คำขู่จากริมฝีปากหยักทำดาริกาคิดหนัก หลังจากได้เห็นชายหนุ่มใช้ขวดเหล้าพาดหัวลูกค้าคนนั้นก็ทำให้เธอมองเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เธอเชื่อว่าเขาจะทำตามที่ขู่แน่ ๆ หากเธอกล้าท้าทาย บอกตามตรงว่าเธอกลัวเพราะไม่รู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
"ปล่อยน้องดานะ" ริมฝีปากอิ่มเปล่งเสียงทักท้วงออกมาเบาหวิว ในเมื่อตะโกนให้คนรอบข้างช่วยก็ไม่ได้จึงใช้กำปั้นทุบตีแผ่นหลังกว้างแทนระบายอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นในกาย "ปล่อยสิ"
ทว่าทุบแผ่นหลังกว้างจนเรี่ยวแรงเริ่มหมดคนใจร้ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้านสักนิด ยังอุ้มเธอเดินออกจากบาร์ด้วยท่าทางสบาย ๆ
เธอหยุดต่อต้านรู้แล้วว่าเปล่าประโยชน์มีแต่เสียแรงเปล่า ตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยทั้งรู้สึกมึนหัวมาก ๆ อยากจะนอนพักเต็มทนแล้ว
"หมดฤทธิ์แล้วสินะดาริกา" แววตาวาวโรจน์ตวัดมองร่างบางบนบ่าแวบหนึ่ง แล้วมองไปข้างหน้าต่อ แม่ตัวดีคงหมดฤทธิ์แล้วถึงได้นิ่งสงบไปแบบนี้
คิดว่าจะแน่สักแค่ไหน
เขาพาเธอมายังรถคันหรู ก่อนจะเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ แล้วโน้มตัวลงวางร่างบางบนเบาะ จัดการดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เสร็จสรรพ
จากนั้นก็ปิดประตูเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ
ดาริกาจึงใช้จังหวะนั้นปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางโซซัดโซเซจะล้มแล้ไม่ล้มแล้จนต้องรีบยกขึ้นจับขอบประตูรถไว้
สะบัดศรีษะแรง ๆ สองสามทีไล่อาการมึน พยายามรวบรวมสติที่เหลือเพียงน้อยนิดก้าวเท้าเดินหนี
"อ๊ะ!"
เดินได้แค่สองก้าวตัวก็ลอยขึ้นเหนือพื้นด้วยฝีมือของคนใจร้ายที่ตามมาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว สองมือเล็กยกขึ้นคล้องลำคอแกร่งอัตโนมัติกลัวว่าตัวเองจะร่วงลงพื้น
"อย่าคิดหนีให้เสียเวลาดาริกา เพราะยังไงเธอก็หนีฉันไม่พ้น" ศรันย์กดเสียงพูด แววตาวาวโรจน์จับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มที่บัดนี้แดงซ่านด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์อย่างคาดโทษ
สิ้นเสียงคนใจร้ายดาริกาก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกครั้ง
"ไม่..น้องดาจะหนี หนีคนใจร้ายแบบพี่ศรันย์ไปให้ไกล ๆ น้องดาไม่รักพี่ศรันย์แล้ว" เปล่งเสียงสวนกลับอย่างถือดีพลางคลายมือข้างขวาออกจากลำคอแกร่งมาทุบอกกำยำด้วยความโกรธ
"ถ้าคิดว่าหนีพ้นก็ลองดู" แรงทุบตีจากกำปั้นเล็กไม่ได้ทำให้ศรันย์รู้สึกเจ็บสักนิด เอ่ยจบก็อุ้มร่างบางไปที่รถ
จับเธอยัดเข้าไปในรถฝั่งข้างคนขับอย่างไร้ความอ่อนโยนทำให้ศีรษะเล็กทุยชนกับขอบประตูดังปึก
"โอ้ย.." ดาริกาใบหน้าเหยเกหลุดร้องออกมาด้วยความเจ็บ ขณะเดียวกันก็นึกโกรธไม่น้อยตวัดสายตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นจ้องหน้าคนตัวโตเขม็ง "น้องดาเจ็บนะคนใจร้าย!"
