แกร๊ก
.....
แกร๊ก
อินทัชเคาะปากกาแท่งสีทองลงบนโต๊ะทำงาน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ในสมองของอินทัชตอนนี้กำลังตีกันวุ่นวาย ความคิดอีกฝั่งสั่งให้อินทัชล้มเลิกความคิดนี้ซะ แต่อีกฝั่งกลับบอกว่ามันดีแล้ว
มันจะดีจริง ๆ ใช่ไหม
ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ”
อินทัชขยับนั่งตัวตรง คิ้วเข้มคลายออก ปากกาแท่งสีทองถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย
“อะ เอ่อ.. คุณหมอ”
อลิษาโผล่มาแต่หัวพร้อมกับแว่นตาสีดำอันใหญ่ปิดหน้าเล็ก ๆ ไปเกือบครึ่ง อินทัชเกือบผงะถอยหลังเพราะความตกใจ โชคดีที่เขาสงวนท่าทีไว้ได้ก่อน
ไม่อย่างนั้นคงเสียชื่อหมออินทัชผู้สุขุม แค่นี้เขาก็รักษาภาพลักษณ์ไว้แทบไม่ได้แล้ว
“เข้ามานั่งก่อนสิครับคุณอลิษา”
“คะ คือฉัน..”
อลิษาอึกอัก เธอไม่กล้าเข้าไป เพราะเธอกลัวว่าคุณหมอจะพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ
เธออาย อายจนต้องเอาแว่นกันแดดมาสวมปิดใบหน้าทั้ง ๆ ที่อยู่ในที่ร่ม เธอยอมให้คนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาดดีกว่าต้องสบตากับคุณหมอตรง ๆ
“เอ่อ.. คือถ้าจะพูดถึงผลตรวจคุณหมอส่งมันมาพร้อมกับผลทั้งหมดเลยก็ได้นะคะ ฉันไม่อยากรบกวน”
“ไม่ใช่แค่เรื่องผลตรวจหรอกครับ” อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมอยากคุยกับคุณเรื่องขายสเปิร์มด้วย”
“อะไรนะคะ!?”
อลิษากระชากแว่นออกทันที ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ก่อนที่ร่างเพรียวจะรีบรุดเข้าหาอินทัชโดยไม่ต้องให้เขาเอ่ยเชิญเป็นรอบที่สอง
“คุณหมอจะขายให้ฉันเหรอคะ! จริง ๆ เหรอคะ!”
“นั่งก่อนเถอะครับ รบกวนปิดประตูห้องด้วย คุณกำลังทำให้คนอื่นมองมาอยู่นะ”
อลิษารีบแจ้นไปปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว แถมกดล็อกให้เสร็จสรรพ ก่อนจะรีบกลับมาหาหมออินทัช เธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองหน้าหล่อ ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย
อายเอยอะไรไม่มีอีกแล้ว นาทีอลิษาอยากรู้แค่หมออินทัชจะยอมขายสเปิร์มให้เธอจริง ๆ ใช่ไหม
“ก่อนอื่น ผมขอพูดถึงผลตรวจคร่าว ๆ ก่อนนะครับ”
อินทัชเริ่มต้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง เขาพยายามมองข้ามดวงตาเป็นประกายวิบวับของอลิษาไป
“โดยรวมร่างกายคุณปกติดีครับ ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ มดลูกไม่ได้โตผิดปกติ ไม่มีก้อนเนื้อแปลกปลอม ไม่มีตุ่มใส รอยแดง หรือตกขาวที่ผิดปกติครับ”
“ค่ะ แล้ว?”
