วันเวลาแห่งความทรมานของเฮ่อเหลียนยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ปรานีเพิ่มขึ้นทีละวันจนครบเดือน
หลี่ชางยังคงเลือกที่จะไปค้างคืนที่เรือนของอนุคนใหม่ติดต่อกันอย่างไม่มีเบื่อ
สตรีนางนี้มีนามว่า อวี้ชิง
เป็นสตรีบ้านใดไม่อาจทราบและไม่อยากทราบ
เฮ่อเหลียนไม่มีแก่ใจใคร่รู้เรื่องของผู้อื่นเลยสักนิด
นางรู้เพียงว่าชายผู้เป็นสามีติดอกติดใจอวี้ชิงยิ่งนัก
แต่ทว่ากลับมีบางคืนที่สามีมากภรรยาอย่างหลี่ชางเลือกมาหาภรรยาเก่าแก่คร่ำครึเช่นเฮ่อเหลียน
บางทีเขายังมาหานางโดยมิได้ร่วมรักแต่ก็มักจะนอนกอดนางอยู่เงียบๆ
หญิงสาวไม่กล้าคิดเข้าข้างตนเองว่าเขาเกิดคิดถึงหรือคะนึงหาจึงมาร่วมรักกันเช่นวันวาน ทั้งหวานทั้งซาบซ่าน บอกรักนางอย่างลึกซึ้งมากกว่าเดิม
‘เหลียนเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า...โปรดเชื่อข้า’
นั่นคือประโยคติดปากของหลี่ชางที่พร่ำพรรณนาบอกนางที่ข้างหู ยามกอดก่ายนางบนเตียงอุ่น
ซึ่งทำให้นางคล้ายถูกพันธนาการจองจำอย่างแน่นหนา แม้ว่าจะไม่เชื่อคำเขาอีกต่อไปแล้วก็ตาม
กระทั่งยามเช้าอีกวันมาเยือนและชายหนุ่มผละจากไป นางก็ไปสืบความ จึงได้รู้ว่าอนุคนงามกำลังมีระดู
เฮ่อเหลียนหัวเราะให้ตนเองอย่างเย็นชา เป็นความขบขันที่มาทั้งน้ำตาอันแสบทรวง
วันต่อมาคล้ายกับว่าหลี่ชางเกิดตระหนักขึ้นมาได้ ว่าเขามีภรรยาอีกหนึ่งคน นั่นก็คือฟางเอ๋อร์ เมื่อม่านราตรีคลี่คลุม เขาจึงไปหากันที่เรือนนั้น
และทุกวันก็เป็นเช่นนี้ หลี่ชางเดินทางแวะเวียนไปหาภรรยาแต่ละคนอย่างไม่เท่าเทียม
ที่บอกว่าไม่เท่าเทียม ก็เพราะส่วนใหญ่เขาเลือกที่จะไปหาอนุคนงาม เจ้าของดวงตาดั่งวารีกลมโตนั่น ส่วนเฮ่อเหลียนกับฟางเอ๋อร์ก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยครั้ง ที่เขาจะใส่ใจเดินมาหากัน
แต่หากนับดูให้ดีจะพบว่าฟางเอ๋อร์ถูกเข้าหาน้อยกว่าใคร
ด้วยเพราะเคยผ่านการมีบุตรมาแล้ว อะไรที่เคยคับแน่นรัดรึงรัญจวนใจย่อมไม่อาจรักษาเอาไว้ได้อีกต่อไป
ส่วนเฮ่อเหลียนที่ยังไม่เคยผ่านการคลอดบุตรจึงยังพอสู้ผู้อื่นได้ แต่กระนั้นสตรีที่อายุมากกว่าทั้งยังผ่านการเสียดสีหลายเพลามากกว่าหลายปี ย่อมไม่อาจสู้คนใหม่ได้อยู่ดี
กลีบบุปผาชอกช้ำมิอาจรัดรึงได้แนบแน่นเช่นแรกรุ่น...
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลี่ชางจึงมักจะค้างคืนกับอนุคนใหม่ที่ไฉไลยิ่งกว่า งดงามยิ่งกว่า เป็นเด็กสาวสวยเพริศพริ้งยิ่งกว่า
เฮ่อเหลียนไม่อาจไม่ทำใจให้ยอมรับ...
