“เจ้าควรทำหน้าที่ภรรยา มิใช่เอาแต่เก็บตัวเช่นนี้ ในบ้านมีเรื่องใดบ้าง เจ้าควรรับรู้ เจ้าควรใส่ใจในตัวข้ามากกว่านี้”
เส้นเสียงทุ้มห้าวเอ่ยออกมาอย่างหน้าไม่อาย เมื่อเข้ามาในห้องได้ เขาก้าวเข้ามาพร้อมคำเหล่านั้น
เฮ่อเหลียนได้ฟังจึงยกยิ้มเย็นชา แค่นเสียงหนักออกมาคำหนึ่ง แล้วเบือนหน้าหนี ถอยหลังหลบ ไม่สนใจเขาอีก
“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ไม่สนใจข้าเลยหรือไร?” หลี่ชางยังคงพูดจาได้อย่างไร้ยางอาย ไร้ความรับผิดชอบต่อทุกสิ่ง
เขาเห็นแก่ตัวมากเกินไปแล้วจริงๆ
เขาเลือกที่จะมาหานางเพื่อต่อว่าด่าทอตัดพ้อขอความใส่ใจเช่นกาลก่อน
มันออกจะเกินไปหรือไม่? นางทำผิดอะไร?
สตรีของเขาผิดใจกันเพราะเขา เหตุใดมาต่อว่านาง?
ครานี้เฮ่อเหลียนไม่พูดไม่ได้แล้วจริงๆ นางจึงเอ่ยออกมาอย่างเฉยชา “คนที่เปลี่ยนไปหาใช่ข้า ท่านย่อมรู้ดีแก่ใจอาชาง”
ประโยคนี้ทำหลี่ชางนิ่งอึ้งไป
ฝ่ายภรรยาจึงเอ่ยอีกคราด้วยน้ำเสียงเย็นชาสีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยันดูแคลน
“ปัญหาเหล่านี้เป็นท่านที่นำเข้ามา ควรเป็นท่านที่พาออกไป แต่หากจะให้ดี ควรปล่อยข้าออกไปด้วย เลิกส่งคนคอยควบคุมข้าเสียที ข้าอยากหนีไปจากท่านเต็มทน”
ฝ่ายสามีได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ยืนอึ้งเงียบงันเอ่ยอันใดไม่ออกแม้ครึ่งคำ
เนิ่นนานทีเดียวกว่าเขาจะค่อยๆ เปิดปากด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอีกครั้งว่า
“ที่แท้เจ้าก็ไม่อยากอยู่กับข้าถึงเพียงนี้ ทำไม? การที่สามีมากภรรยาผิดที่ใด บ้านผู้อื่นก็ทำกัน ภรรยาเอกเช่นเจ้า จะอย่างไรก็คือที่หนึ่งในใจข้า เหตุใดเจ้าไม่พอใจ เหตุใดจึงคิดแต่จะจากข้าไป”
หลี่ชางจ้องนิ่งที่ดวงหน้างาม สายตาคู่คมคล้ายอ่อนล้าเหลือเกินกับเรื่องราวทั้งหลาย ทั้งนอกบ้านในบ้าน ทั้งหน้าที่บุตรชายและหน้าที่สามีที่ดีต่อภรรยาทุกคน
เฮ่อเหลียนล้วนเข้าใจสายตาเขา แต่กระนั้นนางเองก็เหนื่อยล้ามากมายเช่นกัน
หญิงสาวเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แววตาเผยความเจ็บช้ำออกมา ก่อนจะแค่นยิ้มขมขื่นมิอาจซ่อนเร้น
“หลี่ชางจะรักเพียงเหลียนเอ๋อร์ มีเหลียนเอ๋อร์ผู้เดียว หึ! ช่างฝันเฟื่องสิ้นดี มีเพียงเหลียนเอ๋อร์ที่ต้องทนทุกข์น่ะสิไม่ว่า!”
