คิดถึงแฟนเก่า
Tong rak
'ต้อง เป็นแฟนกับพี่นะ'
'พี่รักต้องนะครับ'
'พอต้องเรียนจบ เราแต่งงานเลยดีไหม'
ฉันนั่งมองรูปภาพเก่า ๆ และคำพูดของแฟน(เก่า)ฉันที่ได้พูดไว้ เขาเป็นที่ฉันฝันและคิดถึงเขามาโดยตลอด แล้วก็เผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แต่ภาพที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากก็ผุดเข้ามาในหัว
'ต้อง เราเลิกกันเถอะ'
'ตะ ต้องทำอะไรผิด ทำไมพี่ถึงอยากเลิกกับต้อง'
'ต้องไม่ได้ทำอะไรผิด....พี่ผิดเอง'
'ไม่ ยังไงต้องก็ไม่เลิก...เรายังรักกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ'
'พี่ไม่ต้องการต้องแล้ว..เราจบกันแค่นี้เถอะ'ระหว่างที่เขาจะหันหลังเดินจากไป ฉันก็รีบคว้าแขนแกร่งแล้วเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
'ขอร้อง อย่าทิ้งต้องไป...'ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
'...พี่ไม่พอใจอะไรต้อง พี่บอกมาได้เลยต้องจะปรับปรุงตัว อย่าทิ้งต้องไปเลยนะ ฮือออ'เจ้าของใบหน้าหล่อหลุบตาลงมองที่มือฉันที่จับท่อนแขนของเขาไว้แน่น ก่อนจะแกะมือฉันออก
'เราจบกันแค่นี้เถอะนะ'เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วค่อย ๆ เดินจากไป
'พี่ทอย กลับมา ฮือออ พี่ทอยอย่าไป ฮือออ'ฉันร้องเรียกเขาจนสุดเสียง แต่เขาก็ไม่หันกลับมามองฉันเลย
หลังจากนั้นฉันก็พยายามไปหาเขาเพื่อพูดคุยแล้วขอร้องให้กลับมา แต่เขาก็หนีหน้าฉันตลอด ฉันคอยไปดักเจอเขาร่วมสามเดือน เขาก็ยังใจแข็งไม่ยอมคืนดีกับฉัน แถมยังไล่ฉันอย่างกับหมูกับหมา
'นี่น่ะเหรอคนที่เคยรักกัน'
'กลับไปซะ...ไม่งั้นพี่จะให้ รปภ ลากเธอออกไป'
'ทำไมพี่ใจร้ายกับต้องแบบนี้'
'กลับไป!'
ช่วงนั้นฉันไม่สนใจอะไรเลยแม้กระทั่งการเรียน ทั้งที่อีกแค่ปีเดียวก็จะเรียนจบแล้ว ทำให้ฉันพ่อโกรธมากที่รู้จากอาจารย์ว่าฉันไม่ยอมเข้าเรียนเลย เพราะปกติแล้วฉันไม่เคยขาดการเข้าเรียนแล้วยังเป็นนักศึกษาดีเด่น เรียนเก่งที่สุดในคณะ ที่เป็นแบบนั้นเพราะถูกกดดันจากพ่อ ที่ฉันขยันเรียนก็เพราะกำลังใจที่มาจากคนรัก ที่คอยให้คำปรึกษา และสนับสนุน จนทำให้ฉันมีความมุ่งมั่นที่จะเอาเกียรตินิยมไปให้พ่อ แต่ทว่าตอนนี้เขาทิ้งฉันไปแล้ว และฉันก็คอยแต่ไปดักเจอเขาที่บริษัทเพื่อขอคืนดีจนไม่ยอมเข้าเรียนเลย
'ถ้าแกยังไม่ไปเรียนฉันจะส่งแกไปอยู่กับอาเพียว!'เป็นคำขู่ของพ่อฉัน
'ต้องไม่ไป ต้องจะอยู่ที่นี่'
'ถ้าจะอยู่ที่นี่ แกก็ต้องไปเรียนแล้วเอาเกียรตินิยมมาให้ฉัน'พ่อของฉันคาดหวังกับการเรียนของลูกมากจนทำให้...