“เพราะผลตรวจคุณดีมาก มากจนผมต้องกลับมาคิดเรื่องที่คุณเสนอมาใหม่”
“ยังไงคะ”
“ผมจะขายสเปิร์มให้คุณ”
อลิษารู้สึกเหมือนในห้องตรวจมีพลุจุดดังปุ้ง ๆ เธอแทบจะลุกขึ้นยืน ชูมือขึ้นสูงแล้วตะโกนว่า YES!! ดัง ๆ แต่สิ่งที่เธอทำมีแค่มองหน้าอินทัชไม่กระพริบตา และหลังจากนั้นดวงตาคู่สวยก็มีหยาดน้ำสีใสเอ่อคลอ
“คุณหมอ พะ พูดจริงใช่ไหมคะ”
“ครับ.. คุณอลิษาอย่าร้องไห้”
“ฮึก ฉันดีใจ” อลิษารับกระดาษทิชชู่มาจากคุณหมอ ซับน้ำตาเบา ๆ ไม่ให้มาสคาร่าเลอะเทอะ “ฉันอยากมีลูกมาก ฉันคิดว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว”
อินทัชเห็นแบบนั้นก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าอลิษาจะจริงจังขนาดนี้ ดูเหมือนว่าลูกจะเป็นอะไรที่สำคัญยิ่งกว่าทุกอย่างของเธอ
คุณหมออินทัชรอบคอบเสมอ หลังจากที่อลิษามายื่นข้อเสนอแปลก ๆ ให้ อินทัชก็เริ่มศึกษาประวัติของผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจัง แล้วเขาก็พบว่าอลิษาเป็นคนเก่งสมกับที่อวดอ้าง ผลการเรียนระดับท็อป เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในประเทศ ปัจจุบันอายุยี่สิบแปดปี เป็นเจ้าของบริษัทหาคู่ชื่อดังอันดับต้น ๆ สวยมาก และไม่เคยมีประวัติเสียหาย
อินทัชรู้สึกว่าเธอน่าสนใจ
“หะ ให้ฉันจ่ายมัดจำตอนนี้เลยไหมคะ”
อินทัชถูกเสียงสั่นเครือดึงกลับมาเจอกับความเป็นจริง อลิษายังร้องไห้และสะอื้นน้อย ๆ แต่มือบางยกสมุดเช็คกับปากกาออกมาเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวก่อนครับ”
“ทำไมคะ อย่าบอกว่าคุณเปลี่ยนใจนะ ทำให้คนดีใจเก้อมันบาปนะรู้ไหม คุณอย่าใจร้ายกับฉันสิคะ”
“ไม่ใช่ครับ” อินทัชรีบอธิบาย ก่อนที่จะโดนตัดพ้อไปมากกว่านี้ “ที่ผมยอมขายสเปิร์มให้คุณไม่ใช่เพราะเงิน”
“อ้าว”
“ข้อแลกเปลี่ยนของผมเหมือนกับของคุณ”
“ยังไงคะ หรือว่า..”
อลิษาเป็นคนฉลาดจริง ๆ เธอไม่จำเป็นต้องรอคำตอบจากอินทัชด้วยซ้ำ แค่มองตาเธอก็เข้าใจแล้วว่าอินทัชต้องการอะไร
“ผมอยากได้ลูกจากคุณ”
อินทัชเป็นลูกคนเดียว ปีนี้เขาอายุสามสิบห้าปี ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยออกเดท ไม่เคยหลับนอนกับใคร ไม่เคยมีความรักใคร่ชอบพอกับทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน ชีวิตคู่คือสิ่งที่อินทัชไม่เคยคิดถึง แต่อินทัชเป็นคนที่ย้อนแย้งพอสมควร เพราะถึงจะไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับใคร แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
ผู้บริหารสาวและคุณหมอคนเก่งมีบางอย่างที่เหมือนกัน พวกเขาไม่ต้องการให้ลูกเกิดมาบกพร่อง พวกเขาอยากให้ลูกมีต้นทุนที่ดีตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อน แต่การหาผู้หญิงที่ถูกใจสักคนมาอุ้มท้องให้มันไม่ง่าย ไม่ต่างจากอลิษาที่หาพ่อพันธุ์ดี ๆ ไม่ได้เสียที
“คุณกับผมเราเหมือนกัน”
“ยังไงคะ”
“ไม่ต้องการแต่งงาน แต่อยากมีลูก"
