ทะเลอดหัวเราะไม่ได้ ขนาดเห็นหน้าแวบๆ จากแสงสลัวในความมืด ทะเลก็รู้สึกว่าเขาดูดี แต่จะดีกว่านี้หากไม่ยกหางตัวเองแบบนี้
“ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“ทำไม สนใจเหรอ”
“บ้านนายดิ” ทะเลโพล่งตอบ
ไอ้คนหลงตัวเอง...
“ครูไม่ต้องห่วงว่าจะติดเชื้อบ้าจากผมล่ะ ถึงจะโดนหมาหมู่รุมกัดมาแต่ผมจำได้ว่าไม่ได้กัดครู อย่างมากก็แค่รู้สึกว่าปากครูก็หอมดีนะ”
“หอมเหรอ หมายความว่าไง”
เด็กหนุ่มถูมือขวากับอกเสื้อไปมาล้อเลียน ทะเลหน้าม้านเพราะเมื่อครู่มือนี้ที่ปิดปากเขาแน่นแทบหายใจไม่ออกนั่น...
“อะ ไอ้บ้า!”
“ไปนะ หนูคิตตี้”
“นี่! เดี๋ยวสิ นาย! แล้วหนังสือที่ถือไปน่ะ ยังไง...”
“ไว้เอามาคืน”
ทะเลมองตามมือไหวๆ ที่ยกหนังสือสันเท่าก้อนอิฐขึ้นโบกเหนือหัวไม่บ่งบอกว่าสะทกสะท้านใดๆ กับความผิดที่ก่อไว้ เขารู้สึกคุ้นท่าทีแบบนี้มากกว่าเดิม เหมือนจะไม่ใช่แค่เด็กนักเรียนเกเรในโรงเรียน แต่เขาเหมือนจะเคยพบคนลักษณะเช่นนี้มาก่อนเมื่อไม่นานมานี้เอง
ว่าแต่ว่าเขาเป็นใครกัน...
ทะเลมองตามเด็กคนนั้นไปจบลับสายตา ขณะจะก้าวออกจากห้อง เขาก็เห็นแว่นสายตากรอบเงินวางตั้งอยู่บนโต๊ะ เงาวับแวววาวของมันสะท้อนผ่านตาของเขาแวบหนึ่ง
ทะเลจำได้ว่ามันคือแว่นของเขาที่ทำพังหล่นหายไปเมื่อวานนี่นา...
บ่ายวันเสาร์...
หลังจากผ่านเรื่องระทึกขวัญเมื่อสองวันก่อน ทะเลก็ตั้งใจว่าจะพักผ่อนให้เต็มที่สักวัน เขานอนไม่ค่อยหลับ เอาแต่ครุ่นคิดถึงแว่นตาที่จู่ๆ ก็มาอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา พร้อมกับการมาเยือนของเด็กหนุ่มนิรนามสุดแสนจะกวนบาทาคนนั้น
ว่ากันว่านักรบย่อมมีบาดแผล เด็กนั่นก็คงพอกัน ท่าทางคงขาไฟต์ไม่เบา
ทะเลเดินลงมาซื้อข้าวกล่องหน้าคอนโดมิเนียม เขาเดินผ่านป้อมยามที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ทันจะถึงหน้าถนนทะเลโดนเรียกไว้เสียก่อน
“ครูครับ”
ครูอีกแล้ว...
เขาไม่ใช่สักหน่อย ทั้งที่อยากเป็นครูใจจะขาด แต่โรงเรียนที่สมัครก็ยังไม่เรียกตัว
สงสัยจะแห้วซะแล้ว...
ทะเลถอนหายใจเซ็งๆ หันไปหาต้นเสียงก็พบ รปภ.หนุ่มใหญ่ใจดีคนเดิมยืนยิ้งแฉ่งรออยู่
“อ้าว! พี่ มีอะไรครับ”
“นี่ครับ”
“อะไรครับ”
“ลูกสาวผมฝากมาให้ ครูรับไปสิครับ”
ทะเลรับถุงพลาสติกสีขาวขุ่น เปิดออกดูพบว่าด้านในบรรจุกล่องอาหารทรงกลมกำลังอุ่นอยู่
หอมจัง...
“เนื่องในโอกาสอะไรครับเนี่ย”
“แกฝากมาขอบคุณที่ครูเอาหนังสือไปให้เด็กๆ ที่ชุมชน แกเกรงใจที่ทำให้ครูโดนเด็กพวกนั้นซ้อมเอาน่ะครับ”
“โธ่ ไม่เป็นไรเลยครับ”
“ครูอุตส่าห์มีน้ำใจ ผมต้องขอบคุณแทนลูกสาวมากๆ นะครับ หากไม่ได้ครูช่วย แกคงแย่”
อันที่จริงไม่ใช่แค่เขาสักหน่อย...
ผู้ชายที่ขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่คนนั้นต่างหากที่มาช่วยทั้งเขาและสาวน้อยคนนั้น...
ทะเลยิ้มแหยๆ เพราะรู้แล้วว่าเด็กสาวที่เขาช่วยไว้จากการถูกลวนลามคือลูกสาวของ รปภ. นี่เอง
“ฝากขอบคุณลูกลุงด้วยนะครับ”
“ครับครู”
ทะเลหันกลับขึ้นไปบนห้องพร้อมถุงบรรจุอาหารที่ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เขาก็ดีใจที่จะได้ประหยัดและไม่ต้องออกไปหาของกินให้ยุ่งยากอีก
เช้าวันจันทร์...
ทะเลก็ต้องพบกับเรื่องปวดหัว เพราะได้รับมอบหมายให้เอาหนังสือไปบริจาคที่ห้องสมุดชุมชนถัดไปไม่ไกลจากโรงเรียนอคิราห์วิทยาอีกตามเคย
ทำไมอีเวนท์การกุศลโรงเรียนนี้เยอะจังวะ...
ทะเลได้แต่นึกในใจขณะหอบกล่องกระดาษขนาดใหญ่เดินลัดเลาะไปทางตรอกที่เขาใช้เป็นเส้นทางไปกลับคอนโดมิเนียมเป็นประจำ
ระหว่างเดินก็บังเอิญเจอกับขาใหญ่ประจำโรงเรียนที่กำลังกลั่นแกล้งเด็กคนหนึ่งในชุมชนอยู่ ทะเลรีบรุดเข้าไปห้ามปรามเพราะไม่อาจนิ่งดูดาย
“นี่นักเรียน หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ทะเลร้องลั่น ทำให้หนึ่งในกลุ่มเด็กเกเรชะงัก
“เอ้า แว่น มาอีกละเหรอ”
“เรียกใครแว่น”
“ก็ครูแว่นจอมเสือกไง”
หนอย...
ไอ้เด็กนี่ ปากหมามิใช่น้อยจริงๆ...
ทะเลฉุน แต่ตัวหัวโจกไม่เกรงกลัว ปล่อยมือจากคอเสื้อเด็กชายจนล้มลงไปกองกับพื้น ทะเลรุดเข้าประคอง
“เป็นไรมากไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ครู”
“แน่นะ”
“ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”
เด็กชายปฏิเสธเสียงสั่นไม่พอยังส่ายหัววืด ก้มหน้างุดหลบตาพวกเด็กเกเรที่กำลังตรงเข้ามาจะคว้าคอเสื้ออีก
แต่ทะเลหรือจะยอม...
“เธอกลับไปก่อนไป”
“แต่ครู”
“เอาน่า เชื่อครู”
ทะเลรับสมอ้างแล้วโบกมือไล่ส่ง เด็กชายลังเลอยู่ครู่ก็วิ่งจ้ำอ้าวออกไป ทะเลวอร์มหมัดกำลังตั้งท่าจะโต้ตอบ ก็พอดีกับรถยนต์สีดำคันยาวมันปลาบแล่นผ่านมา เด็กเกเรเห็นดังนั้นก็ต่างพากันเลิ่กลั่ก
“เฮ้ย! พ่อมา! สลายตัวเว้ย!”
เด็กหัวโจกตะโกนสั่งก่อนจะรีบสลายตัวอย่างไวจนทะเลถึงกับงงเพราะเงื้อหมัดแมวค้าง ยังไม่ทันได้ทำอะไร
“ใครวะ!”
ทะเลมองตามรถคันยาวมันปลาบคันนั้นไป ก่อนจะต้องตาค้างเพราะเห็นเลขทะเบียนรถแล้วเริ่มจำได้
นั่นมันรถ ผอ. นี่นา!
เด็กนั่นเป็นลูก ผอ.เหรอ!
ซวยแล้วเรา...
วันนั้น ทะเลไม่ค่อยสบายใจ เพราะไม่อยากตกงานกลางคันหากมีเรื่องกับลูกชายผอ. ที่เค้าว่ากันว่าเกเรที่สุดในย่านนี้ ครูคนไหนมีเรื่องด้วยไม่แคล้วโดนไล่ออก ไม่ก็มีอันต้องเฟดตัวออกไปเอง
แล้วเขาที่เป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวล่ะ...
จะเหลือเหรอ...
ทะเลกลับเข้าโรงเรียนตอนบ่ายแก่ๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย พอนั่งประจำที่ได้ เขาก็เผลองีบหลับไปโดยไม่รู้ตัว กระทั่ง...
“ครูครับ… ครูเล”
“ทะเล”
“อิน!”“อินจัดการเอง”“แต่พี่ว่า...”“เถอะน่า...”แอลกระซิบแล้วก้าวผ่านอาคเนย์ที่ยืนนิ่งงันอยู่มาเผชิญหน้ากับเนติมาด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เพียงแค่สบตาป้าครูที่เคารพรักเมื่อครั้งยังเด็ก เขาก็มือไม้สั่น แต่ก็กัดฟันสู้เพี่ออาคเนย์“ป้าครูครับ ผมขอโทษที่ทำผิดต่อป้าครูกับคุณลุงอีกแล้ว แต่อินรักพี่เนจริงๆ เราสองคนรักกันครับ”แอลไม่พูดเปล่า พนมมือไว้แล้วทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าเนติมา ท่ามกลางความตกตะลึงของวาสนาและอาคเนย์“ผมขอโทษที่ทำให้พี่เนเกือบตาย แต่ผมอยากขอร้องป้าครูว่าอย่าดุด่าพี่เนเลยนะครับ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผมเองที่กลับเข้ามาในชีวิตพี่เน ผมลืมพี่เนไม่ได้ ผมรักพี่เนจริงๆ ผมขอโทษที่ดื้อรั้นไม่รักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับแม่ว่าจะไม่มารบกวนพี่เนอีก ผม ผม...” แอลพูดแค่นั้นก็ก้มหน้าน้ำตาไหลวาสนาเห็นลูกชายที่ปกติดื้อรั้นเป็นนิสัยใครว่าก็ไม่ฟัง ยอมก้มหัวอ่อนข้อร้องไห้ฟูมฟายให้กับความรักก็ถึงกับน้ำตาคลอเป็นเธอเองสินะ... เธอเองที่ทำร้ายความรู้สึกลูกชายคนเดียวของเธอตลอดมาวาสนาอยากจะทำเพื่อลูกสักครั้งด้วยการขอร้องเนติมาอีกแรง แต่ถูกตัดหน้าด้วยอาคเนย์ที่ทรุดนั่งลงคุกเข่าเคียงข้างแอล
วาสนาเห็นท่าทีของสามีแล้วลอบถอนใจ นิสัยน่าเบื่อคงส่งผ่านดีเอ็นเอไปหาปองพลที่เป็นคนประเภทเดียวกัน เพียงแต่ปองพลมุทะลุและคิดว่าตัวเองมีปมด้อยมากมายจนลืมไปว่าเพราะตัวเองด้อยค่าตัวเองทั้งที่มีมากกว่าคนอื่นมากนัก สุดท้ายก็เอาดีไมได้ต้องซังกะตายอยู่ในคุกอีกนานวาสนาหันไปเปิดประตูรถแล้วหยิบตะกร้าผลไม้ใบใหญ่ออกมาแล้วยื่นให้เนติมา“นี่ค่ะ แทนคำขอบคุณที่อาคเนย์ช่วยฉันกับลูก แล้วก็เอาของเยี่ยมมาขอโทษอาคเนย์กับคุณสองคนด้วยค่ะ คือ...” วาสนาพูดแค่นั้นก็เหลือบไปมองสามีที่ยืนถือไม้เท้าหน้าเชิดไปอีกทางด้วยความระอาก่อนเอ่ย “แล้วก็อยากพาเขามาขอขมาคุณที่ลูกชายเขาเกือบทำให้อาคเนย์ต้อง...”