“ฉันรู้นะว่าการทำงานแบบนี้เงินดีรายได้ดี แต่เธอไม่คิดว่าออกมาทำงานกลางคืนแบบนี้มันไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ” นายหัวปาริธดื่มไปด้วยและชวนณิรินทร์ญาคุยไปด้วย
“อันตรายสิคะ ณิรินไม่รู้ว่าในแต่ละครั้งที่มาทำงานจะเจอลูกค้าแบบไหนบ้าง”
“แล้วลูกค้าแบบไหนล่ะที่เธอไม่ชอบและไม่อยากเจอ”
“ก็ลูกค้าที่คุยแล้วทำรุ่มร่ามไม่ทำตามกฎของที่นี่”
“กฎของที่นี่คืออะไร ฉันไม่ค่อยมาเที่ยวก็เลยไม่รู้กฎ”
“กฎของที่นี่ก็คือเด็กจะนั่งดื่มกับแขกได้ บริการแขกในเรื่องของการชงเครื่องดื่มการพูดคุยแต่เด็กจะไม่ออกไปต่อข้างนอกกับแขก”
“เป็นไปได้เหรอที่จะไม่ออกไปต่อกันข้างนอก”
“เป็นไปได้สิคะ เพราะคุณชินสั่งห้ามไว้”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย เขาอาจจะแอบนัดไปต่อกันก็ได้นะ”
“สำหรับคนอื่นณิรินก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาจะดิวกันแล้วนัดกันไปเจอข้างนอกไหม แต่สำหรับณิรินยืนยันชัดเจนค่ะว่าจะไม่ ออกไปต่อกับแขกข้างนอก”
“แล้วถ้าแขกเขาเสนอเงินให้เธอเยอะๆ ล่ะ”
“คำว่าเยอะของนายหัวปาริธคือเท่าไหร่เหรอคะ”
“เธอไม่ต้องเรียกฉันว่าเต็มยศแบบนั้นก็ได้จะเรียกฉันว่าปาริธหรือจะเรียกว่านายหัวก็ได้แล้วแต่เธอเลย”
“ถ้างั้นณิรินขอเรียกว่านายหัวก็แล้วกันนะคะ” หญิงสาวไม่อยากจะเรียกชื่อเขาเพราะจะจำแขกได้เธอเชื่อว่าการรู้จักชื่อใครสักคนแล้วมันจะเกิดความผูกพันและเธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเนื่องจากการรับแขกกลางคืนของเธอรู้จักกันนั่งคุยกับแขกตอนกลางคืนของเธอมันเป็นแค่งานอดิเรกที่เธอทำแค่เดือนละไม่กี่ครั้งเธอไม่อยากจำชื่อของคนเหล่านั้นให้รกสมอง
“เธอบอกฉันว่าทำงานแบบนี้มาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งตอนนี้ก็น่าจะเกือบสามปีแล้วเธอไม่เคยออกไปกับแขกคนอื่นเลยเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“เพราะอะไร”
“ณิรินมาทำงานเพราะอยากได้เงินจากค่าเครื่องดื่มไม่ได้มาขายตัว”
“สิ่งที่เธอพูดมันอาจจะเชื่อยากแต่ฉันก็เชื่อเธอก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณนายหัวนะคะที่เชื่อคำพูดของณิริน” ณิรินทร์ญาไม่ค่อยชอบสายตาและคำพูดของนายหัวปาริธคนนี้เลยเขาเหมือนกำลังดูถูกและไม่เชื่อกับสิ่งที่เธอพูด
“อือ”
“แต่ทำไมนายหัวทำหน้าเหมือนไม่เชื่อที่ณิรินพูดเลยนะคะ”
“ฉันก็บอกว่าเชื่อไงแล้วเลย”
“แล้วทำไมนายหัวจะต้องยิ้มด้วย”
“อ้าวมันมีกฎข้อไหนห้ามยิ้มด้วยเหรอ”
“ไม่มีกฎหรือข้อห้ามอะไรหรอกค่ะ แต่ณิรินรู้สึกว่านายหัวกำลังยิ้มและดูถูกอาชีพที่ณิรินกำลังทำอยู่”
“ฉันไม่ได้ดูถูกนะ แต่เท่าที่ฉันเจอมาส่วนใหญ่ก็ออกไปต่อข้างนอกทั้งนั้น แต่ถ้าเธอไม่ได้รับแขกหรือออกไปต่อกับแขกข้างนอกก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไรเลย”
“แต่ณิรินไม่ชอบรอยยิ้มของนายหัวเลยมันดูเจ้าเล่ห์มากๆ”
“เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบส่วนฉันก็มีสิทธิ์ที่จะคิดเพราะน้อยครั้งมากที่จะเจอผู้หญิงแบบเธอ”
“ผู้หญิงแบบณิรินเป็นยังไงคะ”
“ก็ผู้หญิงที่ปฏิเสธว่าตัวเองไม่เคยออกไปต่อกับแขกข้างนอก”
“ก็มันเรื่องจริงนี่คะ”
“แล้วถ้าแขกคนนั้นเขาเสนอเงินให้เธอเยอะๆ ล่ะเธอจะออกไปกับเขาไหม”
“มันไม่ได้อยู่แค่เรื่องเงินเรื่องเดียวหรอกค่ะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ”
“มันก็อยู่ที่ว่าใครเป็นคนชวนออกไปด้วย ถ้าคนที่ชวนออกไปเป็นคนที่ณิรินถูกใจก็อาจจะตอบตกลงออกไปนอนกับเขา เผลอๆ จะไม่คิดเงินด้วยซ้ำ”
“ฉันล่ะสับสนกับเธอจริงๆ ปากบอกว่าไม่เคยออกไปนอนกับแขกแต่กลับมาพูดจาแบบนี้ไม่รู้จะเชื่อเรื่องไหนเลย”
“นายหัวอยากจะเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่ณิรินพูดก็ตามใจนายหัวเถอะค่ะ”
“ฉันชักไม่แน่ใจแล้วนะว่าเธอมานั่งคุยเป็นเพื่อน มาเอ็นเตอร์เทนฉันหรือมานั่งเถียงกับฉันกันแน่” ปาริธไม่เคยเจอเด็กที่ต่อปากต่อคำแบบนี้มาก่อน มันทำให้เขารู้สึกสนุกเพราะที่ผ่านมาก็เจอแต่เด็กสาวที่เข้ามาเอาอกเอาใจและเออออตามที่เขาพูดทุกเรื่อง
“นายหัวอยากจะเปลี่ยนให้เด็กคนอื่นที่เอาใจเก่งๆ ขึ้นมาบริการก็ได้นะคะ เดี๋ยวณิรินจะบอกผู้จัดการร้านให้เปลี่ยนคนให้ดีไหมคะ”
“ไม่ล่ะฉันว่าคุยกับเธอก็สนุกดี นานแล้วที่ฉันไม่ได้คุยหรือเถียงกับใครแบบนี้มาก่อน”
“แน่ใจนะคะ ณิรินให้โอกาสนายหัวเปลี่ยนใจอีกครั้งหนึ่ง”
“แน่ใจสิ แต่ฉันจะไม่คุยกับเธอเรื่องอาชีพและงานของเธอแล้วก็กันนะ”
“ดีเหมือนกันค่ะณิรินก็ไม่อยากพูดถึงเหมือนกัน ถ้างั้นณิรินขอถามนายหัวบ้างได้ไหม”
“อยากถามอะไรฉันล่ะ”
“นายหัวเป็นนายหัวแน่เหรอคะ”
“อ้าวทำไมทำแบบนี้ล่ะ เมื่อกี้เจ้าของผับก็บอกแล้วนี่ว่าฉันเป็นนายหัวมาจากทางใต้”
“ก็คุณดูไม่เหมือนในหัวเลย”
“แล้วนายหัวต้องเป็นยังไง”
“นายหัวคนล่าสุดที่ณิรินเคยคุยด้วยเขาค่อนข้างจะผิวคล้ำกว่านี้มากๆ แล้วหุ่นก็ไม่ได้ดีแบบนี้”
“นี่เธอเคยคุยกับแขกที่เป็นนายหัวคนอื่นด้วยเหรอ”
“ใช่ค่ะเขาบอกว่าเป็นนายหัวทำสวนยางพาราอยู่ทางใต้ เข้ามาใช้บริการที่นี่และเรียกให้ณิรินขึ้นมาคุยด้วยแต่ ณิรินก็คุยด้วยได้ไม่นานหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะเขาซื้อดริ๊งค์ไม่เยอะพอเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ เขาทำรุ่มร่ามจนผู้จัดการร้านต้องเข้ามาไล่เขาออกไปจากที่นี่”
“มีแบบนี้ด้วยเหรอที่ทางร้านไล่แขก”
“ก็ไม่ค่อยมีบ่อยหรอกค่ะ นอกจากแขกคนนั้นจะพูดจาไม่รู้เรื่องจริงๆ พอวันนี้พี่ช้างผู้จัดการร้านบอกให้ณิรินขึ้นมาคุยเป็นเพื่อนนายหัวณิรินก็เลยวาดภาพไว้ว่าคุณน่าจะเป็นเหมือนเขาแต่โชคดีที่คุณไม่ได้เป็นแบบนั้น ณิรินก็เลยไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าคุณเป็นนายหัวจริงหรือเปล่า”
“ฉันเป็นนายหัวจริงๆ ฉันทำสวนยางพาราแล้วก็สวนปาล์มน่ะนานๆ ถึงจะขึ้นมาติดต่องานที่กรุงเทพก็เลยแวะมาอุดหนุนเพื่อนสักหน่อย ไม่คิดว่าจะมาเจอคนคุยด้วยสนุกแบบเธอ”
“สนุกเหรอคะ”
“อือ น้อยครั้งนักที่จะมีคนคุยกับฉันต่อปากต่อคำแบบนี้ถ้าอยู่ที่สวนยางฉันก็มีแต่คนงานผู้ชายไม่เคยได้เจออะไรสวยๆ งามๆ แบบนี้หรอก”
“ขอโทษนะคะอายุเท่าไหร่ ถ้าเป็นเพื่อนกับคุณชินตอนนี้ก็น่าจะสามสิบกว่าและน่าจะมีครอบครัวแล้ว”
“ฉันอายุเท่ากับคุณชินของเธอนั่นแหละ แต่ยังไม่ได้มีครอบครัวเหมือนเขา”
“ทำไมล่ะคะ”
“ฉันชอบชีวิตโสดไง”
“อ๋อ” ณิรินทร์ญาพยักหน้าเข้าใจเพราะมีผู้ชายหลายคนที่ชอบใช้ชีวิตโสดอิสระและไม่อยากมีครอบครัว
นายหัวปาริธกลับมาถึงบ้านของณิรินทร์ญาในเวลาเกือบจะหก โมงเย็นเมื่อมาถึงเขาก็ทานราดหน้าด้วยความหิวเพราะเมื่อตอนกลางวันทานข้าวไปนิดเดียวเนื่องจากจัดต้องรีบทำงานต่อให้เสร็จ เมื่อทานราดหน้าอิ่มแล้วเขาก็มานั่งในห้องรับแขกโดยมีณิรินทร์ญาเดินตามมาด้วย“เหนื่อยมากไหม ณิรินนวดให้มั้ย”“นวดคอให้ฉันนิดหน่อยได้ไหมล่ะ”“ได้ค่ะ”“ไม่น่าเชื่อนะว่ามือเล็กๆ แบบนี้จะนวดดีกับเขาเหมือนกัน”“แต่ก่อนณิรินเคยนวดให้แม่บ่อยค่ะ ถ้าวันไหนนายหัวเมื่อยอยากให้ณิรินนวดก็บอกได้เลย”“ขอบใจนะ”“ยินดีค่ะ”“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างปวดหัวหายแล้วใช่ไหม”“หายแล้วค่ะ”“ฉันไม่อยากให้เธอทำน้ำพริกเยอะแบบนั้นเลย”“ณิรินใครก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว”“จริงเหรอ”“จริงค่ะ ครั้งสุดท้ายที่ณิรินไปส่งน้ำพริกให้กับแม่ค้าณิรินก็บอกพวกเขาแล้วว่าจะหยุดทำน้ำพริกไปก่อน”“แล้วแม่ค้าเขาว่ายังไงบ้าง”“เขาก็บ่นนิดหน่อย เขายังบอกอีกว่าถ้าหากจะกลับมาทำก็ให้บอกพวกเขาด้วย นายหัวคงไม่คิดว่าณิรินเป็นคนขี้เกียจหรอกใช่ไหมคะ ทั้งที่ปิดเทอมแต่ไม่ยอมทำงาน” ณิรินทร์ญากลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาเธอทำเพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนขยัน“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าที่ผ
“วันนี้ฉันจะไปดูโรงงานที่สมุทรสาครเธอจะไม่ไปกับฉันจริงเหรอณิริน” นายหัวปาริธถามคนรักในเช้าวันหนึ่ง“วันนี้ณิรินปวดหัวนิดหน่อยค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”“แล้วจะอยู่คนเดียวได้เหรอ ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป” เขาถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะณิรินอยู่คนเดียวได้ นอนพักสักนิดก็น่าจะดีขึ้น ช่วงนี้ณิรินทำน้ำพริกเยอะไปหน่อยน่าจะมึนกลิ่นน้ำพริก”“ฉันเป็นห่วงเธอจัง ฉันเลื่อนนัดที่สมุทรสาครออกไปดีไหมวันนี้จะได้อยู่กับเธอ”“อย่าเลยค่ะนายหัวณิรินไม่อยากทำให้ตารางงานของนายหัวรวนค่ะ”“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็โทรบอกนะ ฉันจะรีบกลับมา”“ค่ะนายหัว”“แล้วตอนเย็นอยากจะกินอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อมา”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เย็นนี้ณิรินว่าจะทำราดหน้าทะเลนายหัวอยากกินไหมคะ”“อยากกินสิ จะให้ฉันซื้ออาหารทะเลมาไหม”“ในตู้ยังมีเหลืออยู่เลยที่เราซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน นายหัวไม่ต้องซื้อมาเพิ่มนะคะ”“ทำไมล่ะ”“ณิรินเบื่อค่ะ”“เบื่อหรือเกรงใจ”“เบื่อจริงๆ ค่ะทุกครั้งที่นายหัวไปสมุทรสาครก็ซื้ออาหารทะเลมาฝากตลอด”“ในตู้เหลือเยอะไหม”“ไม่เยอะวันนี้ก็เลยจะเคลียร์ทุกอย่างในตู้ออก”“งั้นฉันไปก่อนนะ ถ้าทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”“
นายหัวปาริธพาณิรินท์ญามายังผับที่หญิงสาวเคยทำงานอยู่ เขาพาเธอขึ้นไปนั่งรอบนชั้นสอง เจ้าของผับก็เดินตามขึ้นไปบนนั้นด้วยเจ้าของผับคุยอยู่ทั้งสองคนพักใหญ่ก่อนจะขอตัวลงไปดูแลแค่ทางด้านล่างตอนนี้บริเวณชั้นสองจึงเหลือแค่ณิรินท์ญากับนายหัวปาริธนั่งคุยกันตามลำพัง“อยากดื่มอะไรไหมณิริน”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“ดื่มหน่อยเถอะถือว่าเป็นการฉลองที่เราคบกันดีไหม”“ก็ได้ค่ะ ถ้าณิรินเมานายหัวต้องรีบพากลับนะคะ”เมื่อดื่มไปหลายแก้วณิรินทร์ญาก็เริ่มจะเมาหญิงสาวจึงขอให้เขาพากลับเพราะไม่อยากจะเมาจนคอพับอยู่ที่นี่“เดินไหวไหมหรือจะให้ฉันอุ้ม”“คงไม่ต้องซื้ออุ้มหรอกค่ะ แค่ประคองก็พอ”นายหัวหนุ่มประคองหญิงสาว มาที่รถจากนั้นก็ขับออกมาจากผับเขาเลี้ยวเข้าไปที่คอนโดมิเนียมเพราะคุยกับณิรินท์ญาไว้แล้วว่าคืนนี้หลังจากออกจากผับจะพากินหญิงสาวมาค้างที่นี่เมื่อมาถึงคอนโดก็พาหญิงสาวมานั่งบนโซฟาก่อนจะเดินไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้เธอดื่มเพราะดูแล้วณินิทร์ญาน่าจะเมามาก“ดื่มน้ำหน่อยนะ”“ขอบคุณค่ะนายหัว นายหัวของณิรินน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวหยิบน้ำไปดื่มเพียงนิดจากนั้นก็นั่งพิงไปบนโซฟาดวงตาเธอฉ่ำปรือเพราะความเมา“ไปอาบน้ำหน่อยดีไหมหร
วันนี้เป็นเวลาเป็นวันที่ณิรินทร์ญาจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม แต่หญิงสาวก็รู้สึกเป็นห่วงบ้านและเจ๊สุนีย์กับแม่ค้าคนอื่นก็โทรศัพท์ตามให้เธอมาทำน้ำพริกส่งณิรินทร์ญาบอกกับทุกคนแล้วว่าเธอจะทำน้ำพริกอีกแค่ประมาณสองเดือนพอเริ่มเรียนชั้นปีที่สี่ซึ่งจะต้องไปฝึกงานหญิงสาวก็จะเลิกทำเพราะกลัวว่าไม่มีเวลาแล้วอยากจะตั้งใจฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่นายหัวปาริธเดินทางขึ้นมาส่งหญิงสาวที่บ้านด้วยเขาเคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและคิดว่าจะมาใช้เวลากับเธอที่นี่อีกซักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเดินทางกลับณิรินทร์ญาทำความสะอาดด้านในบริเวณบ้านส่วนนายหัวปาริธก็อาสาเป็นคนตัดหญ้าและรดน้ำต้นไม้ต้นอื่นๆ บริเวณรอบๆ บ้านที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติไว้เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่กว่างานทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะห้าโมงเย็น“เหนื่อยไหมณิริน”“เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าแค่สองสัปดาห์ฝุ่นมันจะเยอะขนาดนี้แล้วนายหัวล่ะเหนื่อยไหม”“ไม่หรอกงานพวกนั้นฉันทำจนชินแล้ว ว่าแต่เย็นนี้เราออกไปหาข้าวกินข้างนอกดีกว่านะฉันคิดว่าเธอคงไม่มีแรงทำอาหารหรอกส่วนอาหารที่ป้าแดงทำมาก็ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนด
ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศเงียบนายหัวปาริธกอดเอวคนรักไว้ หญิงสาวยังคงพิงศีรษะอยู่บนไหล่เขาฟังเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นเป็นจังหวะประสานกับเสียงหัวใจของเธอณิรินทร์ญาไม่รู้หรอกว่าอนาคตเธอกับเขาจากนี้จะเป็นยังไง ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเธอกับนายหัวปาริธแต่เธอก็จะซื่อสัตย์กับเขาและจะมีเขาเพียงคนเดียวหญิงสาวเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าหากเธอกับเขารักกันจริงๆ ระยะเวลาและระยะห่างระหว่างอายุมันจะไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยแต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังกวนใจณิรินทร์ญาอยู่ก็คือเรื่องอดีตภรรยาของเขาหญิงสาวลังเลว่าจะถามเรื่องนี้ต่อหรือจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีต แต่เมื่อคิดทบทวนอยู่หลายรอบก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองสงสัยออกไปเพราะไม่อยากจะให้มันค้างคาใจอยู่แบบนี้“นายหัวคะ”“มีอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวดูเหมือนกำลังใช้ความคิดและกำลังเครียดอะไรสักอย่าง“ณิรินอยากจะถามนายหัวเพิ่มได้ไหมคะ”“จะถามเรื่องอะไรก็ถามมาได้เลย ฉันไม่มีความลับอะไรจะปิดบังเธออีกแล้ว”“เรื่องที่ณิรินทร์ญายากถามถ้านายหัวไม่สะดวกตอบหรือคิดว่าณิรินล้ำเส้นจนเกินไปนายหัวจะ
“เธอพร้อมที่จะฟังแล้วใช่ไหม”“ค่ะ นายหัวกำลังจะบอกอะไรณิรินคะ”“ฉันอยากจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา และอยากให้เธอรู้จากปากของฉันมากกว่าจะไปรู้จากปากของคนอื่น”“มันคือเรื่องอะไรกันแน่ นายหัวรีบบอกมาเถอะค่ะอย่าอ้อมค้อมอยู่เลย”“ก็เธอยังไม่สัญญานี้ว่าจะไม่โกรธ”“ก็ณิรินไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแล้วณิรินจะสัญญาได้ยังไง”“เอาน่าสัญญามาก่อนแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”“ถ้าณิรินไม่สัญญาล่ะ”“ถ้าเธอไม่สัญญาฉันก็ไม่เล่า”“นายหัวกำลังขี้โกงอยู่นะคะ มาบอกให้อยากรู้แล้วก็ไม่เล่าให้ฟัง ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ณิรินทร์ญามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ“ก็ฉันกลัวเธอโกรธ ณิรินสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”“ณิรินสัญญาก็ได้ว่าจะไม่โกรธหรือถ้าจะโกรธก็จะโกรธนายหัวไม่นานตกลงไหมคะ”“คำว่าไม่นานของเธอคือเท่าไหร่แค่ห้านาทีได้ไหม”“นายหัวค่ะถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เวลาแค่ห้านาทีณิรินคงจะปรับอารมณ์ไม่ทันแน่ๆ”“ถ้างั้นเท่าไหร่ล่ะ สิบนาทีดีไหม”“ก็ต้องแล้วแต่เรื่องว่ามันเรื่องร้ายแรงแค่ไหนแต่ ถ้าหากนายหัวยังลีลาไม่ยอมเล่าณิรินก็กำลังจะโกรธนายหัวแล้วนะคะ แล้วคนอย่างณิรินถ้าโกรธใครแล้วโกรธจริงด้วยไม่นะ”“ห้ามโกรธฉันนะ”“มันห้ามกัน