ชุดนักบุญหญิงสีขาวถูกสวมลงบนร่างกายของฉัน ทักษะการแต่งหน้าทำผมของมาไคนั้นน่าทึ่งมากทีเดียว เขาบอกว่าตัวเองฝึกอย่างหนักเพื่อที่จะมารับใช้และดูแลเธอ เขาเดินออกไปจากห้องนอนของตัวเองเพื่อขออนุญาตไปเตรียมตัวบ้าง เพราะเขาเองก็จะต้องเข้าร่วมพิธีนี้เหมือนกัน เมื่ออยู่คนเดียวฉันคิดว่าจะต้องคุยกับระบบของเกมนี้ให้รู้เรื่องสักหน่อย “นี่ ฉันต้องการคู่มือการใช้ อย่างเช่นวิธีการเพิ่มค่าเสน่ห์ของตัวเองหรือว่าวิธีที่ทำให้ตัวละครในเกมนี้มาสนใจอะไรแบบนั้น.." “ติ้ง!!” "วิธีเพิ่มค่าเสน่ห์ทางลัดนั้น..ไม่มีค่ะคุณผู้เล่น เพราะค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณผู้เล่นสามารถพิชิตใจตัวละครในเกมนี้ได้ ยกตัวอย่างเช่นในตอนนี้คุณผู้เล่นมีค่าเสน่ห์อยู่ที่ 25 ค่าเสน่ห์ที่เพิ่มมา 5 หน่วยนั้นเพิ่มมาจากค่าเสน่ห์ของคุณอัศวินมาไคที่ลดลง หากคุณผู้เล่นสามารถพิชิตใจคุณอัศวินมาไคได้ ค่าเสน่ห์ของผู้เล่นจะเพิ่มมาเป็น 35 จาก 20 นั่นหมายความว่าค่าเสน่ห์จะเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่สามารถพิชิตใจตัวละครชายได้..มีข้อควรระวังด้วยนะคะ หากว่าคุณผู้เล่นพบเจอตัวละครชายที่มีค่าเสน่ห์มากเกินไป ในบางครั้งจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้โปรดระมัดระวังการเข้าใกล้ตัวละครที่คุณผู้เล่นไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยนะคะ” “......” ไม่เห็นจะมีประโยชน์เลยสักนิดเดียว วิธีเพิ่มค่าเสน่ห์นั้นมีวิธีเดียวคือการพิชิตใจ แล้วใครมันจะไปพิชิตใจคนอื่นได้ถ้าค่าเสน่ห์ของตัวเองยังมีแค่ 25 แบบนี้.. หากฉันเจอท่านคาดินันอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดออกมาจากเงื้อมมือของเขาได้ไหม.. แค้น..ชะมัดเลย!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับนักบุญผู้หนึ่งที่เดินเข้ามา “ได้เวลาแล้วครับท่านนักบุญหญิง..” หากจำไม่ผิดนี่คือฟลิน นักบุญผู้อุทิศตนเพื่อรับใช้ท่านคาดินัน ขนาดฟลินยังใช้ 30 ค่าเสน่ห์เพื่อพิชิตใจเลย..แล้วค่าเสน่ห์ของเธอที่เริ่มต้นจาก 20 คิดดูสิว่ามันน่าสมเพชขนาดไหน นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่อยากจะอยู่ในบทของนักบุญหญิงเลย นังเกมตัวดีอย่าให้ฉันออกไปนะโว้ย! “อา..ฉันอยากจะรอมาไคก่อนค่ะ เขากำลังไปเตรียมตัว คาดว่าอีกไม่นานน่าจะเสร็จ..” ฟลินหรี่ตามองหน้าของจานีค เขาแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ “สิ่งแรกที่ท่านนักบุญหญิงต้องพึงระลึกเอาไว้เสมอคือ..ท่านไม่ควรให้ท่านคาดินัน รอนาน และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะพูดจาไม่ดีกับท่านผู้สูงส่งผู้นั้น ตระหนักให้มากว่าท่านคือผู้รับใช้พระเจ้าและท่านคาดินันคือตัวแทนของพระเจ้า..