วันคืนหมุนเวียนไปเช่นนี้ หนึ่งชายสามสตรี หมุนเวียนเปลี่ยนกันไป จากหนึ่งเดือนเป็นสองเดือน ทุกวันล้วนอาบไล้ไปด้วยความทุกข์ระทมตรอมตรมขมขื่นของเหล่าสตรี
กระทั่งวันหนึ่งฟางเอ๋อร์เกิดมีโทสะอันใดมิทราบได้ นางบันดาลโทสะนั้นกับอวี้ชิง อนุภรรยาทั้งสองคนจึงมีปากเสียงและทะเลาะตบตีกันในที่สุด
หากแต่คนที่ถูกฮูหยินผู้เฒ่าเรียกพบกลับเป็นเฮ่อเหลียน
หญิงสาวถูกตำหนิว่าไม่ทำหน้าที่ภรรยาเอกให้ดี ปล่อยปละละเลยจนอนุภรรยาทั้งสองทำร้ายร่างกายกัน นับเป็นความผิดมหันต์ที่ไม่ควรเกิดกับสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเอก
เฮ่อเหลียนนิ่งฟังก็ได้แต่ร้อง อ้อ...ในใจ
แล้วเหตุใดนางถึงไม่รู้สึกว่าเป็นภรรยาเอกเลยเล่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไหนเล่าการคารวะน้ำชายามเช้า
ไหนเล่าคำอวยพรจากอนุภรรยาหลังเรือน
ไหนเล่าความเคารพยำเกรงที่พวกนางควรมีให้กัน
ไหนเล่าการให้เกียรติยกย่องจากสามีว่านางคือภรรยาที่อยู่เหนือสตรีอื่น
ไหนเล่า!
เฮ่อเหลียนได้แต่แค่นเสียงหยันในลำคอบางเบา แล้วเดินจากมาอย่างเงียบงัน ไม่เอ่ยปาก ไม่ปฏิเสธ และไม่ขานรับ ไม่มีอารมณ์ร่วมใดๆ ทั้งนั้น
เรื่องจบอยู่เพียงเท่านี้ ไร้การสะสางอันใด ผู้อื่นอยากทะเลาะกัน อยากตีกันให้ตายก็เชิญเถิด ประเดี๋ยวสามีก็หาสตรีคนใหม่เข้ามาแทนที่เองนั่นล่ะ
เมื่อไม่มีการเรียกตัวไปทำโทษใดๆ ฟางเอ๋อร์กับอวี้ชิงจึงทะเลาะกันอีกครั้ง และอีกครั้ง ในวันต่อๆ มา
แน่นอนว่าสตรีสองคนนั้นพากันเห็นเฮ่อเหลียนเป็นเพียงอากาศธาตุ ประหนึ่งหัวหลักหัวตอไร้ค่าประดับเรือน
ส่วนเฮ่อเหลียนก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่าเรียกไปตักเตือนว่ากล่าวไม่เว้นแต่ละวัน
เฮ่อเหลียนพยายามเลือกที่จะไม่ใส่ใจ นางต้องการเพียงปิดประตูเรือนเก็บตัวเงียบเชียบไม่สุงสิงกับผู้ใด
แต่กระนั้นนางไม่อาจกระทำได้ นางมิได้อยู่อย่างสงบสุขแต่อย่างใด เพราะหลี่ชางแอบย่องมาหานาง ทำท่าจะพังประตูที่ลงดาลแน่นหนาเข้ามาให้ได้
อนุภรรยาทั้งสองทะเลาะกันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นก็พากันไปฟ้องกับหลี่ชาง พากันร่ำไห้กล่าวโทษอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล เหตุการณ์ร้อนระอุเกิดขึ้นที่หลังเรือนในทุกวัน สตรีน่ารักเรียบร้อยอ่อนหวานที่ช่างออดอ้อนฉอเลาะเริ่มเปลี่ยนไป อนุภรรยาผู้งดงามของหลี่ชางเริ่มแผลงฤทธิ์ในทุกวัน
เกรี้ยวกราดประหนึ่งแม่ค้าเขียงหมูคุยกันยามสับเศษเนื้อเสียงดัง และแม่ค้าเรียกแขกเข้าโรงงิ้วกลางตลาดที่จำต้องแหกปากฝ่าฝูงชน
ทั้งสองคนทำให้คฤหาสน์ที่เคยร่มเย็นร้อนเป็นไฟ
กระทั่งหลี่ชางรู้สึกปวดหัวต้องการหาที่ระบาย
ชายหนุ่มเลือกที่จะมาหาภรรยาเอกของเขา เพื่อให้ช่วยสะสางสตรีสองนางนั้น หรือไม่ก็เพียงมาเรียกร้องความสนใจกัน เพราะเฮ่อเหลียนเย็นชาใส่เขามากมายเหลือเกิน
