วันเวลาช่างประจวบเหมาะ ในที่สุดวันที่เฮ่อเหลียนรอคอยก็มาถึง
หลี่ชางกับนายท่านผู้เฒ่าได้รับข่าวว่าหอการค้าต่างเมืองประสบปัญหา ต้องเร่งเดินทางไปกู้หน้าและช่วยกันแก้ไขโดยเร็ว
ส่วนภายในบ้านก็มีอนุคนงามช่างเอาแต่ใจ พวกนางยังคงมีปากเสียงกันเสมอมา เดือดร้อนถึงฮูหยินผู้เฒ่าต้องคลี่คลายด้วยตนเอง เพราะเฮ่อเหลียนปิดประตูเรือนเงียบเชียบอย่างดื้อดึงไม่สนใจใคร
เพียงไม่นานก็ได้ยินข่าวสะเทือนขวัญ ว่าธิดาตัวน้อยของฟางเอ๋อร์เจ็บป่วยยากรักษา
เมื่อภายในบ้านวุ่นวายจนบ่าวรับใช้ไม่เป็นอันทำงาน อีกทั้งมีบ่าวไพร่ถูกนายท่านพาไปนอกบ้านเสียส่วนใหญ่ นับได้ว่าหนทางช่างปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งนัก
เฮ่อเหลียนไม่คิดว่าจะมีโอกาสงามๆ เช่นนี้อีกแล้ว
นางจึงไม่คิดจะเสียเวลาไตร่ตรองอันใด วันนี้นับได้ว่าเป็นวันดีที่นางจะหนีออกไปจากนรกในใจแห่งนี้เสียที
ก่อนหน้าเมื่อไม่นาน หญิงสาวแอบหาโอกาสส่งจดหมายไปหาซือจิง และก็ได้รับการตอบกลับมาแล้วเป็นอย่างดี
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านเฮ่อ หรือคนบ้านหลี่ นางล้วนไม่ยินดีให้ผู้ใดรู้ทั้งสิ้น
เฮ่อเหลียนพาร่างระหงที่หน้าท้องเริ่มกลมนูนออกมาจากคฤหาสน์ด้วยประตูเล็กทางด้านหลังได้สำเร็จ
โดยก่อนหน้ายามที่บ่าวไพร่ต่างวุ่นวายกับเหตุการณ์บานปลายภายในเรือน หญิงสาวยังทำทีมอบหมายงานสาวใช้ติดตามให้เป็นธุระจัดการที่โรงครัว ก่อนจะรีบวิ่งออกมาในที่สุด
จังหวะที่กำลังวิ่งในใจก็ร่ำร้องขอโทษลูกน้อยในท้องตน
ขอเพียงเจ้าอดทน แม่จะพาเจ้าไปยังที่แสนสงบสุข ปราศจากความวุ่นวาย ออกจากชีวิตของพ่อใจร้าย ไกลห่างจากชายตระบัดสัตย์ไม่รักษาคำพูดผู้นั้น
เมื่อเฮ่อเหลียนหนีออกมาได้แล้วก็มาเจอกับซือจิงตามจุดที่ได้นัดพบกัน ลักษณะของซือจิงเหมือนกับออกมารอนางทุกวันที่เดิมจนผิวแห้งกร้าน
“ข้าขอโทษนะ พี่ซือจิง ทำให้เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”
หญิงสาวเอ่ยอย่างรู้สึกผิดไปทางสาวใช้คนสนิทของตน
สาวใช้ผู้ภักดีเพียงส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มให้ ไม่เอ่ยสิ่งใด ด้วยรู้ดีถึงความยากลำบากในการหลบหนีของผู้เป็นนาย
ในจดหมายบอกว่าจะหาโอกาสหนีออกมาให้ได้ในสักวัน แล้วนัดเจอกันที่ใต้ต้นเหมยชายป่า ซือจิงจึงแอบออกมารอที่เดิมในทุกๆ วัน นับตั้งแต่ได้รับจดหมายฉบับนั้น
เฮ่อเหลียนถึงกับหลั่งน้ำตาปล่อยโฮออกมาก่อนจะโผเข้าหาซือจิง
“ไม่เป็นไรแล้วเด็กดี...” สาวใช้รุ่นใหญ่เอ่ยคำปลอบใจนายสาวที่นางดูแลกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย
“พี่ซือจิง” ยามนี้เฮ่อเหลียนร่ำไห้คล้ายเด็กน้อยจริงๆ หากย้อนเวลากลับไปได้ นางไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลย
และยิ่งไม่อยากเจอกับบุรุษใจดำอย่างหลี่ชางด้วย
“เอาล่ะ เรารีบไปกันเถิด” ซือจิงตบไหล่เฮ่อเหลียนแล้วพานางหมุนกายไปยังทิศทางหนึ่ง
“ไปที่ใดหรือพี่ซือจิง” หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาคล้ายเด็กงอแงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเจือแววตื่นเต้น “พี่มีบ้านแล้วหรือไร?” นางพกเพียงตั๋วเงินที่แอบเก็บหอบรอบริบเอาไว้ หากแต่ยังไม่อาจหาซื้อบ้านได้ก็เท่านั้น
“พี่สาวคนนี้ก็พอจะมีเงินรองรังอยู่หรอกนา” ซือจิง กล่าวออกมาพลางตบอกตนเองเบาๆ
“พี่ซือจิง” อีกครั้งที่เฮ่อเหลียนต้องปล่อยโฮออกมา
เป็นความจริงที่ไม่มีใครรู้ ก็คือซือจิงพอมองเห็นรางๆ ว่าชีวิตคู่ของคุณหนูของนางคงไปไม่รอดอย่างแน่นอน
นางพอจะคิดได้เมื่อครั้งที่คุณหนูหนีออกมาครั้งแรก แล้วสุดท้ายคุณชายหลี่มาพาคุณหนูกลับไป จากนั้นนางก็ลอบมาสืบข่าวอย่างลับๆ อยู่หลายครา จึงพยายามแอบติดต่อจนสำเร็จ
ดียิ่งนักที่พวกเขาเลือกที่จะทิ้งนางเอาไว้ที่บ้านเฮ่อเพราะอายุมากแล้ว เงินที่เก็บออมเอาไว้จึงได้นำออกมาแล้วซื้อบ้านหลังน้อยได้หลังหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้
หากคุณหนูมีความสุขดีมิต้องหนีออกมา ตัวนางก็จะวางใจได้ แล้วค่อยขอไถ่ถอนปลดสัญญาซื้อขายทาสมาอาศัยยามแก่ชรา ซึ่งก็อีกหลายปี
แต่เมื่อวันนี้คุณหนูได้ออกมาแล้ว นางจึงรีบออกมาเช่นกัน นางจะอยู่ดูแลคุณหนูของนางตลอดไป
เฮ่อเหลียนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับซือจิง โดยที่ในท้องน้อยกำลังมีเจ้าก้อนแป้งเติบโตขึ้นทุกเวลา
ทั้งสองดูแลกันและกันตามอัตภาพ แม้ไม่สบายกายเหมือนที่ผ่านมา หากแต่ก็สบายใจมากยิ่งขึ้น
ทว่าความคิดถึงในตัวสามียังคงมีมาหลอกหลอนยามค่ำคืนไม่ห่างหาย เฮ่อเหลียนไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรให้ใจเลิกรักเขา แต่แล้วนางก็พบเพียงความเจ็บร้าว ทั้งรักทั้งเกลียดผสมปนเป
“หลี่ชาง...”
เฮ่อเหลียนยังคงละเมอเรียกนามของชายอันเป็นที่รักยามหลับตา กระนั้นยามตื่นขึ้นมากลับพบเพียงความว่างเปล่าเฉกเช่นดังเดิม
หญิงสาวรู้สึกทรมานเหลือเกิน มิรู้ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
แล้วอย่างนี้นางจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร
อยู่บ้านหลี่ได้เจอหน้าเขาก็ทรมาน จากมาแล้วยังทรมาน
นางอยากตายเหลือเกิน...