อย่าได้กล่าวเช่นนี้อีกนะครับ และท่านควรรีบเดินตามข้ามาเดี๋ยวนี้” จานีครู้สึกได้ในทันทีว่าเธอกำลัง.. “กลัว” เพราะอีกฝ่ายมีอำนาจมากกว่าเธอ และมีค่าพลังที่มากกว่าเธออีกด้วย ฉะนั้นแล้วนี่ต่างหากคือเรื่องจริงที่ควรตระหนักถึง เธอคือมดปลวกตัวน้อยตัวนิดที่อยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ เธอไม่ควร..ขัดใจใครทั้งนั้น แต่ใครมันจะไปตามใจคนอื่นได้ขนาดนั้นวะ!! หงุดหงิดชะมัดที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากการเดินตามเขาไป เมื่อประตูของห้องโถงเปิดออก สิ่งแรกที่จานีคเห็นคือท่าน คาดินันอัมโบรเซอร์ที่อยู่ในชุดสีขาวปักด้วยดิ้นสีทอง ส่วนนักบุญคนอื่นๆ อยู่ในชุดสีดำขลิบขาว มีแค่เธอและท่านคาดินันเท่านั้นที่สวมชุด สีขาว “เรากำลังรอเจ้าอยู่พอดีเลยจานีค มานี่สิ..” เขายื่นมือออกมาเพื่อให้เธอจับ แน่นอนว่าฉันลังเลแต่สายตาของฟลินที่มองมามันเหมือนกับว่าเขาจะตรงเข้ามาต่อยฉัน หากว่าฉันปฏิเสธที่จะจับมือนั้น.. จานีควางมือลงบนมือของท่านคาดินัน เขาจับจูงมือเธอขึ้นมายังแท่นภาวนาด้านบน ก่อนจะเริ่มกล่าวบทสวดในภาษาที่ฉันเองก็ฟังไม่ออก “ข้าขอทำความเคารพแด่ท่านคาดินัน ข้าขอทำความเคารพแด่ท่านนักบุญหญิง ขอให้ทั้งสองท่านคือขั้วมหาอำนาจที่แสนยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิ” คำเยินยอสรรเสริญพวกนั้นทำให้แกรนด์ดยุคไมเนอร์นิ่วหน้า อำนาจของวิหารมีมากเกินไปแล้ว และหน้าที่ข้าเขาคือการเข้ามาช่วยเหลือน้องชายให้หมอนั่นดึงนักบุญหญิงผู้นั้นมาอยู่ฝ่ายราชวงศ์ให้ได้ แซลัสปรายสายตาไปมองหน้าของแกรนด์ดยุค ก่อนที่เขาจะโอบไหล่ของจานีคเอาไว้ “จากนี้ไปเราจะต้องเข้าไปในนี้กันสองคน..ในน้ำตกศักดิ์สิทธิ์..” จานีครู้สึกประหม่ามากพอสมควร เธอพยายามยกมือขึ้นมาเพื่อดันเขาออกไป หลายครั้งหลายหน แต่ข้อความเฮงซวยพวกนั้นก็เด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อนเลย คุณผู้เล่นไม่สามารถปฏิเสธเสน่ห์อันร้ายกาจของคาดินันแซลัสได้ ยกมือขึ้นมาผลักเขาออกไม่ได้นะคะ.. จานีคกำมือแน่น “ข้าต้องการ..รอคอยอัศวินของข้าค่ะ” แซลัสแสยะยิ้มที่มุมปาก “ตอนนี้อัศวินของเจ้าคงกำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียง เขาไม่มาหรอกจานีค จากนี้ไปจะมีแค่ข้ากับเจ้าสองคนเท่านั้น..เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าเมื่อคืนนี้..ตกลงเขาเลียจนเจ้าเปียกหรือว่าเลียได้ห่วยแตกจนเจ้าหมดอารมณ์ล่ะ” เอาอีกแล้ว ความร้อนที่ผุดขึ้นมากลางร่างกายพวกนี้ก่อตัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุเพียงแค่เธอมองสบตากับเขาเท่านั้น.. เสน่ห์ 100 พลังทำลายล้างของมันรุนแรงมากขนาดนี้เลยงั้นเรอะ แม้จะหายใจยังทำได้ลำบากเต็มที ประตูถูกปิดลงเมื่อคาดินันแซลัสได้นำพาให้จานีคเดินเข้าไปด้านในน้ำตกศักดิ์สิทธิ์ “ข้าต้องถอดเสื้อตัวนอกออกก่อน หากเสื้อนี่เปียกคงเป็นเรื่องใหญ่..ส่วนเจ้าเดินลงไปก่อนเลยจานีค” เบื้องหน้าคือน้ำตกขนาดเล็กที่เธอมองไม่เห็นต้นน้ำเลยด้วยซ้ำ ที่นี่มีเพียงสิ่งปลูกสร้างแสนหรูหราที่สร้างขึ้นมาล้อมรอบน้ำตกแห่งนี้ ทิวทัศน์ที่สวยงามพวกนี้ทำให้จานีครู้สึกราวกับกำลังต้องมนต์ เธอเดินลงไปในน้ำตกตามคำสั่งของท่านคาดินัน แซลัสถอดเสื้อตัวนอกของเขาก่อนที่เขาจะเดินลงตามไป “นี่คือพิธีหนึ่งอย่างเพื่อที่จะประกาศก้องให้ทุกคนล่วงรู้ว่านักบุญหญิงเข้ารับการแต่งตั้งจากข้าแล้ว” เขายกมือขึ้นมากุมใบหน้านั้นของเธอเอาไว้ จานีคเบือนหน้าหนีในทันที “เรา..ต้องทำอะไรบ้าง แช่น้ำที่นี่นานแค่ไหน ข้าถึงจะออกไปข้างนอกได้” เธออึดอัดและไม่ชอบใจที่ทำอะไรดังใจคิดไม่ได้เพราะค่าเสน่ห์ที่มากมายของเขา “ฮะ..ฮ่า จานีคเจ้าคิดว่าเรามาที่นี่เพื่อแช่น้ำให้ตัวเปื่อยแล้วขึ้นไปอย่างนั้นหรือ..พิธีนี้เดิมทีมันคือการป่าวประกาศถึงการยอมรับเจ้าเป็นนักบุญหญิงก็จริงแต่อีกนัยหนึ่ง มันคือการบอกกล่าวให้เจ้ารู้เอาไว้ว่า หนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญของเจ้าคือการทำให้ข้าพึงพอใจ เอาล่ะจานีค หากรู้เช่นนั้นแล้วเจ้าช่วย..จัดการสิ่งที่กำลังตื่นตัวอยู่ตอนนี้ของข้าหน่อยสิ” จานีคกำลังกรีดร้องในใจ เพราะทันทีที่เขาสั่ง ร่างกายของเธอก็ไร้ซึ่งการควบคุมในทันที เธอนั่งลงเบื้องหน้าเขาก่อนจะยกมือขึ้นมาเพื่อสัมผัส "สิ่งนั้น" นี่มันเลวร้ายที่สุด! เพราะเธอไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของเขาได้เลย “อ้าปากให้กว้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาด้วย ข้าอยากมองหน้าเจ้าตอนที่เจ้ากำลังกลืนมัน..แบบนั้นจานีค เจ้าควรรู้ว่าระหว่างเรามันแตกต่างกัน..อา..แล้วเจ้าก็คือของเล่นของข้า”
ชายกระโปรงของนักบุญหญิงจานีคเปื้อนไปด้วยเศษดินที่ติดตามมา ดวงตาคู่นั้นที่เคยฉายแววแห่งความมั่นใจและสง่างาม ในยามนี้มันบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก สองเท้าที่โผล่พ้นออกมาจากชายกระโปรง เต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ที่ถูกหินบาด เธออยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แบบที่เขาต้องการเลย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฟลอยด์ถึงไม่ได้รู้สึกดีกับสภาพที่น่าเวทนาของนักบุญหญิงจานีคเท่าไหร่นัก เขาเดินลงจากรถม้าก่อนจะตรงเข้าไปหาเธอ..