เวลา 8.00 น.
“สวัสดีท่านด๊อกประชา”เสียงทุ้มดังขึ้น ทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่ของห้องพักอาจารย์เปิดออก แล้วชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มที่ถูกรีดจนเรียบกริบ ก็โผล่เข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงทักทายเพื่อนร่วมห้องพักที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอย่างอารมณ์ดี
ผู้ที่ถูกเรียก “ท่านด๊อกประชา” ถึงกับรีบเงยหน้าขึ้นจากแผนการสอนแทบจะไม่ทัน ยิ่งสบเข้ากับรอยยิ้มของผู้มาใหม่ ยิ่งทำให้เขาอึ้งไปกว่านาที
-นี่คือ รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ เพื่อนของเขาจริงๆ หรือนี่ ! -
ดร.ประชา ชื่นจิตต์ อุทานในใจ จ้องมองอาจารย์แว่นหนุ่มหล่อ ที่กำลังถอดเสื้อคลุมตัวนอกแขวนไว้บนราวไม้สักด้านหลังห้องอย่างเบามือ
การที่เพื่อนของเขามีสอนภาคบ่าย แต่มามหาวิทยาลัยแปดโมงตรงเป๊ะ ! ทุกวันเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือ คนที่ทั้งเงียบขรึมและจริงจังกับชีวิตมากอย่าง รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ เย้าเขาด้วยการเรียกว่า “ท่านด๊อก !”
ดร.ประชา อ้าปากจนกรามแทบค้าง ราวกับว่าเพื่อนสนิทได้กลายเป็นเอเลี่ยนจากนอกโลก กำลังนั่งลงที่โต๊ะทำงานประจำของเพื่อนเขา ซึ่งด้านหลังยังมีกระดานสีขาวมันวาวตัวอักษรสีน้ำเงินที่เขียนด้วยปากกา ไวบอร์ด ระบุปี พ.ศ. พร้อมกับตำแหน่งทางวิชาการที่เพื่อนเขาต้องยื่นขอ
เริ่มจากเขาบรรจุในปี 2530
เมื่อถึงปี 2532 เขาเรียบเรียงตำราแล้วยื่นขอตำแหน่ง “ผู้ช่วยศาสตราจารย์” ได้สำเร็จ
ปี 2535 เขายื่นหนังสือเรียนสำหรับการได้มาของตำแหน่ง “รองศาสตราจารย์”
และในปีนี้ 2538 ซึ่งเป็นปีที่อยู่บนสุดของกระดาน ระบุเอาไว้ว่า “ศาสตราจารย์” และคาดว่าเพื่อนของเขาก็คงจะคว้าตำแหน่งศาสตราจารย์ได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างแน่นอน
ซึ่งตรงกันข้ามกับ ดร.ประชา ชื่นจิตต์ อย่างสิ้นเชิง ที่ถึงแม้จะบรรจุเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทีหลังเพื่อนเพียงแค่ปีเดียว แต่เขาก็ไปไม่ถึงแม้แต่ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ด้วยนิสัยที่เป็นคนรักความสบาย และในชีวิตนี้สิ่งที่เขาจะลงมือทำมีแค่สองอย่าง คือ สิ่งที่ทำแล้วมีความสุข และสิ่งใดจำเป็นต้องทำ
ในเมื่อการขอตำแหน่งทางวิชาการ มหาวิทยาลัยยังไม่บังคับว่าต้องขอ และทำแล้วระดับความเครียดของเขามันพุ่งเกินกว่าปกติ ดังนั้น ทุกวันนี้เขาจึงเป็นเพียง “ท่านด๊อก” ตามที่เพื่อนมันเย้า
ดร.ประชา เดินปาดออกจากโต๊ะรก ๆ ของตน ไปสู่โต๊ะทำงานที่ทั้งสะอาดและเป็นระเบียบมากกว่าโต๊ะของเขาราวกับอยู่กันคนละโลก
“อะแฮ่ม ! เอ๊ะ เอ๊ะ สงสัยเมื่อวานจะเดตกับสาวยันสว่าง วันนี้ ถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้”
“อะไรของท่านครับ ประชา”
ธาวินเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ยกมือขยับแว่นตา ก่อนฉีกยิ้มให้คนที่ชอบอำเขาเล่นบ่อย ๆ
“ไม่ต้องมาทำเป็นเนียนเลยนะ ท่านรองศาสตราจารย์ธาวิน เมื่อวานท่านบอกกับกระผมเองว่าจะไปเดตกับสาว”
“หึ หึ ยังไม่เลิกอำกันอีก ไป๊ ไป กลับไปเตรียมตัวสอนได้แล้ว วันนี้ท่านมีสอนคาบเช้ามิใช่รึ”
ธาวินหัวเราะในลำคอ ไม่ใส่กับคำพูดของเพื่อนนัก เพราะเพื่อนตัวดีมักจะชอบพูดกวนอวัยวะเบื้องล่างเขาอยู่เป็นนิจ
“อันแน่ ! เฉไฉ ออกนอกเรื่องด้วยวุ้ย !”
ดร.ประชา ส่ายนิ้วชี้ไปมาคล้ายกับว่ารู้ทันเพื่อนสนิท ดวงตาเป็นประกายระยับ
“ไหนลองบอกกระผมให้เป็นบุญหูสักครา แม่นางที่โชคดีผู้นั้นเป็นใครกันหนอ จะเป็นแพทย์หญิงสุดสวยที่เขาลือกันทั้งมหาวิทยาลัยว่าเทียวรับเทียวส่งกันถึงหอพักอาจารย์ไหมหนอ”
ดร.ประชา เย้าต่อด้วยความอยากรู้อย่างจริงจังว่า ผู้หญิงที่ได้ออกเดตกับเพื่อนผู้ไม่สนใจไยดีต่อสังคมโลกีย์จะเป็นใครกันหนอ
“มาสำบัดสำนวนยี่เก ล้อเล่นไม่เลิกนะท่าน เมื่อวานฉันก็อยู่ที่มหาวิทยาลัยทั้งวัน ก็ดูสุริยคราสด้วยกัน บ่ายฉันมีสอน แล้วจะให้ฉันเอาเวลาที่ไหนไปเดตกับสาวหึ ! เลิกยั้วะฉันได้แล้วไอ้คุณประชา เตรียมการสอนของแกไปเลย อีกไม่ถึง 10 นาทีก็ได้เวลาแกเข้าคลาสแล้วไม่ใช่รึ”
น้ำเสียงจริงจังของธาวินร่ายยาว เช้านี้เขาตั้งใจเข้ามาพิมพ์งานต่อให้เสร็จก่อนเที่ยง จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่เพื่อนอำกันไม่เลิกเพราะทำให้เสียเวลา ที่สำคัญสิ่งที่เพื่อนพูดมานั้นล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ
“ถามแค่นี้ก็แยกเขี้ยวใส่กันซะละ เอาเถอะ ไม่อยากรู้ก็ได้”
คนที่ถูกไล่ให้ไปเตรียมการสอนต่อขมวดคิ้ว เพื่อนสนิทจำไม่ได้จริง ๆ ว่าตนเองไปเดต หรือต้องการที่จะปิดบังเอาไว้กันแน่ เอาเถอะในเมื่อเพื่อนยังไม่อยากให้เขารับรู้ตอนนี้ เขาก็จะไม่เซ้าซี้อีก ดร.ประชา กางแขนออกยักไหล่ แล้วเดินกลับโต๊ะ
ก๊อก !
ก๊อก ! ก๊อก !“ขออนุญาตค่ะ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวาน ๆ ที่แสร้งดัดให้นุ่มนวล ก่อนที่เจ้าของห้องจะเอ่ยอนุญาต สาวใหญ่ในชุดกระโปรงสอบคลุมเข่าเรียบร้อยก็ก้าวเข้ามาในห้อง เธอยืนอยู่เพียงแค่พ้นขอบประตู เข้ามาแล้วบอกวัตถุประสงค์ที่มาว่า
“ท่านคณบดีเรียกพบรองศาสตราจารย์ธาวิน ค่ะ”
“ครับ”
คนถูกเรียกให้ไปพบตอบรับด้วยความงงงวย และยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากถามสาเหตุที่คณบดีเรียกพบ คนมาเรียกก็หายวับออกไปแล้ว
ธาวินเดินมาถึงหน้าห้องคณบดี เลขาหน้าห้องคณบดีที่ไปตามเขาเมื่อสักครู่จึงเคาะที่ประตูเบา ๆ แล้วส่งเสียงตามไปว่า
“ท่านค่ะ รองศาสตราจารย์ธาวิน ไตรสุวรรณ มาแล้วค่ะ”
“เชิญ”
เสียงจากข้างหลังประตูอนุญาต เลขาสาวจึงเปิดประตูให้อาจารย์หนุ่มพร้อมกับผายมือเชิญเขาเข้าไปในห้อง
“นั่งสิ”
เสียงผู้เป็นเจ้าของห้องเอ่ยอนุญาต ขณะที่จรดปากกาลงนามในเอกสารแผ่นสุดท้าย แล้วปิดแฟ้มลงแล้วถามเขาขึ้นมาว่า
“เมื่อวาน คาบวิชาสนามแม่เหล็กไฟฟ้า คุณอยู่ที่ไหน”
คำถามของคณบดีทำให้คนถูกถามอึ้งไปชั่วขณะ ทำไมคณบดีถามเขาแบบนี้ เมื่อวานเขามีคาบสอน เขาควรที่จะอยู่ในห้องเรียน แล้วจะให้เขาตอบว่าอยู่ที่ใดนอกจาก
“ห้องเรียนครับ”
คำตอบนั้นทำให้ชายสูงวัยเลิกคิ้วสูง ผมบนศีรษะบางลงถึงครึ่งกระหม่อม เส้นที่เหลือประปรายเป็นสีเงินยวง ใบหน้ายับย่นบ่งบอกถึงการผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนผู้อยู่หน้าถึง 20 ปี
เขารู้จักอาจารย์หนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างดี และสองสามปีที่ผ่านมาเขาเองเป็นผู้มอบรางวัลอาจารย์ดีเด่น ผู้เป็นตัวอย่างให้กับอาจารย์ทั้งคณะ ในเรื่องการมีระเบียบวินัย เรื่องการมีผลงานวิจัยที่โดดเด่น แม้แต่งานประกันคุณภาพของคณะก็ยังต้องใช้ผลงานของอาจารย์หนุ่มคนนี้เพื่อให้ได้มาตรฐานอยู่ในระดับดีเยี่ยม
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