LOGIN“คุณพูดเรื่องนี้ทำไมคะ เดี๋ยวหนูป่านก็เข้าใจผิดคิดว่าฉันร้ายอีก” วารีตีต้นแขนสามีเบา ๆ เมื่อถูกแฉความลับ
“ป่านดีใจค่ะที่คุณท่านทำแบบนั้น ผู้ชายชอบเห็นแก่ตัวต้องโดนแบบนั้นแหละค่ะถึงจะดี” เธอเหลือบสายตาไปทางยัสซันเมื่อพูดจบ
ชายหนุ่มเบิกตาโต ชี้นิ้วใส่ตัวเองเมื่อรู้ทันความคิดของเธอ “คุณอยากให้คุณแม่ซ้อมผมแบบชาลีงั้นเหรอ”
“คุณจะเสียงดังทำไมล่ะคะ ฉันอายนะ” อินทิรารีบตีไปที่ต้นขาของคนรัก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายต่อผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน
“ก็แล้วคุณคิดจริงหรือเปล่าล่ะ”
“ค่ะ แต่ฉันอยากให้คุณโดนหนักกว่าพี่ชาลีสักสิบเท่า”
วารีและเรย์มองด์ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของทั้งคู่ ต่างหันไปมองหน้ากันแล้วฝืนกลั้นหัวเราะไว้เต็มที่ ได้แต่แอบยิ้มด้วยความขบขัน
“กระซิบอะไรกันเหรอลูก บอกพ่อกับแม่บ้างสิ” เรย์มองด์แกล้งแหย่เมื่อคุมอารมณ์ได้แล้ว
“คุณป่านเธอ โอ๊ย!..” ยัสซันรีบชักขาหลบเพื่อให้มือที่บิดตรงต้นขาหลุดออก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่ปรึกษาอะไรกัน
“ผมจะทำครับคุณพ่อ ผมขอเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยนะครับ” ยัสซันตอบรับแข็งขัน ไม่ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อออกไป เพราะอยากใช้ชีวิตร่วมกับอินทิราให้เร็วที่สุด“ยัสซัน” อินทิราแสดงความกังวลออกมาอย่างเปิดเผยชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนรัก ไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลใด ๆ “ผมจะไม่ให้คุณป่านผิดหวังในตัวผมครับ รอผมแค่เดือนเดียวนะครับ ผมจะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเพื่อเอาชนะใจคุณพ่อคุณให้ได้” ประโยคสุดท้ายเขาเลือกพูดเป็นภาษาอังกฤษ เพราะกลัวว่าที่พ่อตาจะหมั่นไส้จนไม่ยอมยกลูกสาวให้ง่าย ๆ“คุณสมบูรณ์แบบอยู่แล้วค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่จะทำให้ไร้ที่ติมากขึ้นไปอีก” เธอตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกัน เพราะอายเกินกว่าที่จะพูดเป็นภาษาไทยให้บุพการีฟังเข้าใจ“เพื่อคุณกับลูกผมทำได้ทุกอย่างครับ”“แม่หวังว่าคุณจะเข้าใจการกระทำของพ่อเขานะ” อุไรบอกกับว่าที่ลูกเขยหลังจากจบประโยคที่ฟังไม่ออกของทั้งสองคน ไม่คิดจะซักถามว่าพูดอะไรกัน เพราะถ้าพวกเขาอยากให้รู้ก็คงพูดภาษาไทยไปแล้ว“ถึงผมจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของท
“ไม่ใช่หรอกจ้ะแม่” อินทิรารีบโบกมือปฏิเสธสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างจากมารดา “เรื่องของเราสองคนไม่มีใครรู้หรอกจ้ะ.. พวกท่านก็เพิ่งจะรู้ก่อนเราจะเดินทางมาที่นี่เหมือนกัน” เธอจำเป็นต้องพูดปดบางส่วน“ผมไม่ทราบเรื่องที่คุณป่านต้องไปทำงานที่เวียดนามเลยครับ ผมรู้หลังจากที่เธอเดินทางไปแล้วเป็นอาทิตย์ ผมหลงเข้าใจผิดคิดว่าเธอกลับบ้านด้วยซ้ำ”“แสดงว่าคราวที่แล้วคุณจงใจมาหาเราเพราะอยากมาดูยายป่านงั้นเหรอ”“ครับคุณพ่อ ผมมาดูเพื่อให้แน่ใจ เมื่อรู้ว่าเธอไม่อยู่ที่บ้านแน่ ๆ ผมก็เลยเดินทางไปหาเธอที่เวียดนาม”“ฉันว่าเรื่องนี้มันมีกลิ่นแปลก ๆ นะ” อินทรีย์เริ่มตั้งข้อสงสัย “มันซับซ้อนเกินไปถ้าจะบอกว่าถูกส่งไปทำงานเฉย ๆ”“พ่ออย่าคิดมากสิจ๊ะ หนูก็แค่ไม่อยากถูกนินทาในที่ทำงาน ก็เลยปิดเรื่องของเราไว้เป็นความลับก็เท่านั้น เพราะหนูไม่มั่นใจว่าเราจะคบกันได้นานแค่ไหน”“แล้วตอนนี้ลูกมั่นใจแล้วเหรอ ถึงได้พาเขามาแนะนำตัวกับครอบครัว.. ตอบพ่อมาสิลูก” อินทรีย์ทักท้วงเมื่
“รสชาติถูกปากไหมจ๊ะ ถ้าหวานไปก็เติมน้ำแข็ง แต่ถ้าจืดไปก็เติมน้ำเชื่อมได้นะ” อุไรแนะนำชายหนุ่ม“รสชาติถูกปากผมเลยครับคุณแม่ อร่อยมาก ชุ่มคอดีด้วยครับ” เขาตอบเอาใจแม่ยาย“วันนี้แม่ฉาบกล้วย ฉาบมัน แล้วก็ทอดทุเรียนเอาไว้ด้วย เดี๋ยวแม่จะใส่ไปให้คุณทานเล่นที่บ้านนะ”“ไม่ต้องใส่ไปหรอกครับคุณแม่ แค่ทานที่นี่ก็พอแล้วครับ”“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แม่ทำเอาไว้เยอะ ปกติก็ทำขายที่ร้านลูกชายคนเล็กอยู่แล้ว คุณจะได้เอาไปฝากพ่อแม่ด้วย”“อีกสองวันคุณพ่อคุณแม่ผมก็จะมาที่นี่อยู่แล้วครับ เอาไว้ค่อยให้ท่านวันนั้นดีกว่าครับ”“ถ้าอีกสองวันท่านจะมาแม่จะทำให้ท่านใหม่ดีกว่า ว่าแต่ท่านจะมาทำไมเหรอ ท่านแวะมาดูงานแถวนี้เหรอลูก”อินทิราไม่กล้าตอบคำถามของมารดา ได้แต่หันไปมองคนรักเพื่อขอความช่วยเหลือ “รอคุณพ่อกลับมาก่อนนะครับ แล้วผมจะเรียนให้คุณแม่กับคุณพ่อทราบพร้อมกัน”“อย่างนั้นก็ได้จ้ะ งั้นนั่งคุยกันไปก่อนนะ แม่จะเข้าไปเก็บมะม่วงในสวนสักหน่อย เมื่อวานแม่ทำน้ำปลาหวานเอาไว้โถใหญ่เลย เดี๋ยวจะเอามาให้ชิม”“ไม่ต้องลำบากหรอกครับคุณแม่ แค่น้ำกระเจี๊ยบนี่ก็พอ
“คุณพูดเรื่องนี้ทำไมคะ เดี๋ยวหนูป่านก็เข้าใจผิดคิดว่าฉันร้ายอีก” วารีตีต้นแขนสามีเบา ๆ เมื่อถูกแฉความลับ“ป่านดีใจค่ะที่คุณท่านทำแบบนั้น ผู้ชายชอบเห็นแก่ตัวต้องโดนแบบนั้นแหละค่ะถึงจะดี” เธอเหลือบสายตาไปทางยัสซันเมื่อพูดจบชายหนุ่มเบิกตาโต ชี้นิ้วใส่ตัวเองเมื่อรู้ทันความคิดของเธอ “คุณอยากให้คุณแม่ซ้อมผมแบบชาลีงั้นเหรอ”“คุณจะเสียงดังทำไมล่ะคะ ฉันอายนะ” อินทิรารีบตีไปที่ต้นขาของคนรัก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายต่อผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน“ก็แล้วคุณคิดจริงหรือเปล่าล่ะ”“ค่ะ แต่ฉันอยากให้คุณโดนหนักกว่าพี่ชาลีสักสิบเท่า”วารีและเรย์มองด์ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของทั้งคู่ ต่างหันไปมองหน้ากันแล้วฝืนกลั้นหัวเราะไว้เต็มที่ ได้แต่แอบยิ้มด้วยความขบขัน“กระซิบอะไรกันเหรอลูก บอกพ่อกับแม่บ้างสิ” เรย์มองด์แกล้งแหย่เมื่อคุมอารมณ์ได้แล้ว“คุณป่านเธอ โอ๊ย!..” ยัสซันรีบชักขาหลบเพื่อให้มือที่บิดตรงต้นขาหลุดออก“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่ปรึกษาอะไรกัน
