“ยินดีด้วยครับ คุณทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ”
อลิษามองกระดาษที่จั่วหัวว่าทะเบียนสมรสอย่างเหม่อลอย ชื่อของเธอและชื่อของหมออินทัชประทับลงบนกระดาษแผ่นนี้ เป็นหลักฐานยืนยันว่าอินทัชกับอลิษาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
“นี่เป็นยาที่คุณต้องฉีดนะครับ จำไว้ว่าต้องฉีดในวันที่สามของรอบเดือน ฉีดไปจนกว่าไข่จะเติบโตมากพอ” อินทัชส่งถุงยาให้ภรรยา อลิษารับไปถือไว้ แต่ดวงตายังจ้องกระดาษแผ่นนั้นไม่กระพริบ
เธอมีสามีแล้ว ถูกต้องตามกฎหมายด้วย แต่เป็นแค่สามีในนาม
“คุณอลิษา"
“คะ?”
“คุณเหม่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
อินทัชถามระหว่างที่เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง วันนี้ทั้งเขาและอลิษาวิ่งวุ่นทั้งวัน นอกจากน้ำเปล่าแล้วแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก่อนไปส่งอลิษาที่บ้านอินทัชก็เลยแวะเข้าร้านประจำก่อน
“ฉันแค่งง ๆ ตั้งตัวไม่ทันน่ะค่ะ คือ.. ฉันโสดมายี่สิบแปดปี พอจะไม่โสดก็มีสามีเลย มันแปลก..”
“งั้นคุณไม่ต้องรู้สึกแปลกหรอกครับ เพราะผมเองก็โสดมาสามสิบห้าปี วันนี้เป็นวันแรกในชีวิตที่ผมไม่โสด”
อลิษาได้ยินแบบนั้นก็อ้าปากค้าง ยี่สิบแปดปีของเธอก็ว่าเยอะแล้วนะ นี่อินทัชไปอยู่ซอกไหนของโลกมา ไม่สิ.. เธอน่าจะตกใจตั้งแต่รู้ว่าหน้าตา และฐานะอย่างเขาหลุดรอดมาถึงเธอได้ยังไงแล้ว
“ลงมาก่อนเถอะครับ เราควรทานอะไรบ้าง”
อินทัชเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้อลิษา หญิงสาวที่ยังตกใจไม่หายเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะไล่สายตาลงมาที่กึ่งกลางร่างกาย
“คุณ.. ไร้สมรรถภาพทางเพศเหรอคะ”
“ครับ?”
อินทัชหน้าเหวอ รอบที่เท่าไหร่แล้วที่อลิษาทำเขาเสียภาพลักษณ์แบบนี้ เสียจนอินทัชไม่คิดไม่รักษามันต่อหน้าอลิษาอีกต่อไป
มองในแง่ดีก็ถือว่ามีคนมาร่วมแชร์ด้านเด๋อ ๆ บ้าง บางทีการเป็นอินทัชมันก็อึดอัดเหมือนกัน คนอื่นมักจะคาดหวังว่าเขาจะต้องเพอร์เฟกต์ ต้องไร้ที่ติ แต่แท้จริงแล้วอินทัชก็คือมนุษย์คนหนึ่ง มีมุมที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีจุดที่มีตำหนิ แต่เพราะตำแหน่งที่ยืนทำให้อินทัชไม่สามารถแสดงมันออกมาได้
มีแค่อลิษาที่ได้เห็นมุมนี้
“คุณโสดมาได้ยังไงตั้งสามสิบห้าปี”
“แล้วคุณโสดมาได้ยังไงยี่สิบแปดปี”
“ฉันยุ่ง เลี้ยงดูตัวเองตั้งแต่เด็ก ๆ จบมาก็ทำงานหาเงิน จะเอาเวลาไหนไปสละโสดล่ะคะ”
“ผมเองก็ไม่ต่างจากคุณ” อินทัชพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ชีวิตของผมมีแต่เรื่องเรียน เรียนจบก็ทำงาน ไม่มีใครอยากคบหากับคนที่ไม่มีเวลาให้หรอกครับ”
“ฉันเชื่อแล้วค่ะว่าเราเหมือนกัน”
อลิษาก้าวลงจากรถ เธอสะบัดผมที่ดัดเป็นลอนยาวให้เข้าที่ ก่อนจะส่งยิ้มพิมพ์ใจให้อินทัช
“เราเหมาะสมกันนะคะ คุณหมอคิดเหมือนกันไหม”
“เหมาะสมยังไงครับ”
“ก็บ้างานกับบ้างาน ไม่มีประสบการณ์กับไม่มีประสบการณ์ ฉันว่า.. คนแบบพวกเราคงต้องคบหากันเอง เพราะถ้าไปคบกับคนอื่นคงโดนบอกเลิกสามเวลาหลังอาหาร”
อลิษาปิดประตูรถหรู ก้มลงไปเช็กความเรียบร้อยกับกระจก ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้อินทัชแล้วยื่นมือไปให้
“ครับ?”