ซือจิงย่อมมองเห็นทุกความเศร้าเสียใจและเจ็บปวดสุดจะหยั่งของนายสาว หากแต่นางก็ไม่อาจทำสิ่งใดมากไปกว่าการโอบกอดปลอบประโลมในทุกเวลา
“เด็กดีของพี่ซือจิง อดทนไว้ อดทนไว้”
เสียงอ่อนโยนแผ่วจางเอ่ยออกมาได้เท่านี้จริงๆ สาวใช้ผู้ภักดีอยากจะรับความเจ็บช้ำของเจ้านายเอาไว้ทั้งหมด หากแต่ก็ไม่อาจทำได้ เห็นได้ชัดว่านี่คืออาการตรอมใจอย่างแท้จริง
การร่วมรักกับเฮ่อเหลียน เขากระทำอย่างลึกซึ้ง หวานล้ำ กระทำจากความรู้สึกรักแห่งก้นบึ้งของหัวใจไม่เคยเปลี่ยนนางไร้ทายาทแล้วอย่างไร?ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ยังรักนาง…ทว่าบิดาของเขากลับเห็นต่าง เนื่องจากบ้านหลี่มีเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียว ท่านเป็นห่วงเหลือเกินว่าสกุลหลี่จะดับสูญ ไร้บุตรหลานสืบสาน ผสานสองสิ่งที่ยึดถือ หนึ่งกตัญญู สองไม่เนรคุณ คำสั่งเด็ดขาดจากบิดาจึงเกิดขึ้นในที่สุด พร้อมเหตุผลที่พึงมีต่อบุพการีและบรรพชนอีกประโยคที่เสมือนฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเขา บิดาจะปลดเฮ่อเหลียนจากการเป็นภรรยา ให้เป็นเพียงอนุของเขา ในข้อหาไร้ความสามารถ ไม่มีทายาทสืบสกุล และจะให้เขาแต่งภรรยาคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนนั่นจึงทำให้เขายอมตามใจบิดาทุกสิ่ง ด้วยเงื่อนไขว่าขอให้เฮ่อเหลียนยังอยู่ตำแหน่งเดิม เขาขอแค่รับอนุให้ก็เท่านั้นบิดาพาเขาไปเฟ้นหาสตรีที่ดีพร้อม อันเหมาะสมกับตำแหน่งแม่ของลูกเขาจนกระทั่งได้เจอกับฟางเอ๋อร์ นางเป็นบุตรสาวของญาติฝ่ายบิดา มีสายสัมพันธ์อันดีต่อกัน นับเป็นญาติผู้น้องของเขา บ้านนี้มีลูกหลานหลายคน จึงลงตัวยิ่งนักเขามองออกว่าฟางเอ๋อร์ตกหลุมรักเขาเมื่อแรกเห็น ทว่าเขากลับมิได้ใส่ใจ แต่กระ
หญิงสาวยืนอยู่หน้าเตียงฉ่ำเลือดที่เมื่อครู่มีศพของเจ้านายอันเป็นที่รักอยู่ สายตาเลื่อนลอยมองเหม่อเอื่อยเฉื่อยไปที่ผืนผ้าบิดเบี้ยวบนคานหลังคาผ้าผืนนี้ เมื่อห้าวันก่อนหน้า ยังเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนใช้ยึดเหนี่ยวเพื่อเบ่งคลอดคุณชายน้อยออกมาแต่ยามนี้ ซือจิงจะใช้มันเพื่อปลดปล่อยตนเองไปพี่ซือจิง ข้าหิวข้าวพี่ซือจิง ข้าเก่งหรือไม่พี่ซือจิง ข้ารักพี่ที่สุดเลยพี่ซือจิง ข้า...ไม่ไหวแล้ว ทรมานเหลือเกินเส้นเสียงกังวานใสในวันวาน สุดท้ายคงเหลือเพียงน้ำเสียงสั่นเครือร่ำไห้ในวันนี้โธ่เอ๋ย! เด็กดีของพี่ซือจิง...สาวใช้ผู้ภักดีไม่คิดจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเดียวดาย นางคิดจะตามไปดูแลนายสาวยังที่ไกลแสนไกล ไม่แม้แต่จะคิดใคร่ครวญบ้านหลังน้อยเก่าคร่ำ พลันปรากฏศพของหญิงสาวผู้หนึ่ง ตายในสภาพแขวนคอที่ขื่อเรือน…...บนเส้นทางทอดยาว สองข้างทางรกร้างว่างเปล่า มีเพียงทุ้งหญ้าเหี่ยวเฉา แห้งแล้งอ้างว้าง ไร้ชีวิตชีวาร่างสูงรู้สึกชาหนึบครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ่งโศกเศร้าเมื่อครั้งนี้เขาตามภรรยากลับมาได้สำเร็จหากแต่นางกลับไร้ลมหายใจไม่คิดอยู่กับเขาเหมือนเช่นวันวานการเดินทางผ่านไปไม่กี่วัน หลี่ชางก็นำศพของเฮ่
