ทะเลงัวเงียลืมตาตื่น เพ่งมองหน้าเจ้าของเสียงที่คุ้นเคย ปรับโฟกัสสายตาได้จึงรีบหยิบแว่นสายตาที่ถูกถอดวางไว้บนหนังสือปกแข็งขึ้นมาสวม พอเห็นชัดๆ ว่าใครก็ถึงกับตาเบิกกว้าง
“ครูเอ”
“ครับ ครูเลไปทำอะไรกับใครมาเอ่ย ดูท่าหลับเพลินเลย”
“เปล่าครับ แต่ครูเออย่าเพิ่งเรียกผมว่าครูเลย ผมยังเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวเอง”
“อีกเดี๋ยวก็ใช่ ได้ยินว่ายื่นสมัครที่นี่ด้วยไม่ใช่เหรอครับ”
“ครับ แต่ยังไม่มีตำแหน่งว่างเลย”
“ไม่เป็นไร ผมว่าครูเลได้อยู่แล้วล่ะ ผมเรียกไว้ให้ชินก่อนน่ะครับ”
“แหม ครูเอก็...” ทะเลตอบเขินๆ
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกชื่ออย่างสนิทสนมฉีกยิ้มกว้างขณะก้มหน้ามอง ทำให้ทะเลเขยิบตัวขึ้นนั่งหลังตรงด้วยความตกใจ
“ตกลงเมื่อคืนไปทำอะไรกับใครมาครับ”
“เปล่า เปล่า ผมไม่ได้ทำอะไรกับใครเลยจริงๆ ครับ”
ทะเลโบกมือปฏิเสธอย่างไว หน้าแดงแก้มแดงจนครูหนุ่มยื่นหน้ามาใกล้จนทะเลถึงกับผงะ
“งั้นแสดงว่าครูเลยังไม่มีใคร”
“อะไรนะครับ”
ทะเลยิ้มเก้อ ไม่กล้าสบตาครูพละหนุ่มด้วยซ้ำเพราะกลัวจะสงสัยว่าทำไมคนกระตือรือร้นกับการทำงานอย่างเขาถึงตกอยู่ในโหมดง่วงเหงาหาวนอนได้ ก็เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงคอนโดมิเนียมที่แม้จะอยู่ติดโรงเรียน แต่เขาก็นอนไม่หลับ ดันฝันซะได้
ฝันอะไรไม่ฝัน!
ดันฝันต่อว่าโดนเด็กที่ไหนก็ไม่รู้จู่โจมจูบ ไม่จูบเปล่าแถมยังดีพคิสเข้าให้ ไม่พอเด็กคนนั้นยังปลดเปลื้องเขาในฝันจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน แล้วทำอะไรต่อมิอะไรเลยเถิดเกินพอดี ดีนะที่ทะเลตื่นซะก่อนจะฝันเวิ่นเว้อไปไกลกว่านั้น ทะเลอกใจเต้นรัวกว่าจะหลับลึกได้ก็น่าจะค่อนรุ่งไปแล้ว
โอ๊ย!!
อิฝันบ้าบอ!
ทะเลสะบัดหน้าแรงๆ ไล่ความรู้สึกเหมือนเลือดสูบฉีดบนใบหน้าอย่างรุนแรง จนกระทั่งเสียงเรียกเดิมดังขึ้น
“ครูเลครับ”
“ครับ!”
“ผมก็ว่าครูเลดูหน้าฟินๆ ไงไม่รู้นะครับ หรือว่าใจลอยคอยใครอยู่เอ่ย”
“ผมเปล่าฟิน! ผมไม่ได้อะไรกับใครที่ไหนทั้งนั้นเลยครับ”
“ครับๆ แต่ผมว่าครูเลกำลังคิดถึงแฟนแน่ๆ เลย”
“โธ่! แฟนที่ไหนกันล่ะครูเอ ผมยังไม่มีซะหน่อย”
“งั้นผมก็จีบครูเลได้สิครับ”
“ได้สิครับ เอ๊ย! ไม่ใช่”
ทะเลตะกรุบปากตัวเองด้วยความอับอายเพราะเผลอพูดอะไรน่าอายออกไป
แต่...