“คุณช่วยคุยแทนฉันทีนะคะ ตอนนี้ฉันตื่นเต้นมากจนทำอะไรไม่ถูกแล้วค่ะ” วารียกหน้าที่ให้สามี ส่วนตัวเองนั้นเอาแต่ดื่มน้ำเย็นผ่อนคลายความตื่นเต้น“ผมคิดเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้วครับคุณพ่อคุณแม่ ผมจึงอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ไปคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ของคุณป่านเขา”“จริงด้วยสิ พ่อลืมคิดถึงครอบครัวของเธอไปเลย ลูกพ่อเป็นคนที่รอบคอบดีมาก ยังรู้จักนึกถึงผู้ใหญ่” เรย์มองด์กล่าวชมจากใจ “เราจะไปกันเมื่อไหร่ดีล่ะลูกรัก”“ผมกับคุณป่านจะล่วงหน้าไปก่อนวันนี้ครับ ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่สะดวกที่จะตามไปในวันพรุ่งนี้ไหมครับ”“คุณพร้อมไหมที่รัก” เรย์มองด์ถามภรรยาวารีส่ายหน้า ส่งสายตาตำหนิลูกชายและสามีตรง ๆ “เราจะรีบร้อนไปแบบนั้นได้อย่างไรกัน อย่างน้อยเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมหน่อยสิคะ เราจะไปขอลูกสาวเขานะ” วารีตำหนิความใจร้อนของทั้งสอง นางต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ เครื่องทองเครื่องเพชรชุดเล็ก ๆ สักชุด ไหนจะเตรียมของฝากให้ครอบครัวเธอ จะให้ไปมือเปล่าแล้วบอกว่ามาสู่ขอลูกสาว เพราะลูกชายตัวดี
“ถึงจะมีผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปหรอก จากนี้ไปชีวิตที่เหลือของคุณเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น ผมจะขยันทำลูกให้คุณเลี้ยงจนไม่มีเวลาไปมองผู้ชายคนอื่นอีก” เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักแล้วแล้วโอบกอด ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบไล้ที่หน้าท้องของเธอ “คุณไม่รู้หรอกว่าการเป็นลูกคนเดียวมันเหงาแค่ไหน”“ป่านไม่รู้หรอกค่ะเพราะป่านมีพี่ชายตั้งสามคนที่คอยเอาอกเอาใจ ดูแลป่านดียิ่งกว่าไข่ในหิน พี่ชายของป่านรักและตามใจป่านมาก เมื่อก่อนตอนที่พวกเรายังเด็ก ครอบครัวของเราค่อนข้างจะลำบากมากเพราะพ่อแม่มีลูกหลายคน แต่พ่อแม่ของป่านก็ไม่เคยปริปากบ่น ทำไร่ทำสวนส่งเสียให้ลูก ๆ ได้เรียนสูง ๆ กันทุกคน มีเพียงพี่เสือคนเดียวที่ได้เรียนน้อยกว่าใครเพื่อน เพราะพี่เขาสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องทำงานหนัก ก็เลยไม่ยอมเรียนต่อแล้วมาช่วยทำงานในสวนอีกแรงป่านเป็นคนที่โชคดีที่สุดเพราะได้เรียนมากกว่าพี่ ๆ ตอนนั้นพี่ชายของป่านทั้งสามคนประหยัดกันมากเพื่อให้ป่านได้มีกินมีใช้ตอนเรียนอยู่ในกรุงเทพ และปลูกฝังให้ป่านรักเรียนมาตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อให้ป่านมีหน้าที่การงานที่ดี ที่ป่านมาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องขอบคุณพี่ชายทั้งส