สิ้นประโยคฝ่ายสตรี ฝ่ายบุรุษยิ่งนิ่งอึ้ง
หลี่ชางยืนเงียบงันอยู่อย่างนั้น
น้ำเสียงโศกศัลย์เจือแววขบขันอย่างขมขื่นเหลือคณาของเฮ่อเหลียนดังขึ้นยาวเหยียดอีกครา
“เพื่อสร้างทายาทหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง แค่ร่วมรักเดือนละไม่กี่ครั้ง แล้วรั้งรอผลตรวจจากท่านหมอก็พอกระมัง แต่ที่ทำเกือบทุกวันมันคืออะไร? มันก็แค่เหตุผลเห็นแก่ตัวของบุรุษเจ้าสำราญที่เสพติดบ่วงกามายากถอนคืน!”
หญิงสาวเริ่มพร่างพรูตามโทสะที่อัดแน่นมานานแสนนาน “ในขณะที่ท่านสำเริงสำราญกับพวกนาง มีแต่ข้าที่ทรมาน เหตุใดท่านไม่เข้าใจ”
หลี่ชางได้ฟังยิ่งหน้าชาลำตัวแข็งทื่อปราศวาจาใด
เฮ่อเหลียนจ้องนิ่งที่วงหน้าหล่อเหลาอย่างปลดปลงแล้วทอดถอนใจ
“ปล่อยข้าไปเถิด อาชาง ในเมื่อท่านมิอาจทำตามสัญญาที่มีต่อข้าได้...ฝืนทนกันไปก็มีแต่ทรมาน ยิ่งนานวันยิ่งร้าวรานเกินแก้ไข ชั่วดีผสานเกิดเป็นรอยแผลปานใด ท่านรู้ดีแก่ใจ อาชาง”
นางเอ่ยเสียงแผ่วแต่หนักแน่นอย่างที่สุด พลางก้มหน้าปลดปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลบ่า ทุกหยดเต็มไปด้วยความขมขื่นใจ ไม่อาจข่มกลั้นได้อีกต่อไป
หลี่ชางยิ่งยืนนิ่งคล้ายถูกตรึงด้วยโซ่ปริศนาพร้อมถูกฟาดด้วยไม้เนื้อแข็ง นัยน์ตากระตุกวูบไหวไม่หยุด
ชายหนุ่มรู้สึกปวดหนึบชาวาบเป็นนานสองนาน
ท้ายที่สุดก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงไร้ซึ่งคำโต้แย้งอื่นใด “เหลียนเอ๋อร์ เจ้าคงเกลียดข้ามาก”
“ใช่!” เฮ่อเหลียนตอบอย่างไม่ต้องคิด “ข้าเกลียดท่าน! ข้าเกลียดคนใจร้ายเห็นแก่ตัวเยี่ยงท่าน และข้าเองก็เห็นแก่ตัวเช่นกัน ข้าไม่อาจหลอกตัวเองว่าเป็นสตรีที่ดี ไม่อาจทำตัวเป็นสตรีใจกว้างดั่งแม่น้ำอีกต่อไปแล้ว”
คำนั้นทำหลี่ชางถึงกับสะอึก หัวใจเต้นสะดุดผิดจังหวะ
ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่งงัน
เฮ่อเหลียนคิดเพียงว่า จนสุดท้ายชีวิตคู่ก็ไม่อาจยึดติดได้อีกต่อไป ทุกความทุกข์ระทมควรจบลงเสียที
เฮ่อเหลียนพยายามกลืนก้อนปริศนาที่ลำคออย่างยากลำบาก พยายามกักเก็บน้ำตาที่เอ่อคลออย่างยากเย็น
“ออกไปจากเรือนของข้าเสีย ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน”