อินทัชมองมือเรียวด้วยความงุนงง อลิษาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะคล้องแขนอินทัชเพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“ถึงฉันจะไม่เคยคบใคร แต่ฉันก็ทำให้หลายสิบคู่ลงเอยกันมาแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ฉันมั่นใจว่าฉันโปรฯ กว่าคุณแน่นอน”
อลิษากอดกระชับแขนคุณหมอ ก่อนจะออกเดินโดยที่อินทัชต้องก้าวตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไปเถอะค่ะ ไปดินเนอร์แรกหลังจากเปลี่ยนสถานะกัน.. คุณสามี”
.
.
ร้านอาหารที่อินทัชโปรดปรานมีบรรรยากาศที่ผ่อนข้างผ่อนคลาย ตัวร้านติดกับริมน้ำทำให้มองเห็นวิวแม่น้ำได้เต็มตา รวมถึงเรือเล็กใหญ่ที่แล่นผ่านสัญจรไปมา บรรยากาศเย็นสบาย ไม่จำเป็นต้องนั่งในห้องแอร์ก็ไม่ร้อน และที่สำคัญ.. ถ้าเป็นช่วงเย็นจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ด้วย
อินทัชได้โต๊ะริมน้ำที่วิวดีที่สุดเพราะเป็นลูกค้าประจำ ระหว่างที่เดินผ่านเคาน์เตอร์คิดเงินอินทัชเห็นมิตา เจ้าของร้านพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทมองมาด้วยความสงสัยเพราะอลิษาคล้องแขนเขาไว้ไม่ห่าง
“ว๊าวว ร้านนี้ฉันเคยมา แต่ตอนนั้นไม่ได้นั่งริมน้ำแบบนี้ บรรยากาศดีมากค่ะ”
อินทัชเลื่อนเก้าอี้ให้อลิษา เมื่อหญิงสาวนั่งลงเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม
“คุณชอบทานอะไรครับ”
“ฉันทานได้ทุกอย่างค่ะ แต่ปกติเน้นสะดวกและรวดเร็วมากกว่า พวกกะเพราไก่ไข่ดาวไม่ก็อาหารกล่องในร้านสะดวกซื้อ”
“นั่นไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะครับ”
“ว๊าว”
อลิษาวางศอกกับโต๊ะแล้วใช้ส้นมือเท้ากับคาง ส่งรอยยิ้มหวานและดวงตาระยิบระยับไปให้คุณหมออินทัช
“มีสามีคอยเป็นห่วงมันดีแบบนี้นี่เอง”
ตุ้บ!
เมนูเล่มใหญ่ตกกระทบพื้นจนสองหนุ่มสาวหลุดออกจากภวังค์ของกันและกัน อลิษามองไปตามเสียงนั้น ผู้หญิงผมตรงยาวประมาณบ่าก้มลงเก็บเมนู และนั่น.. สามีของเธอก็ไปช่วยผู้หญิงคนนั้นเก็บด้วย
อลิษารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เธอเป็นคนขี้หวง ถึงคุณหมอจะเป็นแค่สามีในนามแต่เธอก็หวงอยู่ดี และเซนส์ของเธอก็กำลังร้องเตือนอะไรบางอย่าง..