“จีบกันเสร็จแล้วถอยหน่อย ผมมาคืนหนังสือ”
เสียงทุ้มที่ดังด้านหลังทำให้เอราวัฒน์ยิ้มค้างกับทะเลแล้วรีบหลีกมายืนข้างเคาน์เตอร์ทันทีที่หนังสือเล่มหนาถูกวางอย่างแรงหน้าเคาน์เตอร์โดยไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทั้งสองสะดุ้ง
“วางไว้ได้เลย นักเรียน”
ทะเลปั้นหน้านิ่งก่อนจะหยิบหนังสือจากเคาน์เตอร์ลงมาทำเรื่องคืน แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะยังยืนอยู่ เขาจึงรีบเช็คแล้วบอก “เล่มนี้อยู่ในระบบไม่มีทำเรื่องยืมออกไปนี่”
“ก็ยืมเมื่อคืนนี้ไง ลืมแล้วเหรอ... หนูคิตตี้”
เด็กหนุ่มตอบเสียงทุ้ม แต่คำว่าคิตตี้เบาหวิวจนทะเลถึงกับสะดุ้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเด็กคนนั้นเดินหันหลังออกไปไวๆ แล้ว เหลือไว้ก็แต่เอราวัฒน์ครูพละหนุ่มที่ยืนทำหน้างงๆ อยู่
“เด็กห้องไหนเหรอครูเล”
“ผมก็ไม่รู้” ทะเลตอบงงๆ
แต่จู่ๆ เด็กหนุ่มก็เดินกลับเข้ามาหยุดหน้าเคาน์เตอร์ จนทะเลต้องสะดุ้งอีกหนเพราะไม่ทันตั้งตัว เขาเงยหน้าขึ้นมองแต่พบว่าเด็กหนุ่มสวมหมวกปีกปิดบังใบหน้าลงมากว่าครึ่ง เขาพยายามนึกว่าเคยเห็นหน้าเด็กคนนี้ที่ไหนแต่ก็จำไม่ได้
“ไม่คิดว่าครูจะเป็นคนลืมง่าย เสียแรงที่ผมคิดว่าครูน่าสนใจ”
“โหวววว” เอราวัฒน์อุทาน จ้องเด็กหนุ่มงงๆ ไปด้วย ไม่คิดว่าบรรณารักษ์หน้าจืดดูเรียบๆ ไร้รสนิยมจะถูกเด็กนักเรียนพูดเหมือนเกี้ยวพาราสีโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
แต่คนที่ช็อคกว่าก็คือทะเล
“นะ นายพูดอะไร” ทะเลถามขณะอีกฝ่ายยื่นหน้ามาใกล้ จนได้ยินเสียงหัวเราะเยาะหยันเบาๆ กลับมา
“ก็บอกว่าเอาหนังสือมาคืนไง”
“คืนแล้วก็ไปสิ”
“ไปอยู่แล้ว ไมได้อยากอยู่ดูคนจีบกันสักหน่อย”
“นี่เจ้าหนูรู้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร” เอราวัฒน์โพล่งขึ้น แต่ต้องหน้าหงายกับคำพูดต่อมาของเด็กหนุ่ม
“ผมไม่ได้พูดกับครู”
“นี่ นาย!”
“ครูเอครับ คนมอง” ทะเลท้วงเพราะเสียงอันดังแปดหลอดสิบหลอดของเอราวัฒน์ทำให้นักเรียนที่ใช้บริการห้องสมุดต่างหันมามองเป็นตาเดียว
“เอ่อ... โทษทีครับ ลืมตัว” เอราวัฒน์แก้เก้อ พอๆ กับทะเลที่ยิ้มแหยๆ ตอบ
แต่จู่ๆ ทะเลก็ต้องผงะเมื่อเด็กหนุ่มก้มหน้าผ่านเคาน์เตอร์ลงมากระซิบ
“คืนนี้ผมจองนะครู”
จองอะไร...
ทะเลถึงกับงงหนัก กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อเขาผละออกไปแล้ว
“เดี๋ยว นักเรียน!”
ทะเลผุดลุกแล้วร้องเรียกแต่เด็กหนุ่มไม่หยุด เขาตั้งท่าจะออกไปตามแต่กลับถูกกั้นทางเดินไว้ด้วยครูพละหนุ่มที่ไม่ปล่อยไปง่ายๆ
“ช่างเด็กมันก่อน ไม่รู้เพ้อเจ้ออะไร ว่าเรื่องของเราต่อดีกว่านะครับ ครูเล”
“เรื่องของเราอะไรอีกครับ”
“ก็ที่ผมบอกไว้เมื่อวานไง”“เรื่องเมื่อวานคือ...”