สายตาคมเข้มของหลี่ชางยังคงไม่อาจละออกจากร่างขาวซีดที่มีเลือดสีแดงฉานเปื้อนเปรอะแต่อย่างใดชายหนุ่มยังคงจ้องนิ่งที่ร่างไร้ลมหายใจของเฮ่อเหลียนสตรีที่เขารักเพียงหนึ่งเดียวไม่เปลี่ยนแปลง“เหลียนเอ๋อร์” หลี่ชางทรุดตัวลงข้างกายภรรยา พยายามเรียกนางอีกครา หวังเพียงว่านางจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตื่นขึ้นมามองเขา...จะมองด้วยสายตาอย่างไรก็ช่าง ขอเพียงนางตื่นขึ้นมาจะด่าจะว่าหรือจะเย็นชา เขาล้วนยินดี ขอแค่ชีวิตนี้ยังมีนางอยู่ ไม่หายไปหากนางแค่หนีเขาไป เขาแค่ตามกลับมา จากนั้นก็ได้อยู่ด้วยกัน นางควรเข้าใจเขา ควรเข้าใจเรื่องจารีตประเพณีพึงปฏิบัติ มิใช่ทำกับเขาเช่นนี้เหตุใดต้องทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี เหตุใดไม่เข้าใจเขาหลี่ชางปิดเปลือกตาลง พยายามซ่อนหยดน้ำตาร้อนผ่าวที่หางตา ข่มความรู้สึกแตกสลายในอกอย่างยากลำบากเพราะบางที...อาจเป็นตัวเขาเองที่ไม่เข้าใจอะไรชั่วขณะที่รอบด้านเงียบงันคล้ายวังเวง เสียงร่ำไห้พลันดังขึ้นอย่างเดือดดาล“เจ้าพอใจแล้วหรือยัง เจ้าคนชั่ว!”เสียงนั้นเป็นของซือจิง นางชี้นิ้วกราดมาทางหลี่ชาง พลางอุ้มทารกน้อยในห่อผ้าส่งให้เขา“เจ้าอยากได้นักมิใช่หรือไร? นี่ปะไร ลูกชายของเจ้า”ชา
หลายเดือนทีเดียวที่หลี่ชางออกตามหาเฮ่อเหลียนอย่างบ้าคลั่งไม่กินไม่นอนเขากลับมาจากสะสางปัญหาร้านค้า ก็มาเจออนุภรรยากับมารดาของเขาทะเลาะกัน ด้วยเรื่องราวบานปลาย บุตรสาวตัวน้อยเจ็บป่วย และภรรยาเอกของเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในยามนั้น หลังเรือนของเขาจะวุ่นวายปานใด ชายหนุ่มหาได้ใส่ใจ เพราะสตรีอันเป็นที่รักได้หายตัวไปหลังจากที่นางตั้งครรภ์ลูกของเขาเศษซากยาบำรุงครรภ์ถูกพบในห้องของนาง มันถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างดีในมุมลับตา หากเขาไม่เข้ามาตามหาตัวนางทุกซอกทุกมุมในเรือนก็คงไม่มีทางได้ล่วงรู้จากนั้นเขาก็ออกตามหานางทั้งวันทั้งคืน ไปหานางที่บ้านเฮ่อ ที่นั่นไม่มีผู้ใดล่วงรู้ พวกเขาต่างพากันตกใจ ด้วยคาดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนจะกระทำการเช่นนี้ และหนีไปทั้งที่ตั้งท้องเช่นนั้น ได้อย่างไร ทุกคนล้วนไม่เข้าใจหลี่ชางเองก็ไม่เข้าใจ เขาจึงออกตามหาภรรยาอย่างต่อเนื่อง รู้เพียงว่าซือจิงก็หายตัวไป ไม่ต้องคาดเดาก็คิดได้ ว่าเฮ่อเหลียนย่อมหนีไปกับซือจิงสาวใช้ผู้นี้ร้ายกาจไม่เบา ทำเอาเขาตามแกะร่องรอยของเฮ่อเหลียนอย่างยากลำบาก เขาตามหานางนานมาก จนเวลาผ่านไปหลายเดือน การค้าใดๆ เขาล้วนไม่ใส่ใจ คฤหาสน์จักวุ่นวายปานใด