จะมีโอกาสอีกไหม ที่เธอจะร้องขอให้เขาอุ้มเธออีก มันแทบไม่มีโอกาสอีกเลยและในยามนี้เขาจะใจร้ายปฏิเสธการร้องขอของเธอได้อย่างไรกัน“ไปที่คฤหาสน์ดาโกแบท..”เขาสั่งคนขับรถม้าให้ออกรถในทันที ฟลอยด์วางจานีคลงบนโซฟานุ่มๆ บนรถม้า ส่วนตัวเขานั่งลงที่พื้น เขาจับข้อเท้าของเธออย่างแผ่วเบา ก็พบว่ามันอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วงมากทีเดียว ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ขึ้นมาบนข้อเท้าของเธอ เขามองเห็นบาดแผลที่ยังไม่สมานกันดีทิ้งรอยอยู่บนนั้นนี่เธอเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองบาดเจ็บอยู่อย่างนั้นหรือ?“มัน..ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นหรอกค่ะ..ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้”จานีคก้มหน้าลงพร้อมกับดึงข้อเท้าของเธอกล
จานีคเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เธอจัดการเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ไม่สะดุดตาเท่าไหร่ ส่วนผมสีเงินนี่จานีคก็ถักเปียลวกๆ ก่อนจะสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลทับอีกที เมื่อมองไปที่นาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งเธอไม่อาจข่มตานอนได้เลย อาจจะเพราะมีเรื่องให้คิดมากมายเต็มไปหมด และเธอไม่อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่วินาทีเดียวจานีคจึงปีนหน้าต่างออกมา โชคดีที่หน้าต่างในห้องนี้มีต้นไม้ใหญ่ยื่นกิ่งมา ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะออกไปทางไหนเหมือนกันหากรอถึงตอนเช้ารอยช้ำรอบดวงตาของเธอจะต้องทำให้ท่านมาไคสงสารอีกอย่างแน่นอน แล้วพอเขามีท่าทีอ่อนโยนกับเธอ ก็ดูเหมือนใจที่แข็งแรงดังหินมันถูกป่นจนละเอียด..เธอกลัวว่าจะปฏิเสธเขาไม่ได้จานีคปาดน้ำตาก่อนจะวิ่งไปตามทางเดินเพื่อลัดเลาะออกไปที่ประตูด้านข้างของคฤหาสน์“ข้านึกว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่เพื่อทำสงครามกับข้าซะอีก ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะขี้ขลาดหนีออกไปกลางดึกเช่นนี้ โชคดีจริงๆ ที่เจ้าเลือกจะปฏิเสธลูกข้า ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องทนอยู่กับเด็กที่ขี้ขลาดเช่นเจ้าไปตลอดชีวิต!”จานีคช้อนสายตามองหน้าของท่านหญิงเฮเลนอีกครั้งหนึ่ง“ปากบอกว่าไม่คิดว่าข้าจะหนีแต่กลับมาดักรอเนี่ยนะคะ ไม่สมเหตุส