หญิงสาวกล่าวออกมาทั้งน้ำตา นานเหลือเกินกับวันเวลาที่ผ่านมา นางทรมานจนเกินไป
แววตาคู่คมของหลี่ชางเผยความโกรธกรุ่นออกมาอย่างสุดระงับ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเครียดตึง ส่งผ่านโทสะให้ภรรยาในแบบที่ไม่เคยเป็น
เขาสะบัดชายผ้าเดินจากไปอย่างฉุนเฉียว ทิ้งเพียงประโยคเดียวที่หนักแน่นและเผด็จการอย่างที่สุด
“เจ้าอย่าหวังว่าจะไปจากข้าได้! ข้าไม่ให้เจ้าไป”
ตามด้วยประตูถูกปิดเสียงดังโครม
เฮ่อเหลียนมองตามเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ครั้นคล้อยหลังคนตัวสูงไม่นาน นางก็อาเจียนออกมาอย่างสุดจะกลั้น
หญิงสาวคลื่นไส้จนตัวโยน
เนิ่นนานทีเดียวกว่าจะทุเลา
เฮ่อเหลียนค่อยๆ เดินไปที่เตียงกลางห้อง แล้วล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง พลางครุ่นคิดอย่างเหนื่อยล้าอ่อนใจ
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นางยังคงมีความเจ็บปวดเกาะลึกกัดกินใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่กระนั้นนางยังคงได้ร่วมรักกับสามีเป็นครั้งคราวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
จนในที่สุด ระดูของนางก็ขาดหายไป
นางนึกรู้ได้ก็เข้าเดือนที่สอง และยามนี้นางก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว
นางตั้งครรภ์ก่อนที่หลี่ชางจะแต่งอนุนามอวี้ชิงเข้ามา!
เดิมทีนางควรบอกเขาว่านางตั้งครรภ์แล้ว ทว่าเขากลับพาอนุคนใหม่เข้ามา ทั้งยังติดอกติดใจกันถึงเพียงนั้น
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่นางไม่ยอมบอกเขา
อีกหนึ่งสาเหตุก็กลัวเหลือเกินว่าบุตรที่เกิดมาจะไม่ตรงใจใคร จนถูกทิ้งขว้างไม่ใยดี เฉกเช่นธิดาของฟางเอ๋อร์
หรือต่อให้เป็นบุตรชายแล้วอย่างไร?
โซ่ตรวนพันธนาการเส้นนี้ นางหาได้ต้องการอีกแล้วไม่
พอกันที!
เหตุผลทั้งหมดทั้งมวล ทำให้เฮ่อเหลียนเลือกที่จะเก็บตัวเงียบเชียบ ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ไม่สุงสิงกับผู้ใด ต้องทำตัวเหินห่างและเอ่ยวาจารุนแรงกับหลี่ชางในแบบที่ไม่เคยเป็น
หวังเพียงว่าเขาจะปล่อยนางไปในอีกครั้ง
แล้วนางจะไม่กลับมาอีกเลย...