อลิษาพยักหน้าน้อย ๆ ใช่.. เราเหมือนกันมากจริง ๆ
“อันที่จริงผมไม่ได้จริงจังอะไร ทางบ้านของผมก็ไม่ได้เร่งรัด แต่พ่อกับแม่ผมท่านแก่ตัวลงทุกวัน ผมอยากมีหลานให้ท่านได้อุ้มชูก่อนจะไม่มีโอกาส”
“ฉันเข้าใจค่ะ ถึงฉันจะไม่มีครอบครัวก็เถอะ”
“ครับ พอคุณเสนอเรื่องนั้นมาผมก็เริ่มสนใจ ผลตรวจของคุณวันนี้ก็ดีมาก ผมคิดว่าคุณจะให้กำเนิดบุตรที่ดีและแข็งแรงได้อย่างแน่นอน”
อลิษาคิดตาม เธอเข้าใจทุกคำที่อินทัชพูดทุกคำ เข้าใจ.. แต่หัวใจมันกลับวูบโหวงแปลก ๆ เธอจะกล้ายกลูกที่อุ้มท้องมาให้กับอินทัชได้จริง ๆ เหรอ
อินทัชเหมือนอ่านความคิดออก อาจจะเพราะเราเหมือนกันเกินไปเขาจึงรู้ว่าอลิษารู้สึกยังไง เพราะแม้แต่เขาเองก็ไม่อยากเสียเลือดเนื้อเขื้อไขของตัวเองให้ใครเหมือนกัน
“ถึงลูกจะอยู่กับผม แต่ผมจะบอกเขาว่าคุณคือแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณจะเป็นแม่ของเขาในทางกฎหมาย มีสิทธิ์เลี้ยงดูและพบเจอเขาจนกว่าคุณจะไม่ต้องการ”
“หมายความว่า.. เราจะเหมือนคู่แต่งงานที่หย่าร้างและแยกกันอยู่หลังจากมีลูก ๆ แล้วเหรอคะ”
“ครับ ประมาณนั้น”
อลิษาเงียบไปอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าสิ่งที่คุณหมอเสนอมามันแฟร์กับทั้งตัวเธอและอินทัชเอง แต่ลูกล่ะ ลูก ๆ จะรู้สึกยังไงถ้าหากพ่อกับแม่ของพวกเขาแยกทางกัน
แต่ถ้าต้องทนเห็นพ่อแม่อยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกันทุกวัน บางที...การแยกกันอยู่ก็อาจจะดีกว่า
อลิษามีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ไม่ดี พวกเขาอาจจะไม่รักเธอด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้นพอหย่ากันคงไม่ทิ้งเธอไว้แบบนี้
แต่เธอไม่ใช่ เธอรักและไม่มีวันทิ้งลูกแน่นอน เพราะแค่คิดว่าอินทัชจะมาเอาลูกคนหนึ่งไป อลิษายังรู้สึกแย่ขนาดนี้
มันต่าง เธอเอาตัวเองไปเทียบกับพ่อและแม่ไม่ได้ เธอเชื่อว่าตัวเองสามารถเลี้ยงลูกได้แม้ว่าลูกจะไม่มีพ่อ สามารถเป็นทั้งพ่อ แม่ เพื่อน และพี่สาวให้ลูกได้ มีเด็กหลายคนที่โตมาอย่างดีแม้ครอบครัวจะไม่สมบูรณ์ มันคงดีกว่าให้เด็กโตมากับภาพที่พ่อแม่ทะเลาะกันหรือไม่มีความรักให้กัน
“ตกลงค่ะ”
อลิษาพยักหน้ารับ เธอตัดสินใจแล้ว เธอจะมีลูกให้ตัวเองและหมออินทัช
“ลูกคนแรกจะอยู่กับฉัน คนที่สองจะอยู่กับคุณ ไม่ว่าเพศอะไรหรือมีลูกความผิดปกติอะไรฉันก็จะไม่เปลี่ยน”
“ผมก็ไม่เปลี่ยน”
อินทัชเองก็รับคำหนักแน่น พวกเขามีความคิดไปทางเดียวกัน ไม่ว่าลูกจะเกิดมาสมบูรณ์ดีหรือขาดอะไรไป พวกเขาก็จะรักและดูแลพวกเขาเหมือนเดิม
“ตกลงตามนี้ค่ะ ข้อแลกเปลี่ยนของเรา คุณให้สเปิร์มกับฉัน ฉันให้ลูกกับคุณ”
“ครับ แต่ผมอยากให้เราเหมือนคู่แต่งงานกันจริง ๆ เราต้องจดทะเบียนแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน”
“เพื่ออะไรคะ”
“เพื่อให้มันเป็นไปตามกฎหมาย ลูกทั้งสองจะมีพ่อชื่ออินทัชและแม่ชื่ออลิษาตามกฎหมายทุกอย่าง และที่สำคัญ..”
