“สวัสดีค่ะพี่ช้าง” ณิรินทร์ญายกมือไหว้พี่ช้างผู้จัดการร้านซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการจัดเรียงเครื่องดื่มหน้าเคาน์เตอร์
“สวัสดีจ้ะณิรินรีบไปแต่งตัวเลยคืนนี้ท่าทางลูกค้าจะเยอะมากๆ มีเด็กนั่งดริ้งค์มีมาเพิ่มหลายคนเลย ตอนนี้ทุกคนก็กำลังแต่งตัวกันอยู่”
“กินอะไรมาหรือยัง”
“กินมาแล้วค่ะ”
“ถ้างั้นก็ไปเตรียมตัวเถอะ”
“ค่ะพี่ช้าง”
หญิงสาวเดินเข้ามาด้านหลังซึ่งเป็นห้องแต่งตัวเธอยิ้มทักทายให้กับเพื่อนร่วมงานซึ่งบางคนก็รู้จักบางคนก็ไม่รู้จักแต่ณิรินทร์ก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครมากเป็นพิเศษ
“นึกว่าณิรินจะไม่มาซะแล้ว” ตันหยงเพื่อนที่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับณิรินทร์ญาทักทาย
“มาสิตันหยงคืนวันศุกร์สิ้นเดือนนี้ณิรินต้องมาอยู่แล้วไม่อยากพลาดโอกาส ตันหยงกินข้าวมาหรือยัง”
“กินมาเรียบร้อยแล้วคืนนี้ตันหยงว่าคุณลูกค้าต้องเยอะมากแน่กลัวจะไม่มีแรงเดินแล้วณิรินกินมาหรือยัง”
“กินมาแล้วเหมือนกัน”
“เอาน้ำพริกผัดหมูมาให้หรือเปล่า”
“เอามาสิอยู่ในรถเดี๋ยวทำงานเสร็จอย่าลืมเตือนณิรินด้วยนะเดี๋ยวณิรินจะเอาให้”
“คืนนี้พี่ช้างบอกว่าเจ้าของผับเคขาจะพาเพื่อนมานั่งดื่มด้วย ไม่รู้เขาจะเรียนพวกเราไปนั่งด้วยหรือเปล่า” เพราะทุกครั้งที่คุณชินเจ้าของผับพาเพื่อนมาที่ร้านพวกเธอคนใดคนหนึ่งจะได้ขึ้นไปบริการและจะไม่ต้องเหนื่อย
เนื่องจากเพื่อนคุณชินจะเหมาเครื่องดื่มของพวกเธอจนถึงร้านปิด
“เขาจะเรียกเราเหรอ เราไม่ใช่เด็กประจำ”
เพราะที่ร้านจะมีเด็กที่มาทำงานประจำทุกวันไม่เหมือนเธอและตันหยงที่จะมาเฉพาะคืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์เท่านั้น
“ก็ไม่แน่นะยังไงก็เตรียมตัวกันไว้ก่อนก็ดีตันหยงมีของอยากได้อีกเยอะ ถ้าได้เงินจากตรงนี้จะได้ไปซื้อ”
ตันหยงเป็นเพื่อนนักศึกษาจาภาคใต้ที่ขึ้นมาเรียนและทำงานไปด้วยบ้านเธอไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองแต่ที่ออกมาทำงานแบบนี้เพราะอยากจะได้เงินเพิ่มเพื่อไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยพวกกระเป๋าและของใช้แบรนด์เนม ณิรินทร์ญาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้เงินของเธอนักแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันเป็นสิทธิส่วนตัว ส่วนตัวเธอเองนั้นไม่ได้ใช้ของใช้แบบนั้นเพราะคิดว่าเงินทุกบาททุกสตางค์กว่าจะหามาได้มันค่อนข้างยากหญิงสาวค่อนข้างซีเรียสกับการใช้จ่ายเพราะต้องทำงานเลี้ยงดูตัวเองเพราะตั้งแต่มารดาเสียชีวิตแต่ก็ไม่เหลือใครแม้จะมีญาติห่างๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดแต่ก็ไม่ได้สนิทมากนัก
ณิรินทร์ญาต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่เพื่อนๆ ส่วนใหญ่จะบอกว่าเธองกแต่เธอก็ไม่สนใจและก็ยอมรับเพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ หญิงสาวรู้จักใช้จ่ายแต่เฉพาะในเรื่องจำเป็นเท่านั้น
เมื่อผับเปิดหญิงสาวก็ไปนั่งประจำตำแหน่งหลายคนถูกแขกขาประจำซื้อเครื่องดื่มและเรียกให้ไปนั่งด้วย ณิรินทร์ญาก็ถูกชายคนหนึ่งซื้อเครื่องดื่มสิบดริ๊งค์เมื่อครบเวลาก็เดินกลับมานั่งที่เดิมระหว่างนั่งรอก็เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จเดินผ่านเคาน์เตอร์พี่ช้างผู้จัดการร้านก็เข้ามาเรียกไว้ก่อน
“ณิรินทางนี้จ้ะ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ช้าง”
“เพื่อนคุณชินอยู่โซนวีไอพีเหมาเครื่องดื่มสองร้อยแก้วน่าจะนั่งยาวจนร้านปิดณิรินขึ้นไปดูแลหน่อยนะ”
“สองร้อยเลยเหรอคะพี่ช้าง”
“ใช้จ้ะสองร้อย”
“เขาเคยมาเที่ยวที่นี่ไหม ทำไมซื้อทีเดียวเยอะจัง”
“ไม่หรอกคนนี้เป็นนายหัวอยู่ทางใต้นานๆ ถึงจะขึ้นมาที่ผับสักที ถ้ายังไงณิรินก็ดูแลเขาหน่อยนะ เขาเป็นเพื่อนคุณชินด้วย”
“เป็นนายหัวเหรอคะ” หญิงสาวหน้าเสียเพราะเคยรับแขกที่เป็นนายหัวจากทางใต้มาก่อนเธอไม่ได้ดูถูกหรือเหยียดอาชีพของเขาแต่คนที่เป็นนายหัวก่อนหน้าทำรุ่มร่ามกับเธอจนแทบจะเกิดเรื่อง
“คนนี้ไม่เหมือนคนอื่นหรอกน่า คุณเขาค่อนข้างสุภาพถ้าไม่บอกว่าเป็นนายหัวมาจากทางใต้ก็ไม่มีใครรู้หรอก”
“แน่นะคะพี่ช้างณิรินยังเข็ดกับนายหัวคุณก่อนอยู่เลย”
“แน่สิถ้ายังไงรีบขึ้นไปข้างบนเถอะนะ”
“ค่ะพี่ช้าง” หญิงสาวรับคำจากผู้จัดการของร้านจากนั้นก็เดินขึ้นมาชั้นสอง
เธอเห็นคุณชินเจ้าของผับนั่งอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดูแล้ว รูปร่างของเขาดูดีมากๆ ผิวสองสีใบหน้าหล่อเข้มไม่เหมือนกับในหัวคนก่อนที่ผิวคล้ำและอ้วนลงพุงอีกทั้งยังมีสายตาเจ้าชู้จนณิรินทร์ญาเข็ดกับคำว่านายหัว
“ขึ้นมาแล้วเหรอณิริน มารู้จักกับเพื่อนของฉันก่อนสิ”
“สวัสดีค่ะ”
“นี่เพื่อนของฉันชื่อนายหัวปาริธ”
“สวัสดีค่ะนาหัวปาริธ”
“นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวนั่งลงข้างๆ มือเตรียมจะชงเครื่องดื่ม
“ฉันฝากเพื่อนฉันด้วยนะนานๆ เขาจะขึ้นมากรุงเทพ ถ้ายังไงก็นั่งคุยเป็นเพื่อนเขาหน่อย คนนี้น่ะเพื่อนน้อย”
“ได้ค่ะคุณชิน”
หญิงสาวยิ้มให้กับเจ้านายก่อนจะหันมามองหน้านายหัวปาริธ
“นายหัวปิธจะดื่มแบบไหนคะ ณิรินจะชงให้”
“ของฉันใส่น้ำแข็งแค่ก้อนเดียวก็พอน้ำกับโซดาไม่ต้อง”
“คุณจะดื่มเพียวๆ เลยเหรอคะเดี๋ยวก็เมาเร็วหรอก”
“ฉันเมาเร็วก็ไม่ดีเหรอเธอจะได้ขายเหล้าได้เยอะๆ ไง”
“ถ้าอย่างงั้นก็ตามใจคุณค่ะ” หญิงสาวเอาน้ำแข็งใส่แก้วและเทเหล้าใส่ก่อนจะส่งให้กับเขา
“เธอไม่ดื่มเหรอ”
“ไม่ค่ะณิรินแค่นั่งเป็นเพื่อน”
“แต่ปกติต้องดื่มนี่”
“ไม่เสมอไปหรอกค่ะ ที่ร้านเรียกเป็นดริ๊งค์ก็จริงแต่เด็กในร้านไม่ต้องดื่มก็ได้ค่ะ แค่มาช่วยดูแลจนครบเวลา”
“อือ เธอทำงานที่นี่มานานแล้วหรือยัง”
“ก็ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งค่ะ”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
“ตอนนี้ณิรินอยู่ปีสามแล้วค่ะ”
“อีกปีเดียวก็จบ แล้วนี่นึกยังไงถึงมาทำงานแบบนี้ล่ะ”
“เพราะงานแบบนี้มันได้เงินดีและได้เงินเร็วค่ะ”
คำตอบของณิรินทร์ญาทำให้นายหัวปาริธมองอย่างด้วยสายตาเหยียด เขาคิดว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้คิดอะไรตื้นๆ หาเงินกับการทำงานกลางคืนแบบนี้
นายหัวปาริธกลับมาถึงบ้านของณิรินทร์ญาในเวลาเกือบจะหก โมงเย็นเมื่อมาถึงเขาก็ทานราดหน้าด้วยความหิวเพราะเมื่อตอนกลางวันทานข้าวไปนิดเดียวเนื่องจากจัดต้องรีบทำงานต่อให้เสร็จ เมื่อทานราดหน้าอิ่มแล้วเขาก็มานั่งในห้องรับแขกโดยมีณิรินทร์ญาเดินตามมาด้วย“เหนื่อยมากไหม ณิรินนวดให้มั้ย”“นวดคอให้ฉันนิดหน่อยได้ไหมล่ะ”“ได้ค่ะ”“ไม่น่าเชื่อนะว่ามือเล็กๆ แบบนี้จะนวดดีกับเขาเหมือนกัน”“แต่ก่อนณิรินเคยนวดให้แม่บ่อยค่ะ ถ้าวันไหนนายหัวเมื่อยอยากให้ณิรินนวดก็บอกได้เลย”“ขอบใจนะ”“ยินดีค่ะ”“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างปวดหัวหายแล้วใช่ไหม”“หายแล้วค่ะ”“ฉันไม่อยากให้เธอทำน้ำพริกเยอะแบบนั้นเลย”“ณิรินใครก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว”“จริงเหรอ”“จริงค่ะ ครั้งสุดท้ายที่ณิรินไปส่งน้ำพริกให้กับแม่ค้าณิรินก็บอกพวกเขาแล้วว่าจะหยุดทำน้ำพริกไปก่อน”“แล้วแม่ค้าเขาว่ายังไงบ้าง”“เขาก็บ่นนิดหน่อย เขายังบอกอีกว่าถ้าหากจะกลับมาทำก็ให้บอกพวกเขาด้วย นายหัวคงไม่คิดว่าณิรินเป็นคนขี้เกียจหรอกใช่ไหมคะ ทั้งที่ปิดเทอมแต่ไม่ยอมทำงาน” ณิรินทร์ญากลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาเธอทำเพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนขยัน“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าที่ผ
“วันนี้ฉันจะไปดูโรงงานที่สมุทรสาครเธอจะไม่ไปกับฉันจริงเหรอณิริน” นายหัวปาริธถามคนรักในเช้าวันหนึ่ง“วันนี้ณิรินปวดหัวนิดหน่อยค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”“แล้วจะอยู่คนเดียวได้เหรอ ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป” เขาถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะณิรินอยู่คนเดียวได้ นอนพักสักนิดก็น่าจะดีขึ้น ช่วงนี้ณิรินทำน้ำพริกเยอะไปหน่อยน่าจะมึนกลิ่นน้ำพริก”“ฉันเป็นห่วงเธอจัง ฉันเลื่อนนัดที่สมุทรสาครออกไปดีไหมวันนี้จะได้อยู่กับเธอ”“อย่าเลยค่ะนายหัวณิรินไม่อยากทำให้ตารางงานของนายหัวรวนค่ะ”“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็โทรบอกนะ ฉันจะรีบกลับมา”“ค่ะนายหัว”“แล้วตอนเย็นอยากจะกินอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อมา”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เย็นนี้ณิรินว่าจะทำราดหน้าทะเลนายหัวอยากกินไหมคะ”“อยากกินสิ จะให้ฉันซื้ออาหารทะเลมาไหม”“ในตู้ยังมีเหลืออยู่เลยที่เราซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน นายหัวไม่ต้องซื้อมาเพิ่มนะคะ”“ทำไมล่ะ”“ณิรินเบื่อค่ะ”“เบื่อหรือเกรงใจ”“เบื่อจริงๆ ค่ะทุกครั้งที่นายหัวไปสมุทรสาครก็ซื้ออาหารทะเลมาฝากตลอด”“ในตู้เหลือเยอะไหม”“ไม่เยอะวันนี้ก็เลยจะเคลียร์ทุกอย่างในตู้ออก”“งั้นฉันไปก่อนนะ ถ้าทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”“
นายหัวปาริธพาณิรินท์ญามายังผับที่หญิงสาวเคยทำงานอยู่ เขาพาเธอขึ้นไปนั่งรอบนชั้นสอง เจ้าของผับก็เดินตามขึ้นไปบนนั้นด้วยเจ้าของผับคุยอยู่ทั้งสองคนพักใหญ่ก่อนจะขอตัวลงไปดูแลแค่ทางด้านล่างตอนนี้บริเวณชั้นสองจึงเหลือแค่ณิรินท์ญากับนายหัวปาริธนั่งคุยกันตามลำพัง“อยากดื่มอะไรไหมณิริน”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“ดื่มหน่อยเถอะถือว่าเป็นการฉลองที่เราคบกันดีไหม”“ก็ได้ค่ะ ถ้าณิรินเมานายหัวต้องรีบพากลับนะคะ”เมื่อดื่มไปหลายแก้วณิรินทร์ญาก็เริ่มจะเมาหญิงสาวจึงขอให้เขาพากลับเพราะไม่อยากจะเมาจนคอพับอยู่ที่นี่“เดินไหวไหมหรือจะให้ฉันอุ้ม”“คงไม่ต้องซื้ออุ้มหรอกค่ะ แค่ประคองก็พอ”นายหัวหนุ่มประคองหญิงสาว มาที่รถจากนั้นก็ขับออกมาจากผับเขาเลี้ยวเข้าไปที่คอนโดมิเนียมเพราะคุยกับณิรินท์ญาไว้แล้วว่าคืนนี้หลังจากออกจากผับจะพากินหญิงสาวมาค้างที่นี่เมื่อมาถึงคอนโดก็พาหญิงสาวมานั่งบนโซฟาก่อนจะเดินไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้เธอดื่มเพราะดูแล้วณินิทร์ญาน่าจะเมามาก“ดื่มน้ำหน่อยนะ”“ขอบคุณค่ะนายหัว นายหัวของณิรินน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวหยิบน้ำไปดื่มเพียงนิดจากนั้นก็นั่งพิงไปบนโซฟาดวงตาเธอฉ่ำปรือเพราะความเมา“ไปอาบน้ำหน่อยดีไหมหร
วันนี้เป็นเวลาเป็นวันที่ณิรินทร์ญาจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม แต่หญิงสาวก็รู้สึกเป็นห่วงบ้านและเจ๊สุนีย์กับแม่ค้าคนอื่นก็โทรศัพท์ตามให้เธอมาทำน้ำพริกส่งณิรินทร์ญาบอกกับทุกคนแล้วว่าเธอจะทำน้ำพริกอีกแค่ประมาณสองเดือนพอเริ่มเรียนชั้นปีที่สี่ซึ่งจะต้องไปฝึกงานหญิงสาวก็จะเลิกทำเพราะกลัวว่าไม่มีเวลาแล้วอยากจะตั้งใจฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่นายหัวปาริธเดินทางขึ้นมาส่งหญิงสาวที่บ้านด้วยเขาเคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและคิดว่าจะมาใช้เวลากับเธอที่นี่อีกซักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเดินทางกลับณิรินทร์ญาทำความสะอาดด้านในบริเวณบ้านส่วนนายหัวปาริธก็อาสาเป็นคนตัดหญ้าและรดน้ำต้นไม้ต้นอื่นๆ บริเวณรอบๆ บ้านที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติไว้เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่กว่างานทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะห้าโมงเย็น“เหนื่อยไหมณิริน”“เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าแค่สองสัปดาห์ฝุ่นมันจะเยอะขนาดนี้แล้วนายหัวล่ะเหนื่อยไหม”“ไม่หรอกงานพวกนั้นฉันทำจนชินแล้ว ว่าแต่เย็นนี้เราออกไปหาข้าวกินข้างนอกดีกว่านะฉันคิดว่าเธอคงไม่มีแรงทำอาหารหรอกส่วนอาหารที่ป้าแดงทำมาก็ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนด
ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศเงียบนายหัวปาริธกอดเอวคนรักไว้ หญิงสาวยังคงพิงศีรษะอยู่บนไหล่เขาฟังเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นเป็นจังหวะประสานกับเสียงหัวใจของเธอณิรินทร์ญาไม่รู้หรอกว่าอนาคตเธอกับเขาจากนี้จะเป็นยังไง ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเธอกับนายหัวปาริธแต่เธอก็จะซื่อสัตย์กับเขาและจะมีเขาเพียงคนเดียวหญิงสาวเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าหากเธอกับเขารักกันจริงๆ ระยะเวลาและระยะห่างระหว่างอายุมันจะไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยแต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังกวนใจณิรินทร์ญาอยู่ก็คือเรื่องอดีตภรรยาของเขาหญิงสาวลังเลว่าจะถามเรื่องนี้ต่อหรือจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีต แต่เมื่อคิดทบทวนอยู่หลายรอบก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองสงสัยออกไปเพราะไม่อยากจะให้มันค้างคาใจอยู่แบบนี้“นายหัวคะ”“มีอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวดูเหมือนกำลังใช้ความคิดและกำลังเครียดอะไรสักอย่าง“ณิรินอยากจะถามนายหัวเพิ่มได้ไหมคะ”“จะถามเรื่องอะไรก็ถามมาได้เลย ฉันไม่มีความลับอะไรจะปิดบังเธออีกแล้ว”“เรื่องที่ณิรินทร์ญายากถามถ้านายหัวไม่สะดวกตอบหรือคิดว่าณิรินล้ำเส้นจนเกินไปนายหัวจะ
“เธอพร้อมที่จะฟังแล้วใช่ไหม”“ค่ะ นายหัวกำลังจะบอกอะไรณิรินคะ”“ฉันอยากจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา และอยากให้เธอรู้จากปากของฉันมากกว่าจะไปรู้จากปากของคนอื่น”“มันคือเรื่องอะไรกันแน่ นายหัวรีบบอกมาเถอะค่ะอย่าอ้อมค้อมอยู่เลย”“ก็เธอยังไม่สัญญานี้ว่าจะไม่โกรธ”“ก็ณิรินไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแล้วณิรินจะสัญญาได้ยังไง”“เอาน่าสัญญามาก่อนแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”“ถ้าณิรินไม่สัญญาล่ะ”“ถ้าเธอไม่สัญญาฉันก็ไม่เล่า”“นายหัวกำลังขี้โกงอยู่นะคะ มาบอกให้อยากรู้แล้วก็ไม่เล่าให้ฟัง ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ณิรินทร์ญามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ“ก็ฉันกลัวเธอโกรธ ณิรินสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”“ณิรินสัญญาก็ได้ว่าจะไม่โกรธหรือถ้าจะโกรธก็จะโกรธนายหัวไม่นานตกลงไหมคะ”“คำว่าไม่นานของเธอคือเท่าไหร่แค่ห้านาทีได้ไหม”“นายหัวค่ะถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เวลาแค่ห้านาทีณิรินคงจะปรับอารมณ์ไม่ทันแน่ๆ”“ถ้างั้นเท่าไหร่ล่ะ สิบนาทีดีไหม”“ก็ต้องแล้วแต่เรื่องว่ามันเรื่องร้ายแรงแค่ไหนแต่ ถ้าหากนายหัวยังลีลาไม่ยอมเล่าณิรินก็กำลังจะโกรธนายหัวแล้วนะคะ แล้วคนอย่างณิรินถ้าโกรธใครแล้วโกรธจริงด้วยไม่นะ”“ห้ามโกรธฉันนะ”“มันห้ามกัน