Share

ตอนที่13. แค่ยิ้มให้

Author: Bunmeebooks
last update Last Updated: 2024-11-09 20:40:05

อิงดาวยกมือไหว้ พลางส่งยิ้มให้  แล้วเดินตรงไปยังปีกด้านซ้ายของตลาดที่เป็นแผงอาหารสดและร้านข้าวแกงต่าง ๆ

ตลอดทางที่อิงดาวเดินผ่านเต็มไปด้วยเสียงทักทายฉันมิตรของพ่อค้าแม่ค้าชาวตลาดสดแม่ลา  เธอช่วยแม่ขายข้าวแกงตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนบัดนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่

“อิงดาว อิงดาว”

คุณป้าร้านขายขนมไทยเรียก พร้อมกับกวักมือให้หญิงสาวเข้าไปหา

“สวัสดีค่ะป้าศรี”

อิงดาวยกมือไหว้หญิงชรา ที่หน้าตาเบิกบานไม่ได้ยับย่นเหมือนกับผิวของตนแม้แต่น้อย

“อ่ะ นี่ขนม เอาไปกิน ทำงานมาเหนื่อย ๆ จะได้มีแรงช่วยแม่เขา”

ป้าศรียื่นถุงขนมไทยให้

“ขอบคุณค่ะป้า”

หญิงสาวไหว้ขอบคุณก่อนจะยื่นมือออกไปรับเอามา แล้วถามต่อไปว่า

“วันนี้คุณป้าจะกลับแล้วรึค่ะ”

“ใช่ นางเพ็ญลูกสาวป้ามันบอกวันนี้เงินเดือนมันออก ให้รีบกลับจะพาไปกินข้าวนอกบ้านแนะ”

ป้าศรียิ้มแฉ่งดวงตาที่มีสีฝ้ามัวของวัยชราเต็มไปด้วยแววของความดีใจ

“ดีจังเลยค่ะคุณป้า ฝากขอบคุณพี่เพ็ญด้วยนะคะ ชุดที่พี่เพ็ญเอาให้ หนูใส่ได้พอดีทุกตัวเลยค่ะ” 

อิงดาวนึกถึงชุดทำงานที่เธอสวมใส่ส่วนใหญ่เป็นชุดที่ได้จาก          ป้าศรี ซึ่งลูกสาวของแกโละตู้เสื้อผ้ามาบริจาคให้เธออีกทีหนึ่ง  ชุดเหล่านั้นบางตัวยังใหม่จนแทบเรียกได้ว่ามือหนึ่ง พี่เพ็ญทำงานเป็นเลขาที่บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง เสื้อผ้าหน้าผมของพี่เพ็ญจัดได้ว่าต้องทันสมัยทุกเดือน

“ได้ ๆ เดี๋ยวป้าบอกมันให้”

“ขอบคุณค่ะ”

อิงดาวยกมือไหว้ป้าศรีอีกครั้ง ป้าศรีเป็นอีกคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือหล่อนและแม่เสมอมา ยามใดที่แม่ขายข้าวแกงไม่ได้ ก็ได้ป้าศรีคอยยื่นมือเข้าช่วย แม้กระทั่งชุดนักเรียน และชุดทำงานในเดือนแรกของ  อิงดาวก็อาศัยชุดที่ได้จากลูกสาวของป้า

จากนั้นอิงดาวจึงเดินตรงไปยังแผงข้าวแกงของแม่เธอที่อยู่จนเกือบสุดซอย เธอเห็นเงาร่างผอมบาง ที่บรรจงตักอาหารใส่ถุง มัดอย่างดีแล้วยื่นให้ลูกค้า อิงดาวปาดน้ำตาทุกครั้งที่มองเห็นภาพนั้น สองขาของเธอรีบก้าวให้ไวขึ้นเพื่อที่จะได้ช่วยแม่ทำงาน

เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตเมื่อสิบสองปีก่อน ขณะนั้นเธออายุสิบสองปี และน้องชายของเธออายุเพียงสามขวบ เธอจำได้ดี

ปีนั้นลำบากที่สุด แม่พาหล่อนย้ายออกมาจากบ้านพักทหารเพราะไม่มีสิทธิ์พักอาศัยแล้ว โดยนำเงินที่ได้จากค่าชดเชยการเสียชีวิตในสนามรบของพ่อมาเช่าบ้านเก่า ๆ ท้ายตลาดให้เป็นที่หลับนอนของพวกเราสามแม่ลูก 

ในตอนนั้น น้องชายของเธอยังเด็กนัก อิงดาวจึงต้องหยุดเรียนไปหนึ่งปีเต็ม ๆ เพื่อเลี้ยงน้อง ให้แม่ได้ไปขายข้าวแกงในตลาด จนกระทั่ง แม่มีเงินพอที่จะส่งน้องเข้าโรงเรียนได้เธอจึงได้กลับเข้าไปเรียนอีกครั้ง ทำให้เธอเรียนจบช้ากว่าเพื่อนหนึ่งปี และต้องพยายามสอบชิงทุนการศึกษาให้ได้ เพื่อที่จะได้เรียนต่อจนถึงปริญญาตรี และเธอก็สามารถทำได้สำเร็จ จนกระทั่ง วันนี้เธอสามารถทำงานมีเงินเดือนเป็นของตนเองแล้ว

“แม่”

อิงดาวเรียกแม่เบา ๆ พร้อมกับยกมือไหว้

“เอ่อ มาก็ดี ไปซื้อของสดสำหรับทำของขายพรุ่งนี้หน่อย”

นางจันทร์พยักหน้ารับไหว้ลูกสาว แล้วยื่นกระดาษรายการวัตถุดิบทำอาหารสำหรับขายในวันพรุ่งนี้ให้กับลูกสาว

“จ๊ะแม่”

อิงดาวรับกระดาษแผ่นน้อยมา แม่ของเธอกำลังนับเงินสำหรับซื้อของให้ เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า

“แม่วันนี้เงินเดือนหนูออกแล้ว เดี๋ยวหนูจ่ายเองค่ะ”

ผู้เป็นแม่ไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มให้ อิงดาวจึงหยิบซองขาวขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา แม้ว่าเงินเดือนในซองนี้จะไม่ใช่เดือนแรกที่เธอให้แม่ แต่เธอก็รู้สึกตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้มอบมันให้แก่ผู้ให้กำเนิด

“เงินเดือน เดือนนี้ของหนูค่ะ”

อิงดาววางซองที่บรรจุธนบัตรที่เป็นเงินเดือนทั้งหมดของเธอลงในมือมารดา

ดวงตาของผู้เป็นแม่สั่นระริก มีน้ำใส ๆ คลอขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเหือดหายไปเมื่อเธอกะพริบตา พร้อมกับพูดเสียงแข็งกลบความปลื้มปีติยินดีที่มีจนล้นอกของผู้เป็นแม่ว่า

“ไม่เก็บเอาไว้ใช้เองล่ะ”

อิงดาวเข้าไปสวมกอดผู้เป็นมารดา แล้วฟังจมูกลงที่แก้มเหี่ยวย่น สูดเอากลิ่นเหงื่อไคลที่ตากตำทำงานทั้งวันเข้าเต็มปอด กลิ่นนี้อาจจะเหม็นเปรี้ยวสำหรับใคร ๆ แต่สำหรับเธอแล้วเป็นกลิ่นที่เธอสูดเข้าปอดครั้งไหนก็ชื่นใจทุกครั้ง

“อิงอยู่กับแม่ นอนกับแม่ กินกับแม่ ไม่ได้ใช้อะไรค่ะ หรือหากจำเป็นต้องใช้อิงค่อยขอแม่ทีหลังก็ได้ค่ะ”

นางจันทร์ยิ้มน้อย ๆ ทั้งสุขทั้งขมขื่นในใจ เธออยากให้ลูกสาวได้ใช้เงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนบ้าง เพื่อบำเรอความสุขของตนเองเหมือนเช่นคนอื่น ๆ  แต่เธอก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า เงินเดือนของลูกสาวกลายเป็นกำลังสำคัญสำหรับใช้จ่ายในครอบครัว ทั้งค่าเช่าบ้าน  เช่าแผง ค่าน้ำค่าไฟ รวมถึงค่าศึกษาเล่าเรียนของบุตรชาย ที่นับวันก็ยิ่งจะมีมากขึ้น

“เอาเงินไปซื้อของ รีบไป เดี๋ยวแม่ค้าจะกลับกันหมดเสียก่อน”

นางจันทร์แกล้งบ่น พร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนที่จะเปิดซองเงินเดือนลูกสาว แล้วหยิบธนบัตรสามสี่ใบส่งให้

“จ๊ะ แม่” 

อิงดาววางสัมภาระอื่น ๆ ไว้ที่แคร่ แล้วเดินออกไปจับจ่ายของสดตามรายการในมือ

20.00 น.

สองแม่ลูกช่วยกันดันรถเข็นขายของคันเก่าที่ใช้มานานกว่าสิบปีเข้าไปในซอยหลังตลาด ยามมืดเช่นนี้มีเพียงแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าที่ตั้งเรียงห่างกันเป็นระยะช่วยส่องนำทาง ยามใดที่ล้อรถตกลงหลุมเกิดเสียงเคร้งคร้างของหม้อโลหะกระทบกันดังให้ได้ยินกันทั้งซอย 

เสียงดังตึก ๆ แคร่ก ๆ ไปเรื่อย ๆ ตลอดทางนั้นสงบลงเมื่อรถเข็นถูกดันเข้าจอดเทียบหน้าประตูไม้ของห้องเช่าสองชั้นขนาดหนึ่งคูหา

สุนัขตัวผอมสี่ห้าตัว วิ่งกระดิกหางเข้าหาหญิงสาวเป็นพัลวันอย่างสุดแสนดีใจ เพราะรู้ว่าเมื่อใดที่รถเข็นเก่า ๆ จอดเทียบหน้าห้องเช่าโทรม ๆ เมื่อนั้นท้องของพวกมันจะไม่หิวอีกต่อไป

“ไอ้ด่าง ไอ้แดง ไอ้ตูบ ไอ้ดำ ไอ้เดี้ยง”

อิงดาวถือวิสาสะเรียกชื่อตามลักษณะของพวกมัน เจ้าตัวสุดท้ายตัวผอมกว่าเพื่อน อีกทั้งขาข้างหลังยังบิดงอผิดรูปร่าง หล่อนจึงเรียกมัน –เดี้ยง- และสันนิษฐานเอาว่ามันคงจะถูกรถชน

“ใจเย็น รอก่อน ๆ เดี๋ยวได้กินจ้า”

เธอก้มลงพูดกับเจ้าสี่ขาพลางลูบหัวตัวนั้นตัวนี้ด้วยความเมตตา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กี่ภพกี่ชาติ รักนี้ยังเป็นเธอ   ตอนที่60. ความจริงที่ซ่อนไว้  จบ

    ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู

  • กี่ภพกี่ชาติ รักนี้ยังเป็นเธอ   ตอนที่59.

    ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก

  • กี่ภพกี่ชาติ รักนี้ยังเป็นเธอ   ตอนที่ 58.

    ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ

  • กี่ภพกี่ชาติ รักนี้ยังเป็นเธอ   ตอนที่57.

    จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ

  • กี่ภพกี่ชาติ รักนี้ยังเป็นเธอ   ตอนที่56.

    ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู

  • กี่ภพกี่ชาติ รักนี้ยังเป็นเธอ   ตอนที่55.

    ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status