อินทัชเงียบไปอึดใจ
“ผมอยากดูแลคุณตอนที่คุณอุ้มท้อง ลูกของเรา”
อลิษารู้สึกเหมือนโดนจู่โจม เธออ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก แก้มใสค่อย ๆ ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ
ลูกของเรา...ลูกของเรา
ทำไมคุณหมอต้องพูดประโยคนั้นพร้อมสายตาอ่อนโยนแบบนี้ด้วย อลิษาหวั่นไหวนะคะ!
ในขณะที่อลิษากำลังเขินกับคำพูดสั้น ๆ ของคุณหมอ อินทัชก็หันไปหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น เขาเขียนอะไรยุกยิกลงไปแล้วยื่นมาให้เธออ่านดู
“เราจะเริ่มทันทีหลังจากจดทะเบียนสมรสรวมถึงทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว วิธีที่ใช้คือ IUI กระตุ้นไข่ด้วยวิธีฉีดจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าทานยา คุณต้องฉีดยาที่ผมสั่งวันที่สามของรอบเดือนเพื่อกระตุ้นไข่ให้มีการเจริญเติบโต เมื่อไหร่ที่ฟองไข่มีขนาดพอเหมาะผมจะฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก หลังจากนั้นผมก็จะฉีดเชื้ออสุจิของผมเข้าโพรงมดลูกคุณ”
“ดูไม่ยากเลยนะคะ”
“ไม่ยาก แต่โอกาสก็ไม่ได้มากครับ อย่างมากก็แค่ 10-30% เท่านั้น ปกติแล้ววิธีนี้เป็นวีธีแรกที่แพทย์แนะนำสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ยาก แต่ถ้าหาก IUI ยังไม่ได้ผล เราต้องใช้วิธี IVF หรือ ICSI ซึ่งโอกาสสำเร็จสูงมากกว่าหลายเท่า”
“แล้วสำหรับฉันล่ะคะ”
“ถ้าร่างกายคุณและคู่ของคุณสมบูรณ์แข็งแรงดี วิธีธรรมชาติคือวิธีที่แพทย์จะแนะนำครับ หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันสองถึงสามปีแต่ยังไม่ตั้งครรภ์ แพทย์ถึงจะแนะนำให้ใช้ IUI หรือ IVF/ICSI ครับ”
“แล้วทำไมเราไม่ใช้วิธีธรรมชาติล่ะคะ”
อลิษาโพล่งขึ้น เธอไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ได้รู้ว่าวิธีไหนจะทำให้มีลูกได้เธอก็สนใจแล้ว
“วิธีธรรมชาติที่เห็นผลที่สุด คือเราสองคนต้องมีอะไรกันในช่วงที่ไข่คุณตก”
“ค่ะ”
“เราต้องมีอะไรกันนะครับ?” อินทัชย้ำ เผื่อว่าอลิษาจะได้ยินไม่ชัด
“ค่ะ ก็แค่มีอะไรกัน”
“ก็แค่”
“เพื่อลูก ฉันทำได้ทุกอย่าง มีอะไรกับคุณหมอก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไม่ใช่เหรอคะ”
อินทัชกุมขมับ เวลานี้เขาไม่รักษาภาพลักษณ์อะไรแล้ว อลิษาคือคนที่รับมือยากที่สุดในโลก หมดปัญหาหนึ่งก็มีอีกปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น
“คุณหมอ เราใช้วิธีธรรมชาติกันนะคะ.. นะคะ ลูกได้จะได้มาไว ๆ ฉันไม่อยากฉีดยาด้วยอะค่ะ”
“ไม่มีทาง!” อินทัชปฏิเสธเสียงเสียงเข้ม “ผมจะสั่งยากระตุ้นไข่ให้คุณ เตรียมตัวฉีดได้เลย”
คุณหมอใจร้าย...
.
. . . . TBC(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก