ณ งานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ที่จัดขึ้นในโรงแรม ML โรงแรมชื่อดังระดับห้าดาวแห่งเมืองจินไห่ รถยนต์แบรนด์หรูคันใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนเข้าจอดเทียบหน้าประตูทางเข้างาน
ประตูรถถูกเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยความเย็นชาลงจากรถเป็นคนแรก จากนั้นก็มีหญิงสาวใบหน้าสวยหวาน ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาลงจากรถตามมา
เธอเอื้อมมือเรียวควงแขนชายหนุ่มเพื่อเดินเข้าไปในงาน พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้แขกในงานเป็นระยะ
“ประธานโม่ คุณนายโม่”
เสียงทักทายจากบรรดาแขกเหรื่อดังขึ้นตลอดทางเมื่อเห็นพวกเขา
พวกเขาก็คือประธานโม่เหยี่ยนแห่งบริษัทต้าเฉิง และหลี่ชิวโหรวภรรยาสาว
โม่เหยี่ยนเดินทักทายกับแขกคนอื่นอย่างเป็นกันเอง ไม่ว่าใครที่เข้ามาทักทายเขาก็พูดคุยอย่างสนิทสนม ปล่อยให้หลี่ชิวโหรวที่ควงแขนเดินก้าวเท้าตามเขารัวๆ
ลักษณะคล้ายกับว่าเขากำลังลากเธอให้เดินตาม โดยที่ไม่สนใจว่าเธอจะตามทันหรือไม่
หลายคนเห็นท่าทางของเขาก็ได้แต่สงสัย เมื่อก่อนประธานโม่เอาใจใส่ดูแลภรรยาสุดสวยคนนี้มาก เธอจะทำอะไรเขาก็ยอมเธอทุกอย่าง แต่มาวันนี้ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจเธอแม้แต่น้อย
หลี่ชิวโหรวที่สวมชุดเดรสเข้ารูปและรองเท้าส้นสูง เธอเดินตามสามีหนุ่มไม่สะดวกนัก เมื่อเขาก้าวเท้ายาวเดินด้วยความรวดเร็ว เธอจึงต้องเร่งฝีเท้าตามอย่างทุลักทุเล
“โอ๊ะ”
หญิงสาวก้าวเท้าพลาดทำให้ข้อเท้าพลิก เธอล้มลงกับพื้น มือที่เกี่ยวแขนสามีหลุดออกโดยที่เขาไม่คว้าตัวเธอไว้
“โอ้ย”
เสียงร้องครวญครางเจ็บปวดออกมาจากปากของหญิงสาว ร่างบางนอนอยู่บนพื้น มือบางเปลี่ยนเป็นกุมท้องของตน เหงื่อซึมเต็มใบหน้างาม
โม่เหยี่ยนเหลือบนัยน์ตาคมดูภรรยาสาว ก่อนตวัดสายตาสั่งให้เลขาส่วนตัวพยุงเธอขึ้น
ต่งเหอเก๋อ เข้าใจความหมายสายตาเจ้านายก็ก้มลงหมายจะพยุงหลี่ชิวโหรว เพียงแต่เมื่อเขามองดูชุดเดรสสีฟ้าอ่อนของเธอก็พบว่ามีคราบเลือดสีแดงสดเลอะเป็นวงกว้าง
มือหนาชะงักงัน “คุณนาย” เขาอุทานด้วยความตกใจ เงยหน้าไปทางโม่เหยี่ยนทันที
“คุณผู้หญิงตกเลือดครับ” เขารายงานสีหน้าเป็นกังวล
โม่เหยียนมองหลี่ชิวโหรวด้วยสายตาเย็นชา
“พาเธอไปโรงพยาบาล”
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในงานตัวคนเดียว ทิ้งต่งเหอเก๋ออุ้มภรรยาไปโรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน
เหตุการณ์เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาตกใจของแขกภายในงาน แต่ทุกคนต่างเงียบไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ ออกมา เพราะทราบดีว่าโม่เหยียนเป็นคนอารมณ์ร้อน รักแรงและโมโหร้าย ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าทำในสิ่งที่เขาอาจจะขุ่นเคือง
........
โรงพยาบาลประจำเมืองจินไห่
“โหรวโหรว เสียใจด้วยนะ”
เฉิงอี้หยวน นายแพทย์แผนกสูตินรีเวชพูดกับหลี่ชิวโหรว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสารเห็นใจ
หลี่ชิวโหรวไม่ตอบใดๆ เธอก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าสงสาร
“ลูก ลูกของฉัน”
“ยังเหลืออีกคน”
หมอหนุ่มกระซิบบอกเสียงเบา มือหนาวางบนไหล่ปลอบใจเธอ
หญิงสาวหยุดสะอื้น เงยมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ
“หมายความว่าอะไรคะ”
หลี่ชิวโหรวพอเดาได้ว่าตนเองตั้งครรภ์ เพราะประจำเดือนขาดสามเดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เนื่องจากรอให้โม่เหยี่ยนว่างเพื่อมาหาหมอพร้อมกัน
เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าในท้องตนเองเป็นลูกแฝด
“ลูกแฝดน่ะ เสียไปหนึ่งคน ยังเหลืออีกคน”
เฉิงอี้หยวนอธิบาย มือหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้เธอ
“พี่ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใครนะ”
หลี่ชิวโหรวรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา ดวงตาหวานเหลือบมองนอกห้องตรวจ
เฉิงอี้หยวนมองตามสายตาหญิงสาว เห็นเงาของ ต่งเหอเก๋อยืนรออยู่หน้าห้อง เขาพยักหน้ารับปาก
“เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องเอกสารให้ แต่เธอจะทำยังไงต่อ”
“ฉันจะหย่า”
หลี่ชิวโหรวเก็บอารมณ์เศร้าพูดด้วยความเด็ดเดี่ยว
........
วิลล่าของโม่เหยี่ยน
ชายหนุ่มสีหน้าเย็นชาถือโทรศัพท์ฟังรายงานของเลขา
“แท้งอย่างนั้นหรือ”
โม่เหยี่ยนเอ่ยถาม น้ำเสียงราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์
“ก็ดี”
เขากล่าวต่อสั้นๆ แล้วก็กดวางสายทิ้ง
“ลูกชู้ แท้งไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
ชายหนุ่มพูดพึมพำกับตนเอง ก่อนหยิบแก้วไวน์มาจิบราวกับไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ได้ฟังมาก่อนหน้า และเรื่องที่ฟังอยู่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
เดือนที่แล้วเขาได้คลิปมาจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ในคลิปปรากฏผู้หญิงใบหน้ารูปร่างคล้ายกับหลี่ชิวโหรวเปิดโรงแรมเข้าพักกับผู้ชายอื่น ซึ่งเป็นเวลาตรงกันกับที่เขาไปดูงานต่างประเทศพอดี
ไม่รู้ว่าแอบนัดกันอีกครั้งแล้ว คิดดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก
“ฉันนี่โง่เสียจริง ถูกสวมเขามาตั้งนาน”
........
สี่วันผ่านไป
หลี่ชิวโหรวออกจากโรงพยาบาลกลับวิลล่าของโม่เหยี่ยน เธอขึ้นไปบนห้องเก็บข้าวของเครื่องใช้ของตนเองใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“จะทำอะไร”
โม่เหยี่ยนเดินเข้ามาในห้องของเธอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตั้งแต่เห็นคลิปนั้น เขาก็แยกห้องนอนกับหลี่ชิวโหรว ภรรยาสาวไม่เอ่ยถามเหตุผลเขาสักคำ ทำให้เขาโมโห เข้าใจว่าเธอคงยอมรับกลายๆ และอยากไปอยู่กับชายชู้ใจจะขาด
“ย้ายออก”
หลี่ชิวโหรวตอบ ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มอย่างไร้เยื่อใย
ขอเธอแยกห้องนอนเธอไม่ว่า เธอล้มลงพื้นข้างกายเขา เขาก็ไม่คิดช่วยเหลือ เธอแท้งลูกของเขา เขาก็ไม่สนใจใยดี ไม่มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ปล่อยให้เธอนอนร้องไห้คนเดียวทุกคืน
ผู้ชายไร้หัวใจ เธอไม่ต้องการเขาอีกแล้ว
“ฉันจะหย่า”
“อืม ก็ได้ พรุ่งนี้ไปหย่ากันเลย” โม่เหยี่ยนตอบทันที
ในเมื่อเธออยากจะไป เขาก็ไม่คิดจะรั้งไว้ให้อยู่ข้างกาย
........
