เข้าสู่ระบบเมื่อบุพการีปฏิเสธ หญิงสาวจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนรักที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ แทน “อร่อยดีนะคะ ลองชิม”
ยัสซันอ้าปากรับโดยดี ถึงแม้จะไม่เคยเห็นน้ำจิ้มมะม่วงชนิดนี้มาก่อนในชีวิต “เปรี้ยวจังเลย” เขาทำหน้าเหยเกแต่ก็เคี้ยวกินจนหมด “น้ำจิ้มอร่อยดีครับ ผมไม่เคยกินน้ำจิ้มมะม่วงแบบนี้เลย” และกล่าวชื่นชมน้ำจิ้มฝีมือพ่อตา
“เขาเรียกกะปิหวานค่ะ คนกรุงเทพอาจจะไม่คุ้นเคยกับสูตรนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ เมื่อตอนที่ปู่กับย่าอยู่ต้องทำติดสำรับข้าวไว้เลยค่ะ ท่านชอบกินกับสับปะรดแล้วก็ลำแพนสุก แต่ป่านชอบกินกับมะม่วงหรือลำแพนดิบมากกว่า” เธอเล่าให้เขาฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มือก็หยิบมะม่วงใส่ปากเคี้ยวเรื่อย ๆ
“ผมไม่รู้จักลำแพน มันเป็นผลไม้เหรอครับ” เขาให้ความสนใจกับเรื่องราวที่เธอเล่าให้ฟัง
“ลำแพนเป็นต้นไม้ที่ขึ้นตามป่าชายเลน แต่โดยทั่วไปก็ปลูกได้เหมือนกัน เกสรของดอกกินแกล้มกับน้ำพริกหรือแกงเผ็ดอร่อยมาก ผลกินได้ทั้งดิบและสุกหรือจะเอาผลดิบไปดองก็ได้ แต่คนกรุงเทพคงไม่ค่อยรู้จักหรอกค่ะ ป่านเคยเห็นร้านต้นไม้ในสวน
เมื่อบุพการีปฏิเสธ หญิงสาวจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนรักที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ แทน “อร่อยดีนะคะ ลองชิม”ยัสซันอ้าปากรับโดยดี ถึงแม้จะไม่เคยเห็นน้ำจิ้มมะม่วงชนิดนี้มาก่อนในชีวิต “เปรี้ยวจังเลย” เขาทำหน้าเหยเกแต่ก็เคี้ยวกินจนหมด “น้ำจิ้มอร่อยดีครับ ผมไม่เคยกินน้ำจิ้มมะม่วงแบบนี้เลย” และกล่าวชื่นชมน้ำจิ้มฝีมือพ่อตา“เขาเรียกกะปิหวานค่ะ คนกรุงเทพอาจจะไม่คุ้นเคยกับสูตรนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ เมื่อตอนที่ปู่กับย่าอยู่ต้องทำติดสำรับข้าวไว้เลยค่ะ ท่านชอบกินกับสับปะรดแล้วก็ลำแพนสุก แต่ป่านชอบกินกับมะม่วงหรือลำแพนดิบมากกว่า” เธอเล่าให้เขาฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มือก็หยิบมะม่วงใส่ปากเคี้ยวเรื่อย ๆ“ผมไม่รู้จักลำแพน มันเป็นผลไม้เหรอครับ” เขาให้ความสนใจกับเรื่องราวที่เธอเล่าให้ฟัง“ลำแพนเป็นต้นไม้ที่ขึ้นตามป่าชายเลน แต่โดยทั่วไปก็ปลูกได้เหมือนกัน เกสรของดอกกินแกล้มกับน้ำพริกหรือแกงเผ็ดอร่อยมาก ผลกินได้ทั้งดิบและสุกหรือจะเอาผลดิบไปดองก็ได้ แต่คนกรุงเทพคงไม่ค่อยรู้จักหรอกค่ะ ป่านเคยเห็นร้านต้นไม้ในสวน
“ความรักมักจะทำให้คนตาบอด” อินทรีย์ประชดใส่ภรรยาที่แสดงออกชัดเจนว่าพึงพอใจลูกเขยคนนี้ ยังดีที่เวลาอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มยังสำรวมเอาไว้บ้าง ยังรู้จักรักษาหน้าผัว ไม่ใช่กางปีกปกป้อง แตะต้องไม่ได้“ไม่ต้องมาแขวะฉันเลย หยุดพูดเลยนะ” อุไรปรามสามีเมื่อทั้งคู่ใกล้เข้ามา“แม่จ๊ะ พ่อจ๊ะ เราสองคนมีเรื่องสำคัญจะบอกจ้ะ” อินทิราเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว“เรื่องอะไรเหรอลูก” อุไรเป็นฝ่ายถามลูกสาวยัสซันหันไปมองคนรัก กุมมือเธอและพยักหน้าให้กำลังใจ ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของเธอตามที่เธอต้องการอินทิราจับมือชายหนุ่มเอาไว้แน่นเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเอง “หนู..หนู..หนูท้องค่ะ”“หา!” อุไรยกมือทาบอกเหมือนกลัวหัวใจจะหลุดออกไป“ท้องรึ!” อินทรีย์ตกใจจนไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป“จ้ะ หนูท้องได้สองเดือนแล้วจ้ะ” หญิงสาวก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ไม่กล้าสบตากับบุพการีตรง ๆ เพราะรู้ว่าตัวเองทำความผิดใหญ่หลวง “หนูขอโทษนะจ๊ะที่ไม่รักดี ทำให้พ่อกับแม่ต้องเ
“ผมจะทำครับคุณพ่อ ผมขอเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยนะครับ” ยัสซันตอบรับแข็งขัน ไม่ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อออกไป เพราะอยากใช้ชีวิตร่วมกับอินทิราให้เร็วที่สุด“ยัสซัน” อินทิราแสดงความกังวลออกมาอย่างเปิดเผยชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนรัก ไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลใด ๆ “ผมจะไม่ให้คุณป่านผิดหวังในตัวผมครับ รอผมแค่เดือนเดียวนะครับ ผมจะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเพื่อเอาชนะใจคุณพ่อคุณให้ได้” ประโยคสุดท้ายเขาเลือกพูดเป็นภาษาอังกฤษ เพราะกลัวว่าที่พ่อตาจะหมั่นไส้จนไม่ยอมยกลูกสาวให้ง่าย ๆ“คุณสมบูรณ์แบบอยู่แล้วค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่จะทำให้ไร้ที่ติมากขึ้นไปอีก” เธอตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกัน เพราะอายเกินกว่าที่จะพูดเป็นภาษาไทยให้บุพการีฟังเข้าใจ“เพื่อคุณกับลูกผมทำได้ทุกอย่างครับ”“แม่หวังว่าคุณจะเข้าใจการกระทำของพ่อเขานะ” อุไรบอกกับว่าที่ลูกเขยหลังจากจบประโยคที่ฟังไม่ออกของทั้งสองคน ไม่คิดจะซักถามว่าพูดอะไรกัน เพราะถ้าพวกเขาอยากให้รู้ก็คงพูดภาษาไทยไปแล้ว“ถึงผมจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของท
“ไม่ใช่หรอกจ้ะแม่” อินทิรารีบโบกมือปฏิเสธสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างจากมารดา “เรื่องของเราสองคนไม่มีใครรู้หรอกจ้ะ.. พวกท่านก็เพิ่งจะรู้ก่อนเราจะเดินทางมาที่นี่เหมือนกัน” เธอจำเป็นต้องพูดปดบางส่วน“ผมไม่ทราบเรื่องที่คุณป่านต้องไปทำงานที่เวียดนามเลยครับ ผมรู้หลังจากที่เธอเดินทางไปแล้วเป็นอาทิตย์ ผมหลงเข้าใจผิดคิดว่าเธอกลับบ้านด้วยซ้ำ”“แสดงว่าคราวที่แล้วคุณจงใจมาหาเราเพราะอยากมาดูยายป่านงั้นเหรอ”“ครับคุณพ่อ ผมมาดูเพื่อให้แน่ใจ เมื่อรู้ว่าเธอไม่อยู่ที่บ้านแน่ ๆ ผมก็เลยเดินทางไปหาเธอที่เวียดนาม”“ฉันว่าเรื่องนี้มันมีกลิ่นแปลก ๆ นะ” อินทรีย์เริ่มตั้งข้อสงสัย “มันซับซ้อนเกินไปถ้าจะบอกว่าถูกส่งไปทำงานเฉย ๆ”“พ่ออย่าคิดมากสิจ๊ะ หนูก็แค่ไม่อยากถูกนินทาในที่ทำงาน ก็เลยปิดเรื่องของเราไว้เป็นความลับก็เท่านั้น เพราะหนูไม่มั่นใจว่าเราจะคบกันได้นานแค่ไหน”“แล้วตอนนี้ลูกมั่นใจแล้วเหรอ ถึงได้พาเขามาแนะนำตัวกับครอบครัว.. ตอบพ่อมาสิลูก” อินทรีย์ทักท้วงเมื่
“รสชาติถูกปากไหมจ๊ะ ถ้าหวานไปก็เติมน้ำแข็ง แต่ถ้าจืดไปก็เติมน้ำเชื่อมได้นะ” อุไรแนะนำชายหนุ่ม“รสชาติถูกปากผมเลยครับคุณแม่ อร่อยมาก ชุ่มคอดีด้วยครับ” เขาตอบเอาใจแม่ยาย“วันนี้แม่ฉาบกล้วย ฉาบมัน แล้วก็ทอดทุเรียนเอาไว้ด้วย เดี๋ยวแม่จะใส่ไปให้คุณทานเล่นที่บ้านนะ”“ไม่ต้องใส่ไปหรอกครับคุณแม่ แค่ทานที่นี่ก็พอแล้วครับ”“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แม่ทำเอาไว้เยอะ ปกติก็ทำขายที่ร้านลูกชายคนเล็กอยู่แล้ว คุณจะได้เอาไปฝากพ่อแม่ด้วย”“อีกสองวันคุณพ่อคุณแม่ผมก็จะมาที่นี่อยู่แล้วครับ เอาไว้ค่อยให้ท่านวันนั้นดีกว่าครับ”“ถ้าอีกสองวันท่านจะมาแม่จะทำให้ท่านใหม่ดีกว่า ว่าแต่ท่านจะมาทำไมเหรอ ท่านแวะมาดูงานแถวนี้เหรอลูก”อินทิราไม่กล้าตอบคำถามของมารดา ได้แต่หันไปมองคนรักเพื่อขอความช่วยเหลือ “รอคุณพ่อกลับมาก่อนนะครับ แล้วผมจะเรียนให้คุณแม่กับคุณพ่อทราบพร้อมกัน”“อย่างนั้นก็ได้จ้ะ งั้นนั่งคุยกันไปก่อนนะ แม่จะเข้าไปเก็บมะม่วงในสวนสักหน่อย เมื่อวานแม่ทำน้ำปลาหวานเอาไว้โถใหญ่เลย เดี๋ยวจะเอามาให้ชิม”“ไม่ต้องลำบากหรอกครับคุณแม่ แค่น้ำกระเจี๊ยบนี่ก็พอ
“คุณพูดเรื่องนี้ทำไมคะ เดี๋ยวหนูป่านก็เข้าใจผิดคิดว่าฉันร้ายอีก” วารีตีต้นแขนสามีเบา ๆ เมื่อถูกแฉความลับ“ป่านดีใจค่ะที่คุณท่านทำแบบนั้น ผู้ชายชอบเห็นแก่ตัวต้องโดนแบบนั้นแหละค่ะถึงจะดี” เธอเหลือบสายตาไปทางยัสซันเมื่อพูดจบชายหนุ่มเบิกตาโต ชี้นิ้วใส่ตัวเองเมื่อรู้ทันความคิดของเธอ “คุณอยากให้คุณแม่ซ้อมผมแบบชาลีงั้นเหรอ”“คุณจะเสียงดังทำไมล่ะคะ ฉันอายนะ” อินทิรารีบตีไปที่ต้นขาของคนรัก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายต่อผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน“ก็แล้วคุณคิดจริงหรือเปล่าล่ะ”“ค่ะ แต่ฉันอยากให้คุณโดนหนักกว่าพี่ชาลีสักสิบเท่า”วารีและเรย์มองด์ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของทั้งคู่ ต่างหันไปมองหน้ากันแล้วฝืนกลั้นหัวเราะไว้เต็มที่ ได้แต่แอบยิ้มด้วยความขบขัน“กระซิบอะไรกันเหรอลูก บอกพ่อกับแม่บ้างสิ” เรย์มองด์แกล้งแหย่เมื่อคุมอารมณ์ได้แล้ว“คุณป่านเธอ โอ๊ย!..” ยัสซันรีบชักขาหลบเพื่อให้มือที่บิดตรงต้นขาหลุดออก“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่ปรึกษาอะไรกัน