“เจ้าควรทำหน้าที่ภรรยา มิใช่เอาแต่เก็บตัวเช่นนี้ ในบ้านมีเรื่องใดบ้าง เจ้าควรรับรู้ เจ้าควรใส่ใจในตัวข้ามากกว่านี้”
เส้นเสียงทุ้มห้าวเอ่ยออกมาอย่างหน้าไม่อาย เมื่อเข้ามาในห้องได้ เขาก้าวเข้ามาพร้อมคำเหล่านั้น
เฮ่อเหลียนได้ฟังจึงยกยิ้มเย็นชา แค่นเสียงหนักออกมาคำหนึ่ง แล้วเบือนหน้าหนี ถอยหลังหลบ ไม่สนใจเขาอีก
วันเวลาแห่งความทรมานของเฮ่อเหลียนยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ปรานีเพิ่มขึ้นทีละวันจนครบเดือนหลี่ชางยังคงเลือกที่จะไปค้างคืนที่เรือนของอนุคนใหม่ติดต่อกันอย่างไม่มีเบื่อสตรีนางนี้มีนามว่า อวี้ชิงเป็นสตรีบ้านใดไม่อาจทราบและไม่อยากทราบเฮ่อเหลียนไม่มีแก่ใจใคร่รู้เรื่องของผู้อื่นเลยสักนิดนางรู้เพียงว่าชายผู้เป็นสามีติดอกติดใจอวี้ชิงยิ่งนักแต่ทว่ากลับมีบางคืนที่สามีมากภรรยาอย่างหลี่ชางเลือกมาหาภรรยาเก่าแก่คร่ำครึเช่นเฮ่อเหลียนบางทีเขายังมาหานางโดยมิได้ร่วมรักแต่ก็มักจะนอนกอดนางอยู่เงียบๆหญิงสาวไม่กล้าคิดเข้าข้างตนเองว่าเขาเกิดคิดถึงหรือคะนึงหาจึงมาร่วมรักกันเช่นวันวาน ทั้งหวานทั้งซาบซ่าน บอกรักนางอย่างลึกซึ้งมากกว่าเดิม‘เหลียนเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า...โปรดเชื่อข้า’นั่นคือประโยคติดปากของหลี่ชางที่พร่ำพรรณนาบอกนางที่ข้างหู ยามกอดก่ายนางบนเตียงอุ่นซึ่งทำให้นางคล้ายถูกพันธนาการจองจำอย่างแน่นหนา แม้ว่าจะไม่เชื่อคำเขาอีกต่อไปแล้วก็ตามกระทั่งยามเช้าอีกวันมาเยือนและชายหนุ่มผละจากไป นางก็ไปสืบความ จึงได้รู้ว่าอนุคนงามกำลังมีระดูเฮ่อเหลียนหัวเราะให้ตนเองอย่างเย็นชา เป็นความขบขันที่มาทั้งน้ำตาอันแสบ
จวบจนวันหนึ่ง ข่าวดีสำหรับบ้านหลี่หากแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับสองสตรีหลังเรือนก็มาถึงหลี่ชางตบแต่งอนุภรรยาเข้ามาอีกหนึ่งคน!ครานี้อนุของเขางดงามมากนัก ใบหน้าเรียวเล็กน่ารักจิ้มลิ้ม มีรอยยิ้มพริ้มเพรา ดวงตาของนางกลมโตทั้งพิสุทธิ์กระจ่างใสดั่งวารีตกผลึกแวววาว ร่างระหงอ้อนแอ้นแช่มช้อยน่านวดเคล้าไปหมดทุกสัดส่วนมองแล้วให้รู้สึกลมหายใจยังสะดุด หัวใจพานจะละลายอ่อนยวบเสียให้ได้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลี่ชางจักตื่นเต้นปานใดคืนส่งตัวเข้าหอ คืนนั้นหลี่ชางทำสตรีนางน้อยผู้นี้ร้องร่ำไม่เป็นภาษา ส่งเสียงครวญครางแหบพร่าใส่หน้ากันทั้งคืนเสียงเตียงนอนยังโยกคลอนดังลั่นสนั่นหวั่นไหว สั่นสะเทือนเสียจนกำแพงห้องแทบถล่มลงมาเหตุที่เฮ่อเหลียนล่วงรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ?ก็เพราะฟางเอ๋อร์มารบเร้าให้นางพาไปแอบฟังเสียงอยู่ริมหน้าต่างตรงมุมอับร้างผู้คน เหตุผลก็เพราะเฮ่อเหลียนยังคงแอบฟังคราวหลี่ชางกับฟางเอ๋อร์ร่วมรักกันนั่นเองถือว่าเป็นการไถ่โทษ ฟางเอ๋อร์ยอมหายโกรธเฮ่อเหลียนและจะไม่พูดถึงมันอีกเฮ่อเหลียนได้แต่ยิ้มขื่น เจ็บระบมอยู่ในอกข้างซ้าย น้ำตาแทบสะกดกลั้นเอาไว้มิได้ยามนั่งเศร้าอยู่ริมหน้าต่าง ท่ามกลางราตรีอันมืดดำ