สถานที่ลับตาจากหมู่บ้านในตัวเมืองซือจิงซุกซ่อนเฮ่อเหลียนเอาไว้ที่บ้านหลังน้อย เพื่อมิให้ชายผู้นั้นมาตามเจ้านายกลับไปได้อีก นางดูแลนายสาวอย่างยากลำบาก บางครายังต้องปลอมตัวออกไปหาซื้อยาบำรุงและอาหารมากักตุนร่างบอบบางของเฮ่อเหลียนแม้กำลังตั้งครรภ์ ทว่ากลับอ่อนแอลงเรื่อยๆซือจิงพยายามหายาบำรุงพร้อมอาหารอย่างดีมาให้เสมอ ด้วยเงินทั้งหมดทั้งของตัวเองและของคุณหนู กระทั่งขายเครื่องประดับทั้งหลายแต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ผลแต่อย่างใดหลายเดือนผ่านไป...ในที่สุดเฮ่อเหลียนก็เจ็บท้องคลอด ร่างกายของนางอ่อนแอมาก นางนอนกรีดร้องครวญครางทั้งวันทั้งคืน ใบหน้างามมีเหงื่อผุดพรายไม่ขาดสายจวบจนย่างเข้าวันที่สี่ สีหน้าของเฮ่อเหลียนเขียวคล้ำจนน่าตกใจ กระทั่งหมอตำแยยังต้องลอบปาดเหงื่อตนเองเบาๆล่วงเข้าวันที่ห้า หญิงสาวทนทรมานแทบจะไม่ไหว ร่างกายของนางนี้บอบบางจนเกินไป หากแต่บุตรในครรภ์กลับตัวใหญ่โตเหลือเกินเส้นเสียงแหบแห้งกรีดร้องสั่นพร่า เฮ่อเหลียนทำได้เพียงหลั่งน้ำตาอย่างเจ็บปวด ร้องร่ำด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทุกคำล้วนเรียกเพียงนามของชายในดวงใจหญิงสาวรอเพียงเขา หลี่ชาง...เฮ่อเหลียนเริ่มหมดเรี่ยวแรงลงทุกที แต่กระ
วันเวลาช่างประจวบเหมาะ ในที่สุดวันที่เฮ่อเหลียนรอคอยก็มาถึงหลี่ชางกับนายท่านผู้เฒ่าได้รับข่าวว่าหอการค้าต่างเมืองประสบปัญหา ต้องเร่งเดินทางไปกู้หน้าและช่วยกันแก้ไขโดยเร็วส่วนภายในบ้านก็มีอนุคนงามช่างเอาแต่ใจ พวกนางยังคงมีปากเสียงกันเสมอมา เดือดร้อนถึงฮูหยินผู้เฒ่าต้องคลี่คลายด้วยตนเอง เพราะเฮ่อเหลียนปิดประตูเรือนเงียบเชียบอย่างดื้อดึงไม่สนใจใครเพียงไม่นานก็ได้ยินข่าวสะเทือนขวัญ ว่าธิดาตัวน้อยของฟางเอ๋อร์เจ็บป่วยยากรักษาเมื่อภายในบ้านวุ่นวายจนบ่าวรับใช้ไม่เป็นอันทำงาน อีกทั้งมีบ่าวไพร่ถูกนายท่านพาไปนอกบ้านเสียส่วนใหญ่ นับได้ว่าหนทางช่างปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งนักเฮ่อเหลียนไม่คิดว่าจะมีโอกาสงามๆ เช่นนี้อีกแล้วนางจึงไม่คิดจะเสียเวลาไตร่ตรองอันใด วันนี้นับได้ว่าเป็นวันดีที่นางจะหนีออกไปจากนรกในใจแห่งนี้เสียทีก่อนหน้าเมื่อไม่นาน หญิงสาวแอบหาโอกาสส่งจดหมายไปหาซือจิง และก็ได้รับการตอบกลับมาแล้วเป็นอย่างดีไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านเฮ่อ หรือคนบ้านหลี่ นางล้วนไม่ยินดีให้ผู้ใดรู้ทั้งสิ้นเฮ่อเหลียนพาร่างระหงที่หน้าท้องเริ่มกลมนูนออกมาจากคฤหาสน์ด้วยประตูเล็กทางด้านหลังได้ส