“คุณอลิษา นี่มิตา เพื่อนของผมเองครับ”
“อ๋า เพื่อนของคุณนี่เอง”
อลิษาเน้นคำว่าเพื่อนอย่างจงใจ เธอเห็นว่าคุณมิตาหน้าเสียไป ว่าแล้วเชียว.. ดูไม่ผิดจริง ๆ ด้วย
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ แค่ได้ยินเธอเรียกอินทัชว่าสามีก็มือไม้อ่อนไปหมด
“สวัสดีค่ะ อลิษานะคะ เป็นภรรยาของคุณหมออินทัชค่ะ”
อลิษาลุกขึ้นยืน อวดโชว์หุ่นโค้งเว้าเหมือนนาฬิกาทราย มือเรียวยื่นเข้าไปหาเพื่อนสามี พร้อมกับแนะนำตัวเสียงดังฟังชัด
“เราไม่ได้จัดพิธีอะไร แค่จดทะเบียนสมรสและตกลงใช้ชีวิตร่วมกันหลังจากนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แล้วก็ขอฝากตัวด้วย”
“คะ เอ่อ ค่ะ” มิตายื่นมือไปจับมือนุ่ม มือของอลิษานุ่มนิ่มน่าจับ ต่างจากมือของเธอที่ด้านและมีแต่รอยแผลเพราะทำงานในครัวมาหลายปี
“คุณมิตามาร่วมโต๊ะด้วยกันไหมคะ เอ๊ะ! คุณใส่ผ้ากันเปื้อน?”
“มิตาเขาเป็นเจ้าของร้านนี้ครับ แล้วก็เป็นเชฟหลักของครัวด้วย”
“จริงเหรอคะ!?” อลิษาตาวาว ยกมือขึ้นปิดปากที่อ้ากว้าง “วิเศษมาก! ฉันเคยมาทานอาหารที่นี่สองสามครั้ง รสชาติอาหารดีกว่าทุกร้านที่ฉันเคยไปเลยค่ะ”
“ไม่ขนาดนั้นมั้งคะ”
“ขนาดนั้นเลยแหละค่ะ”
อลิษาขยับเข้าไปใกล้อินทัช เธอคล้องแขนคุณหมอแล้วหันไปพูดคุยกับเขา
“ไม่ยักรู้ว่าสามีของลิษาจะมีเพื่อนฝีมือดีขนาดนี้”
“เราเจอกันเมื่อสี่ปีก่อน คุยกันถูกคอ และผมก็ติดใจรสมือของมิตาด้วย เราก็เลยสนิทกันครับ”
“ตั้งสี่ปี ฉันรู้จักคุณไม่นาน เทียบกับคุณมิตาแล้วฉันเหมือนไม่รู้จักคุณเลย” อลิษาตัดพ้อ
“อยู่ด้วยกันไปคุณก็รู้จักผมเอง เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะครับ” อินทัชหมายถึงว่ากว่าอลิษาจะท้องลูกคนแรกและลูกคนที่สองก็ต้องใช้เวลาหลายปี อย่างต่ำก็สี่ปีกว่าจะได้หย่าขาดกัน แต่คำพูดกำกวมนั้นทำให้บุคคลที่สามคิดไปไกล
“เอ่อ... เดี๋ยวเราให้เด็กมารับออร์เดอร์นะอิน”
“อ้าว นึกว่าว่างแล้ว”
“ไม่ว่างหรอก แค่ออกมาดูว่าเพื่อนพาสาวที่ไหนมา ยินดีด้วยนะอินทัช คุณอลิษา ขอให้รักกันยืนยาว”
มิตาคำอวยพรจากใจแต่รอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา อลิษาเห็นแบบนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมา ที่จริงเธอไม่น่าออกตัวแรงขนาดนี้เลย เพราะยังไงเธอกับอินทัชก็ต้องหย่ากัน ส่วนหลังจากนั้นอินทัชจะคบใครเธอไม่เกี่ยว การที่เธอทำแบบนี้อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีรอยร้าวได้
อลิษา เธอนี่ไม่ได้เรื่องเลย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นครับ”
“ฉันรู้สึกผิดกับคุณ..” และคุณมิตา
“เรื่องอะไรครับ?”