“โธ่ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตาเนสบายดีแล้วค่ะ” เนติมาตอบพลางรับกระเช้าส่งให้สามีอีกต่อ อรรถจึงรับกระเช้าไปแล้วผายมือเชิญ“แทนที่จะคุยกันหน้าบ้านแบบนี้ ผมว่าเชิญคุณสองคนที่บ้านดีไหมครับ ตาเนน่าจะอยู่บนบ้าน เดี๋ยวผมเรียกให้ลงมา”“ดีเหมือนกันจ้ะพ่อ” เนติมาตอบรับแรกทีเดียววาสนาลังเล เพราะเวลาที่ผ่านไปนานอาจทำให้รอยร้าวประสานยากอยู่สักหน่อย ถึงแม้จะรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเธอมุทะลุและใจเร็วเกินไปพอทางปู่ย่าของแอลติดต่อมาว่าอดีตส
คนที่เคลื่อนท่อนอุ่นอยู่นั้น หัวเราะน้อยๆ และนำพาอินทัชไปเจียนจะแตะจุดสุดยอด แอลตัวโยกสั่นคลอนซ่านสยิวหนัก เขารับรู้ได้ว่าร่างกายตนเป็นเหมือนอาหารจานโปรดของอาคเนย์ “ไปต่อที่เตียงกันนะ” “อือ...”แอลครางไม่เป็นภาษาแล้วคราวนี้เพราะอาคเนย์ซึ่งแข็งแรงมากไม่ยอมปล่อยลง ยามนี้แอลจึงถูกล็อกขาทั้งสองข้างให้ลอยเหนือพื้นหนักกว่าเดิมไม่พอยังแยกกว้างเป็นรูปตัวเอ็มยิ่งกว่านั้นมีแก่นกายอีกฝ่ายสอดใส่ด้านในตัวเขาและขยับโยกไม่หยุด แอลเจ็บร้าวแต่ก็หฤหรรษ์อย่างถึงที่สุด เขาไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองกระจกตามที่อาคเนย์กระซิบบอก เขาขัดเขินอย่างที่สุด ปากก็แผดร้องราวกับกำลังเสพของเผ็ดร้อน เขาส่งเสียงหวานผสมการร้องบอกว่าคลั่งไคล้รสชาติการมีเซกส์ในครั้งนี้ยังไง “อื้อ... ไปถึงเตียงให้เร็วกว่านี้อีก เร็วๆ หมีน้อยอินไม่ไหว หมาใหญ่เนแสนดี บอกรักหมีน้อยอินไวๆ นะครับ อื้อ” “ได้สิ จัดไป” อาคเนย์กระซิบเสียงแผ่ว ไอร้อนผะผ่าวเป่ารดหูแอลจนเผลอหัวเราะออกมาด้วยความจั๊กจี้ พอไปถึงเตียงร่างของแอลก็ถูกวางด้วยความนุ่มนวล ทว่าแก่นกายอีกฝ่ายที่อยู่ข้างในตัวนั้น กร
“ได้เลย บอกไว้ก่อนนะว่าพี่ยอมให้หางหมีอันนี้เท่านั้นที่จะเข้าไปอยู่ข้างในตัวอินได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นรับรองว่าไม่มีทาง” พูดจบหางหมีแสนน่ารักก็ถูกส่งเข้าไปในช่องรัดแน่นอย่างพอเหมาะพอดี แอลอึดอัดในตอนแรกก่อนจะเสียวซ่านสยิวเมื่ออาคเนย์ระดมจูบแผ่นหลังของเขารัวๆ พร้อมกับมือที่สาวแก่นกายให้ไม่หยุด ในตอนนี้แอลหวิดปล่อยความขาวข้นออกมาระรอกใหญ่แต่... “จะออกแล้วเหรอ”“อือ พี่เนแกล้ง” แอลตัดพ้อ“แต่หมาใหญ่ตัวนี้ไม่ยอมให้หมีน้อยขึ้นสวรรค์ก่อนหรอกนะ”“งื้อ งั้นก็รีบเข้าสิ” อาคเนย์ฟังแล้วหมั่นเขี้ยวสุดๆ ไม่กี่อึดใจต่อมาอาคเนย์ก็พลิกตัวแอลกลับมาเผชิญหน้าแล้วอุ้มร่างบอบบางที่กระโจนกอดเขาทั้งตัวไม่พอยังยกขาสองข้างกอดเอวเขาไว้ราวกับลูกหมีโคอาล่า ไม่นานต่อมาทั้งสองก็ไปหยุดอยู่บนโซฟาเบดตัวเก่าที่ทั้งกว้างและใหญ่ “พี่เน ตรงนี้เหรอ” “อือ พี่ชอบ” “แต่ตรงนี้เป็นที่เราทำการบ้านเมื่อตอนเด็กๆ นะ” “ก็ไม่เห็นเป็นไร ตอนนี้พี่จะทำการบ้านแบบผู้ใหญ่กับอินที่นี่ไง” “โว๊ย! พี่เน ทะลึ่งอีกแล้ว” แอลพูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะคราวนี้อาคเน