เมืองซิ่งชุน
คอนโดสุ่ยอัน
“ขอบคุณพี่นะ”
หลี่ชิวโหรวเข็นกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้อง ส่งสายตาขอบคุณไปทางเฉิงอี้หยวน
“ไม่ต้องขอบคุณ เรารู้จักกันมานานต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว อีกอย่างฉันมาทำวิจัยที่นี่อย่างน้อยก็สี่ปี มีเวลาให้โหรวโหรวพักผ่อนเต็มที่”
ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงอ่อนโยน
หลี่ชิวโหรวและเฉิงอี้หยวนเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม้จะเป็นเพื่อนคนละคณะ แต่ก็สนิทสนมกันอย่างมาก สนิทกระทั่งพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายต่างคิดว่าพวกเขาทั้งสองน่าจะได้ลงเอยกัน
ติดตรงที่เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย หลี่ชิวโหรวก็ได้พบรักกับโม่เหยี่ยน จากนั้นไม่กี่เดือนก็ตกลงแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว
ทำให้เฉิงอี้หยวนได้แต่เก็บความเศร้าไว้ภายในใจเพียงผู้เดียว
“ฉันเตรียมห้องนอนใหญ่ให้นะ พอลูกคลอดออกมาจะได้มีพื้นที่ใช้สอยกว้างๆ”
เฉิงอี้หยวนบอกหญิงสาว “ส่วนห้องนอนเล็กสองห้องฉันใช้เอง”
“ได้เลยค่ะคุณหมอ จะนอนจะนั่งทำงานห้องไหน เชิญเลยค่ะ”
หลี่ชิวโหรวหัวเราะในคำพูดและท่าทางของเขา
คงมีเฉิงอี้หยวนผู้นี้ ที่ทำให้เธอยิ้มออกมาได้ในวันที่หัวใจเจ็บปวดจนแทบเจียนตาย
........
บริษัทต้าเฉิง
ห้องทำงานประธานบริษัท
“เหอะ ไม่ยอมรับเงินหลังหย่า คอนโดที่ฉันให้ก็ไม่ไปอยู่ แต่ไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น”
โม่เหยี่ยนพูดนัยน์ตาแข็งกร้าว
“คุณนายอาจมีเรื่องจำเป็นก็ได้ครับ”
ต่งเหอเก๋อตอบ เขาเห็นโม่เหยี่ยนกับหลี่ชิวโหรวตั้งแต่เริ่มออกเดทด้วยกัน ชายหนุ่มหญิงสาวรักกันหวานชื่น ไม่มีท่าทีของการนอกใจเลยแม้แต่น้อย ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าคุณนายจะไปคบชู้กับคนอื่น
“ข้ออ้างทั้งนั้น”
โม่เหยี่ยนพูด มือหนายกขวดไวน์รินใส่แก้วก่อนดื่ม
“โหรวโหรว เหยียนเหยี่ยน”เสียงของมิ่งมิ่งดังขึ้นเรียกพวกเขาทั้งสองคนหลังพิธีเสร็จสิ้น“เรียกพ่อแม่แบบนี้ได้ยังไง ไม่น่ารักเลย”ซูเหม่ยบอกหลานชายตัวน้อย“พวกเขาแอบมาแต่งงานกันสองคน มิ่งมิ่งตัดขาดการเป็นพ่อแม่ลูกกับพวกเขาแล้ว”เด็กชายตัวน้อยใส่แว่นตาดำ เชิดหน้าใส่คู่บ่าวสาว“แอบตรงไหนกัน พ่อให้คนไปรับมิ่งมิ่งมานะ”โม่เหยี่ยนพยายามงอนง้อลูกชายเด็กชายมองลอดแว่น“น้องสาวอย่างน้อยหนึ่งคน แต่ถ้าแฝดด้วยก็ยิ่งดี”“ตกลง”โม่เหยี่ยนรับคำทันที“อะไร หมา
เมืองหมิงตูเมืองบนเขาขนาดเล็ก มีความเป็นชนบทค่อนข้างสูง คงเอกลักษณ์ท้องถิ่นอย่างเต็มเปี่ยมประชากรในเขตนี้จำนวนไม่มาก การคมนาคมขนส่งยังไม่สะดวกสบาย การเดินทางไปเรียนหรือไปโรงพยาบาลต้องใช้เวลานานโม่เหยี่ยนเดินทางมาเมืองนี้กับหลี่ชิวโหรวและต่งเหอเก๋อ เขาสำรวจรอบเมืองในเวลาสองวันก็สั่งต่งเหอเก๋อให้กลับจินไห่ไปเตรียมงานตามที่สั่งส่วนเขาและหลี่ชิวโหรวพักที่บ้านพักหลังไม่ใหญ่บนเนินเขา พื้นที่รอบบ้านเป็นสวนผักและสวนผลไม้ มีธารน้ำใสอยู่ไม่ไกล“ที่รักจะให้ทำผมอะไรบ้าง”ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าใกล้หญิงสาวตอนที่เธอกำลังเก็บผลไม้ข้างบ้าน“คุณสอนหนังสือได้มั้ย”หลี่ชิวโหรวถาม“แต่อย่าเลย คนอย่างคุณเดี๋ยวไปทำให้ค
‘อารมณ์ไหนเนี่ย’หลี่ชิวโหรวบ่นในใจ มือเรียวจูงเขาเข้าห้องนอนแล้วหยิบเสื้อผ้าในตู้เพื่อจะแต่งตัวให้เขาเธอหยิบเสื้อใส่ให้เขาอย่างคล่องแคล่ว แต่เมื่อสายตามองผ้าเช็ดตัวที่พันตรงบริเวณเอว ก็มีอาการลังเลเล็กน้อย“ใส่กางเกงกับกางเกงในเอง”หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อออกคำสั่งชายหนุ่ม“ไม่เอา งั้นก็ไม่ใส่”โม่เหยี่ยนทำท่างอนเดินไปนั่งบนเตียง ในหัวเริ่มคิดประมวลผลอย่างหนัก ถ้าเขาแกล้งเธอมากกว่านี้ พอเธอรู้ความจริง นอกจากจะง้อไม่สำเร็จ เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดอีกด้วยเพราะฉะนั้น โอกาสมีแค่ครั้งนี้จากนั้นค่อยไปขอไถ่โทษสำนึกผิดทีหลังหลี่ชิวโหรวทำหน้าหงุดหงิด หยิบกางเกงแล้ววางลงบนเตียง ขณะที่กำลังชั่งใจจะช่วยโม
“มิ่งมิ่งเลือกชุดว่ายน้ำได้หรือยัง”หลี่ชิวโหรวถามลูกชายแต่สายตากลับเหลือบมองผู้ชายตัวโตที่ยืนข้างเขา“มิ่งมิ่งเลือกชุดคู่ จะได้เหมือนกับพ่อ” “เหอะ ไม่เลือกชุดคู่กับแม่ล่ะ”เธอก้มหน้าถามมิ่งมิ่ง มือเรียวบีบแก้มเด็กชายด้วยความหมั่นไส้“ไม่ต้องห่วง ผมเลือกให้เอง”โม่เหยี่ยนยกแขนมาโอบไหล่เธอ“เลือกให้คุณด้วย”“ไม่ต้อง ฉันเลือกของฉันเองได้”หลี่ชิวโหรวปัดมือของเขาออกแล้วเดินไปบริเวณชุดว่ายน้ำสตรียังไม่ทันที่เธอจะเลือกชุดได้ โม่เหยี่ยนก็ให้มิ่งมิ่งวิ่งมาบอกเธอว่าพวกเขาเช่าชุดเรียบร้อยแล้ว
“คุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นเลย”โจวฟางฟางนั่งเอนศีรษะซบไหล่ของซ่งเวย มือของคนทั้งสองกุมกันแน่น“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณเลย ขอผมทำบ้างนะ”ซ่งเวยพูดออดอ้อนหญิงสาว“คุณทำเพื่อฉันกับลูกหลายอย่าง ฉันไม่ได้ตาบอดใจบอดจนมองไม่เห็นนะ”โจวฟางฟางบอกเสียงหวาน“คุณอุ้มท้องลู่ลู่ เลี้ยงดูมาดีขนาดนี้ ทั้งยังไม่คิดหาพ่อเลี้ยงให้เธอ ผมทำดีกับคุณมากขนาดไหนก็ไม่พอกับความดีของคุณ”โจวฟางฟางอมยิ้มกับสิ่งที่เขาพูด ดวงตากลมใสมองหน้าเขา“คุณอยากได้ของขวัญอะไรหรือคะถึงปากหวานขนาดนี้”ซ่งเวยเห็นสายตาที่เป็นประกายของโจวฟางฟาง ในใจก็สั่นควบคุมไม่ได้ เขากระซิบบอกเธอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“มิ่งมิ่งจะไปหาพ่อ”เด็กชายร้องเสียงดัง เขาเบะปากทำท่าจะร้องไห้ “ไม่ต้องไป เขาเป็นพ่อของเราจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้”ซูเหม่ยปรายสายตา พูดประชดอดีตลูกเขยของตน หลี่ชิวโหรวส่งเสียงทันใด“แม่ แม่กำลังกล่าวหาว่าหนูมีชู้อยู่นะ” ซูเหม่ยตกใจรีบปฏิเสธทันที“เปล่า ลูกสาวแม่ออกจะดี จะไปมีชู้ได้ยังไง มิ่งมิ่งก็ไม่ใช่ลูกชู้”เธอลูบผมหลานชายปลอบใจเขา “มิ่งมิ่งจะหาพ่อ ฮือ”