ณิรินทร์ญาและนายหัวปาริธคุยกันจนกระทั่งถึงเวลาผับปิดทั้งสองแลกไลน์กันโดยที่ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าถ้าหากเขาขึ้นมากรุงเทพเขาจะได้ถามว่าเธอมาทำงานหรือเปล่าและจะได้เรียกใช้บริการเนื่องจากคุยกับเธอแล้วสนุก เขาเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนพเจอคนที่คุยด้วยแล้วถูกใจก็อยากจะเรียกคุยถ้ามีโอกาสขึ้นมาที่นี่อีก
“ขอบคุณมากนะคะนายหัวที่ทำให้คืนนี้ณิรินไม่เหนื่อย แต่ได้เงินค่อนข้างเยอะ”
“เธอพูดตรงดีนะ” นายหัวปาริธรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนพูดตรงและดูจริงใจ
“ค่ะ ณิรินเป็นคนพูดตรงที่มาทำงานก็เพื่อได้เงินเพราะฉะนั้นใครที่ให้เงินณิรินเยอะๆ ก็ถือว่าเป็นผู้มีบุญคุณสำหรับณิรินค่ะ”
“เธออยากได้เงินเยอะๆ แต่ไม่ยอมออกไปกับแขกมันย้อนแย้งอยู่นะ”
“ก็การได้เงินแบบนี้มันน่าภูมิใจกว่าการออกไปนอนกับแขกนี่คะ อย่างน้อยณิรินก็คุยกับแขกที่ซื้อเครื่องดื่มให้เขาได้หายเหงาหรือคุณจะเถียงละว่าคุยกับณิรินแล้วไม่สนุก”
“ฉันไม่เถียงหรอกนะณิริน ฉันยอมรับเลยว่าคุยกับเธอแล้วสนุกมากถึงแม้จะไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ก็ตาม”
“โธ่นายหัวคะการมานั่งคุยในผับแบบนี้ใครเขาต้องการสาระกันบ้างล่ะคะ ทุกคนก็ต้องการมาคุยมาผ่อนคลายค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับค่าเครื่องดื่มคืนนี้ณิรินขอตัวก่อนค่ะ” หญิงสาวพูดจบก็ยกมือไหวและโบกมือให้กับนายหัวปาริธก่อนจะลงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขับรถกลับบ้านของตนเอง
ส่วนนายหัวปาริธยังนั่งอยู่ที่เดิมรอจนกระทั่งเพื่อนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ขึ้นมานั่งดื่มกันต่อ
“เป็นไงเด็กที่กูแนะนำให้ถูกใจมึงไหมล่ะ”
“ก็ดีนะคุยเก่งดี แต่เธอไม่ได้ทำงานที่นี่ประจำใช่ไหม” การนั่งคุยกับณิรินทร์ญาหลายชั่วโมงก็พอจะรู้เรื่องของเธออยู่บ้าง
“อืมณิรินไม่ได้ทำงานที่นี่ประจำหรอก กูรู้จักกับแม่ของเขาก็เลยรับเขามาทำงานแค่เฉพาะคืนวันศุกร์กับคืนวันเสาร์”
“แล้วแม่ของเขายอมให้มาทำงานแบบนี้เหรอ”
“ตอนแรกก็ไม่ยอมหรอกแต่กูยืนยันไงว่าเด็กที่ร้านกูจะไม่ออกไปต่อกับแขก”
“มึงแน่ใจเหรอว่าเด็กมึงจะไม่ออกไปต่อกับแขก”
“กูก็แค่รับปากไปแบบนั้นแหละเพื่อให้แม่เขาสบายใจแต่ณิรินก็ทำงานที่นี่มาสามปีกูก็ไม่เคยเห็นเธอออกไปกับแขกคนอื่นหรือบางทีอาจจะนัดเจอกันข้างนอกเรื่องนี้กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แล้วมึงไม่กลัวแม่เขามาว่าเหรอถ้ารู้ว่าลูกสาวสาวออกไปต่อข้างนอกกับแขก”
“ไม่หรอกเด็กมันโตแล้วบรรลุนิติภาวะแล้วอีกอย่างตอนนี้แม่เธอก็ตายไปแล้วเธอก็ต้องทำงานเลี้ยงดูตัวเอง”
