ทันทีที่มาไคออกมาจากห้องของท่านนักบุญหญิงสิ่งแรกที่เขาเห็นคือนักบุญฟลิน ที่กำลังยืนรออยู่หน้าห้องเขา
“เพราะใกล้ที่จะเริ่มพิธีอันแสนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านคาดินันจึงเมตตาให้ข้านำชุดนี่มาให้ท่านอัศวินครับ ช่วยกรุณาแต่งกายอย่างเต็มยศเพื่อที่จะได้ปกป้องท่านนักบุญหญิงด้วยนะครับ” มาไคก้มหน้าลงเพื่อเป็นการขอบคุณ เขารับกล่องเสื้อผ้านั้นมาด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถปฏิเสธการรับสิ่งของที่ท่านคาดินันส่งให้ได้ “ฝากท่านนักบุญไปขอบคุณท่านคาดินันด้วยนะครับ” ฟลินพยักหน้า แน่นอนว่าเขาจะต้องยืนอยู่หน้าห้องของท่านอัศวินเพื่อส่งท่านอัศวินเข้าห้องตามมารยาท มาไคเข้ามาในห้องพักของตนเอง เขาวางกล่องปริศนานั้นเอาไว้ก่อนจะเดินไปยกแก้วน้ำชาที่เย็นชืดขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย หากช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ในบางทีเขาอยากจะกระโดดขย้ำท่านจานีคไปแล้วก็ได้ หรือไม่เขาอาจจะเผลอใช้มือของตัวเองสัมผัสลงไปบนเนินอกที่เต่งตึงนั้นสักครั้ง ไล้ไปตามหน้าท้องคอดกิ่วหรือไม่ก็ตามเส้นขนสีเงินที่ขึ้นอยู่รำไรที่ด้านล่าง แม้กระทั่งในจุดที่ลับที่สุดก็ยังคงมีสีที่เหมือนกับดอกกุหลาบ..ท่านจานีคของเขานั้น..งดงามมากเหลือเกิน การหักห้ามใจและปั้นหน้าเย็นชาต่อเรือนร่างที่เปลือยเปล่านั้นมิได้กระทำได้โดยง่าย หากเขาไม่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีมีหวังเขาคงจะกระโจนใส่นางและแสดงสีหน้าที่น่าละอายออกมาแล้ว มาไควางแก้วน้ำชาลงก่อนจะพ่นลมหายใจยาวออกมาทางจมูก..ครั้งต่อไปพระเจ้าจะทดสอบเขาแบบไหนกันนะ..หากมากกว่านี้เขาคิดว่าเขาคงไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อย่างแน่นอน เขาเดินไปเปิดกล่องเสื้อผ้าที่ได้รับมอบมาเพื่อจะเปลี่ยนชุด..เขาไม่อยากทำให้ท่านนักบุญหญิงรอนานแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขาเปิดฝาของกล่องนั้นออก กลุ่มควันสีเหลืองทองก็ลอยฟุ้งออกมา.พร้อมกับอาการง่วงนอนที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ มาไคล้มลงที่พื้นพรม พร้อมกับหลับอยู่ตรงนั้น..ตลอดทั้งวัน ...................... “นางงดงามมากรึเปล่าไมเนอร์?” ไมเนอร์ไม่เห็นประโยชน์จากการถามเรื่องความงดงามเลยแม้แต่น้อย “พ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเรื่องความงดงามนั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กระหม่อมก็สามารถยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านักบุญหญิงจานีคนั้นงดงามมากๆ แต่ทว่าเรื่องความตราตรึงใจนั้น..กระหม่อมว่านางยังมิได้ตราตรึงใจมากขนาดนั้น” องค์รัชทายาทอีธานยกมือขึ้นมาลูบคางเบาๆ “แต่ไม่ว่าจะงดงามมากหรือไม่ ในยามนี้นางคงจะตกอยู่ในการควบคุมของคาดินันผู้นั้นแล้ว..ช่างน่าสงสารสตรีตัวน้อยที่กำลังเดินเข้าไปในกองเพลิง หลังจากนี้ทั้งเจ้าและข้าควรสวดภาวนาไม่ให้นางหลงใหลในตัวของคาดินันผู้นั้นมากเกินไป..