“ไม่ใช่เพียงความงดงามเท่านั้นแต่ท่านจานีคน่ะ ทั้งเก่งกาจและมีความสามารถมากเลยนะครับ ท่านไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และลูกที่มองเห็นประกายไฟในดวงตาคู่นั้นก็อดที่จะรู้สึกชื่นชมไม่ได้เลย..ลูกคิดว่าท่านแม่เองก็คงจะชอบท่านจานีคเหมือนกันใช่ไหมครับ..”ไมเนอร์เอ่ยถามมารดาของเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม หลังจากมื้ออาหาร มาไคพาท่านจานีคไปพัก ส่วนเขามานั่งคุยกับท่านแม่ที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน“...อืม ในความคิดของแม่นั้น แม่ตามใจลูกเสมอเลยนะไมเนอร์ เพราะลูกคือดวงใจของแม่..”ท่านหญิงเฮเลนยกมือขึ้นมาลูบผมของลูกชายเบาๆ ด้วยความรักใคร่“ลูกรักใครแม่ก็รักด้วยทั้งนั้น..”ไมเนอร์เผยรอยยิ้มกว้างจนมองเห็นฟันขาวที่เรียงกัน เขาโผกอดท่านแม่เอาไว้แน่น“ลูกคิดเอาไว้แล้วว่าท่านแม่จะต้องชอบท่านจานีคอย่างแน่นอน ขอบคุณที่เข้าใจลูกนะครับ”ลูกชายแสนน่ารักทั้งสองคนที่เธอเลี้ยงมาด้วยมือของตัวเอง ลูกทั้งสองที่เป็นดั่งแก้วตาและดวงใจ ในชีวิตของเธอนั้นไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกแล้วนอกจากลูกชายทั้งสองคนนี้ เงินทองและคฤหาสน์หลังใหญ่ ท่านหญิงเฮเลนไม่ต้องการมันเลยแม้แต่นิดเดียว เธอต้องการให้ไมเนอร์เจิดจรัสอยู่เสมอ ราวกับดวงดาวที่ส่องสกาวอยู่บน
ความสัมพันธ์แม่ลูกของพวกเขา ทำให้จานีคอดยิ้มออกมาไม่ได้เลย ไม่บ่อยนักที่จะเห็นลูกชายสนิมกับแม่ขนาดนี้ แสดงว่าท่านแม่ของพวกเขาจะต้องใจดีมากแน่ๆ เลย“นี่คือท่านนักบุญหญิงจานีคครับ..”จานีคย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านหญิงเฮเลน มารดาของท่านไมเนอร์และท่านมาไค“..งดงามเช่นนี้นี่เอง ถึงทำให้มาไคไม่เคยเขียนจดหมายมาหาแม่สักครั้งเลย เพราะลูกต้องดูแลสตรีที่เปราะบางราวกับดอกไม้ล้ำค่าเช่นนี้..ยินดีที่ได้พบค่ะท่านนักบุญ ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ท่านก็พักผ่อนให้สบายนะคะ”รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหญิงเฮเลนมันดูแปลกมากกว่าปกติ เพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจรึเปล่านะ..มันถึงได้ทำให้เธอรู้สึกกดดันมากขนาดนี้“ขอบคุณที่เมตตาค่ะท่านหญิง..”มาไคยื่นมือไปจับมือของท่านจานีคเอาไว้ เขาส่งยิ้มให้เธอตลอดเวลา และรอยยิ้มนั่นมันเต็มไปด้วยความยินดีอย่างถึงที่สุด..ที่เธอได้ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา“....”จานีคเริ่มรู้สึกว่า หรือตัวปัญหาที่แท้จริงมันคือเธอกันนะ ทำไมเธอถึงไม่เคยพบเจอสถานที่ไหนที่อยู่ได้อย่างสบายใจสักที“แม่เตรียมอาหารที่ลูกชอบเอาไว้เยอะแยะเลย เดินทางมาเหนื่อยๆไปเปลี่ยนชุดกันก่อนสิ แล้วลงมาทานมื้อเย็นกันนะ”จานีคนั