“ฟังดูฟังดูน่าสงสารเหมือนกันนะ”
“ไงล่ะติดใจเขาให้แล้วล่ะสิ สนใจจะเลี้ยงเด็กไว้ที่กรุงเทพสักคนไหม”
“ไหมไม่ล่ะดูท่าทางแล้วเด็กมันไม่เอาหรอก”
“มันก็ไม่แน่นะถ้าเงินมากพอใครๆ ก็สนใจ ถ้ามึงสนใจกูจะติดต่อให้เอาไหม”
“ไม่ล่ะ เด็กคนนี้พูดเก่งเถียงเก่งกูกลัวจะโดนเธอด่าจนเสียผู้ใหญ่”
“แล้วครั้งนี้มึงจะอยู่กรุงเทพนานไหม”
“ก็น่าาจะสองสามวันน่ะ มีงานต้องจัดการที่สมุทรสาครต่ออีก”
“จะทำงานเยอะไปไหนวะ แค่สวนปาล์มสวนยางพารานี่มึงจะส่งออกอะไรอีก”
“เป็นพวกอาหารทะเลอบแห้ง ตอนนี้ตลาดที่เมืองไทยคู่แข่งมันเยอะกูเลยมาจัดการเรื่องการส่งออก”
“แล้วจะค้างกรุงเทพหรือไปค้างที่สมุทรสาครล่ะ”
“กูค้างคอนโดที่กรุงเทพนี่แหละ ที่สมุทรสาครคุณไปดูตอนเช้าแล้วก็กลับ”
“งานมึงเยอะจริงๆ เลยนะทั้งทางใต้ทั้งที่สมุทรสาครกูว่ารีบหาเมียสักคนมาช่วยทำงานดีกว่า”
“ถ้ามีเมียแล้วมาช่วยทำงานมันก็ดีสิถ้าเกิดมีแล้วนั่งกินนอนกินเป็นคุณนายเหมือนเมียเก่ากูไม่เอาด้วยหรอก”
นายหัวปาริธเคยแต่งงานและมีภรรยามาแล้วแต่ภรรยาของเขาไม่เคยช่วยเหลือหยิบจับงานอะไรเขาเลย เธอทำตัวเป็นคุณนายชี้นิ้วสั่งอย่างเดียวพอเขาบอกให้ช่วยเหลือเขาดูแลบัญชีหญิงสาวก็รวมหัวกับหัวหน้าแผนกบัญชีโกงเงินเขาไปหลายล้านมันทำให้เขารู้สึกเจ็บใจและจากนั้นก็ไม่คิดที่จะมีครอบครัวอีกเลย
“เอาน่าเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งห้าปีแล้ว กูว่ามึงลืมๆ ไปเถอะเงินแค่นั้นมันก็แค่เศษเสี้ยว”
“กูไม่ได้เสียดายเงินหรอกนะชินแต่กูเสียความรู้สึกว่ะ คนรักกันไม่น่าทำกันแบบนี้อีกอย่างชีวิตตอนนี้กูก็โอเคแล้วนะ เป็นโสดแบบนี้อยากจะควงผู้หญิงคนไหนอยากจะนอนผู้หญิงคนไหนมันก็อิสระไปหมดหรือมึงจะเถียงล่ะ”
“เออกูไม่เถียงหรอกมีเมียก็นอนกับผู้หญิงคนเดียวไม่ว่าจะกี่ปีกี่ปีแต่ถ้าเป็นโสดแบบมึงจะนอนกับใครก็ได้ จะเปลี่ยนคู่ควงบ่อยแค่ไหนก็ได้ แต่มึงต้องคิดถึงอนาคตมึงนะเว้ย มึงเริ่มอายุเยอะแล้วเกิดแก่ตัวไปไม่มีใครดูแลถ้าไม่มีครอบครัวแล้วสมบัติทั้งหมดของมึงจะเอาไปให้ใครล่ะ”
“มึงก็พูดเกินเอาไว้อายุสี่สิบแล้วยังไม่มีใครจริงๆ กูก็จะคงจะหาเด็กสักคนมารับเป็นลูกบุญธรรม”
“ว่าไปนั่นใครเขาจะให้มึงเอาลูกเขามาเลี้ยงว่ะ”
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นเลยว่ะ เหลือเวลาอีกห้าปีกว่ากูจะอายุสี่สิบถึงตอนนั้นบางทีกูก็อาจจะเจอใครที่ถูกใจจริงๆ ก็ได้”
“เออกูก็ขอให้มันแน่เถอะ ว่าแต่คืนนี้สนใจจะเรียกเด็กคนไหนไปนอนด้วยไหมล่ะเดี๋ยวกูติดต่อเจ๊ยุให้” เขาหมายถึงเจ๊ยุวดีที่มีเด็กสาวในสังกัดอยู่หลายคนและเขาก็เคยเรียกให้มาบริการกับนายหัวปาริธอยู่หลายครั้งตอนที่เขาขึ้นมากรุงเทพ