ทะเลถึงกับงง จำไมได้ด้วยซ้ำว่าไปตกลงอะไรกับครูเอราวัฒน์กันแน่
“โธ่ ครูเลคนดีของผม ทำไมเป็นคนลืมง่ายขนาดนี้”
เอราวัฒน์ทำเสียงอ้อนๆ เท่านั้นทะเลก็นึกได้
“ปากหวานตอนจะใช้เนี่ยนะครับ”
“อิน!”“อินจัดการเอง”“แต่พี่ว่า...”“เถอะน่า...”แอลกระซิบแล้วก้าวผ่านอาคเนย์ที่ยืนนิ่งงันอยู่มาเผชิญหน้ากับเนติมาด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เพียงแค่สบตาป้าครูที่เคารพรักเมื่อครั้งยังเด็ก เขาก็มือไม้สั่น แต่ก็กัดฟันสู้เพี่ออาคเนย์“ป้าครูครับ ผมขอโทษที่ทำผิดต่อป้าครูกับคุณลุงอีกแล้ว แต่อินรักพี่เนจริงๆ เราสองคนรักกันครับ”แอลไม่พูดเปล่า พนมมือไว้แล้วทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าเนติมา ท่ามกลางความตกตะลึงของวาสนาและอาคเนย์“ผมขอโทษที่ทำให้พี่เนเกือบตาย แต่ผมอยากขอร้องป้าครูว่าอย่าดุด่าพี่เนเลยนะครับ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผมเองที่กลับเข้ามาในชีวิตพี่เน ผมลืมพี่เนไม่ได้ ผมรักพี่เนจริงๆ ผมขอโทษที่ดื้อรั้นไม่รักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับแม่ว่าจะไม่มารบกวนพี่เนอีก ผม ผม...” แอลพูดแค่นั้นก็ก้มหน้าน้ำตาไหลวาสนาเห็นลูกชายที่ปกติดื้อรั้นเป็นนิสัยใครว่าก็ไม่ฟัง ยอมก้มหัวอ่อนข้อร้องไห้ฟูมฟายให้กับความรักก็ถึงกับน้ำตาคลอเป็นเธอเองสินะ... เธอเองที่ทำร้ายความรู้สึกลูกชายคนเดียวของเธอตลอดมาวาสนาอยากจะทำเพื่อลูกสักครั้งด้วยการขอร้องเนติมาอีกแรง แต่ถูกตัดหน้าด้วยอาคเนย์ที่ทรุดนั่งลงคุกเข่าเคียงข้างแอล
วาสนาเห็นท่าทีของสามีแล้วลอบถอนใจ นิสัยน่าเบื่อคงส่งผ่านดีเอ็นเอไปหาปองพลที่เป็นคนประเภทเดียวกัน เพียงแต่ปองพลมุทะลุและคิดว่าตัวเองมีปมด้อยมากมายจนลืมไปว่าเพราะตัวเองด้อยค่าตัวเองทั้งที่มีมากกว่าคนอื่นมากนัก สุดท้ายก็เอาดีไมได้ต้องซังกะตายอยู่ในคุกอีกนานวาสนาหันไปเปิดประตูรถแล้วหยิบตะกร้าผลไม้ใบใหญ่ออกมาแล้วยื่นให้เนติมา“นี่ค่ะ แทนคำขอบคุณที่อาคเนย์ช่วยฉันกับลูก แล้วก็เอาของเยี่ยมมาขอโทษอาคเนย์กับคุณสองคนด้วยค่ะ คือ...” วาสนาพูดแค่นั้นก็เหลือบไปมองสามีที่ยืนถือไม้เท้าหน้าเชิดไปอีกทางด้วยความระอาก่อนเอ่ย “แล้วก็อยากพาเขามาขอขมาคุณที่ลูกชายเขาเกือบทำให้อาคเนย์ต้อง...”“โธ่ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตาเนสบายดีแล้วค่ะ” เนติมาตอบพลางรับกระเช้าส่งให้สามีอีกต่อ อรรถจึงรับกระเช้าไปแล้วผายมือเชิญ“แทนที่จะคุยกันหน้าบ้านแบบนี้ ผมว่าเชิญคุณสองคนที่บ้านดีไหมครับ ตาเนน่าจะอยู่บนบ้าน เดี๋ยวผมเรียกให้ลงมา”“ดีเหมือนกันจ้ะพ่อ” เนติมาตอบรับแรกทีเดียววาสนาลังเล เพราะเวลาที่ผ่านไปนานอาจทำให้รอยร้าวประสานยากอยู่สักหน่อย ถึงแม้จะรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเธอมุทะลุและใจเร็วเกินไปพอทางปู่ย่าของแอลติดต่อมาว่าอดีตส
คนที่เคลื่อนท่อนอุ่นอยู่นั้น หัวเราะน้อยๆ และนำพาอินทัชไปเจียนจะแตะจุดสุดยอด แอลตัวโยกสั่นคลอนซ่านสยิวหนัก เขารับรู้ได้ว่าร่างกายตนเป็นเหมือนอาหารจานโปรดของอาคเนย์ “ไปต่อที่เตียงกันนะ” “อือ...”แอลครางไม่เป็นภาษาแล้วคราวนี้เพราะอาคเนย์ซึ่งแข็งแรงมากไม่ยอมปล่อยลง ยามนี้แอลจึงถูกล็อกขาทั้งสองข้างให้ลอยเหนือพื้นหนักกว่าเดิมไม่พอยังแยกกว้างเป็นรูปตัวเอ็มยิ่งกว่านั้นมีแก่นกายอีกฝ่ายสอดใส่ด้านในตัวเขาและขยับโยกไม่หยุด แอลเจ็บร้าวแต่ก็หฤหรรษ์อย่างถึงที่สุด เขาไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองกระจกตามที่อาคเนย์กระซิบบอก เขาขัดเขินอย่างที่สุด ปากก็แผดร้องราวกับกำลังเสพของเผ็ดร้อน เขาส่งเสียงหวานผสมการร้องบอกว่าคลั่งไคล้รสชาติการมีเซกส์ในครั้งนี้ยังไง “อื้อ... ไปถึงเตียงให้เร็วกว่านี้อีก เร็วๆ หมีน้อยอินไม่ไหว หมาใหญ่เนแสนดี บอกรักหมีน้อยอินไวๆ นะครับ อื้อ” “ได้สิ จัดไป” อาคเนย์กระซิบเสียงแผ่ว ไอร้อนผะผ่าวเป่ารดหูแอลจนเผลอหัวเราะออกมาด้วยความจั๊กจี้ พอไปถึงเตียงร่างของแอลก็ถูกวางด้วยความนุ่มนวล ทว่าแก่นกายอีกฝ่ายที่อยู่ข้างในตัวนั้น กร
“ได้เลย บอกไว้ก่อนนะว่าพี่ยอมให้หางหมีอันนี้เท่านั้นที่จะเข้าไปอยู่ข้างในตัวอินได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นรับรองว่าไม่มีทาง” พูดจบหางหมีแสนน่ารักก็ถูกส่งเข้าไปในช่องรัดแน่นอย่างพอเหมาะพอดี แอลอึดอัดในตอนแรกก่อนจะเสียวซ่านสยิวเมื่ออาคเนย์ระดมจูบแผ่นหลังของเขารัวๆ พร้อมกับมือที่สาวแก่นกายให้ไม่หยุด ในตอนนี้แอลหวิดปล่อยความขาวข้นออกมาระรอกใหญ่แต่... “จะออกแล้วเหรอ”“อือ พี่เนแกล้ง” แอลตัดพ้อ“แต่หมาใหญ่ตัวนี้ไม่ยอมให้หมีน้อยขึ้นสวรรค์ก่อนหรอกนะ”“งื้อ งั้นก็รีบเข้าสิ” อาคเนย์ฟังแล้วหมั่นเขี้ยวสุดๆ ไม่กี่อึดใจต่อมาอาคเนย์ก็พลิกตัวแอลกลับมาเผชิญหน้าแล้วอุ้มร่างบอบบางที่กระโจนกอดเขาทั้งตัวไม่พอยังยกขาสองข้างกอดเอวเขาไว้ราวกับลูกหมีโคอาล่า ไม่นานต่อมาทั้งสองก็ไปหยุดอยู่บนโซฟาเบดตัวเก่าที่ทั้งกว้างและใหญ่ “พี่เน ตรงนี้เหรอ” “อือ พี่ชอบ” “แต่ตรงนี้เป็นที่เราทำการบ้านเมื่อตอนเด็กๆ นะ” “ก็ไม่เห็นเป็นไร ตอนนี้พี่จะทำการบ้านแบบผู้ใหญ่กับอินที่นี่ไง” “โว๊ย! พี่เน ทะลึ่งอีกแล้ว” แอลพูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะคราวนี้อาคเน
“ไม่เรียกหมาใหญ่แล้วเหรอ”“อื้อ อย่ามาแกล้งอินนะ” แอลตอบสีหน้างอนๆ เพราะเหมือนกำลังถูกอาคเนย์แกล้งพาขึ้นสูงสุดจู่ๆ ทิ้งดิ่งราวกับรถไฟเหาะตีลังกาแต่ทว่า...“เตรียมใจได้เลย หมาสุดหล่อตัวนี้จะเลียจะดูดจะกินน้ำผึ้งจากหมีน้อยอินจนหมดทั้งตัวเลย”“โหย ฟังแล้วกลัวจังเลย” แอลหยอกเย้า ยามนี้เขากลายเป็นหมีน้อยสุดน่ารัก ส่วนอาคเนย์คือหมาหื่นตัวโตๆ ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่ไม่ได้กลัวแต่กลับยินยอมพร้อมใจ ยามนี้พวกเขากำลังสร้างความสุขให้แก่กัน “ตรงนี้นะ” “เฮ้ย! ใม่เอา เดี๋ยวแม่พี่เนมาเห็น” “พ่อกับแม่พี่ไม่อยู่” “ไปไหน” “ไปวัด อย่าถามมากความเลยน่า” อาคเนย์ว่าพลางมือก็เลื่อนลงมาจะปลดกระดุมกางเกงยีนส์อีก “ได้ไงอะ ไม่เอาตรงนี้ เผื่อมีคนเห็น” แอลร้องห้ามแต่อาคเนย์หรือจะฟัง ยามนี้ในบ้านหลังนี้มีเพียงเขากับแอลที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง และเขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วชายหนุ่มปัดมือคนตัวเล็กกว่าที่ตะครุบมือเขาไว้ แล้วปลดตะขอกางเกงออกช้าๆ แล้วซุกหน้ากับเป้ากางเกงบ็อกเซอร์ซึ่งส่วนที่ยืดได้พองได้กำลังขยายคับแน่นไปหมด“พี่เน... อย่า
ชายหนุ่มนึกสังหรณ์ใจจึงผลุนผลันออกจากห้องโดยไม่ลืมคว้าตุ๊กตาหมีตัวเก่งที่ลูกหมีน้อยของเขาทำตกไว้ ซึ่งเป็นเวลานานแล้วที่เขาวางมันทิ้งไว้ในซอกมุมหนึ่งแต่ไม่เคยลืม เพราะมีความรู้สึกหลากหลายที่ผูกพันกันไว้ ยามนี้อาคเนย์หัวใจเต้นแรงจนอดใจไม่ให้รีบไปดูให้รู้แน่แก่ใจว่าจะใช่แอลจริงหรือไม่ เขาต้องไปดูให้เห็นกับตา... ก่อนออกจากห้อง อาคเนย์นึกอะไรได้จึงเปิดลิ้นชักหัวเตียงคว้ากระเป๋าหิ้วใบเล็กติดมือมาด้วย วันนี้ล่ะที่เขาจะได้ใช้มัน อาคเนย์ไม่มีแล้วซึ่งความใจเย็นเข้าตามตรอกออกตามประตู เขาหิ้วน้องหมีปีนข้ามรั้วมายังบ้านของแอล พอกระโดดผลุงลงพื้นน้องหมีก็กระเด็นออกจากมือจนรีบตะครุบแทบไม่ทัน นึกสภาพอินทัชตอนเด็กที่อุ้มน้องหมีปีนรั้วไปหาเขา คราวนี้เขาเป็นฝ่ายปีนหาบ้าง... แอลหรือลูกหมีอินทัช น้องน้อยของพี่เนแอบมองอีกฝ่ายทำท่าทีลุกลี้ลุกลนแล้วอดขำไม่ได้ เขาลอบมองอาคเนย์ผ่านม่านหน้าต่างที่ปิดไว้แน่นหนายิ่งอีกฝ่ายทำเรื่องโลดโผนด้วยการปีนรั้วเข้ามาที่บ้าน แอลก็ยืนมองเฉยๆ ไม่ไหวเปิดประตูผลุงออกมาทันทีที่อาคเนย์มาหยุดยืนหน้าบ้านสองจิตสองใจอยู่ “จ๊ะเอ๋! พี่เน