หรือหากนางหลงเขา เช่นนั้นน้องของเจ้าจะต้องทำงานหนักสักหน่อย” ไมเนอร์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนี้เขาไม่เห็นมาไคอยู่ที่งานพิธีเลย หรือว่าน้องชายของเขาจะถูกลงโทษกันนะ? “ไม่ว่าจะด้วยสิ่งใดก็ตาม กระหม่อมและน้องชายจะทำให้นางอยู่ฝ่ายเราพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทเป็นลูกพี่ลูกน้องของไมเนอร์ และเขามีหน้าที่ปกป้องเจ้าเด็กคนนี้ให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สมควรจะอยู่ อีธานเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาหลับตาลงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอภาวนาให้พี่ทำสำเร็จนะ..ทำให้สตรีผู้นั้นมาอยู่ในมือของเราให้ได้ แล้วทำลาย..คาดินันแซลัสลงเสีย” ........................ หากมีคำถามว่า “จานีคบนโลกใบนี้มีสิ่งใดที่เจ้าเกลียดชังบ้าง?” ฉันจะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกเกลียดชังมากที่สุด มันคือการถูกบังคับให้ “ทำ” ในสิ่งที่ไม่อยากทำ ท่านคาดินันแซลัสนั้นเลยคำว่างดงามไปไกลมาก เขาดูสวยมากกว่าที่จะใช้คำว่าหล่อเหลา แค่มองใบหน้านั้นไม่ว่าใครก็ตาม คงจะต้องอยู่ในอาการประหม่าเหมือนกันทั้งหมด เขาหล่อ..รวยและ..ตรงนั้นก็ใหญ่โตจนกำไม่มิด ร่างกายของเขาสมบูรณ์แบบ กล้ามเนื้อในทุกจุดดูสวยงาม ประณีตราวกับรูปปั้นมากมายที่กำลังยืนรายล้อมเรา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขามันไร้ที่ติ..แต่ทว่าการถูกกดเอาไว้ด้วยคำสั่งของเขามันทำให้ฉันถึงกับหลั่งน้ำตาเงียบๆ ในใจ หากการกระทำสิ่งนี้ของเรามันมีความอ่อนโยนเข้ามาเกี่ยวพันสักนิด แน่นอนว่าฉันจะยอมรับและเพลิดเพลินไปกับมัน แต่นี่ฉันขัดใจหรือว่าขัดคำสั่งของเขาไม่ได้ มีหน้าต่างของเกมที่เด้งขึ้นมา พร้อมกับตัวหนังสือสีแดงที่บอกว่า คุณผู้เล่นกำลังตกอยู่ในสภาวะลุ่มหลงต่อท่านคาดินันแซลัส ฉันไม่สามารถผลักไสเขาออกไปด้วยซ้ำ ไม่สามารถแม้แต่จะละใบหน้าไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการประสานสายตากับดวงตาที่กำลังฉายแววสะใจของเขาด้วยซ้ำ เกลียดเกมนี้ชะมัดเลยโว้ย!! “ใจเย็นหน่อยจานีค หากเจ้าดูดมันแรงเช่นนั้น..อา..ข้าอาจจะถึงไวมากเกินไป ข้ายังไม่อยากเสร็จสมออกมาในตอนนี้สักหน่อย เพราะอย่างนั้น..ทำช้าๆ ที่รัก..ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลมากเหลือเกิน ตราบใดที่รุ่งอรุณยังไม่มาเยือน เราจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เลย” นรก..ชัดๆ เขาดึงรั้งแท่งรักนั้นออกไปจากริมฝีปากของเธอ จานีคมองดูเจ้าส่วนโอฬารที่ถูกเคลือบไปด้วยน้ำลาย เส้นเลือดที่กำลังปูดโปนขึ้นมา บอกเล่าความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดีว่าท่านคาดินันแซลัสกำลังรู้สึกตื่นตัวมากแค่ไหน ลมหายใจอุ่นร้อนของเธอเป่ารดลงไปบนนั้น เขาเคาะมุมปากของเธอด้วยแท่งที่ดูน่าหวาดหวั่นนั่นอีกครั้ง “จานีค..ว่าแต่ในตอนนั้น ที่หว่างขาของเจ้ามันกำลังเปียกอยู่รึเปล่าล่ะ.อยากให้เจ้านี่ใส่เข้าไปในปากหรือว่าใส่เข้าไปที่หว่างขาของเจ้ากัน” ไอ้คนเลว..แล้วใช่ เธอก่นด่าเขาแค่ในใจเท่านั้น เพราะไม่อาจต่อต้านค่าเสน่ห์100 ของเขาได้ “ข้ายังอยาก..