“ช่างเถอะค่ะ”
อลิษากลับไปนั่งที่โต๊ะ ท่าทางไม่ร่าเริงเหมือนตอนแรกแต่อินทัชไม่ถามเซ้าซี้ เขานั่งลงในที่ของตัวเอง ยื่นเมนูให้คนตรงหน้า แต่อลิษากลับส่ายหน้าเบา ๆ
“คุณสั่งนะคะมื้อนี้ ฉันทานอะไรก็ได้ ไม่แพ้อะไร"
“ก็ได้ครับ”
พนักงานมารับออร์เดอร์ รอประมาณยี่สิบนาทีอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบ อินทัชตักอาหารให้อลิษา ทำหน้าที่สุภาพบุรุษที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ผู้บริหารสาวเขี่ยกับข้าวในจานไปมา ก่อนจะทนไม่ไหวแล้วเอ่ยถามสามีในเรื่องที่ตัวเองยังค้างคาใจ
“คุณหมอคะ คุณเคยรักใครหรือเปล่า”
“เคยครับ ตอนนี้ก็ยังรักอยู่”
อลิษากลั้นลมหายใจ ถ้าอินทัชหมายถึงเพื่อนสาวคนนั้นอลิษาคงรู้สึกผิดกว่าเดิมอีกร้อยเท่า เธอกำลังทำเรื่องที่ผิดบาปร้ายแรง ทำลายความรักของคนสองคนไม่เหลือชิ้นดี ไม่สมกับเป็นผู้บริหารบริษัทหาคู่เลย จบมื้อนี้เธอต้องไปอธิบายให้คุณมิตาเข้าใจ อย่างน้อย ๆ ก็อาจจะไถ่บาปในใจออกไปได้บ้าง
“พ่อกับแม่ของผมน่ะครับ” อินทัชเฉลย “ผมรักท่านทั้งสองมาก คุณได้เจอพวกท่านเมื่อไหร่จะเข้าใจ”
“ฉันอยากเจอคุณพ่อคุณแม่ของคุณแล้วค่ะ แต่ว่าที่ฉันถาม ฉันหมายถึงรักแบบชายหญิง แบบนั้นน่ะค่ะ”
“รักแบบชายหญิง ถ้าแบบนั้นไม่มีหรอกครับ”
“แอบรักก็ไม่เคยเหรอคะ?”
“ไม่นะครับ”
“แล้วเคยตื่นเต้น หรือหัวใจเต้นแรงกับผู้หญิงคนไหนไหมคะ”
“ไม่ครับ” ยกเว้นเรื่องระทึกขวัญในห้องตรวจวันนั้น แต่อินทัชไม่นับ อลิษาถือว่าเป็นข้อยกเว้น
“คุณตายด้านเหรอคะ? คือ.. ถึงฉันจะไม่เคยมีแฟน แต่ฉันก็เคยแอบชอบรุ่นพี่หล่อ ๆ เท่ ๆ บ้างนะคะ แต่คุณไม่เคยเลย เป็นไปได้ยังไง”
อลิษาเริ่มกลับมาพูดเจือยแจ้วเหมือนเดิม เธอโล่งใจที่ไม่ได้ทำลายความรักของอินทัช อย่างน้อย ๆ หมออินทัชก็ไม่ได้ชอบคุณมิตา ดังนั้นต่อให้มีเธอหรือไม่.. ความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อก็คงไม่มีทางเติบโตได้
เพราะคุณหมออินทัชตายด้านขนาดนี้.. สงสารก็แต่คุณมิตา
“ผมเรียนหนัก ไม่มีสายตาไว้มองใครนอกจากหนังสือ”
“สุดยอด!” อลิษายกนิ้วให้ “คุณเป็นผู้ชายที่รักษาพรหมจรรย์ทั้งร่างกายและจิตใจได้ดีสุด ๆ ฉันนับถือเลย อ๊ะ! ขอบคุณค่ะ”
อลิษาขอบคุณพร้อมส่งยิ้มหวานให้อินทัช ระหว่างที่เขาฟังเธอพูดก็แกะกุ้งตัวโตมาวางบนจานเธอไปด้วย
คุณหมอน่ารักจังเลย
“ฉันอยากเห็นคนที่คุณหมอรัก หมายถึงแฟน คนรักนะคะไม่ใช่ครอบครัว”
“ทำไมล่ะครับ” กุ้งตัวที่สองนอนเปลือยบนจานอลิษาด้วยฝีมือของอินทัชเช่นเคย
“ก็ฉันอยากรู้ว่าผู้หญิงแบบไหนที่จะมัดใจคุณได้”
“คงไม่มีหรอกครับ คุณรีบทานดีกว่า” อินทัชวางกุ้งตัวที่สามบนจานของภรรยาในนาม เขาส่งสายตาบอกให้อลิษาเลิกสนใจตัวเองแล้วไปสนใจกุ้งตัวอวบอ้วนดีกว่า
มื้อนั้นอลิษาแทบไม่ได้ตักอาหารด้วยตัวเอง เพราะสามีป้ายแดงของเธอบริการทั้งตักอาหารและแกะกุ้งให้จนเธอเผลอกินหมดจาน พุงแอบยื่นน้อย ๆ จนต้องแขม่วไว้ กว่าจะถึงบ้านอลิษาแทบลืมวิธีหายใจ...
.
.
.
.
.
TBC
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก