“ฉันไม่ได้หนี ฉันแค่ไม่อยากเจอหน้าคุณ”
“โกหก ผมรักคุณและคุณก็รักผม เราต่างก็รักกัน เราต่างก็รู้ใจตัวเองดี คุณทำแบบนี้เพราะคุณแม่ผม คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอ เลิกโกหกผมได้แล้ว”
“คุณรู้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหัวใจของฉัน กลับไปยังที่ของคุณซะ ไม่ต้องมาหาฉันอีก” พูดจบก็ฝืนตัวหนีจากอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น
ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยหญิงสาวไปง่าย ๆ ตวัดตัวเธอลงไปนอนบนเตียงแล้วขึ้นทาบบนเรือนร่างของเธอ ประกบปากปิดกลีบปากนุ่มนั้นคล้ายจะทำโทษ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นความรู้สึกโหยหาที่เก็บสะสมไว้เนิ่นนาน จูบอ่อนโยนค่อย ๆ กลายเป็นหนักหน่วงตามแรงอารมณ์
อินทิราเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบอย่างลืมตัว แต่ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่เคลื่อนมากอบกุมเข้าที่หน้าอก ใจของเธอเต้นรัว ภายในตัวคล้ายมีพายุหมุนทั้งร้อนทั้งหนาวไปทั่ว อยากเปิดใจตอ
“ฉันรับผิดชอบแน่ พรุ่งนี้ฉันจะให้ทนายมาจ่ายค่ารักษาให้ ส่งคนมาเจอกันที่นี่ตอนเที่ยง ถ้าไม่มาถือว่าโมฆะ” งานนี้เธอคงต้องไหว้วานทนายความคิมซูฮยอนมาช่วยเป็นธุระให้ โชคดีที่ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่พอดี “เธอคิดว่ามันจะจบง่าย ๆ แบบนั้นเหรอ” ชีคบันติมองอีกฝ่ายอย่างโกรธแค้น “ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายพอเรื่องมันก็จะจบแค่วันนี้ แต่ถ้าไม่จบคุณก็ไปนุ่งกระโปรงดีกว่า” เธอทิ้งวลีเด็ดเอาไว้ก่อนจะเดินเชิดจากไป อินทิราผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อกลับขึ้นมานั่งอยู่บนรถตู้ของบริษัท ทาบฝ่ามือลงบนหัวใจที่เต้นรัว นึกโมโหความกล้าหาญอันเกินเหตุของตน แต่ก็ไม่รู้สึกเสียใจที่ได้ทำลงไป “แบบนั้นแหละดี จะได้สำนึกว่าหญิงไทยไม่ใช่ของเล่นของแก” “คุณป่านว
“ได้โปรดอย่าปฏิเสธเลยนะครับคุณผู้หญิง” คนที่ทำหน้าที่ล่ามพยายามโน้มน้าวจิตใจเต็มความสามารถ เพื่อให้เจ้านายพึงพอใจ “บางทีเราอาจจะได้ทำธุรกิจร่วมกันก็ได้”จริงสินะ.. ถ้าเขาเป็นเจ้าของห้างนั้นจริง.. หญิงสาวหยิบนามบัตรที่ได้รับขึ้นมาอ่านอีกครั้ง.. ถ้าเขาไม่โกหกสวมรวยว่าชื่อนี้ ก็แสดงว่าบริษัทของยัสซันกับห้างของเขาก็เป็นคู่ค้ากัน เพราะบริษัทก็มีช็อปอยู่ในห้างนี้เหมือนกัน“เจ้านายคุณมาทำอะไรที่นี่คะ”“ท่านกำลังจะเดินทางไปอีกประเทศ แต่บังเอิญว่าต้องผ่านประเทศนี้ ท่านก็เลยต้องการแวะมาเยี่ยมชมกิจการของบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมกันครับ”เธอไม่ถามต่อว่าที่ที่เขาจะไปนั้นคือที่ไหน แต่อย่างน้อยเขาก็คือคู่ค้ารายใหญ่ของบริษัท จึงจำใจต้องยอมทำตามที่ฝ่ายนั้นต้องการ เพราะเห็นแก่ธุรกิจของคนรัก“ผมชีคบันติ บินชาตู มัคตูม ยินดีที่ได้รู้จักครับ”“อินทิราค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”“ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอเบอร์ติดต่อคุณได้ไหม” ชีคบันติผู้ทรงเสน่ห์ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ป่านสิครับ ผมชอบให้คุณแทนตัวเองว่าป่านมากกว่าฉันนะ” “ก็คุณมาโทษฉันทำไมล่ะ” “ก็เรื่องเดียวนี่แหละที่จะโทษ ไม่ตามใจผมเรื่องอื่นผมไม่ว่าหรอกนะ แต่ถ้าเรื่องบนเตียงคุณต้องยอมให้ผมเป็นใหญ่ ตกลงนะครับ” “ไม่ค่ะ” เธอปฏิเสธเสียงหลง เพราะเขาไม่ยอมหยุดรุ่มร่ามกับเธอแม้แต่วินาทีเดียว ดึงมือซุกซนที่จับจองความเป็นสตรีของตนเอาไว้ แต่เขากลับใช้จังหวะนี้พลิกตัวขึ้นมายึดครองเรือนร่างเธอ “ถ้าอย่างนั้นก็ยอมเป็นของผมอีกครั้งนะครับ” พูดจบก็โน้มหน้าลงไปปิดปากอวบอิ่มของเธอ เริ่มต้นเกมรักก่อนฟ้าสางอีกสักครั้ง อินทิราถอนหายใจแผ่วเบาอย่างสุขสม วาดวงแขนขึ้นโอบกอดชายหนุ่ม เผยอปากรับจูบแสนหวาน ไม่นานก็ถูกเขาครอบงำด้วยราคะได้สำเร็จ ยอมให้เขาถอดเสื้อย