'อยากให้ต้องตายตามพี่ตั้งไปงั้นเหรอ'
'ต้องรัก!'
'ก็เพราะไอ้เกียรตินิยมบ้า ๆ นั้นไม่ใช่เหรอถึงทำให้พี่ตั้งต้อง...'เพียะ ! ฉันยังพูดไม่จบประโยคฝ่ามือหนาก็ฟาดเข้ามาที่ใบหน้าฉัน
'....'ฉันยกมือจับที่ใบหน้าแล้วจ้องมองผู้เป็นพ่ออย่างแค้นใจ
'ไปเก็บเสื้อผ้า....ฉันจะส่งแกไปอยู่กับอาเพียว'
สุดท้ายแล้วฉันก็ได้ถูกส่งมาให้อยู่กับอาเพียวซึ่งเป็นน้องของพ่อที่อังกฤษ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ฉันหลุดออกจากเรื่องอดีตในหัวแล้วรีบเก็บรูปภาพใส่ไปในลิ้นชักก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้อง
"เก็บของเสร็จหรือยัง"พอประตูเปิดก็ปรากฎร่างหญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน
"เหลืออีกนิดนึงก็จะเสร็จแล้วค่ะ"มือบางยกขึ้นลูบที่หัวฉันอย่างอ่อนโยน
"ดีใจไหมที่จะได้เจอพ่อแล้ว"
"เหอะ! อาเพียวน่าจะรู้ว่าต้องดีใจหรือเปล่า"พอฉันเรียนจบ พ่อก็ออกคำสั่งให้ฉันกลับไทยทันที
"ยังไม่หายโกรธพ่ออีกเหรอ"
"...."ฉันก้มหน้างุดแล้วเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภาพที่พี่ชายฉันก็ผุดเข้ามาในหัว
"พ่อของต้องก็เสียใจไม่แพ้ต้องหรอก"ฉันเงยหน้าขึ้นมองอาสาวที่มีสีหน้าเศร้าลง
"เพราะพ่อ พี่ตั้งถึงต้องตาย"ฉันกัดฟังพูดด้วยความโกรธ
"เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ลืมมันไปเถอะนะ"
สนามบินสุวรรณภูมิ
ฉันเดินทางมาถึงประเทศไทยด้วยเพียงคนเดียว ซึ่งอาเพียวไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย ที่เธอย้ายไปอยู่ที่นั้นก็เพราะมีหน้าที่ที่ต้องบริหารบริษัทสาขาที่อังกฤษ
"คุณหนูต้องครับ ทางนี้ครับ"เป็นเสียงของชายสูงวัย พอฉันหันไปก็พบกับลุงคนขับรถของที่บ้านจึงรีบลากกระเป๋าเดินไปหา
"สวัสดีค่ะ ลุงกร"
"คุณหนูดูเปลี่ยนไปมากเลยนะครับ"ชายสูงวัยพูดขึ้นแล้วเอื้อมมาดึงกระเป๋าลากฉัน ด้วยสีหน้าที่ดูกังวลเมื่อเห็นสีผมของฉัน
"สวยขึ้นใช่ไหมคะ"ฉันพูดพร้อมกับลูบผมสีบลอนทองโชว์
"ถ้าคุณท่านเห็นน่าจะไม่พอใจนะครับ"คุณท่านที่ลุงกรพูดถึงหมายถึงพ่อของฉัน และที่ลุงกรหนักใจไม่ใช่แค่สีผมรวมถึงการแต่งตัวของฉันที่ดูเซ็กซี่ต่างจากเมื่อก่อนมาก
"ช่างเขาสิ"ฉันสบถออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
"คุณหนู..."
