ฉู่อินหยวนเดินตามหลังแม่นางน้อยมายังด้านหลังของหอเฟยเยียน นางมองไปรอบตัวด้วยความสงสัยว่าผู้ใดกันที่กล้าขอพบนาง
" คุณชายให้ท่านแม่ทัพไปรอด้านในเจ้าค่ะ " " ออ " แม่นางน้อยคนนั้นเพียงแค่เดินมาส่งแล้วก็ไป ฉู่อินหยวนเดินตรงไปยังศาลาด้านหน้าช้า ๆ พอเข้าไปด้านในก็ไม่เห็นจะมีใครเลยสักคน จะมีก็แต่กาน้ำชาที่ยังคงร้อนอยู่ ขนมน่าตาประหลาดอีกสองสามอย่าง และจดหมายอีกหนึ่งฉบับ นางหยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่านช้า ๆ ' ชะตาฟ้าลิขิต ไหนจะสู้ลิขิตด้วยมือของตนเอง ชาดี ก็คู่ควรกับคนที่ดี เอาไว้ค่อยพบกันใหม่ ' อะไรกัน นางอ่านข้อความในจดหมายซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ ก็พอจะรู้ว่าข้อความในจดหมายนั้นหมายถึงอะไร แต่ที่ยังไม่เข้าใจว่าใครกัน ที่เป็นคนส่งจดหมายมาให้นาง ตัวอักษรก็สวยงามและมั่นคง เหมือนดังนักปราชญ์สักคนเป็นคนเขียน แต่คนที่นางรู้จักคงไม่มีใครทำตัวลึกลับเช่นนี้ หรือว่ามีใครกำลังคิดที่จะติดสินบนนางกันแน่ แต่ใครจะไปสนกันล่ะ มีมิตรกฉู่อินหยวนเดินตามหลังแม่นางน้อยมายังด้านหลังของหอเฟยเยียน นางมองไปรอบตัวด้วยความสงสัยว่าผู้ใดกันที่กล้าขอพบนาง " คุณชายให้ท่านแม่ทัพไปรอด้านในเจ้าค่ะ " " ออ " แม่นางน้อยคนนั้นเพียงแค่เดินมาส่งแล้วก็ไป ฉู่อินหยวนเดินตรงไปยังศาลาด้านหน้าช้า ๆ พอเข้าไปด้านในก็ไม่เห็นจะมีใครเลยสักคน จะมีก็แต่กาน้ำชาที่ยังคงร้อนอยู่ ขนมน่าตาประหลาดอีกสองสามอย่าง และจดหมายอีกหนึ่งฉบับ นางหยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่านช้า ๆ ' ชะตาฟ้าลิขิต ไหนจะสู้ลิขิตด้วยมือของตนเอง ชาดี ก็คู่ควรกับคนที่ดี เอาไว้ค่อยพบกันใหม่ ' อะไรกัน นางอ่านข้อความในจดหมายซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ ก็พอจะรู้ว่าข้อความในจดหมายนั้นหมายถึงอะไร แต่ที่ยังไม่เข้าใจว่าใครกัน ที่เป็นคนส่งจดหมายมาให้นาง ตัวอักษรก็สวยงามและมั่นคง เหมือนดังนักปราชญ์สักคนเป็นคนเขียน แต่คนที่นางรู้จักคงไม่มีใครทำตัวลึกลับเช่นนี้ หรือว่ามีใครกำลังคิดที่จะติดสินบนนางกันแน่ แต่ใครจะไปสนกันล่ะ มีมิตรก
กู้ซีหยางเดินนำเข้ามาภายในห้อง นางยิ้มบาง ๆ เมื่อได้ยินเสียงคนที่อยู่ด้านในคุยกัน และมองสบตาองครักษ์คนสนิทของสหายนางที่เดินออกมา นางใช้นิ้วชี้ปิดปากตัวเอง บอกไม่ให้เขาพูด ดังนั้นเสี่ยวฮัวจึงทำความเคารพนางและบุรุษสูงศักดิ์ที่เดินตามหลังนางมา นางพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้กับองครักษ์หนุ่ม แล้วเดินเข้าไปด้านใน รอยยิ้มของนางที่หาดูได้ยากยิ่งกับปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานตั้งแต่นางมาถึงที่หน้าจวนแห่งนี้แล้ว แค่นางยิ้มทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะสดใสขึ้นทันที หาญจงอี้ หรือ องค์รัชทายาท องค์ปัจจุบันของแคว้นจงหนาน มองตามหลังสตรีตัวเล็กด้วยสายตาอบอุ่น ซึ่งนางยังไม่มีโอกาสได้เห็น เขาต้องทำทุกอย่างให้เหมือนกับว่าเขาแค่ทำไปตามหน้าที่ มิได้มีใจรักใคร่นางเลย เพราะเขามีศัตรูมากมาย ที่อยู่ในที่ลับและที่แจ้ง และมิอยากให้ใครรู้ว่าสตรีตรงหน้าเขานี้สำคัญเพียงใด เพราะมิอยากให้ใครมาทำร้ายนาง " ใครกัน ที่กล้ารังแกน้องชายของข้า " " พี่หญิงใหญ่ " " พะชายา /องค์ร
เมื่อมีแม่ทัพอินหยวนเป็นผู้นำทาง การเดินทางของขบวนทูตของแคว้นเหลียวจึงได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย แต่ในระหว่างทางที่ต้องเดินขบวนผ่านใจกลางเมือง ชาวบ้านมากมายก็จ้องมองมายังขบวนของพวกเขาด้วยความสายตาแปลก ๆ ไป๋มู่จินมองไปรอบ พร้อมกับสบตากับเสี่ยวฮัว ที่หันมาสบตากับเขาพอดี ทุกคนคงจะรู้สึกเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเท่านั้น แม้แต่คนที่อยู่ภายในรถม้าเองยังรู้สึกได้ เมื่อเดินทางมาถึงหน้าประตูวัง ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ความคับข้องใจที่มีมาตลอดทางนี้ พวกเขาได้แต่เก็บงำมันไว้ในใจเท่านั้น ทุกคนในขบวนถูกพามาที่เรือนรับรองที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี ภายในห้องที่มิดชิดของเรือนรับรอง ไป๋มู่จิน องค์ชายสาม และลู่เกาหย่งนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง " พี่มู่จิน ท่านว่าพวกเขาจะให้ข้าพบพี่หญิงใหญ่หรือไม่ " องค์ชายสามเอ่ยขึ้น เพราะเขาขอพบพี่สาวของตนทันทีที่มาถึง แต่กงกงของที่นี่กลับบอกว่าให้รอก่อน ตอนนี้เขาร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นห่วงพี่สาว " พวกเขาน่าจะรู