“ไม่ล่ะทำงานมาเหนื่อยๆ กูอยากพัก”
“อย่าบอกนะว่าตอนนี้มึงเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปแล้ว”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกแต่กูเบื่อๆ น่ะ”
“มึงไม่สนใจเด็กเจ๊ยุเพราะมึงแอบซ่อนเด็กคนอื่นไว้หรือเปล่า”
“กูจะซ่อนใครล่ะ”
“แน่เหรอที่คนอย่างมึงไม่ได้ซ่อนผู้หญิงไว้”
“ไม่มีหรอกกูขึ้นมาติดต่องานจริงๆ เรื่องผู้หญิงขอพักก่อน”
“กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากูจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากนายหัวปาริธจอมเจ้าชู้อย่างมึง”
“เอาน่าคนเรามันก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงบ้าง”
“ว่าแต่สาวๆ ทั้งใต้ล่ะมึงไม่มีในสต๊อกบ้างเลยเหรอ”
“ก็พอมีเวลากูเข้าเมืองก็เรียกใช้บริการได้ แต่ไม่ได้เลี้ยงไว้แบบจริงจัง”
“กูไม่ได้หมายถึงเด็กที่มึงเรียกมาบริการกูหมายถึงคนที่คุยน่ะได้ข่าวว่าน้องสาวไอ้วัฒน์ก็สนใจมึงอยู่นี่”
“กูไม่ได้คิดอะไรกับน้องมันเลยเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
“แต่น้องมันสนใจมึงนะ”
“กูบอกน้องเขาไปแล้วว่ากูเห็นเป็นน้องสาวอีกหน่อยเธอก็คงเบื่อไปเองแหละ”
“แล้วลูกสาวเจ้าของเรือหาปลาล่ะ เขาสนใจมึงอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“เขาเป็นรุ่นน้องน่ะ กูก็แค่คุยแต่ไม่คิดจะจริงจังหรอกครอบครัวเขาใหญ่เกินกูไม่ชอบความวุ่นวายแบบนั้น”
“ไม่ชอบความวุ่นวายครอบครัวเขาหรือเพราะเขาไม่สวยถูกใจมึงกันแน่วะ”
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ กูชอบผู้หญิงผิวขาวตัวเล็กๆ น่ะแต่เธอไม่ใช่แบบนั้น เธอดูเซ็กซี่จนเกินไป”
“อ้าวผู้ชายก็ชอบผู้หญิงเซ็กซี่กันทั้งนั้น”
“แต่กูชอบแบบน่ารักๆ ผู้หญิงเซ็กซี่ดูไปนานๆ ก็เบื่อแต่ผู้หญิงน่ารักเธอจะมีมุมน่ารักของเธอให้ดูอยู่ตลอด” เขาพูดกับเพื่อนแต่ภาพใบหน้าของณิรินทร์ญาก็แวบเข้ามาในหัวทำให้เขาต้องรีบสลัดเอาความคิดออกไปเพราะหญิงสาวก็บอกเขาอยู่แล้วว่าไม่เคยคิดจะรับแขกหรือไปต่อกับแขกข้างนอกและเขาก็เป็นคนที่ไม่ชอบฝืนใจใคร
นายหัวปาริธกลับมาถึงบ้านของณิรินทร์ญาในเวลาเกือบจะหก โมงเย็นเมื่อมาถึงเขาก็ทานราดหน้าด้วยความหิวเพราะเมื่อตอนกลางวันทานข้าวไปนิดเดียวเนื่องจากจัดต้องรีบทำงานต่อให้เสร็จ เมื่อทานราดหน้าอิ่มแล้วเขาก็มานั่งในห้องรับแขกโดยมีณิรินทร์ญาเดินตามมาด้วย“เหนื่อยมากไหม ณิรินนวดให้มั้ย”“นวดคอให้ฉันนิดหน่อยได้ไหมล่ะ”“ได้ค่ะ”“ไม่น่าเชื่อนะว่ามือเล็กๆ แบบนี้จะนวดดีกับเขาเหมือนกัน”“แต่ก่อนณิรินเคยนวดให้แม่บ่อยค่ะ ถ้าวันไหนนายหัวเมื่อยอยากให้ณิรินนวดก็บอกได้เลย”“ขอบใจนะ”“ยินดีค่ะ”“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างปวดหัวหายแล้วใช่ไหม”“หายแล้วค่ะ”“ฉันไม่อยากให้เธอทำน้ำพริกเยอะแบบนั้นเลย”“ณิรินใครก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว”“จริงเหรอ”“จริงค่ะ ครั้งสุดท้ายที่ณิรินไปส่งน้ำพริกให้กับแม่ค้าณิรินก็บอกพวกเขาแล้วว่าจะหยุดทำน้ำพริกไปก่อน”“แล้วแม่ค้าเขาว่ายังไงบ้าง”“เขาก็บ่นนิดหน่อย เขายังบอกอีกว่าถ้าหากจะกลับมาทำก็ให้บอกพวกเขาด้วย นายหัวคงไม่คิดว่าณิรินเป็นคนขี้เกียจหรอกใช่ไหมคะ ทั้งที่ปิดเทอมแต่ไม่ยอมทำงาน” ณิรินทร์ญากลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาเธอทำเพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนขยัน“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าที่ผ
“วันนี้ฉันจะไปดูโรงงานที่สมุทรสาครเธอจะไม่ไปกับฉันจริงเหรอณิริน” นายหัวปาริธถามคนรักในเช้าวันหนึ่ง“วันนี้ณิรินปวดหัวนิดหน่อยค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”“แล้วจะอยู่คนเดียวได้เหรอ ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป” เขาถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะณิรินอยู่คนเดียวได้ นอนพักสักนิดก็น่าจะดีขึ้น ช่วงนี้ณิรินทำน้ำพริกเยอะไปหน่อยน่าจะมึนกลิ่นน้ำพริก”“ฉันเป็นห่วงเธอจัง ฉันเลื่อนนัดที่สมุทรสาครออกไปดีไหมวันนี้จะได้อยู่กับเธอ”“อย่าเลยค่ะนายหัวณิรินไม่อยากทำให้ตารางงานของนายหัวรวนค่ะ”“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็โทรบอกนะ ฉันจะรีบกลับมา”“ค่ะนายหัว”“แล้วตอนเย็นอยากจะกินอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อมา”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เย็นนี้ณิรินว่าจะทำราดหน้าทะเลนายหัวอยากกินไหมคะ”“อยากกินสิ จะให้ฉันซื้ออาหารทะเลมาไหม”“ในตู้ยังมีเหลืออยู่เลยที่เราซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน นายหัวไม่ต้องซื้อมาเพิ่มนะคะ”“ทำไมล่ะ”“ณิรินเบื่อค่ะ”“เบื่อหรือเกรงใจ”“เบื่อจริงๆ ค่ะทุกครั้งที่นายหัวไปสมุทรสาครก็ซื้ออาหารทะเลมาฝากตลอด”“ในตู้เหลือเยอะไหม”“ไม่เยอะวันนี้ก็เลยจะเคลียร์ทุกอย่างในตู้ออก”“งั้นฉันไปก่อนนะ ถ้าทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”“
