ไม่เอาบทบาทนักบุญหญิง = ได้เป็นนักบุญหญิง นี่คือบทบาทที่มีดีแค่หน้าตา แต่สติปัญญาติดลบ..สรุปก็คือนอกจากจะหน้าตาดี ก็ไม่มีอะไรดีอีกเลย
ดูเพิ่มเติม“ตอนนี้เราไม่เหลือทางเลือกแล้วลูกรักไม่ว่าอย่างไร ในเช้าวันพรุ่งนี้รถม้าของวิหารศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาที่นี่ หากไม่มีสตรีใดเดินขึ้นบนรถม้า เราจะตายกันหมดนะจานีค..นั่นลูกกำลังฟังพ่ออยู่รึเปล่า?”
แม่งเอ้ย!! สุดท้ายไอ้เกมบ้านี่ก็ส่งฉันมาในบทบาทสุดรันทดอย่างบทบาทของนักบุญหญิงงั้นเรอะ ก็บอกว่าไม่เอาบทบาทนี้ไงล่ะโว้ย!! ทันทีที่ฉันบ่นจบ หน้าต่างของเกมเด้งขึ้นมาในทันที นักบุญหญิง จานีคแห่งตระกูลโอเรียส ค่าเสน่ห์ 20 พลังเวท -2 ความฉลาด 10 ความร่ำรวย -20 ความสวย 98 นั่นแหละ นั่นคือปัญหาที่ฉันกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ ตัวฉันเห็นแก่เงินอันน้อยนิดในการหาผู้ทดลองเล่นในเกมเสมือนจริง เพราะแบบนั้นก็เลยสมัครไปและได้รับคัดเลือกมา..แต่ทว่าทันทีที่เข้ามาในเกมนี้ฉันก็พบว่าข้อตกลงของเกมที่ได้ให้คำมั่นกับฉันเอาไว้มันไม่ตรงตามที่ตกลงกันเอาไว้เลย ข้อแรก..ฉันออกจากเกมนี้ไปไม่ได้จนกว่าจะผ่านรูททั้งหมด ซึ่งตัวละครชายในเกมนี้มีสิบคน..ใช่แล้วสิบคน จะผ่านทั้งสิบคนไปได้ไม่ใช่ว่าจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเลยงั้นเรอะ! และข้อสอง ฉันเขียนลงไปในใบสัญญาด้วยตัวบรรจงว่าบทบาทที่ฉันอยากได้ คือ..องค์หญิง.. คือบทบาทองค์หญิงไงละโว้ยไม่ใช่นักบุญหญิง!! ถึงแม้เรื่องใบหน้าบทบาทของนักบุญหญิงนั้นจะมีความงดงามมากกว่าบทบาทขององค์หญิงแต่ทว่าเรื่องอย่างอื่นล่ะ ค่าเสน่ห์ที่น้อยนิดจนไม่สามารถเอาชนะตัวละครชายได้ ค่าความฉลาดที่เกือบติดลบและเรื่องการเงินที่ประสบปัญหาใหญ่ที่สุด สรุปว่าบทบาทของนักบุญหญิงนั้นเป็นตัวละครที่ไม่มีใครอยากเล่นเพราะมันยากมากเกินไป.. และในเกมนี้ หากมีค่าเสน่ห์ที่น้อยนิดเช่นนี้ นอกจากจะมัดใจตัวละครชายไม่ได้แล้วยังไม่สามารถขัดขืนตัวละครชายที่มีค่าเสน่ห์ที่มากกว่ายี่สิบอีกด้วย.. นี่มันนรก..ชัดๆ เลย “จานีค นี่ลูกกำลังเมินเฉยต่อคำกล่าวของพ่ออย่างนั้นหรือ พี่สาวของลูกก็หลบหนีไปแล้ว ตอนนี้พ่อเหลือแค่ลูกท่านั้น..แค่ลูกเพียงคนเดียว รีบแต่งงานตัวเข้านอนแต่หัววันเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้เดินทางไปที่วิหารเถอะนะ ค่าพลังเวท -2 ฉันไม่มีพลังอะไรเลยในร่างกายนี้ซึ่งแตกต่างจากพี่สาวที่หลบหนีไปอย่างสิ้นเชิงนั่นคือความชิบหายวายป่วงล่ะ นอกจากจะต้องแสร้งทำเป็นว่าตัวเองมีพลังเวทก็ต้องปกปิดเรื่องที่ตัวเองไม่มีพลังอะไรเลยด้วย แล้วฉันควรจะทำยังไงต่อไป.. “ไม่ต้องคิดที่จะหนีเลยนะจานีค พ่อจะให้คนเฝ้าหน้าประตูห้องนอนของลูกเอาไว้อย่างแน่นหนา หากว่าลูกถูกจับได้ว่าไม่มีพลังเวทแล้วละก็ พ่อจะกล่าวอ้างกับท่านคาดินันว่าลูกอาสาที่จะไปวิหารเพราะลุ่มหลงในตัวของท่านคาดินัน..