กินมันเข้าไปอยู่ค่ะ” แววตาที่กำลังมองหน้าเธอวาวโรจน์ขึ้นมา “ที่เจ้ายังอยากใช้ปากกับมัน คงไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากทำเรื่องเช่นนั้นกับข้าหรอกใช่ไหมจานีค..คิดจะเก็บครั้งแรกเอาไว้ให้ใครกัน ให้มาไคผู้นั้นงั้นหรือ?” หัวใจของเธอกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อเธอถูกเขาจับทางได้ “ไม่ใช่..อย่างนั้นนะคะ คือว่าข้า..ข้ายังไม่เคยกระทำเรื่องเช่นนั้นมาก่อน ในใจจึงเกิดความกังวลว่าข้าอาจจะไม่สามารถทำให้ท่านแซลัสพึงพอใจในตัวข้า..บางทีหากว่าท่านค่อยเป็นค่อยไปและสอนข้า..เรื่องราวมันอาจจะดี..” เขายื่นมือมาจับที่แก้มของเธอก่อนจะบีบมันเบาๆ เพื่อให้เธออ้าปากออก แซลัสจับเข้าที่กลางลำแกร่งไปจ่อที่กลีบปากอ่อนนุ่ม แล้วค่อยๆ สอดมันเข้าไปในปากเล็กๆ นั่น “ข้าเชื่อว่าแค่เจ้าถ่างขาให้กว้างๆ ข้าก็พอใจแล้วจานีค..อื้ม..ดูสิว่าเจ้าเก่งกาจมากแค่ไหน ต้องอมมันอย่างไรเจ้าก็สามารถทำได้ตามที่ข้าสอนอย่างแม่นยำ..”ชายกระโปรงของนักบุญหญิงจานีคเปื้อนไปด้วยเศษดินที่ติดตามมา ดวงตาคู่นั้นที่เคยฉายแววแห่งความมั่นใจและสง่างาม ในยามนี้มันบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก สองเท้าที่โผล่พ้นออกมาจากชายกระโปรง เต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ที่ถูกหินบาด เธออยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แบบที่เขาต้องการเลย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฟลอยด์ถึงไม่ได้รู้สึกดีกับสภาพที่น่าเวทนาของนักบุญหญิงจานีคเท่าไหร่นัก เขาเดินลงจากรถม้าก่อนจะตรงเข้าไปหาเธอ..จะมีโอกาสอีกไหม ที่เธอจะร้องขอให้เขาอุ้มเธออีก มันแทบไม่มีโอกาสอีกเลยและในยามนี้เขาจะใจร้ายปฏิเสธการร้องขอของเธอได้อย่างไรกัน“ไปที่คฤหาสน์ดาโกแบท..”เขาสั่งคนขับรถม้าให้ออกรถในทันที ฟลอยด์วางจานีคลงบนโซฟานุ่มๆ บนรถม้า ส่วนตัวเขานั่งลงที่พื้น เขาจับข้อเท้าของเธออย่างแผ่วเบา ก็พบว่ามันอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วงมากทีเดียว ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ขึ้นมาบนข้อเท้าของเธอ เขามองเห็นบาดแผลที่ยังไม่สมานกันดีทิ้งรอยอยู่บนนั้นนี่เธอเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองบาดเจ็บอยู่อย่างนั้นหรือ?“มัน..ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นหรอกค่ะ..ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้”จานีคก้มหน้าลงพร้อมกับดึงข้อเท้าของเธอกล
จานีคเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เธอจัดการเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ไม่สะดุดตาเท่าไหร่ ส่วนผมสีเงินนี่จานีคก็ถักเปียลวกๆ ก่อนจะสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลทับอีกที เมื่อมองไปที่นาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งเธอไม่อาจข่มตานอนได้เลย อาจจะเพราะมีเรื่องให้คิดมากมายเต็มไปหมด และเธอไม่อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่วินาทีเดียวจานีคจึงปีนหน้าต่างออกมา โชคดีที่หน้าต่างในห้องนี้มีต้นไม้ใหญ่ยื่นกิ่งมา ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะออกไปทางไหนเหมือนกันหากรอถึงตอนเช้ารอยช้ำรอบดวงตาของเธอจะต้องทำให้ท่านมาไคสงสารอีกอย่างแน่นอน แล้วพอเขามีท่าทีอ่อนโยนกับเธอ ก็ดูเหมือนใจที่แข็งแรงดังหินมันถูกป่นจนละเอียด..