"รีบไปกันเถอะค่ะ ต้องอยากกินอาหารไทยฝีมือป้าจันจะแย่อยู่แล้ว"สิ้นเสียง ฉันก็เดินนำหน้าลุงกรคนขับรถทันที ระหว่างที่เดินไปยังที่จอดรถของสนามบิน ฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องที่คุ้นเคย ภาพแฟน(เก่า)ของฉันก็ผุดขึ้นในหัวทันที
'ต้อง นี่น้องชายพี่ เทมโป'แฟนเก่าฉันเคยแนะนำให้รู้จักชายหนุ่มหน้าใสเมื่อตอนที่คบกัน
"เทมโป"ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ สายตาจ้องไปที่ชายหนุ่มคนนั้น จนกระทั่งเขาได้หันมาสบตากับฉันเข้า
"พี่ต้อง"ชายหนุ่มรุ่นน้องร้องเรียกพร้อมกับเดินมาที่ฉัน
"กลับมาแล้วเหรอ แล้วจะอยู่ที่นี่ถาวรเลยไหม"มาถึงก็ยิงคำถามใส่ฉันพร้อมกับใช้สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าแปลกใจ ใช่สิ เพราะฉันเปลี่ยนการแต่งตัว
"พี่ดูเปลี่ยนไปเยอะเลยแหะ แต่แบบนี้ก็สวยดี"ฉันยังไม่ทันได้ตอบคำถามแรก เทมโปก็พูดขึ้นมาอีก
"พี่..เอ่อ...."ฉันกำลังจะพลั้งปากถามถึงแฟนเก่าก็ต้องรีบกลืนคำนั้นลงคอ
"....สบายดีไหม"
"สบายดีครับ แล้วพี่จะมาอยู่ถาวรเลยไหม"
"อืม คงจะแบบนั้น"ฉันคงจะตัดสินใจอะไรเองไม่ได้หรอก เพราะมีพ่อเป็นคนบงการ
"คุณหนูครับ"ฉันหันไปที่ลุงกรแล้วผงกหัวรับ ก่อนจะหันมาที่เทมโป
"พี่ไปก่อนนะไว้เจอกัน"
"ครับ"สิ้นเสียง ฉันก็เดินมาขึ้นรถแล้วลุงกรก็ขับออกไป
Toy
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง จู่ ๆ ประตูก็เปิดพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับร่างชายหนุ่มหน้าใส
"ไอ้เทม หัดมีมารยาทบ้าง สอนกี่ครั้งแล้วเวลาจะเข้าห้องใครควรจะเคาะประตูก่อน"ทินภัทรรองประธานบ่นเทมโปคนเป็นน้องอย่างหัวเสียง แต่เทมโปก็ไม่ได้สำนึกเดินฉีกยิ้มมาที่โต๊ะทำงานพี่ชาย
"รู้ป่ะว่าผมไปเจอใครมา"คนเป็นน้องนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามอย่างวิสาสะพร้อมกับยกขาพาดขาอีกข้างท่าทางสบายใจ
"กูต้องรู้?"รองประธานเงยหน้าเลิกคิ้วพูดกับน้องชายต่างมารดาอย่างไม่ใส่ใจ
"เหอะ!..."เทมโปกลั้วหัวเราะแล้วเบือนหน้าหนีก่อนจะหันกลับมา
"....ผมไปเจอพี่ต้องรักมา"สิ้นเสียง ทินภัทรก็นิ่งแล้วเบือนหน้าไปลอบหายใจเบา ๆ
"เห็นว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวร"
"แล้วมึงจะมาบอกกูทำไม"คนเป็นพี่สวนขึ้น
"เผื่อพี่อยากจะรู้ไง...ก็คนเคย ๆ"
"ออกไปได้ล่ะ กูจะทำงาน"
"หึ..ทีกับผมพูดจาไม่เคยเพราะทีกับพี่รณไม่เคยมีคำหยาบสักคำ"
"มึงกับรณไม่เหมือนกันนิ ไปได้แล้วกูจะทำงาน"คนเป็นพี่กวักมือไล่น้องแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