และพ่อที่รักลูกสาวมากอย่างพ่อก็ไม่อาจขัดใจลูกได้ ฉะนั้นแล้วหากมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น ลูกจะต้องรับโทษเพียงผู้เดียวเท่านั้นนะจานีค จงปิดปากให้เงียบและเสแสร้งทำเป็นนักบุญหญิงที่สูงส่งอย่างสุดความสามารถเลยนะ เพื่อตัวลูกเองและเพื่อที่ชีวิตน้อยๆ ของลูกจะได้มีโอกาสหายใจต่อไป” ก็พอจะรู้ว่าพ่อในเกมนี้ไม่ได้ดีเลิศอะไรเลย แต่ก็ไม่คิดว่าท่านดยุคตระกูลโอเรียสจะทำใจขายลูกสาวให้กับวิหารได้..นั่นคือสาเหตุที่พี่สาวของจานีคหลบหนีไป เพราะเมื่อเข้าไปอยู่ในวิหารแล้ว..มันก็เหมือนกับการเข้าไปเพื่อบำบัดความต้องการของคาดินันเท่านั้น.. แต่ไม่ใช่กับฉันหรอกนะ เพราะว่าฉันอยากจะไปที่นั่นจะแย่ หากไม่เริ่มต้นเกมนี้ในฐานะนักบุญหญิง เช่นนั้นฉันก็ไม่มีโอกาสที่จะจบรูททั้งสิบได้นะสิ โอเคฉันรู้ว่ามันยากแต่ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก ค่าเสน่ห์ 20 เอาวะ ถึงแม้ว่าจะมีเสน่ห์อันน้อยนิดแค่นี้แต่ว่า..ฉันจะไม่ยอมอ่อนไหวกับท่านคาดินันผู้นั้นหรอกนะ รถม้าสีงาช้างจอดเทียบที่ด้านหน้าคฤหาสน์โอเรียสในตอนเช้า ผู้ที่เดินทางมารับฉันคือท่านชายตระกูลไบร์ดัว อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่สาบานต่อหน้าพระเจ้าว่าเขาจะรับใช้นักบุญหญิงที่เดินทางเข้ามาในวิหาร “ข้ามีชื่อว่ามาไคครับท่านนักบุญหญิง ยินดีต้อนรับสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์..” เขากำลังทำตามธรรมเนียมเพื่อเข้ารับการสาบานตน มาไคคุกเข่าลงก่อนจะจุมพิตลงไปบนรองเท้าของจานีค เพื่อสาบานว่าเขาจะภักดีต่อเธอ ชื่อ มาไค ไบร์ดัว ค่าเสน่ห์ที่สามารถพิชิตใจ 35 พลังเวท – พละกำลัง 100 ความฉลาด 70 ความหล่อ 80 เรือนผมสีแดงของเขาทำเอาฉันเหม่อเลยให้ตายสิ เขาอยู่ในชุดอัศวินสีขาวที่ดูทรงเกียรติและใบหน้านั้นก็มีความเย็นชาที่ผสมปนเปไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ในช่วงเวลาที่เขาจุมพิตลงบนรองเท้าของฉันมันให้ความรู้สึกจั๊กจี้หัวใจแบบบอกไม่ถูก “คงจะดีหากว่าท่านเลือกที่จะจุมพิตที่ฝ่ามือหรือว่าแก้มของข้ามากกว่าจะจุมพิตที่รองเท้า..มัน..อาจจะสกปรกค่ะ และข้าไม่อยากให้ท่านทำเช่นนั้นอีก” มาไคเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เขาประคองฝ่ามือของนักบุญหญิงคนใหม่ขึ้นรถม้า บิดาของท่านนักบุญมิได้มาส่ง มีเพียงแค่สตรีร่างบางผู้นี้เท่านั้นที่เดินออกมาจากคฤหาสน์โอเรียส “มิมีส่วนใดของท่านนักบุญหญิงที่จะสกปรก..