คนของหน่วยพยัคฆ์ที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว จึงหลบการซุ่มโจมตีนี้ได้และโต้กลับในทันที ทุกคนต่างก็มีอาวุธลับเฉพาะตัว พวกเขายิงอาวุธลับของตนย้อนกลับไปในทิศทางที่ถูกโจมตี ทำให้มีคนชุดดำหลายสิบคนตกลงมาจากหลังคาของเหลาอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก และปรากฏกลุ่มคนชุดดำอีกหลายสิบคนเข้ามาล้อมขบวนรถของพวกเขาเอาไว้ " ฆ่า " สิ้นเสียงของหัวหน้า กลุ่มคนชุดดำก็พูดตรงเข้าปะทะกับคนของหน่วยพยัคฆ์ในทันที ไป๋มู่จิน มองคนเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะตวัดดาบเข้าฟาดฟันกับศัตรูตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ คนชุดดำพวกนี้ต่างก็เป็นผู้มีฝีมือ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังด้อยกว่าคนของเขาอยู่ดี เพราะเพียงไม่นานคนของหน่วยพยัคฆ์ก็ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ชายชุดดำจึงถูกจะมารวมกันตรงกลางลานกว้าง " ใครส่งพวกเจ้ามา " ไป๋มู่จินเอ่ยถามคนพวกนั้นเสียงเรียบ เขามองสบตากับชายผู้หนึ่งที่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยความแค้นเคลือง คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงด้วยความสงสัย เพราะเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้
สายตาคมทอดมองใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนอกกว้างของตน ความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังพัฒนาไปในทางที่ดี ความรักกำลังเบ่งบาน แถมพวกเขากำลังจะมีพยานรักด้วยกันอีก ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากับมีเรื่องต้องเดินทางไกล ' มันใช่เวลาที่ไหน แถมเพื่อนร่วมเดินทาง ก็ยังชอบทำหน้าตากวนประสาทเขาอยู่เรื่อยอีก หากไม่ติดว่าเป็นพี่ภรรยาแล้วก็นะ ' และหากไม่ใช่เรื่องสำคัญล่ะก็ เขาไม่มีทางที่จะรับปากฝ่าบาทเป็นแน่ อีกทั้งเขาต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าสหายของเขา นางยังปลอดภัยดีหรือไม่ " นอนไม่หลับหรือเจ้าค่ะ " เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นข้างกายดึงสติของเขาให้กลับมา มือเรียวสวยสัมผัสใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา เขาจึงเอื้อมมือมาจับมือของนางมากุมไว้ " พรุ่งนี้เช้าจะต้องเดินทางแล้ว " " จะเดินทางก็ยิ่งต้องพักนะ " เขาพ่นลมหายใจออกมาเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น และกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น แต่ก็มิวายหอมแก้มนวลไปฟอดใหญ่ และตักตวงกลิ่นหอมจากคนในอ้อมแขน หลายเดือนมานี้เขากับนางตัวติดกันตล
ไป๋มู่จินนั่งลงตรงข้ามกับซานเป่าโจที่มาในนามของราชทูต พร้อมกับองค์ชายสาม เขามองสบตาองค์ชายสามเหมือนต้องการคำอธิบาย " นี่คือราชทูตคนใหม่ของแคว้นเหลียง ลู่ซีหยาง บุตรชายบุญธรรมของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย ลู่เกาหยง " เขากุมมือภรรยาของตนให้แน่นขึ้น น่าดูเหมือนว่านางจะหน้าซีด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ที่มากกว่านั้นคงจะเป็นเพราะ นางเพิ่งจะรู้ว่าสหายตรงหน้า ความจริงแล้วเขาเป็นใครมากกว่า " มา เรามาทานอาหารกันดีกว่า " เมื่อองค์ชายสามเอ่ยเช่นนั้นทุกคนในห้องจึงลงมือทานอาหารอย่างเงียบ ๆ องค์ชายสามหันไปมองสบตากับศิษย์พี่ของเขา เพราะเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องดูเงียบผิดปกติ แต่ศิษย์พี่ของเขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่จ้องมองราชทูตคนใหม่ ที่แอบมองฮูหยินน้อยอยู่เป็นระยะ ๆ แต่นางก็เอาแต่นิ่งเงียบและไม่พูดกับใครเลยแล้วจะครึ่งคำ ซานเป่าโจรู้ดีว่าสักวันวันนี้ต้องมาถึง แล้วเขาก็ทำใจเอาไว้แล้วว่า ยังจะต้องโกรธและเกลียดเขามากเป็นแน่ แต่ก็นึกไม่ถึงว่า เมื่อถึงเวลาจริง ๆ แล้ว เขากลับอ