จานีคหลับตาในอ้อมแขนนั้นราวกับว่ามันคือพื้นที่ปลอดภัย ใจจริงเธอไม่ได้อยากจะออกไปทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายอะไรแบบนั้นเลย แต่เพราะเธออยากทำเควสพิเศษให้ผ่าน..อยากได้ทั้งค่าเสน่ห์ที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการอ่านใจถึงแม้ว่าจะแค่สองครั้งก็ตามทีเธออยากจะเก็บการอ่านใจนั้นเอาไว้..ใช้ในช่วงเวลาที่เธอต้องพิชิตใจท่านคาดินันแซลัส อยากจะรู้ว่าในใจของเขามันทำด้วยหินรึไง ทำไมถึงใจร้ายใจดำขนาดนั้นกัน“เช่นนั้นเจ้าอยู่ที่นี่กับท่านจานีคไปก่อนนะ ข้าจะส่งจดหมายไปหาท่านแม่สักหน่อย ท่านจะต้องดีใจอย่างแน่นอนที่เราเดินทางกลับไป..”มาไคบอกกล่าวกับพี่ชายก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องพักของท่านนักบุญหญิง และเมื่อเขาเปิดประตูออกมาสิ่งที่มาไคเห็นคือมีข้ารับใช้มากมายเดินวนเวียนอยู่ที่ด้านหน้าประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ท่านนักบุญหญิงต้องการช่วงเวลาส่วนตัว.ฉะนั้นแล้วอย่าให้ใครหน้าไหนมาเดินเพ่นพ่านที่หน้าห้องนี้อีก..”เขาสั่งทหารที่เฝ้าหน้าห้องก่อนจะเดินออกไปยังตึกข่าวสารในทันที...อีธานนอนไม่หลับ เพียงแค่หลับตาใบหน้าที่แสนงดงามนั้นก็ผุดขึ้นมาก่อกวนใจเขาอยู่ร่ำไป เธอกล่าวออกมาราวกับรู้จักเขาดีนักหนา ราวกับว่าเธออ
ฉันรู้..ฉันรู้ดีว่าในทุกความสัมพันธ์มันจะไม่ยั่งยืนอย่างแน่นอน เมื่อมันถูกเริ่มต้นด้วยการโกหก..จานีคลดสายตามองมือตัวเองที่กำลังถูไปมาเงียบๆ ..เธอหลงลืมไปชั่วขณะว่าในตอนนี้เธอกำลังอยู่ในเกม ท่านไมเนอร์และท่านมาไค ล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งในตัวละครของเกมนี้ทั้งนั้น ทว่าในใจมิได้คิดเช่นนั้น เธอมองว่าพวกเขาคือคนสำคัญ..คือเพื่อนคนแรกหรือแม้กระทั่งคือคนที่สามารถไว้ใจได้มากที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้และจานีคไม่คิดจะโกหกพวกเขาเลย ผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั่นคือเรื่องของอนาคตแต่ตอนนี้เธอพ่นคำโกหกออกมาเพื่อหลอกลวงพวกเขาไม่ได้หรอก“เดิมทีที่ตรงนี้ควรจะเป็นของท่านพี่จามิกาค่ะ ข้าเป็นบุตรสาวคนรองที่ไม่มีอะไรโดดเด่นสักอย่างเดียว..”น้ำเสียงที่เริ่มเล่าออกมานั้นฟังคล้ายว่าผู้เล่ากำลังเจ็บปวด“ข้าไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ในร่างกายนี้ไม่มีของอะไรแบบนั้นหรอก..ข้ามาที่นี่เพราะจะต้องมีใครสักคนมาที่นี่เพื่อทำหน้าที่ที่ท่านพ่อตกปากรับคำเอาไว้..”น้ำเสียงขมขื่นที่กำลังระบายความในใจพลอยให้มาไครู้สึกเจ็บปวดไปด้วย เขานั่งลงข้างๆ เธอก่อนจะจับมือของจานีคเอาไว้แน่น“ไม่มีใครโทษท่านเรื่องนั้นหรอกนะครับที่เราทั้งคู่เอ่ยถามมั