เธอกลัวว่าจะปฏิเสธเขาไม่ได้จานีคปาดน้ำตาก่อนจะวิ่งไปตามทางเดินเพื่อลัดเลาะออกไปที่ประตูด้านข้างของคฤหาสน์“ข้านึกว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่เพื่อทำสงครามกับข้าซะอีก ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะขี้ขลาดหนีออกไปกลางดึกเช่นนี้ โชคดีจริงๆ ที่เจ้าเลือกจะปฏิเสธลูกข้า ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องทนอยู่กับเด็กที่ขี้ขลาดเช่นเจ้าไปตลอดชีวิต!”จานีคช้อนสายตามองหน้าของท่านหญิงเฮเลนอีกครั้งหนึ่ง“ปากบอกว่าไม่คิดว่าข้าจะหนีแต่กลับมาดักรอเนี่ยนะคะ ไม่สมเหตุส
“ไม่ใช่เพียงความงดงามเท่านั้นแต่ท่านจานีคน่ะ ทั้งเก่งกาจและมีความสามารถมากเลยนะครับ ท่านไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และลูกที่มองเห็นประกายไฟในดวงตาคู่นั้นก็อดที่จะรู้สึกชื่นชมไม่ได้เลย..ลูกคิดว่าท่านแม่เองก็คงจะชอบท่านจานีคเหมือนกันใช่ไหมครับ..”ไมเนอร์เอ่ยถามมารดาของเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม หลังจากมื้ออาหาร มาไคพาท่านจานีคไปพัก ส่วนเขามานั่งคุยกับท่านแม่ที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน“...อืม ในความคิดของแม่นั้น แม่ตามใจลูกเสมอเลยนะไมเนอร์ เพราะลูกคือดวงใจของแม่..”ท่านหญิงเฮเลนยกมือขึ้นมาลูบผมของลูกชายเบาๆ ด้วยความรักใคร่“ลูกรักใครแม่ก็รักด้วยทั้งนั้น..”ไมเนอร์เผยรอยยิ้มกว้างจนมองเห็นฟันขาวที่เรียงกัน เขาโผกอดท่านแม่เอาไว้แน่น“ลูกคิดเอาไว้แล้วว่าท่านแม่จะต้องชอบท่านจานีคอย่างแน่นอน ขอบคุณที่เข้าใจลูกนะครับ”ลูกชายแสนน่ารักทั้งสองคนที่เธอเลี้ยงมาด้วยมือของตัวเอง ลูกทั้งสองที่เป็นดั่งแก้วตาและดวงใจ ในชีวิตของเธอนั้นไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกแล้วนอกจากลูกชายทั้งสองคนนี้ เงินทองและคฤหาสน์หลังใหญ่ ท่านหญิงเฮเลนไม่ต้องการมันเลยแม้แต่นิดเดียว เธอต้องการให้ไมเนอร์เจิดจรัสอยู่เสมอ ราวกับดวงดาวที่ส่องสกาวอยู่บน
ความสัมพันธ์แม่ลูกของพวกเขา ทำให้จานีคอดยิ้มออกมาไม่ได้เลย ไม่บ่อยนักที่จะเห็นลูกชายสนิมกับแม่ขนาดนี้ แสดงว่าท่านแม่ของพวกเขาจะต้องใจดีมากแน่ๆ เลย“นี่คือท่านนักบุญหญิงจานีคครับ..”จานีคย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านหญิงเฮเลน มารดาของท่านไมเนอร์และท่านมาไค“..งดงามเช่นนี้นี่เอง ถึงทำให้มาไคไม่เคยเขียนจดหมายมาหาแม่สักครั้งเลย เพราะลูกต้องดูแลสตรีที่เปราะบางราวกับดอกไม้ล้ำค่าเช่นนี้..ยินดีที่ได้พบค่ะท่านนักบุญ ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ท่านก็พักผ่อนให้สบายนะคะ”รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหญิงเฮเลนมันดูแปลกมากกว่าปกติ เพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจรึเปล่านะ..มันถึงได้ทำให้เธอรู้สึกกดดันมากขนาดนี้“ขอบคุณที่เมตตาค่ะท่านหญิง..”มาไคยื่นมือไปจับมือของท่านจานีคเอาไว้ เขาส่งยิ้มให้เธอตลอดเวลา และรอยยิ้มนั่นมันเต็มไปด้วยความยินดีอย่างถึงที่สุด..ที่เธอได้ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา“....”จานีคเริ่มรู้สึกว่า หรือตัวปัญหาที่แท้จริงมันคือเธอกันนะ ทำไมเธอถึงไม่เคยพบเจอสถานที่ไหนที่อยู่ได้อย่างสบายใจสักที“แม่เตรียมอาหารที่ลูกชอบเอาไว้เยอะแยะเลย เดินทางมาเหนื่อยๆไปเปลี่ยนชุดกันก่อนสิ แล้วลงมาทานมื้อเย็นกันนะ”จานีคนั