ตอนจบ"เธอคิดเราจะไปปั๊มลูกที่ไหนกันดี"พอสิ้นเสียงฉันก็พลิกตัวหันไปที่สามีทันที"พี่หมายความว่าอะไร"ฉันขมวดคิ้วเอ่ยถามสามีสุดหล่อที่ยืนอมยิ้มตรงหน้า"ฮันนีมูนน่ะ..เธออยากไปที่ไหน""แล้วเกี่ยวอะไรกับทำลูก?"พูดจบสามีสุดหล่อก็กลั้วหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย"เหอะ...ก็พ่อเธออยากอุ้มหลานไม่ใช่เหรอพี่ก็เลยอยากให้ท่านสมหวัง""ชิว์ คนบ้ากาม"ฉันพึมพำแล้วจัดการถอดเครื่องประดับตัวเองต่อ"ให้พี่ช่วยถอดเสื้อผ้าให้ไหม"เสียงทุ้มแฝงเซ็กซี่ดังเข้ามาข้าง ๆ ใบหู"พี่ทอย..ต้องเหนื่อย"ฉันรู้เจตนาของสามีว่าเขาต้องการอะไร จึงแย้งทันที"แต่พี่ไม่เหนื่อย พี่ทำให้เธอได้""เฮ้ออออ"ฉันพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่"ให้พี่ถอดให้นะ"ปากว่าแต่มือรูดซิบชุดราตรีที่ด้านหลังลงแล้วคืนเข้าหอ ฉันก็ไม่รอดพ้นน้ำมือพี่ทอย เขาจัดหนักจัดเต็มราวกับคนหิวโหย ปึก ปึก ปึก"อื้ออออ พี่ทอยพอได้แล้ว"ฉันใช้มือผลักหน้าอกแกร่งในขณะที่สามีป้ายแดงกำลังจะสอดท่อนเอ็นเข้ามาอีกครั้ง"อีกรอบเดียว..พอเลย"คนบนร่างพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า แล้วพอพูดจบ พรวด! ท่อนยักษ์ก็ได้สอดแทรกเข้ามาที่ร่องแคบของฉันแล้ว."อ่า~" ปึก ปึก ปึกเช้าวันต่อมาพี่ทอยพาฉันออกจากโรง
แต่งงานแผลที่ขาฉันดีขึ้นมากแล้ว พี่ทอยที่คอยแวะเวียนมาคอยดูแลฉันอยู่ตลอดหลังจากออกโรงพยาบาล. จึงได้บอกกับพ่อของฉันว่าจะพาพ่อของเขาและน้าเรอามาคุยเรื่องการสู่ขอ ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะหลังมานี้ท่านดูเอ็นดูพี่ทอยขึ้นมามาก และทำท่าอยากจะได้เป็นลูกเขยใจจะขาดวันนี้แหละเป็นวันที่พี่ทอยจะพาครอบครัวมา ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วฉันจะได้ลงเอยกับรักแรก ที่เคยเลิกลากันมาแล้วครั้งหนึ่งก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังมาจากนอกห้องพร้อมกับเสียงเรียกของป้าแม่บ้าน"คุณหนูต้องแต่งตัวเสร็จหรือยังคะ"ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูทันที"เรียบร้อยแล้วค่ะ""พวกเขามากันแล้วค่ะคุณหนู รีบลงไปกันเถอะ"ฉันคลี่ยิ้มหวานแต่ภายในใจรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ก้าวขาเดินตามป้าแม่บ้านลงมาจากห้อง.พอมาถึงที่ห้องรับแขกก็ได้พบกับพ่อพี่ทอยแล้วน้าเรอาจึงรีบยกมือไหว้ ก่อนที่จะนั่งลง.จากนั้นการเจรจาก็เริ่มขึ้น เราปรึกษาหารือกันร่วม ๆ สองชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่า งานแต่งของฉันกับพี่ทอยจะเกิดขึ้นภายในสามเดือนข้างหน้า พี่ทอยยิ้มไม่หุบ กุมมือฉันไว้ตลอดเลยหลังจากตกลงกันเรียบร้อย พ่อฉันก็ชวนครอบครัวพี่ทอยทานข้