การร่วมรักกับเฮ่อเหลียน เขากระทำอย่างลึกซึ้ง หวานล้ำ กระทำจากความรู้สึกรักแห่งก้นบึ้งของหัวใจไม่เคยเปลี่ยนนางไร้ทายาทแล้วอย่างไร?ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ยังรักนาง…ทว่าบิดาของเขากลับเห็นต่าง เนื่องจากบ้านหลี่มีเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียว ท่านเป็นห่วงเหลือเกินว่าสกุลหลี่จะดับสูญ ไร้บุตรหลานสืบสาน ผสานสองสิ่งที่ยึดถือ หนึ่งกตัญญู สองไม่เนรคุณ คำสั่งเด็ดขาดจากบิดาจึงเกิดขึ้นในที่สุด พร้อมเหตุผลที่พึงมีต่อบุพการีและบรรพชนอีกประโยคที่เสมือนฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเขา บิดาจะปลดเฮ่อเหลียนจากการเป็นภรรยา ให้เป็นเพียงอนุของเขา ในข้อหาไร้ความสามารถ ไม่มีทายาทสืบสกุล และจะให้เขาแต่งภรรยาคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนนั่นจึงทำให้เขายอมตามใจบิดาทุกสิ่ง ด้วยเงื่อนไขว่าขอให้เฮ่อเหลียนยังอยู่ตำแหน่งเดิม เขาขอแค่รับอนุให้ก็เท่านั้นบิดาพาเขาไปเฟ้นหาสตรีที่ดีพร้อม อันเหมาะสมกับตำแหน่งแม่ของลูกเขาจนกระทั่งได้เจอกับฟางเอ๋อร์ นางเป็นบุตรสาวของญาติฝ่ายบิดา มีสายสัมพันธ์อันดีต่อกัน นับเป็นญาติผู้น้องของเขา บ้านนี้มีลูกหลานหลายคน จึงลงตัวยิ่งนักเขามองออกว่าฟางเอ๋อร์ตกหลุมรักเขาเมื่อแรกเห็น ทว่าเขากลับมิได้ใส่ใจ แต่กระ
หญิงสาวยืนอยู่หน้าเตียงฉ่ำเลือดที่เมื่อครู่มีศพของเจ้านายอันเป็นที่รักอยู่ สายตาเลื่อนลอยมองเหม่อเอื่อยเฉื่อยไปที่ผืนผ้าบิดเบี้ยวบนคานหลังคาผ้าผืนนี้ เมื่อห้าวันก่อนหน้า ยังเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนใช้ยึดเหนี่ยวเพื่อเบ่งคลอดคุณชายน้อยออกมาแต่ยามนี้ ซือจิงจะใช้มันเพื่อปลดปล่อยตนเองไปพี่ซือจิง ข้าหิวข้าวพี่ซือจิง ข้าเก่งหรือไม่พี่ซือจิง ข้ารักพี่ที่สุดเลยพี่ซือจิง ข้า...ไม่ไหวแล้ว ทรมานเหลือเกินเส้นเสียงกังวานใสในวันวาน สุดท้ายคงเหลือเพียงน้ำเสียงสั่นเครือร่ำไห้ในวันนี้โธ่เอ๋ย! เด็กดีของพี่ซือจิง...สาวใช้ผู้ภักดีไม่คิดจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเดียวดาย นางคิดจะตามไปดูแลนายสาวยังที่ไกลแสนไกล ไม่แม้แต่จะคิดใคร่ครวญบ้านหลังน้อยเก่าคร่ำ พลันปรากฏศพของหญิงสาวผู้หนึ่ง ตายในสภาพแขวนคอที่ขื่อเรือน…...บนเส้นทางทอดยาว สองข้างทางรกร้างว่างเปล่า มีเพียงทุ้งหญ้าเหี่ยวเฉา แห้งแล้งอ้างว้าง ไร้ชีวิตชีวาร่างสูงรู้สึกชาหนึบครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ่งโศกเศร้าเมื่อครั้งนี้เขาตามภรรยากลับมาได้สำเร็จหากแต่นางกลับไร้ลมหายใจไม่คิดอยู่กับเขาเหมือนเช่นวันวานการเดินทางผ่านไปไม่กี่วัน หลี่ชางก็นำศพของเฮ่
สายตาคมเข้มของหลี่ชางยังคงไม่อาจละออกจากร่างขาวซีดที่มีเลือดสีแดงฉานเปื้อนเปรอะแต่อย่างใดชายหนุ่มยังคงจ้องนิ่งที่ร่างไร้ลมหายใจของเฮ่อเหลียนสตรีที่เขารักเพียงหนึ่งเดียวไม่เปลี่ยนแปลง“เหลียนเอ๋อร์” หลี่ชางทรุดตัวลงข้างกายภรรยา พยายามเรียกนางอีกครา หวังเพียงว่านางจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตื่นขึ้นมามองเขา...จะมองด้วยสายตาอย่างไรก็ช่าง ขอเพียงนางตื่นขึ้นมาจะด่าจะว่าหรือจะเย็นชา เขาล้วนยินดี ขอแค่ชีวิตนี้ยังมีนางอยู่ ไม่หายไปหากนางแค่หนีเขาไป เขาแค่ตามกลับมา จากนั้นก็ได้อยู่ด้วยกัน นางควรเข้าใจเขา ควรเข้าใจเรื่องจารีตประเพณีพึงปฏิบัติ มิใช่ทำกับเขาเช่นนี้เหตุใดต้องทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี เหตุใดไม่เข้าใจเขาหลี่ชางปิดเปลือกตาลง พยายามซ่อนหยดน้ำตาร้อนผ่าวที่หางตา ข่มความรู้สึกแตกสลายในอกอย่างยากลำบากเพราะบางที...อาจเป็นตัวเขาเองที่ไม่เข้าใจอะไรชั่วขณะที่รอบด้านเงียบงันคล้ายวังเวง เสียงร่ำไห้พลันดังขึ้นอย่างเดือดดาล“เจ้าพอใจแล้วหรือยัง เจ้าคนชั่ว!”เสียงนั้นเป็นของซือจิง นางชี้นิ้วกราดมาทางหลี่ชาง พลางอุ้มทารกน้อยในห่อผ้าส่งให้เขา“เจ้าอยากได้นักมิใช่หรือไร? นี่ปะไร ลูกชายของเจ้า”ชา
หลายเดือนทีเดียวที่หลี่ชางออกตามหาเฮ่อเหลียนอย่างบ้าคลั่งไม่กินไม่นอนเขากลับมาจากสะสางปัญหาร้านค้า ก็มาเจออนุภรรยากับมารดาของเขาทะเลาะกัน ด้วยเรื่องราวบานปลาย บุตรสาวตัวน้อยเจ็บป่วย และภรรยาเอกของเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในยามนั้น หลังเรือนของเขาจะวุ่นวายปานใด ชายหนุ่มหาได้ใส่ใจ เพราะสตรีอันเป็นที่รักได้หายตัวไปหลังจากที่นางตั้งครรภ์ลูกของเขาเศษซากยาบำรุงครรภ์ถูกพบในห้องของนาง มันถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างดีในมุมลับตา หากเขาไม่เข้ามาตามหาตัวนางทุกซอกทุกมุมในเรือนก็คงไม่มีทางได้ล่วงรู้จากนั้นเขาก็ออกตามหานางทั้งวันทั้งคืน ไปหานางที่บ้านเฮ่อ ที่นั่นไม่มีผู้ใดล่วงรู้ พวกเขาต่างพากันตกใจ ด้วยคาดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนจะกระทำการเช่นนี้ และหนีไปทั้งที่ตั้งท้องเช่นนั้น ได้อย่างไร ทุกคนล้วนไม่เข้าใจหลี่ชางเองก็ไม่เข้าใจ เขาจึงออกตามหาภรรยาอย่างต่อเนื่อง รู้เพียงว่าซือจิงก็หายตัวไป ไม่ต้องคาดเดาก็คิดได้ ว่าเฮ่อเหลียนย่อมหนีไปกับซือจิงสาวใช้ผู้นี้ร้ายกาจไม่เบา ทำเอาเขาตามแกะร่องรอยของเฮ่อเหลียนอย่างยากลำบาก เขาตามหานางนานมาก จนเวลาผ่านไปหลายเดือน การค้าใดๆ เขาล้วนไม่ใส่ใจ คฤหาสน์จักวุ่นวายปานใด
สถานที่ลับตาจากหมู่บ้านในตัวเมืองซือจิงซุกซ่อนเฮ่อเหลียนเอาไว้ที่บ้านหลังน้อย เพื่อมิให้ชายผู้นั้นมาตามเจ้านายกลับไปได้อีก นางดูแลนายสาวอย่างยากลำบาก บางครายังต้องปลอมตัวออกไปหาซื้อยาบำรุงและอาหารมากักตุนร่างบอบบางของเฮ่อเหลียนแม้กำลังตั้งครรภ์ ทว่ากลับอ่อนแอลงเรื่อยๆซือจิงพยายามหายาบำรุงพร้อมอาหารอย่างดีมาให้เสมอ ด้วยเงินทั้งหมดทั้งของตัวเองและของคุณหนู กระทั่งขายเครื่องประดับทั้งหลายแต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ผลแต่อย่างใดหลายเดือนผ่านไป...ในที่สุดเฮ่อเหลียนก็เจ็บท้องคลอด ร่างกายของนางอ่อนแอมาก นางนอนกรีดร้องครวญครางทั้งวันทั้งคืน ใบหน้างามมีเหงื่อผุดพรายไม่ขาดสายจวบจนย่างเข้าวันที่สี่ สีหน้าของเฮ่อเหลียนเขียวคล้ำจนน่าตกใจ กระทั่งหมอตำแยยังต้องลอบปาดเหงื่อตนเองเบาๆล่วงเข้าวันที่ห้า หญิงสาวทนทรมานแทบจะไม่ไหว ร่างกายของนางนี้บอบบางจนเกินไป หากแต่บุตรในครรภ์กลับตัวใหญ่โตเหลือเกินเส้นเสียงแหบแห้งกรีดร้องสั่นพร่า เฮ่อเหลียนทำได้เพียงหลั่งน้ำตาอย่างเจ็บปวด ร้องร่ำด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทุกคำล้วนเรียกเพียงนามของชายในดวงใจหญิงสาวรอเพียงเขา หลี่ชาง...เฮ่อเหลียนเริ่มหมดเรี่ยวแรงลงทุกที แต่กระ
วันเวลาช่างประจวบเหมาะ ในที่สุดวันที่เฮ่อเหลียนรอคอยก็มาถึงหลี่ชางกับนายท่านผู้เฒ่าได้รับข่าวว่าหอการค้าต่างเมืองประสบปัญหา ต้องเร่งเดินทางไปกู้หน้าและช่วยกันแก้ไขโดยเร็วส่วนภายในบ้านก็มีอนุคนงามช่างเอาแต่ใจ พวกนางยังคงมีปากเสียงกันเสมอมา เดือดร้อนถึงฮูหยินผู้เฒ่าต้องคลี่คลายด้วยตนเอง เพราะเฮ่อเหลียนปิดประตูเรือนเงียบเชียบอย่างดื้อดึงไม่สนใจใครเพียงไม่นานก็ได้ยินข่าวสะเทือนขวัญ ว่าธิดาตัวน้อยของฟางเอ๋อร์เจ็บป่วยยากรักษาเมื่อภายในบ้านวุ่นวายจนบ่าวรับใช้ไม่เป็นอันทำงาน อีกทั้งมีบ่าวไพร่ถูกนายท่านพาไปนอกบ้านเสียส่วนใหญ่ นับได้ว่าหนทางช่างปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งนักเฮ่อเหลียนไม่คิดว่าจะมีโอกาสงามๆ เช่นนี้อีกแล้วนางจึงไม่คิดจะเสียเวลาไตร่ตรองอันใด วันนี้นับได้ว่าเป็นวันดีที่นางจะหนีออกไปจากนรกในใจแห่งนี้เสียทีก่อนหน้าเมื่อไม่นาน หญิงสาวแอบหาโอกาสส่งจดหมายไปหาซือจิง และก็ได้รับการตอบกลับมาแล้วเป็นอย่างดีไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านเฮ่อ หรือคนบ้านหลี่ นางล้วนไม่ยินดีให้ผู้ใดรู้ทั้งสิ้นเฮ่อเหลียนพาร่างระหงที่หน้าท้องเริ่มกลมนูนออกมาจากคฤหาสน์ด้วยประตูเล็กทางด้านหลังได้ส