"ฉันใจร้ายได้มากกว่านี้อีกดาริกา เพราะฉะนั้นอย่าดื้อ อย่าทำอะไรที่ฉันไม่ชอบ" ดวงตาวาวโรจน์จ้องใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็ง
"ใจร้าย..ทำไมพี่ต้องใจร้ายกับน้องดาด้วย"
"หากจะโทษก็ต้องโทษแม่ของเธอกับตัวเธอเองที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้"
สิ้นเสียงเอ่ยศรันย์ก็ดันประตูปิดดังปังทำร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะก้าวฉับ ๆ ไปเปิดประตูขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ
หันมองร่างบางที่อยู่ในอาการเมาแอ้พร้อมถอนหายใจออกมาด้วยความขัดใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้
จากนั้นก็เหยียบคันเร่งขับรถพุ่งออกจากลานจอดรถบาร์ด้วยความเร็ว
ดาริกาพยายามปรือตาขึ้นมองข้างทางเมื่อเห็นว่าไม่ใช่ทางกลับหอพักก็หันไปทักท้วงคนข้าง ๆ ด้วยใบหน้าหงิกงอ
"พี่ศรันย์จะพาน้องดาไปไหน น้องดาไม่ไปด้วยนะ น้องดาจะกลับห้องตัวเอง"
"..."
ศรัณย์เพียงตวัดหางตามองคนที่เอาแต่ทักท้วงเล็กน้อย แล้วสนใจถนนข้างหน้าต่อเขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้สุดกำลังไม่ให้ตัวเองเผลอทำอะไรก่อนจะถึงคอนโด
-คอนโดศรัณย์-
ดาริกาที่ผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ถูกศรัณย์อุ้มมาทุ้มลงบนเตียงอย่างไร้ความอ่อนโยนจนเธอรู้สึกตัว
"อึก!"
ใบหน้าหวานเหยเกพร้อมกับเปลือกตาที่ค่อย ๆ ปรือขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาฉ่ำวาวจับจ้องร่างสูงที่ยืนปลายเตียงด้วยความโกรธ
"เจ็บนะ!"
ศรัณย์ไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะรู้สึกอย่างไรกลับโน้มตัวไปฉีกทึ้งชุดเดรสสีดำแหวกกลางอกโชว์นมไปครึ่งเต้าความสั้นเสมอแก้มก้นที่เห็นแล้วยิ่งโมโหออกจากร่างบอบบางอย่างแรง
"อย่านะ อย่ามายุ่งกับชุดน้องดา" ดาริกาพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดกำลังแต่มีหรือจะต้านทานกำลังผู้ชายตัวโตกว่าได้
ชุดเดรสของเธอขาดติดมือหนาก่อนจะถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี เหลือเพียงแผ่นแปะจุกกับแพนตี้ตัวจิ๋วปกปิดจุดสงวน
จัดการกับเสื้อผ้าเสร็จก็โถมร่างกายลงมาคร่อมเธอเอาไว้ใต้อาณัติ การกระทำของเขาทำให้เธอแตกตื่นรีบยกมือขึ้นดันแผงอกกว้างเอาไว้
"พะ..พี่ศรัณย์จะทำอะไร ออกไปให้ห่างน้องดานะ"
"อย่ามาทำเป็นใสซื่อดาริกา ในบาร์เมื่อกี้เธอยังยั่วยวนผู้ชายอยู่เลย"
"..."
"อยากได้เงินจนยอมขายศักดิ์ศรี ยอมทำงานที่เปลืองตัว"
"ใช่..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ศรัณย์ นี่มันร่างกายน้องดา น้องดาจะทำอะไรจะใช้ประโยชน์จากร่างกายยังไงมันก็เรื่องของน้องดา" ความเสียใจทำให้เธอพูดไปแบบนั้นซึ่งมันยิ่งเหมือนราดน้ำมันซ้ำบนกองไฟ
"งั้นก็จำให้ขึ้นใจว่าต่อจากนี้ไปร่างกายเธอเป็นของฉัน มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ทำทุกอย่างได้และใช้ประโยชน์จากร่างกายเธอได้"
"เห็นแก่ตัว!" ตอนนี้น้องดาไม่เกี่ยวข้องกับบ้านพิทักษ์ธรานนท์แล้วพี่ศรัณย์ไม่มีสิทธิ์มายุ.."