นายหัวปาริธพาณิรินท์ญามายังผับที่หญิงสาวเคยทำงานอยู่ เขาพาเธอขึ้นไปนั่งรอบนชั้นสอง เจ้าของผับก็เดินตามขึ้นไปบนนั้นด้วยเจ้าของผับคุยอยู่ทั้งสองคนพักใหญ่ก่อนจะขอตัวลงไปดูแลแค่ทางด้านล่างตอนนี้บริเวณชั้นสองจึงเหลือแค่ณิรินท์ญากับนายหัวปาริธนั่งคุยกันตามลำพัง“อยากดื่มอะไรไหมณิริน”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“ดื่มหน่อยเถอะถือว่าเป็นการฉลองที่เราคบกันดีไหม”“ก็ได้ค่ะ ถ้าณิรินเมานายหัวต้องรีบพากลับนะคะ”เมื่อดื่มไปหลายแก้วณิรินทร์ญาก็เริ่มจะเมาหญิงสาวจึงขอให้เขาพากลับเพราะไม่อยากจะเมาจนคอพับอยู่ที่นี่“เดินไหวไหมหรือจะให้ฉันอุ้ม”“คงไม่ต้องซื้ออุ้มหรอกค่ะ แค่ประคองก็พอ”นายหัวหนุ่มประคองหญิงสาว มาที่รถจากนั้นก็ขับออกมาจากผับเขาเลี้ยวเข้าไปที่คอนโดมิเนียมเพราะคุยกับณิรินท์ญาไว้แล้วว่าคืนนี้หลังจากออกจากผับจะพากินหญิงสาวมาค้างที่นี่เมื่อมาถึงคอนโดก็พาหญิงสาวมานั่งบนโซฟาก่อนจะเดินไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้เธอดื่มเพราะดูแล้วณินิทร์ญาน่าจะเมามาก“ดื่มน้ำหน่อยนะ”“ขอบคุณค่ะนายหัว นายหัวของณิรินน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวหยิบน้ำไปดื่มเพียงนิดจากนั้นก็นั่งพิงไปบนโซฟาดวงตาเธอฉ่ำปรือเพราะความเมา“ไปอาบน้ำหน่อยดีไหมหร
วันนี้เป็นเวลาเป็นวันที่ณิรินทร์ญาจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม แต่หญิงสาวก็รู้สึกเป็นห่วงบ้านและเจ๊สุนีย์กับแม่ค้าคนอื่นก็โทรศัพท์ตามให้เธอมาทำน้ำพริกส่งณิรินทร์ญาบอกกับทุกคนแล้วว่าเธอจะทำน้ำพริกอีกแค่ประมาณสองเดือนพอเริ่มเรียนชั้นปีที่สี่ซึ่งจะต้องไปฝึกงานหญิงสาวก็จะเลิกทำเพราะกลัวว่าไม่มีเวลาแล้วอยากจะตั้งใจฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่นายหัวปาริธเดินทางขึ้นมาส่งหญิงสาวที่บ้านด้วยเขาเคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและคิดว่าจะมาใช้เวลากับเธอที่นี่อีกซักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเดินทางกลับณิรินทร์ญาทำความสะอาดด้านในบริเวณบ้านส่วนนายหัวปาริธก็อาสาเป็นคนตัดหญ้าและรดน้ำต้นไม้ต้นอื่นๆ บริเวณรอบๆ บ้านที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติไว้เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่กว่างานทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะห้าโมงเย็น“เหนื่อยไหมณิริน”“เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าแค่สองสัปดาห์ฝุ่นมันจะเยอะขนาดนี้แล้วนายหัวล่ะเหนื่อยไหม”“ไม่หรอกงานพวกนั้นฉันทำจนชินแล้ว ว่าแต่เย็นนี้เราออกไปหาข้าวกินข้างนอกดีกว่านะฉันคิดว่าเธอคงไม่มีแรงทำอาหารหรอกส่วนอาหารที่ป้าแดงทำมาก็ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนด
ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศเงียบนายหัวปาริธกอดเอวคนรักไว้ หญิงสาวยังคงพิงศีรษะอยู่บนไหล่เขาฟังเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นเป็นจังหวะประสานกับเสียงหัวใจของเธอณิรินทร์ญาไม่รู้หรอกว่าอนาคตเธอกับเขาจากนี้จะเป็นยังไง ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเธอกับนายหัวปาริธแต่เธอก็จะซื่อสัตย์กับเขาและจะมีเขาเพียงคนเดียวหญิงสาวเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าหากเธอกับเขารักกันจริงๆ ระยะเวลาและระยะห่างระหว่างอายุมันจะไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยแต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังกวนใจณิรินทร์ญาอยู่ก็คือเรื่องอดีตภรรยาของเขาหญิงสาวลังเลว่าจะถามเรื่องนี้ต่อหรือจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีต แต่เมื่อคิดทบทวนอยู่หลายรอบก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองสงสัยออกไปเพราะไม่อยากจะให้มันค้างคาใจอยู่แบบนี้“นายหัวคะ”“มีอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวดูเหมือนกำลังใช้ความคิดและกำลังเครียดอะไรสักอย่าง“ณิรินอยากจะถามนายหัวเพิ่มได้ไหมคะ”“จะถามเรื่องอะไรก็ถามมาได้เลย ฉันไม่มีความลับอะไรจะปิดบังเธออีกแล้ว”“เรื่องที่ณิรินทร์ญายากถามถ้านายหัวไม่สะดวกตอบหรือคิดว่าณิรินล้ำเส้นจนเกินไปนายหัวจะ
“เธอพร้อมที่จะฟังแล้วใช่ไหม”“ค่ะ นายหัวกำลังจะบอกอะไรณิรินคะ”“ฉันอยากจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา และอยากให้เธอรู้จากปากของฉันมากกว่าจะไปรู้จากปากของคนอื่น”“มันคือเรื่องอะไรกันแน่ นายหัวรีบบอกมาเถอะค่ะอย่าอ้อมค้อมอยู่เลย”“ก็เธอยังไม่สัญญานี้ว่าจะไม่โกรธ”“ก็ณิรินไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแล้วณิรินจะสัญญาได้ยังไง”“เอาน่าสัญญามาก่อนแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”“ถ้าณิรินไม่สัญญาล่ะ”“ถ้าเธอไม่สัญญาฉันก็ไม่เล่า”“นายหัวกำลังขี้โกงอยู่นะคะ มาบอกให้อยากรู้แล้วก็ไม่เล่าให้ฟัง ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ณิรินทร์ญามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ“ก็ฉันกลัวเธอโกรธ ณิรินสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”“ณิรินสัญญาก็ได้ว่าจะไม่โกรธหรือถ้าจะโกรธก็จะโกรธนายหัวไม่นานตกลงไหมคะ”“คำว่าไม่นานของเธอคือเท่าไหร่แค่ห้านาทีได้ไหม”“นายหัวค่ะถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เวลาแค่ห้านาทีณิรินคงจะปรับอารมณ์ไม่ทันแน่ๆ”“ถ้างั้นเท่าไหร่ล่ะ สิบนาทีดีไหม”“ก็ต้องแล้วแต่เรื่องว่ามันเรื่องร้ายแรงแค่ไหนแต่ ถ้าหากนายหัวยังลีลาไม่ยอมเล่าณิรินก็กำลังจะโกรธนายหัวแล้วนะคะ แล้วคนอย่างณิรินถ้าโกรธใครแล้วโกรธจริงด้วยไม่นะ”“ห้ามโกรธฉันนะ”“มันห้ามกัน