จานีคหลับตาในอ้อมแขนนั้นราวกับว่ามันคือพื้นที่ปลอดภัย ใจจริงเธอไม่ได้อยากจะออกไปทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายอะไรแบบนั้นเลย แต่เพราะเธออยากทำเควสพิเศษให้ผ่าน..อยากได้ทั้งค่าเสน่ห์ที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการอ่านใจถึงแม้ว่าจะแค่สองครั้งก็ตามทีเธออยากจะเก็บการอ่านใจนั้นเอาไว้..ใช้ในช่วงเวลาที่เธอต้องพิชิตใจท่านคาดินันแซลัส อยากจะรู้ว่าในใจของเขามันทำด้วยหินรึไง ทำไมถึงใจร้ายใจดำขนาดนั้นกัน“เช่นนั้นเจ้าอยู่ที่นี่กับท่านจานีคไปก่อนนะ ข้าจะส่งจดหมายไปหาท่านแม่สักหน่อย ท่านจะต้องดีใจอย่างแน่นอนที่เราเดินทางกลับไป..”มาไคบอกกล่าวกับพี่ชายก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องพักของท่านนักบุญหญิง และเมื่อเขาเปิดประตูออกมาสิ่งที่มาไคเห็นคือมีข้ารับใช้มากมายเดินวนเวียนอยู่ที่ด้านหน้าประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ท่านนักบุญหญิงต้องการช่วงเวลาส่วนตัว.ฉะนั้นแล้วอย่าให้ใครหน้าไหนมาเดินเพ่นพ่านที่หน้าห้องนี้อีก..”เขาสั่งทหารที่เฝ้าหน้าห้องก่อนจะเดินออกไปยังตึกข่าวสารในทันที...อีธานนอนไม่หลับ เพียงแค่หลับตาใบหน้าที่แสนงดงามนั้นก็ผุดขึ้นมาก่อกวนใจเขาอยู่ร่ำไป เธอกล่าวออกมาราวกับรู้จักเขาดีนักหนา ราวกับว่าเธออ
ฉันรู้..ฉันรู้ดีว่าในทุกความสัมพันธ์มันจะไม่ยั่งยืนอย่างแน่นอน เมื่อมันถูกเริ่มต้นด้วยการโกหก..จานีคลดสายตามองมือตัวเองที่กำลังถูไปมาเงียบๆ ..เธอหลงลืมไปชั่วขณะว่าในตอนนี้เธอกำลังอยู่ในเกม ท่านไมเนอร์และท่านมาไค ล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งในตัวละครของเกมนี้ทั้งนั้น ทว่าในใจมิได้คิดเช่นนั้น เธอมองว่าพวกเขาคือคนสำคัญ..คือเพื่อนคนแรกหรือแม้กระทั่งคือคนที่สามารถไว้ใจได้มากที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้และจานีคไม่คิดจะโกหกพวกเขาเลย ผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั่นคือเรื่องของอนาคตแต่ตอนนี้เธอพ่นคำโกหกออกมาเพื่อหลอกลวงพวกเขาไม่ได้หรอก“เดิมทีที่ตรงนี้ควรจะเป็นของท่านพี่จามิกาค่ะ ข้าเป็นบุตรสาวคนรองที่ไม่มีอะไรโดดเด่นสักอย่างเดียว..”น้ำเสียงที่เริ่มเล่าออกมานั้นฟังคล้ายว่าผู้เล่ากำลังเจ็บปวด“ข้าไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ในร่างกายนี้ไม่มีของอะไรแบบนั้นหรอก..ข้ามาที่นี่เพราะจะต้องมีใครสักคนมาที่นี่เพื่อทำหน้าที่ที่ท่านพ่อตกปากรับคำเอาไว้..”น้ำเสียงขมขื่นที่กำลังระบายความในใจพลอยให้มาไครู้สึกเจ็บปวดไปด้วย เขานั่งลงข้างๆ เธอก่อนจะจับมือของจานีคเอาไว้แน่น“ไม่มีใครโทษท่านเรื่องนั้นหรอกนะครับที่เราทั้งคู่เอ่ยถามมั