ศรัณย์ไม่ต้องการให้คนใต้ร่างพล่ามอะไรที่ไม่เข้าหูออกมาอีกกระแทกจูบปิดปากเธอแนบแน่น แล้วบดขยี้จนกลีบปากอิ่มอ้าเผยอส่งเรียวลิ้นร้อนเข้าไปละเลงรัดรึงกับลิ้นนุ่ม
"อื้อ...อ่อยย"
ดาริกาหวีดร้องในลำคอทั้งพยายามดิ้นรนขัดขืน มือรัวทุบตีจิกทึ้งแผ่นหลังกว้างพัลวัน แต่มิวายถูกอีกคนจับไปกดตรึงกับที่นอนเหนือศีรษะ สองเท้าถีบยันไปมาจนผ้าปูยับยู่ยี้
ทำทุกวิถีทางก็ต้านทานคนด้านบนไม่ได้ ดิ้นรนจนเหนื่อยและอ่อนแรงก็ไร้ประโยชน์จึงหยุดนิ่งปล่อยให้หยดน้ำตาไหลออกมาระบายความรู้สึกเจ็บช้ำในอก
ชายหนุ่มทำราวกับเธอเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งคิดจะทำอะไรก็ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาบอกว่าเธอมีค่าจนอยากทะนุถนอมให้ดีที่สุด
ทว่าอีกคนกลับไม่คิดแบบนั้นพิษความโกรธทำให้หูตาพร่าเบลอคิดว่าท่าทีที่เธอแสดงออกมาคือกำลังรังเกียจ หยุดการกระทำช้อนสายตาขึ้นกดเสียงเอ่ยอย่างดุดัน "มีอะไรกับฉันทำให้เธอเสียใจมากสินะ ทีกับผู้ชายคนอื่นหัวเราะต่อกระซิกระริกระรี่"
"จะให้น้องดาดีใจที่กำลังจะมีอะไรกับว่าที่สามีคนอื่นเหรอ พี่ศรัณย์กำลังจะหมั้นกับผู้หญิงคนอื่นแล้วมาทำแบบนี้ทำไม อยากให้น้องดาถูกตราหน้าว่าแย่งคู่หมั้นคนอื่นเหรอ"
"..."
"พี่ศรัณย์ใจร้าย น้องดาเกลียดพี่ศรัณย์"
"เธอไม่เกลียดฉันจริง ๆ หรอกดาริกา เธอเกลียดฉันไม่ลงหรอก" ศรัณย์สวนกลับอย่างมั่นใจ
ดาริกาได้แต่เม้มปากแน่นพลางเบือนหน้านี้ หยดน้ำสีใสรินไหลออกจากหางตาไม่ขาดสาย รู้สึกเจ็บช้ำในอกจนอธิบายออกมาไม่ถูก
คนใจร้ายพูดถูกต่อให้ปากจะบอกว่าเขามันเลวเขามันใจร้าย เธอเกลียดเขาแต่ส่วนลึกในจิตใจปฏิเสธไม่ได้ว่ายังรักเขามากเหลือเกิน
"ทำแบบนี้กับน้องดาทำไม จะใจร้ายกับน้องดาไปถึงไหน" หันกลับมาสบสายตาคนใจร้ายด้วยแววตาที่เจ็บปวดตัดพ้อออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
ความรู้สึกที่ส่งผ่านดวงตาบวมปูดและแดงก่ำจากการร้องไห้คล้ายจะทำให้หัวใจแสนเย็นชาอ่อนยวบลง
ศรัณย์รับรู้ถึงความรู้สึกอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี คลายมือข้างนึงจากการพันนาการข้อมือเล็กมาลูบไล้พวงแก้มนวลเบา ๆ แววตาแข็งกร้าวดูจะอ่อนโยนลงจนดาริกานึกแปลกใจ
เขาอ่อนโยนทั้งสายตาและการกระทำเหมือนพี่ศรัณย์พี่ชายที่แสนดีในเมื่อก่อนเลย เธออยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้
คล้ายสิ่งรอบตัวหยุดหมุนชั่วขณะ สองสายตามองสบประสานท่ามกลางความมืดสลัวและความเงียบ ก่อนริมฝีปากหยักจะค่อย ๆ โน้มลงประทับจูบบนเรียวปากอิ่มอย่างอ่อนโยนทำให้คนที่หัวใจโอนอ่อนอยู่แล้วตอบสนองโดยไม่ขัดขืน
จูบตอบอย่างดูดดื่ม แต่เพียงเสี้ยวนาทีที่จิตใต้สำนึกตระหนักขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังทำผิดต่อผู้หญิงอีกคนก็พยายามหักห้ามใจส่ายหน้าหนีริมฝีปากร้อน ออกแรงต่อต้านอีกครั้งจนอีกคนหยุดเงยขึ้นมองหน้าเธอด้วยแววตาไม่สบอารมณ์
"เราไม่ควรทำแบบนี้ หยุดเถอะนะพี่ศรัณย์ปล่อยน้องดาไปตามทางของน้องดาเถอะนะคะ"
เธอส่งสายตาพลางเอ่ยเว้าวอนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดหวังว่ามันจะช่วยเปลี่ยนความคิดเขาได้บ้าง เธอไม่อยากถลำลึกไปกว่านี้
"ถือว่าน้องดาขอร้องนะคะ"
มาถึงสะพานตรงพิกัดที่มือถือหญิงสาวแสดงก็เห็นผู้คนมากมายกำลังยืนมุงเต็มขอบสะพานคล้ายกำลังมองอะไรอยู่ นอกจากนั้นยังมีรถกู้ภัยและรถฉุกเฉินจอดริมถนนด้วยมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอพิกัดของหญิงสาวก็อยู่ตรงนี้คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องร้ายกับเธอใช่ไหมรู้สึกหวิวในใจอย่างบอกไม่ถูก รีบเปิดประตูลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังฝั่งที่ผู้คนยืนอยู่ พยายามฝ่าวงล้อมเข้าไปแล้วถามไถ่คนที่อยู่ตรงนั้น "เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ""มีคนกระโดดสะพานค่ะ"ได้ฟังคำตอบหัวใจพลันกระตุกวูบแต่ยังมั่นใจว่าไม่ใช่หญิงสาวแน่นอน เธอไม่มีทางทำแบบนั้น "รู้ไหมครับว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วอายุประมาณกี่ปี""คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าเป็นผู้หญิงค่ะ ใส่ชุดนักศึกษาอายุราว 19-20ปี"ข้อมูลต่อมาทำเขาใจหวิวสติสตังเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในใจภาวนาขอให้ไม่ใช่เธอพร้อมกับบังคับขาที่เริ่มสั่นเดินแหวกผู้คนไปยังขอบสะพานดวงตาพลันเบิกกว้างความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจอย่างหนักเมื่อเห็นกระเป๋าสะพายที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยถืออยู่มันเหมือนของหญิงสาวมากเขาลอบกลืนน้ำลายลงลำคออึกใหญ่พยายามห้ามความกลัวที่กำลังรบกวนจิตใจ แล้วเดินเข้าไปถาม "กระเป๋าใบนี้เป็นของใครครับ" "กร
-โรงพยาบาล-เพล้งง!!แก้วน้ำที่ศรัณย์กำลังจะยกขึ้นดื่มพลันร่วงหล่นจากมือตกกระทบพื้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แก้วแตกเป็นเสี่ยง ๆ น้ำกระเซ็นใส่รองเท้าและชายกางเกงจนเปียกชื้น "แม่งเอ้ย!" เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับโน้มไปหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะกลางมาเช็ดรองเท้าเสร็จแล้วลุกจากโซฟาเดินไปยังเตียงที่มีว่าที่คู่หมั้นสาวนอนไม่ได้สติอยู่ ยื่นมือไปหมายจะกดกริ่งบนหัวเตียงเรียกพยาบาล แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงเปิดประตูหันไปมองเห็นพยาบาลสาววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น เขามองอย่างสงสัย "มีอะไรรึเปล่าครับ""น้องสาวของคุณหายตัวไปจากโรงพยาบาลค่ะ""ว่าไงนะ!" สิ้นคำบอกกล่าวจากปากพยาบาลใบหน้าเรียบนิ่งดุดันขึ้นทันที ในใจเริ่มรุ่มร้อนแบบไม่มีสาเหตุ "เธอนอนเจ็บอยู่จะหายไปได้ยังไง""ไม่ทราบค่ะ" สีหน้าท่าทางเกรี้ยวกราดของชายหนุ่มทำพยาบาลสาวอกสั่นขวัญหายจนต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนยื่นจดหมายสองฉบับไปให้เขา "ตอนฉันเข้าไปในห้องก็พบเพียงจดหมายสองฉบับนี้ที่เธอน่าจะทิ้งไว้"ศรัณย์รีบคว้าจดหมายจากมือพยาบาลมาถือ แล้วเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องที่หญิงสาวเคยพักรักษาตัว มาถึงก็เห็นหมอกับพยาบาลอีกสองคนยืนอยู่"ทำไม
