หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จทั้งสามคนก็แยกย้ายกันขึ้นห้องนอน นารินกับนริยาที่ติวหนังสือกันตั้งแต่บ่ายจึงใช้เวลาหลังอาหารในการพักผ่อน ก่อนที่จะช่วยกันติวหนังสือต่อ จนกระทั่งใกล้สี่ทุ่ม นารินจึงขอตัวไปนอนก่อน ปล่อยให้นริยานั่งอ่านหนังสือเรียนและหนังสือที่นำไปสร้างหนังชื่อดังอยู่เพียงลำพัง
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังอ่านหนังสือเพลินๆ อยู่ๆประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ก้าวเข้ามา
นริยามองผู้มาใหม่ด้วยอาการตกใจ เพราะเธอเองก็ไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน เพิ่งซักตากไปเมื่อตอนขึ้นมาบนห้องนอน และที่สำคัญเวลานี้เจ้าของห้องได้หลับไปแล้ว
“รินหลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ” นริยาที่เพิ่งได้มองเขาเต็มตาก็อึ้งไป
ภาคิน เป็นชายหนุ่มร่างสูง รูปร่างกำลังดี ไม่ได้ผอมแห้ง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตจนน่าเกลียด เขาหล่อระดับเดือนของมหาวิทยาลัย อีกทั้งฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างดีมาก จึงทำให้เขากลายเป็นที่หมายปองของสาวๆเกือบทั้งมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ครองตัวโสดมาจนใกล้จะเรียนจบ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว เขาเองก็ผู้ชายแบดๆ คนหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่จะมีคนที่รู้อยู่แค่ไม่กี่คน หลักๆก็จะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือคนที่ใกล้ชิด
หญิงสาวหลายคนที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วยจะรู้จักเขาเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ถ้าคนที่เป็นคู่ขากันก็จะรับรู้รสนิยมและนิสัยของเขามากพอสมควร เพียงแต่เขาไม่ได้คบใครเป็นจริงเป็นจังเท่านั้น ซึ่งพวกหล่อนก็รู้และยินดีที่จะมีความสัมพันธ์ชั่วคราวกับเขาไปเรื่อยๆแบบนี้
“รินไปเอาเสื้อพี่มาให้เธอใส่เหรอ”
“ค่ะ”
“อืม เหมาะดีนะ เอาไปสิ พี่ให้”
ดวงตาคมดุมองไปที่ร่างบอบบางปราดเดียวก็รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ใส่ปราการด้านใน เธอห่อตัวตามสัญชาตญาณ เขาจึงไม่ได้ก้าวเข้าไปใกล้ ยืนอยู่ที่หน้าประตูเช่นเดิม
นริยามีท่าทางกระอักกระอ่วน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาบอกเธอมันเป็นเพราะเขามองว่าเสื้อเขาเหมาะกับเธอจริงๆ หรือแค่ประชดประชันเธอที่เอาเสื้อเขามาใส่โดยไม่ได้ขออนุญาต
“อย่าคิดเยอะ พี่บอกว่าให้ก็คือให้”
“…..ค่ะ”
“แล้วทำไมยังไม่นอน”
“อ่านหนังสือค่ะ”
“อืม อย่านอนดึกล่ะ แล้วก็ล็อกประตูห้องด้วย”
“ค่ะ”
ภาคินถอยหลังเดินออกจากห้องไปหลังจากที่พูดจบ นริยาแอบถอนหายใจเบาๆ เธอแอบเกร็งเล็กน้อยตอนที่เขายืนอยู่ภายในห้อง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ตามลำพังและไม่ได้ปิดประตูก็ตาม บุคลิกเขาดูดุและน่าเกรงขามอย่างที่นารินบอกเธอจริงๆ
หญิงสาวอ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีก็ผ่านพ้นวันใหม่ไปหลายนาที มือเล็กวางหนังสือลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บิดร่างกายคลายความเมื่อยขบ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาขวดน้ำดื่ม แต่เมื่อไม่เห็นมีจึงเปิดประตูห้องอย่างเบามือ มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นใครก็ปิดประตูแล้วค่อยๆเดินลงบันไดไป
บริเวณโถงบันไดไม่ได้มืด เพราะจะเปิดไฟที่โถงเอาไว้ตลอด หญิงสาวจึงไม่ลำบากในการมองเห็น
เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างร่างบอบบางก็เดินมาที่ห้องครัว ซึ่งไกลจากโถงในบ้านพอสมควร ก่อนที่มือเล็กจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เปิดไฟด้านในห้องครัว อาศัยเพียงแสงไฟจากโถงบันไดเพียงเท่านั้น
ตู้เย็นถูกเปิดออกพร้อมกับที่ขวดน้ำถูกหยิบออกมารินใส่แก้ว ก่อนที่แก้วใบขนาดพอดีมือจะถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากบาง ไม่กี่นาทีน้ำที่อยู่ด้านในก็หายไป แก้วจึงถูกล้างแล้วคว่ำลงที่เดิม ขวดน้ำที่วางอยู่ข้างๆถูกเก็บเข้าในตู้เย็น เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ร่างบอบบางก็หมุนตัวกลับเพื่อที่จะออกจากห้องครัว
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอชนเข้ากับใครบางคนที่มายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
วงแขนแข็งแรงโอบกอดรอบเอวคอดเล็กเอาไว้เมื่อเจ้าของร่างทำท่าจะหงายหลัง เสียงหวีดร้องดังขึ้นเบาๆ เมื่อเธออยู่ในอาการตกใจ
“ร้องทำไม”
“พี่!!!”
“ก็ฉันน่ะสิ คิดว่าใครล่ะ”
“…..”
“ลงมาทำอะไรดึกดื่น”
“มาดื่มน้ำค่ะ”
ทั้งสองคนต่างยืนนิ่งไม่มีใครพูดอะไรจนนริยารู้สึกอึดอัด เมื่อเธอยืนทรงตัวได้แล้วแต่อ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเธออยู่ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยจากเอวของเธอ
“ปล่อยเอวน้ำก่อนได้ไหมคะ”
“ทำไมต้องปล่อย” เสียงห้าวทุ้มราวกระซิบดังขึ้นข้างใบหูเล็ก
“…..” นริยาสะดุ้งอีกคำรบเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายใหญ่โตสมบุรุษเพศเบียดเรือนกายเข้าหาร่างเธอ ร่างกายที่มีเพียงเสื้อยืดของเขากับกางเกงขาสั้นไร้ปราการด้านใน!!
มือเล็กยกขึ้นตั้งใจจะผลักร่างสูงใหญ่ออก แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้แตะโดนตัวเขาด้วยซ้ำ มือใหญ่ก็ปล่อยออกจากเอวคอด จับรวบข้อมือเรียวไปข้างหลังแล้วรวบมันเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะใช้อีกมือสอดเข้าที่เอวคอดแล้วดึงให้ร่างบอบบางแนบชิดกับตัวเอง
“พี่!!”
“เสียงดังทำไม อยู่แค่นี้”
“ปล่อยน้ำ”
“หืม ก็น่าปล่อยดีนะ แต่ถ้าปล่อยน้ำนั้นแล้วก็คงจะปล่อยน้ำนี้ไปไม่ได้” เสียงแหบห้าวกล่าวชิดข้างใบหูเล็ก
“!!!” ระหว่างที่กำลังเหวอ ลำคอระหงก็รู้สึกอุ่นวาบ ร่างบอบบางดิ้นขลุกขลักเตรียมโวยวาย
“ร้องไปก็เท่านั้น ป่านนี้คงหลับกันหมดแล้ว แล้วที่นี่ก็เป็นห้องเก็บเสียงทุกห้องนะ”
“แล้วพี่ลงมาทำไมคะ” นริยาอึ้งจนถามเสียงตะกุกตะกัก
“เพิ่งทำงานเสร็จ กำลังจะกลับเข้าห้องนอนก็เห็นเธอออกมาพอดี เลยเดินตามลงมา”
หญิงสาวที่หายอึ้งเริ่มดิ้นขลุกขลักอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามือเขาจะใหญ่เกินไป เพราะข้อมือของเธอทั้งสองข้างถูกเขารวบจับเอาไว้แน่น
“อย่าดิ้นสิ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง” เสียงกัดฟังดังกรอด เมื่อหญิงสาวดิ้นรนจนลืมไปว่าตอนนี้ร่างกายของเธอและเขากำลังแนบชิดกันอยู่
นริยาชะงักไป ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันนูนขึ้นเป็นลำบริเวณท้องน้อยของเธอ หญิงสาวถึงกับนิ่งไป
“มัดจำเอาไว้ก่อน อย่าให้ใครมาซ้ำรอยล่ะ อ้อ อย่าให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวอย่างที่พี่ทำ ไม่อย่างนั้นตัวเธอเองนั่นแหละที่จะไม่ปลอดภัย”
“มัดจำอะไรคะ ไม่เข้าใจ…..”
ยังไม่ทันที่จะจบประโยค ลำคอระหงก็อุ่นวาบพร้อมกับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบสลับกับขบกัด ดูดเม้มให้มันเกิดรอย
“ขอแค่รอยเดียว สัญญาว่าจะไม่จับต้อง”
“…..”
“ไม่ต้องกลัว พี่จะไม่จับต้อง พี่สัญญาแล้ว”
ร่างเล็กถูกพาหมุนตัว ร่างกายกำยำใช้เรือนกายของตัวเองดันร่างขาวผ่องเอนกายลงไปนอนบนโต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่กลางห้องครัว ก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอจะถูกรวบกดลงกับโต๊ะเอาไว้
เรียวขาสวยถูกดันให้แยกออกจากกันเมื่อร่างหนาของบุรุษเพศขยับเข้ามายืนตรงกลางแล้วโน้มตัวไปอยู่เหนือร่างบอบบาง โดยที่เขาไม่ได้แตะต้องเธอมากกว่านั้นตามที่เขาได้สัญญาเอาไว้
ปากอุ่นร้อนแนบลงบนริมฝีปากบางอย่างเรียกร้อง ฟันเรียงสวยกัดลงไปบนกลีบปากบางเบาๆ
“อ๊ะ!!!” เสียงหวานใสร้องออกมาเบาๆ เมื่อเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เปิดโอกาสให้ลิ้นอุ่นได้แทรกเข้าไปกวาดชิมภายใน
นริยาอึ้งไปเมื่ออยู่ๆ เธอก็ถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัว มันไม่ใช่การจูบแบบผิวเผิน แต่เป็นการจูบที่ลึกซึ้ง และที่สำคัญ…..มันเป็นจูบแรกของเธอ
“แค่นี้น่าจะพอแล้วล่ะ”
ข้อมือเล็กได้รับอิสระ หลังจากที่ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก และสร้างร่องรอยบนลำคอของเธอหลายรอย ฝ่ามือใหญ่ช่วยพยุงแผ่นหลังบอบบางขึ้นจากโต๊ะเพื่อให้เธอทรงตัวได้
“ไปนอนเถอะ ล็อกห้องดีๆ ล่ะ”
“…..ค่ะ”
“อ้อ เดี๋ยวก่อน ลืมอะไรบางอย่าง”
“คะ?”
ริมฝีปากนุ่มถูกแนบจุมพิตแผ่วเบา โดยไม่ได้รุกล้ำมากไปกว่านั้น ก่อนที่ตัวเธอจะได้รับการปล่อยแล้วถูกดันให้เดินออกจากห้องครัวไป
“ฝันดีนะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นตามหลังมาเบาๆ ซึ่งเขามั่นใจว่าหญิงสาวได้ยิน ก่อนที่มือใหญ่จะเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำแล้วเดินกลับขึ้นห้องไปเช่นกัน