แม้ในใจจะเจ็บปวดรวดร้าวรุนแรงปานถูกเหล็กร้อนจ้วงแทงทุกวัน แต่เฮ่อเหลียนยังคงพยายามคิดในแง่ดีเสมอมา ว่าหลี่ชางยังคงรักนางไม่เสื่อมคลาย นางคิดว่าอย่างน้อยสามีก็ยังรักนาง ถึงแม้ว่าเขาจะรักสตรีอื่นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนหญิงสาวคิดด้วยหัวใจที่ยังรักเขาไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังเจ็บปวดเพราะเขาไม่สร่างซา ก็ยังอดทนอย่างโง่งมเสมอมาเป็นความจริงที่ว่า บ้านอื่นอาจจะมีสตรีที่ต้องแบ่งปันสามีมากกว่านี้หลายเท่าตัวนัก พวกนางล้วนหน้าชื่นอกตรมไม่ต่างจากนางยิ่งเป็นฝ่ายภรรยาเอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกนางต่างต้องรับผิดชอบงานบ้านงานเรือนทุกสิ่ง ดูแลพ่อแม่สามีมิให้ขาดตกบกพร่อง และยังต้องพะวงกับการเก็บอารมณ์อย่างยากลำบาก มิให้แสดงความหึงหวงออกมาซึ่งตัวนางล้วนทำได้ดี นางทำได้ นางต้องทำ...หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นจากหมอนแล้วอิงร่างบางกับกำแพงข้างที่นอนอยู่เงียบๆ พลางครุ่นคิดไปถึงสตรีบ้านอื่นที่มีชะตาชีวิตเหมือนกัน เพื่อปลอบใจตนเองในคืนเดียวดาย คืนที่สามีนางกำลังไปนอนกอดกับสตรีอีกคน...เวลาแห่งความทรมานคืบคลานผ่านไปอย่างช้าๆ ช่างยาวนานเหลือเกินในความรู้สึกแต่กระนั้นเช้านี้กลับมีเสียงแทรกจากฮูหยินผู้เฒ่าว่าเวลาช่างผ
หญิงสาวนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา นางนั่งมองชายหนุ่มข้างกายอยู่นิ่งๆ เห็นเขาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ เป็นรอยยิ้มละมุนตาที่นางโหยหาทุกค่ำคืนเฮ่อเหลียนหลับตาลงอย่างช้าๆ นึกปวดแปลบอยู่ในใจหลี่ชางบอกว่าฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว จึงได้มารับนางกลับไป เขาหมายความว่าอย่างไร?หลี่ชางคล้ายเข้าใจคำถามนั้นของเฮ่อเหลียน ถึงแม้ว่านางมิได้เอ่ย แต่คำตอบกลับออกมาจากปากเขาช้าๆ เพื่ออธิบาย“การที่ฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้วหนึ่งเดือนหลังจากที่เข้าหอกับข้าเพียงสองเดือน นั่นก็แสดงว่าร่างกายของข้าปกติดี”ประโยคนี้ทำผู้ฟังได้แต่อึ้งงัน หมายความว่าเป็นนางที่ร่างกายบกพร่องเพียงผู้เดียวใช่หรือไม่?“เจ้าอย่าด่วนคิดมากไป” อีกครั้งที่หลี่ชางเอ่ยอย่างเข้าใจเฮ่อเหลียน “ข้ากำลังจะบอกเจ้าว่า เมื่อมีสตรีมารับหน้าที่ตั้งครรภ์แทนเจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทายาทอีก จากนี้เราอยู่กันแบบสามคนสามีภรรยาด้วยดีเถิด ข้ายังคงรักเจ้าเช่นเดิม”อ้อ...กระนั้นหรือ?หญิงสาวตอบคำเขาอยู่ในใจ หาได้เอ่ยออกมาไม่ นางมิรู้ว่าควรคุยกับเขาอย่างไรดีความรู้สึกเจ็บลึกยังคงมีไม่สร่างซาคำว่าสามคนสามีภรรยาล้วนเสียดแทงใจแต่ทว่านางกำลังรู้สึกบางอย่างที่เขา