“ไม่เรียกหมาใหญ่แล้วเหรอ”“อื้อ อย่ามาแกล้งอินนะ” แอลตอบสีหน้างอนๆ เพราะเหมือนกำลังถูกอาคเนย์แกล้งพาขึ้นสูงสุดจู่ๆ ทิ้งดิ่งราวกับรถไฟเหาะตีลังกาแต่ทว่า...“เตรียมใจได้เลย หมาสุดหล่อตัวนี้จะเลียจะดูดจะกินน้ำผึ้งจากหมีน้อยอินจนหมดทั้งตัวเลย”“โหย ฟังแล้วกลัวจังเลย” แอลหยอกเย้า ยามนี้เขากลายเป็นหมีน้อยสุดน่ารัก ส่วนอาคเนย์คือหมาหื่นตัวโตๆ ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่ไม่ได้กลัวแต่กลับยินยอมพร้อมใจ ยามนี้พวกเขากำลังสร้างความสุขให้แก่กัน “ตรงนี้นะ” “เฮ้ย! ใม่เอา เดี๋ยวแม่พี่เนมาเห็น” “พ่อกับแม่พี่ไม่อยู่” “ไปไหน” “ไปวัด อย่าถามมากความเลยน่า” อาคเนย์ว่าพลางมือก็เลื่อนลงมาจะปลดกระดุมกางเกงยีนส์อีก “ได้ไงอะ ไม่เอาตรงนี้ เผื่อมีคนเห็น” แอลร้องห้ามแต่อาคเนย์หรือจะฟัง ยามนี้ในบ้านหลังนี้มีเพียงเขากับแอลที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง และเขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วชายหนุ่มปัดมือคนตัวเล็กกว่าที่ตะครุบมือเขาไว้ แล้วปลดตะขอกางเกงออกช้าๆ แล้วซุกหน้ากับเป้ากางเกงบ็อกเซอร์ซึ่งส่วนที่ยืดได้พองได้กำลังขยายคับแน่นไปหมด“พี่เน... อย่า
ชายหนุ่มนึกสังหรณ์ใจจึงผลุนผลันออกจากห้องโดยไม่ลืมคว้าตุ๊กตาหมีตัวเก่งที่ลูกหมีน้อยของเขาทำตกไว้ ซึ่งเป็นเวลานานแล้วที่เขาวางมันทิ้งไว้ในซอกมุมหนึ่งแต่ไม่เคยลืม เพราะมีความรู้สึกหลากหลายที่ผูกพันกันไว้ ยามนี้อาคเนย์หัวใจเต้นแรงจนอดใจไม่ให้รีบไปดูให้รู้แน่แก่ใจว่าจะใช่แอลจริงหรือไม่ เขาต้องไปดูให้เห็นกับตา... ก่อนออกจากห้อง อาคเนย์นึกอะไรได้จึงเปิดลิ้นชักหัวเตียงคว้ากระเป๋าหิ้วใบเล็กติดมือมาด้วย วันนี้ล่ะที่เขาจะได้ใช้มัน อาคเนย์ไม่มีแล้วซึ่งความใจเย็นเข้าตามตรอกออกตามประตู เขาหิ้วน้องหมีปีนข้ามรั้วมายังบ้านของแอล พอกระโดดผลุงลงพื้นน้องหมีก็กระเด็นออกจากมือจนรีบตะครุบแทบไม่ทัน นึกสภาพอินทัชตอนเด็กที่อุ้มน้องหมีปีนรั้วไปหาเขา คราวนี้เขาเป็นฝ่ายปีนหาบ้าง... แอลหรือลูกหมีอินทัช น้องน้อยของพี่เนแอบมองอีกฝ่ายทำท่าทีลุกลี้ลุกลนแล้วอดขำไม่ได้ เขาลอบมองอาคเนย์ผ่านม่านหน้าต่างที่ปิดไว้แน่นหนายิ่งอีกฝ่ายทำเรื่องโลดโผนด้วยการปีนรั้วเข้ามาที่บ้าน แอลก็ยืนมองเฉยๆ ไม่ไหวเปิดประตูผลุงออกมาทันทีที่อาคเนย์มาหยุดยืนหน้าบ้านสองจิตสองใจอยู่ “จ๊ะเอ๋! พี่เน