ยอมรับ"แฟนเก่าแก่น่ะ"ฉันได้ยินที่พ่อบอกก็หลุดหัวเราะออกมา"คิกคิก""จะให้เข้ามาไหม"จากนั้นพ่อก็ถามกลับมา"ให้เข้ามาสิคะ"ฉันพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหลังจากที่พ่อรู้ว่าพี่ทอยไม่ได้เป็นคนที่ทำให้ลูกชายของท่านเสียชีวิต จึงลดทิฐิลงยอมเปิดใจรับฟังเรื่องราวพี่ทอยจากปากฉัน ซึ่งฉันก็รู้สึกดีใจและเล่าเรื่องของฉันกับพี่ทอยให้พ่อฟัง.ว่าเจอกันยังไง ใครจีบใครก่อน จนกระทั่งตอนที่เขาบอกเลิกโดยที่ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหตุผล คอยไปดักเจอเขาจนเสียการเรียน ก็เป็นสาเหตุที่พ่อส่งฉันไปเรียนเมืองนอก พอฉันกลับมาก็ได้เจอเขาอีกครั้ง แต่ไม่ได้เล่าถึงความร้ายกาจที่พี่ทอยทำกับฉันนะ กลัวพ่อจะเกลียดเขา และกลัวว่าจะไม่ยอมให้เราคบกัน ถึงแม้ฉันก็ยังมาความแค้นใจอยู่บ้างตึก ตึก เสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามา ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มให้ฉันแบบเจื่อน ๆ"มีธุระอะไร"พี่ทอยหันขวับกลับไปที่คนถาม."เอ่อ..คือผมอยากมาเยี่ยมน้องอ่ะครับ"น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความประหม่า ฉันนั่งมองแฟนหนุ่มแล้วคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเขาดูเกร็ง ๆ พออยู่ต่อหน้าพ่อของฉัน"...."พ่อฉันไม่พูดอะไรเลือกที่จะส่ายหน้าแล้วเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้อง พี่ทอยยืนมอ
ความจริง 2TOYตกเย็นผมก็รีบเก็บของเตรียมตัวไปหาไอ้กั้งทันที วันนี้ในหัวผมคิดแต่เรื่องที่มันพูด ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน ก็สวนเข้ากับรณ น้องชายต่างมารดาของผมเข้า"ดูรีบร้อน..จะไปไหน"มันถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบ"ไปหาไอ้กั้ง"ผมตอบกลับพร้อมกับจะก้าวขาเดิน แต่น้องชายต่างมารดาก็คว้าแขนผมไว้"มันออกมาแล้ว?"ผมผงกหัวรับ"ใครพามันออกมา ได้ยินว่าอามัน...""ไม่รู้เหมือนกัน ก็จะไปถามมันอยู่นี่ไง"ผมพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะตอนนี้ผมอยากจะไปเจอกับเพื่อนเก่าที่เคยร่วมชั้นเรียนแล้ว."ฉันไปด้วย"พูดจบ ไอ้น้องชายหน้านิ่งก็เดินนำหน้าผมไป"เฮ้อ"ผมพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้วจำยอมให้มันไปด้วย"มันพูดอะไรบ้าง"ระหว่างที่ผมขับรถน้องชายหน้านิ่งก็เอ่ยถามขึ้นมา"มันจะบอกความจริงเรื่องการตายของไอ้ตั้ง"พูดจบรณก็หันขวับมาที่ผม"การตายของไอ้ตั้ง?"แล้วพึมพำเบา ๆ"อืม..มันต้องรู้อะไรแน่"สิ้นเสียงผมก็รีบเหยียบคันเร่งทันทีเพื่อจะไปให้ถึงเร็วที่สุดพอมาถึงผมกับรณก็รีบลงจากรถแล้วเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปยังชั้นดาดฟ้า"แฮ่ก ๆ"กว่าจะถึงผมกับรณก็ยืนหอบกันใหญ่"แก่แล้วก็งี้แหละ"ผมหันไปบอกกับน้องชายหน้านิ่ง."ฉันยังไม่แก่"พู
ความจริงเช้าวันต่อมาประธานบริษัทใหญ่ เดินทางมายังที่โรงพักซึ่งเป็นสถานที่กักคุมเพื่อนของลูกชาย การมาของเขาครั้งนี้ก็เพราะมายื่นประกันตัวชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยความสงสาร และเห็นใจ โดยเขาได้ให้ตำรวจเปลี่ยนสำนวนคดีจากการพยายามฆ่า เป็นแค่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น จากนั้นก็ให้ทนายยื่นประกันตัวคดี ฉ้อโกง รวมถึงการทำร้ายร่างกายเขาและลูกสาวหลังจากที่ประกันตัวเรียบร้อย กั้งก็ได้เดินออกมาด้วยสีหน้าเศร้า ดวงตาแดงก่ำ วิโรจที่รู้สึกรักและเอ็นดูลูกชายของเจ้านายก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ"ขอบคุณนะครับอาโรจ"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น และรู้สึกเสียใจ ที่พอได้รู้ความจริงทุกอย่างจากปากคนสนิทของพ่อตัวเอง.ว่าโดนอาแท้ ๆ หลอกใช้ ยังรู้อีกว่าเขายังมีส่วนร่วมในการตายของพ่อแม่อีกด้วย"คนที่คุณกั้งควรจะขอบคุณก็คือคุณต้อ"วิโรจบอกพร้อมกับหันไปที่ประธานบริษัทใหญ่ จากนั้นชายหนุ่มรุ่นลูกก็เดินไป แล้วคุกเข่า"จะทำอะไร..."ประธานวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจ แต่ชะงักอึ้ง เมื่อชายหนุ่มรุ่นลูกก้มกราบเท้าของเขา"ผมขอโทษ...ฮึก"ชายหนุ่มรุ่นลูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาพร้อมกับกลั้นร้องไห้ แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมา เงยมองหน้าพ่อของเพื
อยากมีลูก"ถ้าอายงั้นให้พี่อาบเป็นเพื่อนไหม"โอ๊ย ฉันเขินจะบ้าอยู่แล้ว ทำไมมีทอยของฉันแพรวพราวแบบนี้นะ"อย่ามาหื่น! ต้องเจ็บอยู่นะ"ฉันเอ็ดเขาแล้วก้มมองไปยังแผลที่อยู่ยิงมาตรงขา"แค่อาบน้ำเป็นเพื่อนไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย"คนตัวโตพูดขึ้นพร้อมกับไหวไหล่ราวกับว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องปกติ"ออกไปได้แล้ว..ต้องจะอาบน้ำเอง""แต่พี่อยากอาบน้ำให้"พี่ทอยสวนกลับมาทันที"เฮ้อ"ฉันพ่นลมหายใจหนักใส่เขา"นะครับ"เขาส่งน้ำเสียงที่ออดอ้อน"ก็ได้"สุดท้ายฉันก็ใจอ่อน เพราะรักเขาแหละพี่ทอยปลดเปลื้องเสื้อผ้าของฉันจนถึงชิ้นสุดท้ายที่เป็นกางเกงชั้นใน ฉันเขินนะแต่พยายามทำให้ตัวปกติ เพราะอยากจะอาบน้ำให้มันเสร็จไว ๆ"อีกหน่อยพอเราแต่งงานกัน..."แฟนหนุ่มพูดในขณะที่ถอดกางเกงชั้นในฉันออกจากขาซึ่งต้องทำอย่างเบามือเพราะมีแผล."...พี่จะอาบน้ำกับเธอทุกวันเลย""ตลกล่ะ"ฉันสบถออกมาเบา ๆ"ไม่ตลกพี่จริงจัง พออาบน้ำเสร็จก็เอากันต่อ"เพียะ! ฉันตีเขาที่แขนทันที"เหอะ ๆ"พี่ทอยกลั้วหัวเราะด้วยสีหน้าแสดงออกว่าเขาชอบใจที่ทำให้ฉันเขินแฟนหนุ่มอาบน้ำให้ฉันอย่างระมัดระวัง เขาบีบเจลอาบน้ำใส่มือแล้วถูตัวฉันเบา ๆ"สระผมด้วยไหม...."เสียงทุ้มเอ่