้พี่รู้อยู่แล้ว ในวันที่พี่เครียดมากๆ เขาบอกพี่ว่าเซ็กส์ก็เป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งเหมือนกัน เราก็เลยเข้าสู่สถานะเซ็กส์เฟรนด์ตั้งแต่นั้นมา”
“เขามีผู้หญิงเยอะเหรอคะ”
“เยอะค่ะ แต่พี่ไม่มั่นใจว่ามีกี่คน เราไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกันค่ะ เขาเป็นคนกินจุ หรือถ้าภาษาทั่วไปก็คือเซ็กส์จัด ที่พี่รู้คือเขาเคยไปนอนกับผู้หญิงเช้า กลางวัน เย็น ซึ่งทั้งสามเวลาไม่ใช่คนเดียวกัน”
“!!!!” นริยาหน้าเหวอไปกับสิ่งที่ได้รู้
“ถ้าให้พี่เดา ทั้งสองคนยังไม่เคยมีอะไรกันใช่ไหมคะ”
“ค่ะ”
“แล้วให้พี่เดานะ คินเป็นฝ่ายเข้าหาน้องก่อน”
“ใช่ค่ะ”
“น้องเป็นคนแรกเลยนะที่คินเข้าหาก่อน เชื่อไหมว่าคินเคยบอกพี่ว่าเขาจะไม่มีวันมีตัวจริง ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่เขาเลือกเข้าหาเอง” พลอยบอกนริยาด้วยรอยยิ้มเอ็นดู หล่อนคิดว่านริยาเป็นผู้หญิงแบบที่ผู้ชายหลายคนชอบ เธอดูสะอาด บริสุทธิ์ บอบบาง แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ
“น้ำไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าพี่คินจะเข้าหาน้ำ” หญิงสาวบอกออกไปตามตรง
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ภาคินก็โทรวิดีโอมาหาหญิงสาวพอดี เธอหยิบออกมาจากกระเป๋าแล้วรับสายเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ไงคะ”
“ทำอะไรอยู่”
“คุยกับเพื่อนสาวของพี่อยู่ค่ะ”
“เพื่อนสาว?”
“พี่พลอยค่ะ” นริยาหันกล้องไปให้เห็นว่าพลอยกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ หญิงสาวโบกมือให้เขาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ
“ทำไมมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะเนี่ย”
“น้ำมากินข้าวกับริน มาเจอพี่พลอยพอดี”
“อื้ม แล้วเดี๋ยววันนี้กลับบ้านใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ กินข้าวเสร็จเดี๋ยวก็กลับบ้านเลย”
“ขับรถมาใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เอาคันไหนมา”
“Porsche”
“อย่าขับเร็วล่ะ แม่สาวตีนผี”
“ค่าๆ วางไปได้แล้วค่ะ น้ำจะคุยกับพี่พลอย”
“อ้าว ไล่เฉยเลย เห็นคนอื่นสำคัญกว่าว่าที่สามีเหรอคะ”
“สำคัญกว่าแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะตอนที่พี่พลอยกำลังเล่าเรื่องของพี่ให้ฟัง”
“โอเค ตามนั้น พลอย คุณก็อย่าเล่าหมดนะ เดี๋ยวผมจะตายก่อนได้เมีย” นริยาหันจอโทรศัพท์ไปฝั่งตรงข้ามเมื่อได้ยินภาคินเอ่ยชื่อของหล่อน
“ไม่ทันแล้วค่ะคิน พลอยเล่าไปหมดเลย ขอโทษนะคะ”
“โถ่ ไม่สงสารผมเลย”
“สมน้ำหน้าซ้ำด้วยนะคะ” พลอยหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้าเบ้
“โอเค งั้นผมฝากน้ำด้วยนะ อย่าให้ใครมารังแกล่ะ แล้วเดี๋ยวผมเอาหนุ่มฝรั่งไปฝาก”
“รับฝากค่ะ แต่ไม่ต้องเอาหนุ่มฝรั่งมาฝากนะคะ” หลังจากพลอยคุยกับภาคินเสร็จก็ส่งสัญญาณให้นริยาหันหน้าจอโทรศัพท์กลับไป
“วางไปเลยค่ะ”
“เดี๋ยว แล้วยัยรินอยู่ไหน”
“อยู่กับเพื่อนอีกคนค่ะ เดี๋ยวน้ำก็ตามไปนั่งกับริน”
“ผู้หญิงผู้ชาย”
“ผู้ชายค่ะ”
“หืม”
“ไว้ค่อยคุยค่ะ แค่นี้นะคะ”
นริยาพูดจบก็กดวางสาย พลอยเห็นก็หัวเราะชอบใจที่ภาคินยอมอ่อนข้อให้กับนริยา เพราะที่จริงแล้วเขาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง
ทั้งสองสาวนั่งคุยกันอีกพักใหญ่จึงแลกเบอร์กัน ก่อนที่พลอยจะเดินออกไปและนริยาเดินไปอีกโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลมากเพื่อไปรวมตัวกับนารินและธีรภพที่นั่งรออยู่
“นาน”
“คุยกันเยอะอยู่ แล้วพี่แกก็โทรมาพอดี”
“ถ้าให้ฉันเดานะ แกให้พี่คินคุยกับพี่คนนั้นด้วย”
“ใช่ เพื่อดูอาการที่แสดงออกไง” นริยาบอกเหตุผลออกไปตามตรง
“ฉลาด” นารินชมนริยา ถ้าเป็นเธอก็คงคิดอะไรแบบนี้ไม่ทัน
“อะไรกันเหรอ” ชายหนุ่มฟังที่ทั้งสองคนคุยกันก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ
“เปล่า แล้วแกจะกินอีกไหม” นารินตอบธีรภพก่อนจะหันมาถามนริยา
“กินสิ กินไปนิดเดียวเอง” นริยาบอกพลางลูบท้อง
“กินเยอะแท้ อ้วนขึ้นมาจะสมน้ำหน้า”
“ดีสิ ถ้าอ้วนขึ้นมา พี่แกจะได้เปลี่ยนใจ”
“กลัวล่ะสิ” นารินแกล้งแซวแล้วหัวเราะชอบใจ
“รุ่นนี้แล้วนะ ไม่เคยกลัวหรอก”
“ฉันจะรอดู”
สองสาวจบการสนทนาแล้วสั่งอาหาร ก่อนจะชวนธีรภพคุยเรื่องอื่น จนกระทั่งกินเสร็จก็พากันเดินเล่นต่อก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา