หลังจากธีทัตจากไปบริเวณนั้นจึงเหลือเพียงคนทั้งสองท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ
ศรัณย์จ้องใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยังมีคราบน้ำตาเกาะอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่รถโดยไม่พูดไม่จาสักคำ ส่วนอีกคนยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกหลากหลาย
วันนี้เกิดเหตุการณ์ขึ้นเยอะมากจนเธอปรับอารมณ์ไม่ทัน สมองมันอึน ความรู้สึกมากมายผสมผสานกันมั่วไปหมด
ทั้งรู้สึกเสียใจและโกรธในเวลาเดียวกันที่เขาทำราวกับเธอเป็นสิ่งของเอามาใช้เดิมพัน ในสมองงุนงงว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ทำไมถึงย้อนกลับมาช่วยเธอถึงขั้นยอมเสียเงินหลักล้าน
"จะอยู่ที่นี่รึไง!"
น้ำเสียงดุดันดังขึ้นทำเธอที่จิตใจและสมองล่องลอยไปไกลสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินไปยังรถสปอร์ตหรูที่มีอีกคนยืนเปิดประตูฝั่งคนขับค้างอยู่ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แววตาจ้องมองมาราวกับจะกินหัวกัน
และทันทีที่เธอก้าวขึ้นมานั่งบนรถเขาก็สตาร์ทเครื่องเหยียบคันเร่งพุ่งตัวออกด้วยความเร็วทำเธอที่กำลังก้มหน้ารัดเข็มขัดนิรภัยหน้าแทบคะมำชนคอนโทรลด้านหน้า
เธอหันควับมองใบหน้าเคร่งขรึมของคนที่กำลังขับรถด้วยความขุ่นเคืองน้อย ๆ เหมือนเขาจงใจแกล้งกัน คนถูกมองรับรู้ได้หันจ้องตอบ เอ่ยถามเสียงเรียบ
"มีปัญหาเหรอ?"
ดาริกาเลือกไม่ตอบแล้วเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกกระจกรถแทน ขณะที่ในใจกำลังก่นด่าอีกคนสารพัด
ภายในรถถูกความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ ก่อนศรัณย์จะเอ่ยอีกครั้ง
"อย่าคิดว่าที่ฉันเอาตัวเธอกลับมาเพราะรักหรืออะไรนะ ฉันแค่เก็บเธอไว้ทรมานเล่น ๆ เองดีกว่า เงินหนึ่งล้านที่ฉันเสียไปเธอก็ต้องเป็นคนจ่ายคืน"
"..."
คำพูดจากริมฝีปากหยักทำดาริกาหันกลับมามองเสี้ยวหน้าคมอีกครั้ง สองคิ้วขมวด ดวงตากลมฉายแววงุนงง
ตอนแรกเป็นเขาเองที่เอาเธอไปเป็นของเดิมพัน แล้วก็เป็นเขาเองที่เปลี่ยนใจยกเลิกมันจนยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านแลก แล้วไหง่กลายเป็นเธอที่ต้องรับผิดชอบกัน
เธอไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป รู้ดีว่าพูดอะไรไปก็มีแต่จะทำให้เขาไม่พอใจเปล่า ทว่าการที่เธอใช้ความเงียบเหมือนยิ่งทำให้เขาโกรธ
"ลืมปากไว้ที่สนามแข่งรึไง" ตะเบ็งเสียงถามดังลั่นจนเธอสะดุ้ง
"พี่ศรัณย์จะให้น้องดาพูดอะไรล่ะคะ"
"เธอกำลังท้าทายขีดความอดทนของฉันนะดาริกา"
พอเธอพูดก็ยิ่งกลับกลายเป็นทำให้เขาโกรธกว่าเดิมอีก สำหรับเขาในตอนนี้ไม่ว่าเธอจะทำหรือพูดอะไรก็ดูเหมือนจะขัดหูขัดตา และทำให้เขาไม่พอใจไปเสียหมด
"พอพูดก็ไม่ถูกใจ พอไม่พูดก็ผิดอีก แล้วจะให้น้องดาทำยังไงคะถึงจะพอใจพี่ศรัณย์"
"อย่ามาชักสีหน้าใส่ฉัน"
ขนาดเธอแค่ขมวดคิ้วเขายังมองว่าเธอชักสีหน้าใส่เลย
"นะ..."
เอี๊ยดดด~
ทำท่าจะปฏิเสธแต่ก็ต้องชะงักเพราะเขาหักพวงมาลัยรถเข้าจอดข้างทางกะทันหันจนเธอตัวโยนไปข้างหน้าดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยอยู่ไม่อย่างนั้นคงหัวคะมำชนคอนโทรล
เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณที่รถจอดอยู่ สองข้างทางมีแต่ต้นไม้กับพงหญ้า แถมไฟส่องสว่างก็ติด ๆ ดับ ๆ ถนนดูเปลี่ยวค่อนข้างน่ากลัวน้อยนักที่จะเห็นรถวิ่งผ่าน
อีกคนจอดรถตรงนี้ทำไมกันคำถามผุดขึ้นในสมองเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วสิ ไม่ใช่ว่าเขาจะปล่อยเธอไว้ที่นี่นะหันมองใบหน้าคมด้วยความหวั่นใจ
"ลงไป"
ไม่ทันได้ถามน้ำเสียงดุดันก็ดังขึ้นเสียก่อน นั่นไงเธอคิดไว้ไม่มีผิดเขาจะทิ้งเธอไว้ข้างทางจริง ๆ แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมทำตามคำสั่งล่ะ
"ไม่น้องดาไม่ลง มันทั้งมืดทั้งเปลี่ยวน้องดากลัว" เธอว่าพลางใช้สองมือจับสายเข็มขัดนิรภัยแน่น ถนนทั้งมืดทั้งเปลี่ยวขนาดนี้ใครจะลงก็ลงไปเถอะแต่ไม่ใช่เธอแน่นอน
เกิดลงไปแล้วเจอคนไม่ดีจะทำยังไง อีกคนจะโกรธมากแค่ไหนหรือมองว่าเธอหน้าด้านก็ช่างปะไรเอาความปลอดภัยของตัวเองไว้ก่อน
"บอกให้ลงไป หูหนวกเหรอ" เขาออกคำสั่งอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังและดุกว่าเดิมพร้อมสาดสายตาคมกริบจ้องเธอเขม็ง
"ไม่ค่ะ น้องดาไม่ลง" แอบหวั่นกับท่าทางของเขาอยู่เหมือนกัน แต่จะให้ลงจากรถไม่มีทางเด็ดขาดยิ่งจับสายเข็มขัดนิรภัยแน่นขึ้นด้วยกลัวว่าเขาจะมาลากเธอลงไป
"เธอนี่มันหน้าด้านหน้าทนจริง ๆ"
"พี่ศรัณย์จะด่าอะไรก็ด่ามาเถอะค่ะ แต่น้องดาไม่ลง"
ศรัณย์ถอนหายใจออมาพรืดใหญ่กับความดื้อด้านของเธอ เขารู้มาตลอดว่าเธอดื้อแต่ไม่คิดว่าจะทั้งดื้อและด้านมากขนาดนี้
จ้องใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนขับรถออกจากตรงนั้นพลางเปล่งเสียงพูด
"ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ แล้วก็ไม่ต้องแทนตัวเองว่าน้องเราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน เธอเป็นแค่ลูกแม่บ้าน ต่อให้แม่ของเธอจะถีบตัวเองจนได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งเมียใหม่พ่อฉันมันก็เปลี่ยนกำพืดของเธอกับแม่ไม่ได้หรอก"
"ทำไมต้องพูดจาดูถูกกันด้วยคะ" คำพูดของเขาทำดาริกาเสียใจอยู่ลึก ๆ ขณะเดียวกันก็นึกขุ่นเคืองไม่น้อย
แววตาที่มองใบหน้าหล่อเหลาอย่างตัดพ้อในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองนาทีต่อมา
แรกเริ่มก็เป็นเขาบังคับให้เธอเรียกว่าพี่แล้วแทนตัวเองว่าน้องเหตุผลเพราะน่ารักดี แต่มาวันนี้กลับพูดเหมือนว่าเธออยากยกตัวเองเทียบเท่าเขาช่างเป็นคนไร้เหตุผล
"ไม่ให้เรียก ไม่เรียกก็ได้ใจร้ายใส่กันขนาดนี้คิดว่าอยากเรียกมากรึไงกัน"
"หรือฉันพูดผิด ขี้ข้าก็คือขี้ข้าวันยังค่ำ"
เขายังคงสาดคำพูดแสนเจ็บแสบใส่กันไม่เลิก แต่เธอไม่อยากทะเลาะต่อจึงเลือกจะเงียบเบี่ยงหน้าเข้าหากระจกแล้วปิดตาลงทำเหมือนหลับ
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นที่ห้องอาหารรุ่นพี่หนุ่มก็เปลี่ยนไป เวลาเจอกันก็ทำเหมือนไม่รู้จัก หรือเดินหนีไปเลยคงจะโกรธหรือไม่ก็เกลียดกันไปแล้ว แต่เธอก็เข้าใจได้"ช่างเถอะยังไงพี่เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว ไปเรียนเถอะถึงเวลาแล้ว" มิ้นท์ตัดบทเมื่อก้มมองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่าถึงเวลาเรียนแล้วจากนั้นทั้งสามก็พากันเดินขึ้นห้องเรียน เรียนเสร็จก็แยกย้ายกลับบ้านตัวเอง-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-"ที่บ้านมีงานอะไรกัน" ดาริกาพึมพำด้วยความสงสัยเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นบริเวณลานสนามหญ้าหน้าบ้านมีโต๊ะอาหารทรงกลมวางอยู่สี่ห้าโต๊ะ รอบ ๆ มีการตกแต่งด้วยดอกไม้และลูกโป่งสีสันสดใส เหล่าแม่บ้านกำลังทำงานกันให้ขวักเธอเดินเข้าไปในบ้านเมื่อเห็นแม่บ้านกำลังเดินผ่านไปจึงถามไถ่ "มีงานอะไรกันเหรอคะ""งานวันเกิดคุณแป้งค่ะ น้องดาไม่รู้เหรอ""ไม่รู้ค่ะ" เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของแป้ง ไม่เห็นมีใครพูดถึงเลยหรือไม่ก็พูดแต่เธอไม่รู้ แต่คงไม่แปลกเพราะทุกวันนี้เธอแทบจะไม่มีตัวตนในบ้านหลังนี้ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผู้เป็นแม่กับเกรียงศักดิ์ก็หมางเมินใส่เธอพูดด้วยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนศรัณย์ก็เอาแต
หนึ่งเดือนต่อมาดาริกาตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ภายในอ้อมกอดของผู้ชายใจร้ายที่เห็นเธอเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์ระบายความใคร่เธอค่อย ๆ พลิกตัวเข้าหาคนที่นอนกอดเธออยู่ด้านหลัง จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพปั้นด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำ เกิดคำถามในใจซ้ำ ๆ ว่าเขาไม่รักเธอตั้งแต่ตอนไหนทำไมถึงใจร้ายใส่กันได้มากขนาดนี้เขารังแกเธอทุกทางไม่เคยจะปราณีกันสักครั้ง รังแกทางร่างกายเธอยังพอทนไว้ แต่รังแกจิตใจกันเธอแทบทนไม่ไหวกลางวันเธอต้องทนเห็นเขาแสดงความรักกับว่าที่คู่หมั้น แต่พอตกกลางคืนกลับย่องมาหาเธอที่ห้อง มาตักตวงความสุขจากร่างกายเธอแทบทุกคืนในสถานะเมียน้อยที่เขายัดเยียดให้น้ำสีใสค่อย ๆ รินไหลออกจากดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่จนต้องรีบยกมือขึ้นเช็ด แล้วค่อย ๆ ยกท่อนแขนแกร่งที่พาดบนเอวออกพาตัวลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมาแต่งตัว แล้วเดินไปปลุกคนที่นอนหลับไหลอย่างสบายอยู่บนเตียง"คุณศรัณย์ตื่น เช้าแล้วนะ" ร้องเรียกพลางยื่นมือไปเขย่าไหล่เบา ๆ"อือ..." คนถูกปลุกฮึมฮำในลำคอแสดงสีหน้าหงุดหงิดทั้งที่เปลือกตายังปิดอยู่จนดาริกาต้องยื่นมือไปเขย่าไหล่ซ้ำ"ตื่นค่ะคุณศรัณย์""เธอจะเข
"ถ้าไม่เชื่อผมเปิดคลิปให้ดูได้นะครับ" ศรัณย์ล้วงไปหยิบมือถือในกระเป๋ากางออกมาเพื่อเปิดคลิปยืนยันเมื่อประทีปแสดงสีหน้าคลางแคลงใจ"พอได้แล้วศรัณย์ เลิกบ้าสักที" เกรียงศักดิ์ตวาดลั่นก่อนที่บุตรชายจะทำอะไรเลว ๆ "คลิปอะไรศรัณย์" ประทีปไม่สนว่าพ่อลูกจะทะเลาะกัน แต่เขาอยากรู้ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่"คลิปผมกับดาริกาตอนมีอะไรกันครับ"ประทีปกับวลีอึ้งเป็นครั้งที่สองหันมองหน้าเด็กสาวเชิงตั้งคำถาม "จริงเหรอหนูดา ที่ศรัณย์พูดเป็นความจริงเหรอบอกป้าหน่อย"คนถูกถามได้แต่ก้มหน้าเพราะอับอายเกินกว่าจะพูดออกไปได้ แต่เพียงเท่านี้ประทีปกับวดีก็รู้แล้วประทีปผุดลุกขึ้นยืนชี้หน้าเกรียงศักดิ์ด้วยความโกรธ "มึงทำแบบนี้ได้ไงไอ้ศักดิ์ ยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ไหม""ใจเย็น ๆ ไอ้ทีปฟังฉันก่อน" เกรียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนพยายามบอกให้ประทีปใจเย็น"กูไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มึงเห็นกูกับเมียเป็นคนโง่นี่ถ้าศรัณย์ไม่พูดพวกกูคงถูกมึงหลอก นับจากนี้ไปมึงกับกูไม่ใช่เพื่อนกัน" เอ่ยกับเพื่อนทรยศจบประทีปก็หันไปออกคำสั่งกับเมียและลูก "กลับ!""ใจเย็น ๆ ก่อนครับพ่อ" โจพยายามบอกให้คนเป็นพ่อใจเย็น เขาไม่ต้องการให้งานแต่งครั้งนี้ล้มเลิก"อย่
การคุยเรื่องแต่งงานของทั้งสองฝ่ายเป็นไปได้ด้วยดีกระทั่งประตูห้องอาหารถูกเปิดออกแกร๊ก!ทุกคนภายในห้องพากันขมวดคิ้วหันมองไปที่ประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน "ศรัณย์.."เกรียงศักดิ์กับเกสรตาเบิกกว้างหน้าถอดสีเมื่อเห็นหน้าคนที่เปิดประตูเข้ามา กลัวว่าบุตรชายจะมาทำให้เสียเรื่อง ขณะที่ดาริกากลับนิ่งเฉยเพราะไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นมันคงไม่แย่กว่าที่เป็นอยู่แล้วศรัณย์มองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างคาดโทษ ก่อนเลื่อนสายตามองหน้าผู้เป็นพ่อสลับกับเกสรพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ทั้งสองคงคิดว่าปิดหูปิดตาเขาจากเรื่องการแต่งงานของหญิงสาวได้สินะ และคงกลัวว่าเขาจะขัดขวางถึงได้นัดกันมาคุยข้างนอก แต่เขามันคนโชคดีเมื่อวันก่อนดันบังเอิญได้ยินผู้เป็นพ่อคุยโทรศัพท์กับลุงประทีปเรื่องจะให้หญิงสาวแต่งงานกับลูกของท่านแน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ผู้เป็นพ่อ และเกสรสมหวังสักเรื่องจะคอยขัดขวางทุกทาง"แกอย่ามาสร้างเรื่องที่นี่" เกรียงศักดิ์กดเสียงเอ่ยเบา ๆ ให้พอได้ยินแค่สองคน ถามว่าศรัณย์ฟังไหมตอบเลยว่าไม่"เจอกันอีกแล้วนะโจ" หันไปจ้องโจที่กำลังมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจก่อนจะระบายยิ้มยี้ยวนให้ เขาดูไม่แปลกใจที่เจอโจเ
วันต่อมาดาริกาได้ออกจากโรงพยาบาลประมาณช่วงบ่ายโดยคนที่มารับเธอกับแม่คือเกรียงศักดิ์ เธอควรดีใจที่ได้กลับบ้าน แต่ไม่เลยความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมถ้าเลือกได้เธออยากอยู่โรงพยาบาลต่อมากกว่า "ตอนเย็นผู้ใหญ่ทางฝั่งนู่นจะมาคุยเรื่องการแต่งงานนะ หนูดาเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ"คำบอกล่าวจากเกรียงศักดิ์ที่กำลังขับรถอยู่ทำให้หัวใจดวงน้อยปวดหนึบ น้ำสีใสพลันเอ่อคลอดวงตาจนเธอต้องรีบหันหน้ามองออกไปนอกกระจกรถกลัวว่าเกรียงศักดิ์กับแม่ที่นั่งคู่กันด้านหน้าเห็นนี่เธอต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หนำซ้ำยังไม่รู้จักจริง ๆ เหรอ ทำไมทุกอย่างจึงมาถึงจุดนี้ได้มันเป็นเพราะแม่เพราะเธอหรือเพราะชายหนุ่มกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะใครสุดท้ายคนที่รับกรรมก็มีแค่เธอคนเดียว ทำไมถึงเป็นเธอที่ต้องแบกรับทุกอย่างเธอปิดตาลงพยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่สุดท้ายมันก็ยังรินไหลออกมาอยู่ดี หลายวันมานี้ไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่ร้องไห้เหมือนกับน้ำตาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วความสุขหน้าตาเป็นยังไง และให้ความรู้สึกยังไงเธอไม่ได้สัมผัสมันมาหลายเดือนแล้วจนเริ่มจำไม่ได้เปลือกตาบางปรือขึ้นเมื่อรถจอดนิ่ง เธอลอบถอนหายใจออกมาครั้นเห็
"ทำไมคุณต้องพูดจารุนแรงใส่น้องสาวตัวเองด้วย สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิดนะครับ" เขาพยายามอธิบาย แต่กลับทำให้คนฟังยิ่งเลือดลมขึ้นหน้าเพราะหญิงสาวบอกกับคนอื่นว่าเขาเป็นพี่ชายทั้งที่ความจริงไม่ใช่ เหมือนกับเธอปกปิดสถานะของเขาเพราะแคร์ไอ้หน้าอ่อนที่ยืนอยู่ หรือไม่ก็กำลังคบกันคงกลัวมันรู้แล้วจะทิ้งไป"ดาริกาบอกมึงว่ากูเป็นพี่ชายเหรอ" กดเสียงแข็งกระด้างถาม สายตาจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับจะกินหัว"ใช่ครับ" โจตอบตามความจริง เขาเคยเห็นชายหนุ่มมาส่งรุ่นน้องสาวที่มหาวิทยาลัยเมื่อหลายเดือนก่อนจึงถามไถ่ เธอบอกว่าเป็นพี่ชายเขาก็เชื่อสนิทใจ"งั้นมึงก็รู้ไว้ด้วยว่ากูเป็น 'ผัว' ดาริกาไม่ใช่พี่ชาย" ศรัณย์เน้นคำว่าผัวใส่หน้าโจทำเอาเขางงเป็นไก่ตาแตกหันมองหน้ารุ่นน้องสาวขอคำยืนยัน "จริงเหรอครับน้องดา"มะ...""ถ้าไม่เชื่อกูพิสูจน์ให้ดูได้นะ" ดาริกาไม่ทันตอบศรัณย์ก็พูดแทรกขึ้น ไม่ว่าเปล่ายังเดินเข้าหาคนบนเตียงโน้มใบหน้าลงหมายจะจูบเธอ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะถูกอีกคนดึงคอเสื้อด้านหลังแล้วลากให้ออกห่างคนบนเตียงศรัณย์แกะมือโจออกจากคอเสื้อพร้อมกับจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง โจจ้องตอบไม่เกรงกลัว"ไม่ว่าคุณจะอย