“ฉันไม่ได้หนี ฉันแค่ไม่อยากเจอหน้าคุณ” “โกหก ผมรักคุณและคุณก็รักผม เราต่างก็รักกัน เราต่างก็รู้ใจตัวเองดี คุณทำแบบนี้เพราะคุณแม่ผม คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอ เลิกโกหกผมได้แล้ว” “คุณรู้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหัวใจของฉัน กลับไปยังที่ของคุณซะ ไม่ต้องมาหาฉันอีก” พูดจบก็ฝืนตัวหนีจากอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยหญิงสาวไปง่าย ๆ ตวัดตัวเธอลงไปนอนบนเตียงแล้วขึ้นทาบบนเรือนร่างของเธอ ประกบปากปิดกลีบปากนุ่มนั้นคล้ายจะทำโทษ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นความรู้สึกโหยหาที่เก็บสะสมไว้เนิ่นนาน จูบอ่อนโยนค่อย ๆ กลายเป็นหนักหน่วงตามแรงอารมณ์ อินทิราเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบอย่างลืมตัว แต่ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่เคลื่อนมากอบกุมเข้าที่หน้าอก ใจของเธอเต้นรัว ภายในตัวคล้ายมีพายุหมุนทั้งร้อนทั้งหนาวไปทั่ว อยากเปิดใจตอ
“เปล่า” เธอรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เขาสงสัย เขายื่นถุงในมือให้เธอ “ที่บ้านคุณฝากมาให้”เธอรับของมาถือไว้ “คุณมาทำไม ฉันบอกแล้วนี่ว่าจะไปหา วันนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ” “ผมต้องกลับกรุงเทพพรุ่งนี้ ไม่มีเวลามานั่งรอคุณนานหลายวันหรอก” เพราะอยากจะเจอหน้าเธอเขาจึงต้องโกหก “จะรีบกลับเพราะมีใครรออยู่หรือไง” อินทิราถามประชดด้วยความหงุดหงิดหัวใจ จะรีบกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นล่ะสิท่า ถ้าอยากไปหาหล่อนนักแล้วมาหาเธอทำไม “อยากจะกลับก็กลับไปเลยสิ แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก” “เป็นอะไรของคุณเนี่ย ถ้าไม่อยากให้ผมกลับก็พูดกับผมดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมาหงุดหงิดใส่กันแบบนี้เลย” ชายหนุ่มไม่ได้นึกโกรธ กลับรู้สึกดีกับอารมณ์ร้าย ๆ คล้ายหึงหวงของเธอด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้เขารู้ว่าเธอก็มีใจให้เขาเหมือนกัน “ผมมาเอาคำตอบ ถ้ายังไม่ได้คำตอบผมจะไม่กลับไปไหนเด็ดขาด”
(มีอะไรหรือเปล่าหนูป่าน ทำไมโทรมาดึกจัง) “ป่านรบกวนท่านหรือเปล่าคะ” (ไม่หรอกจ้ะ ฉันแค่สงสัย เพราะปกติหนูไม่เคยโทรหาฉันก่อนและตอนนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย) “ป่านขอโทษด้วยนะคะที่โทรมากลางดึกแบบนี้ แต่ป่านมีเรื่องที่อยากเรียนถามจากท่านค่ะ” (เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ) “ท่านส่งคนติดตามป่านหรือเปล่าคะ” (ฉันไม่เข้าใจที่หนูพูด ช่วยอธิบายให้มากกว่านี้หน่อยได้ไหม) คำตอบที่ได้รับกลับมา ทำให้อินทิรายิ่งมั่นใจว่านางไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ “ป่านรู้สึกเหมือนถูกสะกดรอยค่ะท่าน ป่านก็เลยโทรมาถามว่าท่านใช้ใครให้ติดตามป่านหรือเปล่า”