ท่านสะอาด หมดจดและเลอค่า” อ่า..การมีคนมาพูดแบบนี้ต่อหน้ามันก็ออกจะหน้าเขินไปหน่อยแฮะ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเกมฮาเร็มก็ตามที แต่ผู้สร้างสามารถสร้างสรรค์ตัวละครในเกมนี้ออกมาได้หล่อเหลาและเสมือนจริงแบบนี้ได้อย่างไรกัน “แล้วข้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะจุมพิตที่ฝ่ามือหรือว่าแก้มของท่านด้วยหากว่าท่านไม่อนุญาต” เขาดูสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติเลย นี่คือตัวละครแรกแท้ๆ ที่ฉันจะต้องพิชิต แต่เขากลับให้ความรู้สึกว่าการจะพิชิตใจเขานั้นไม่ได้ง่ายเลย “แล้วถ้าหากว่าข้าอนุญาต..ท่านจะทำมันไหมคะ” มาไคเบนสายตามองไปทางอื่น “เรื่องนั้นถึงแม้ว่าท่านจะอนุญาตแต่ข้าก็ไม่อาจแตะต้องร่างกายของนักบุญหญิงได้ตามใจ..” “แล้วถ้าหากว่านั่นคือคำสั่ง หากว่ามันคือคำสั่งท่านจะทำมันไหมคะ?” คำสั่งที่ว่านั่นคือการให้เขา..แตะต้องร่างกายของท่านอย่างนั้นหรือ? ครั้งแรกที่มาไคมองเห็นใบหน้านี้เขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ท่านนักบุญหญิงช่างงดงามและยากจะละสายตาออกไปจากใบหน้านั้น ท่านเย้ายวนในแบบที่เขาอยากจะกระโจนใส่ท่านด้วยซ้ำ แต่ทว่าเขาทำเช่นนั้นมิได้.. รถม้าหยุดนิ่งทำให้บทสนทนาของจานีคไร้คำตอบ ขณะที่เธอกำลังจะเดินลงมาจากรถม้า กรอบหน้าต่างสีแดงก็เด้งขึ้นมา โปรดระวังการถูกล่อลวง คาดินันแซลัส อัมโบรเซอร์ ค่าเสน่ห์ที่สามารถพิชิตใจ 100 พลังเวท ไร้ขีดจำกัด พละกำลัง 100 ความฉลาด 100 ความหล่อ 100 นั่นคือกราฟอะไรกัน? ความเพอร์เฟคนี้มันคืออะไร? “ยินดีต้อนรับเข้าสู่วิหารนะครับ..จานีค” ฉันก้าวขาไม่ออกด้วยซ้ำเมื่อมองสบตากับสายตานั้น ภาวะฉุกเฉิน..คุณถูกล่อลวงด้วยค่าเสน่ห์อันมากมายของคาดินันแซลัส “ดูเหมือนนักบุญหญิงคนใหม่ของเราจะไม่สบายใจที่ต้องจากบ้านมาอย่างนั้นสินะครับ เช่นนั้นแล้ว..ข้ายิ่งต้องทำให้เจ้ารู้ว่าที่นี่อบอุ่นมากแค่ไหน บางทีมันอาจจะอุ่นจนร้อนเลยล่ะ มานี่สิจานีค..มากับข้า”ชายกระโปรงของนักบุญหญิงจานีคเปื้อนไปด้วยเศษดินที่ติดตามมา ดวงตาคู่นั้นที่เคยฉายแววแห่งความมั่นใจและสง่างาม ในยามนี้มันบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก สองเท้าที่โผล่พ้นออกมาจากชายกระโปรง เต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ที่ถูกหินบาด เธออยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แบบที่เขาต้องการเลย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฟลอยด์ถึงไม่ได้รู้สึกดีกับสภาพที่น่าเวทนาของนักบุญหญิงจานีคเท่าไหร่นัก เขาเดินลงจากรถม้าก่อนจะตรงเข้าไปหาเธอ..