เฮ่อเหลียนพาซือจิงที่ร่างกายบอบช้ำจากการถูกโบยมารักษาตัวที่บ้านเดิมของตน สินเจ้าสาวก็มิได้นำมาคนบ้านเฮ่อต่างมองนางด้วยสายตาไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนางถึงเป็นสตรีจิตใจคับแคบ แค่สามีรับอนุเข้าบ้านเพียงหนึ่งคนต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และคำต่อว่าอีกมากมาย ทั้งเรื่องที่คนในบ้านล้วนอับอายเพราะนางเป็นสตรีที่หย่าสามีกลับมาเช่นนี้ คนทั้งบ้านเฮ่อ ทั้งบิดาและมารดาเลี้ยงทั้งหลาย ล้วนกล้ำกลืนฝืนทนกับการกลับมาเยือนอย่างไร้เกียรติเช่นนี้ของเฮ่อเหลียนทุกคนของสกุลเฮ่อ ต้องถูกชาวบ้านเหยียดศักดิ์ศรีอย่างไม่เหลือดีเพราะสตรีหย่าสามีเป็นเรื่องน่าอับอายเฮ่อเหลียนมิใช่ไม่รู้สึก นางเป็นคนธรรมดาย่อมอับอายยิ่งกว่าพวกเขาอย่างที่สุดคำว่าใจร้อน ใจแคบ ล้วนดังเข้าหูให้นางได้ยินทุกวัน และนางก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นางไม่คิดปฏิเสธแต่จะให้นางทำอย่างไร นางในยามนี้เจ็บปวดเหลือเกินไยไม่มีใครเข้าใจ...สามเดือนหลังจากนั้น นับได้ว่านานเกินพอที่ซือจิงจะหายดี หากแต่สภาพจิตใจของเฮ่อเหลียนกลับไร้ทางเยียวยาซือจิงเห็นนายสาวยังไม่หายเศร้าโศกจึงเอ่ยปากชวนกันไปเที่ยวนอกบ้าน สถานที่ปลายทางคือชานเมืองที่มีป่าผืนน้อยร้างผู้คน ข่าวว่า
“เจ้าทำสิ่งใดลงไป? เหลียนเอ๋อร์!”เส้นเสียงทุ้มต่ำของนายท่านผู้เฒ่าเอ่ยถามอย่างตำหนิมาทางเฮ่อเหลียนตามด้วยฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าไยทำตัวไม่มีเหตุผลเช่นนี้ สตรีเราเมื่อไม่สามารถมีทายาทให้สามี หากไม่ถูกขับออกก็ต้องยินดีที่จะมีสตรีอื่นมาแบ่งเบา ไฉนเจ้าไม่เข้าใจ เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดที่บ้านใด เจ้าจะเห็นแก่ตัวมิได้”ฮูหยินเอกหมาดๆ แห่งคฤหาสน์หลี่ทำได้เพียงเงียบงัน ไม่ต่อวาจาใดนายท่านผู้เฒ่าจึงเอ่ยอีกครา “เจ้ารู้หรือไม่? ว่าฟางเอ๋อร์ หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ข้าต้องลำบากออกปากเนิ่นนานกว่าที่บิดามารดาของนางจักยินยอมให้แต่งเป็นเพียงอนุของอาชาง”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมอีกครั้งอย่างรู้สึกผิดต่อสตรีผู้นั้นเป็นอย่างมาก “ใช่แล้วเหลียนเอ๋อร์ เมื่อเช้านี้เจ้าทำฟางเอ๋อร์ตกใจจนร่ำไห้ไม่หยุด ปากก็ร่ำๆ ว่าจะกลับบ้านไป ไม่สืบทายาทแล้ว”เฮ่อเหลียนยืนนิ่งอึ้งฟังประโยคเหล่านั้นด้วยหัวใจแข็งกระด้างเย็นเยียบสตรีนางนั้นเป็นคุณหนูสูงส่ง ยอมลดตัวแต่งเป็นแค่อนุต่ำต้อยให้หลี่ชาง สามารถมีทายาทให้บ้านหลี่ได้ชื่นใจ ทุกคนดูเกรงอกเกรงใจต่อนางเหลือเกินเมื่อเห็นภรรยาของบ