จะมีโอกาสอีกไหม ที่เธอจะร้องขอให้เขาอุ้มเธออีก มันแทบไม่มีโอกาสอีกเลยและในยามนี้เขาจะใจร้ายปฏิเสธการร้องขอของเธอได้อย่างไรกัน“ไปที่คฤหาสน์ดาโกแบท..”เขาสั่งคนขับรถม้าให้ออกรถในทันที ฟลอยด์วางจานีคลงบนโซฟานุ่มๆ บนรถม้า ส่วนตัวเขานั่งลงที่พื้น เขาจับข้อเท้าของเธออย่างแผ่วเบา ก็พบว่ามันอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วงมากทีเดียว ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ขึ้นมาบนข้อเท้าของเธอ เขามองเห็นบาดแผลที่ยังไม่สมานกันดีทิ้งรอยอยู่บนนั้นนี่เธอเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองบาดเจ็บอยู่อย่างนั้นหรือ?“มัน..ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นหรอกค่ะ..ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้”จานีคก้มหน้าลงพร้อมกับดึงข้อเท้าของเธอกล
จานีคเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เธอจัดการเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ไม่สะดุดตาเท่าไหร่ ส่วนผมสีเงินนี่จานีคก็ถักเปียลวกๆ ก่อนจะสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลทับอีกที เมื่อมองไปที่นาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งเธอไม่อาจข่มตานอนได้เลย อาจจะเพราะมีเรื่องให้คิดมากมายเต็มไปหมด และเธอไม่อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่วินาทีเดียวจานีคจึงปีนหน้าต่างออกมา โชคดีที่หน้าต่างในห้องนี้มีต้นไม้ใหญ่ยื่นกิ่งมา ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะออกไปทางไหนเหมือนกันหากรอถึงตอนเช้ารอยช้ำรอบดวงตาของเธอจะต้องทำให้ท่านมาไคสงสารอีกอย่างแน่นอน แล้วพอเขามีท่าทีอ่อนโยนกับเธอ ก็ดูเหมือนใจที่แข็งแรงดังหินมันถูกป่นจนละเอียด..เธอกลัวว่าจะปฏิเสธเขาไม่ได้จานีคปาดน้ำตาก่อนจะวิ่งไปตามทางเดินเพื่อลัดเลาะออกไปที่ประตูด้านข้างของคฤหาสน์“ข้านึกว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่เพื่อทำสงครามกับข้าซะอีก ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะขี้ขลาดหนีออกไปกลางดึกเช่นนี้ โชคดีจริงๆ ที่เจ้าเลือกจะปฏิเสธลูกข้า ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องทนอยู่กับเด็กที่ขี้ขลาดเช่นเจ้าไปตลอดชีวิต!”จานีคช้อนสายตามองหน้าของท่านหญิงเฮเลนอีกครั้งหนึ่ง“ปากบอกว่าไม่คิดว่าข้าจะหนีแต่กลับมาดักรอเนี่ยนะคะ ไม่สมเหตุส
“ไม่ใช่เพียงความงดงามเท่านั้นแต่ท่านจานีคน่ะ ทั้งเก่งกาจและมีความสามารถมากเลยนะครับ ท่านไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และลูกที่มองเห็นประกายไฟในดวงตาคู่นั้นก็อดที่จะรู้สึกชื่นชมไม่ได้เลย..ลูกคิดว่าท่านแม่เองก็คงจะชอบท่านจานีคเหมือนกันใช่ไหมครับ..”ไมเนอร์เอ่ยถามมารดาของเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม หลังจากมื้ออาหาร มาไคพาท่านจานีคไปพัก ส่วนเขามานั่งคุยกับท่านแม่ที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน“...อืม ในความคิดของแม่นั้น แม่ตามใจลูกเสมอเลยนะไมเนอร์ เพราะลูกคือดวงใจของแม่..”ท่านหญิงเฮเลนยกมือขึ้นมาลูบผมของลูกชายเบาๆ ด้วยความรักใคร่“ลูกรักใครแม่ก็รักด้วยทั้งนั้น..”ไมเนอร์เผยรอยยิ้มกว้างจนมองเห็นฟันขาวที่เรียงกัน เขาโผกอดท่านแม่เอาไว้แน่น“ลูกคิดเอาไว้แล้วว่าท่านแม่จะต้องชอบท่านจานีคอย่างแน่นอน ขอบคุณที่เข้าใจลูกนะครับ”ลูกชายแสนน่ารักทั้งสองคนที่เธอเลี้ยงมาด้วยมือของตัวเอง ลูกทั้งสองที่เป็นดั่งแก้วตาและดวงใจ ในชีวิตของเธอนั้นไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกแล้วนอกจากลูกชายทั้งสองคนนี้ เงินทองและคฤหาสน์หลังใหญ่ ท่านหญิงเฮเลนไม่ต้องการมันเลยแม้แต่นิดเดียว เธอต้องการให้ไมเนอร์เจิดจรัสอยู่เสมอ ราวกับดวงดาวที่ส่องสกาวอยู่บน
ความสัมพันธ์แม่ลูกของพวกเขา ทำให้จานีคอดยิ้มออกมาไม่ได้เลย ไม่บ่อยนักที่จะเห็นลูกชายสนิมกับแม่ขนาดนี้ แสดงว่าท่านแม่ของพวกเขาจะต้องใจดีมากแน่ๆ เลย“นี่คือท่านนักบุญหญิงจานีคครับ..”จานีคย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านหญิงเฮเลน มารดาของท่านไมเนอร์และท่านมาไค“..งดงามเช่นนี้นี่เอง ถึงทำให้มาไคไม่เคยเขียนจดหมายมาหาแม่สักครั้งเลย เพราะลูกต้องดูแลสตรีที่เปราะบางราวกับดอกไม้ล้ำค่าเช่นนี้..ยินดีที่ได้พบค่ะท่านนักบุญ ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ท่านก็พักผ่อนให้สบายนะคะ”รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหญิงเฮเลนมันดูแปลกมากกว่าปกติ เพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจรึเปล่านะ..มันถึงได้ทำให้เธอรู้สึกกดดันมากขนาดนี้“ขอบคุณที่เมตตาค่ะท่านหญิง..”มาไคยื่นมือไปจับมือของท่านจานีคเอาไว้ เขาส่งยิ้มให้เธอตลอดเวลา และรอยยิ้มนั่นมันเต็มไปด้วยความยินดีอย่างถึงที่สุด..ที่เธอได้ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา“....”จานีคเริ่มรู้สึกว่า หรือตัวปัญหาที่แท้จริงมันคือเธอกันนะ ทำไมเธอถึงไม่เคยพบเจอสถานที่ไหนที่อยู่ได้อย่างสบายใจสักที“แม่เตรียมอาหารที่ลูกชอบเอาไว้เยอะแยะเลย เดินทางมาเหนื่อยๆไปเปลี่ยนชุดกันก่อนสิ แล้วลงมาทานมื้อเย็นกันนะ”จานีคนั
จานีคหลับตาในอ้อมแขนนั้นราวกับว่ามันคือพื้นที่ปลอดภัย ใจจริงเธอไม่ได้อยากจะออกไปทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายอะไรแบบนั้นเลย แต่เพราะเธออยากทำเควสพิเศษให้ผ่าน..อยากได้ทั้งค่าเสน่ห์ที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการอ่านใจถึงแม้ว่าจะแค่สองครั้งก็ตามทีเธออยากจะเก็บการอ่านใจนั้นเอาไว้..ใช้ในช่วงเวลาที่เธอต้องพิชิตใจท่านคาดินันแซลัส อยากจะรู้ว่าในใจของเขามันทำด้วยหินรึไง ทำไมถึงใจร้ายใจดำขนาดนั้นกัน“เช่นนั้นเจ้าอยู่ที่นี่กับท่านจานีคไปก่อนนะ ข้าจะส่งจดหมายไปหาท่านแม่สักหน่อย ท่านจะต้องดีใจอย่างแน่นอนที่เราเดินทางกลับไป..”มาไคบอกกล่าวกับพี่ชายก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องพักของท่านนักบุญหญิง และเมื่อเขาเปิดประตูออกมาสิ่งที่มาไคเห็นคือมีข้ารับใช้มากมายเดินวนเวียนอยู่ที่ด้านหน้าประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ท่านนักบุญหญิงต้องการช่วงเวลาส่วนตัว.ฉะนั้นแล้วอย่าให้ใครหน้าไหนมาเดินเพ่นพ่านที่หน้าห้องนี้อีก..”เขาสั่งทหารที่เฝ้าหน้าห้องก่อนจะเดินออกไปยังตึกข่าวสารในทันที...อีธานนอนไม่หลับ เพียงแค่หลับตาใบหน้าที่แสนงดงามนั้นก็ผุดขึ้นมาก่อกวนใจเขาอยู่ร่ำไป เธอกล่าวออกมาราวกับรู้จักเขาดีนักหนา ราวกับว่าเธออ
ฉันรู้..ฉันรู้ดีว่าในทุกความสัมพันธ์มันจะไม่ยั่งยืนอย่างแน่นอน เมื่อมันถูกเริ่มต้นด้วยการโกหก..จานีคลดสายตามองมือตัวเองที่กำลังถูไปมาเงียบๆ ..เธอหลงลืมไปชั่วขณะว่าในตอนนี้เธอกำลังอยู่ในเกม ท่านไมเนอร์และท่านมาไค ล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งในตัวละครของเกมนี้ทั้งนั้น ทว่าในใจมิได้คิดเช่นนั้น เธอมองว่าพวกเขาคือคนสำคัญ..คือเพื่อนคนแรกหรือแม้กระทั่งคือคนที่สามารถไว้ใจได้มากที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้และจานีคไม่คิดจะโกหกพวกเขาเลย ผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั่นคือเรื่องของอนาคตแต่ตอนนี้เธอพ่นคำโกหกออกมาเพื่อหลอกลวงพวกเขาไม่ได้หรอก“เดิมทีที่ตรงนี้ควรจะเป็นของท่านพี่จามิกาค่ะ ข้าเป็นบุตรสาวคนรองที่ไม่มีอะไรโดดเด่นสักอย่างเดียว..”น้ำเสียงที่เริ่มเล่าออกมานั้นฟังคล้ายว่าผู้เล่ากำลังเจ็บปวด“ข้าไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ในร่างกายนี้ไม่มีของอะไรแบบนั้นหรอก..ข้ามาที่นี่เพราะจะต้องมีใครสักคนมาที่นี่เพื่อทำหน้าที่ที่ท่านพ่อตกปากรับคำเอาไว้..”น้ำเสียงขมขื่นที่กำลังระบายความในใจพลอยให้มาไครู้สึกเจ็บปวดไปด้วย เขานั่งลงข้างๆ เธอก่อนจะจับมือของจานีคเอาไว้แน่น“ไม่มีใครโทษท่านเรื่องนั้นหรอกนะครับที่เราทั้งคู่เอ่ยถามมั
ความคิดเห็น