ปึกๆ!!ดาริกาใช้กำปั้นทุบลงบนอกด้านซ้ายซ้ำ ๆ หวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจอยู่มันเจ็บเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แค่ถูกผู้ชายที่รักหันหลังให้อย่างไร้เยื่อใยในตอนที่เธอต้องการเขาที่สุดหัวใจดวงน้อยก็พังย่อยยับมากพอแล้ว แต่ยังถูกซ้ำเติมด้วยความจริงอันแสนเจ็บปวดว่าแม่ที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของเธอไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดจริง ๆ ยิ่งเจ็บปวดเป็นทวีคูณหัวใจของเธอแตกสลายเกินกว่าจะประกอบขึ้นมาใหม่ได้อีก และมันไม่สามารถแบกรับอะไรได้อีกแล้วเธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ หยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางบนโต๊ะหัวเตียงมาเปิดเอากระดาษโน้ตกับปากกาทำการเขียนข้อความลงบนกระดาษพร้อมน้ำตาที่ร่วงริน'ถึงแม่เกสรที่รัก..ขอบคุณที่แม่อดทนเลี้ยงหนูมาจนเติบโตทั้งที่หนูไม่ใช่ลูกแท้ ๆ พระคุณของแม่มากมายจนหาที่เปรียบไม่ได้ แต่หนูมันอกตัญญูไม่สามารถอยู่ตอบแทนบุญคุณของแม่ได้ หนูขอโทษนะคะชาตินี้แม่ไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของหนู แต่เผื่อชาติหน้ามีจริงหนูขอเกิดเป็นลูกแท้ ๆ ของแม่ และแม่ช่วยรักหนูหน่อยนะคะ หนูรักแม่นะรักที่สุดแม้แม่จะไม่เคยรักหนูเลยก็ตาม ดาริกา...'เขียนเสร็จจึงพับก
ดาริกาเม้มปากแน่นไม่ได้ตอบอะไรพยายามสะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่กำลังเออคลอดวงตาไหวระริก ในใจอยากจะบอกหมอออกไปเหลือเกินว่าเธอไม่ดีใจสักนิดที่สามารถรักษาก้อนเลือดที่เกิดจากความโกรธเกลียดของอีกคนไว้ได้ มันคงจะดีกว่าถ้าเลือดเนื้อก้อนนี้ออกจากร่างกายเธอไปเพราะรู้เต็มอกว่าคงไม่มีใครยินดีปรีดา ขนาดเธอเองยังยอมรับไม่ได้เลยแล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ๆ "คุณโอเครึเปล่า" หมอวัยกลางคนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเธอเอาแต่นิ่งเงียบไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง"โอเคค่ะ" เธอจำใจต้องตอบว่าโอเคทั้งที่รู้สึกไม่โอเคสักนิด "แล้วนี่สามีคุณอยู่ไหน" คำถามต่อมาจากหมอเหมือนมีดกรีดซ้ำลงบนแผลที่มันแหวะหวะรู้สึกเจ็บจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปน้ำสีใสค่อย ๆ เออออกจากดวงตารินไหลลงบนแก้มเป็นสายเธอรีบหลับตาลงพยายามกลั้นน้ำตา กลืนก้อนสะอื้นลงคอแล้วเปล่งเสียงสั่นเครือตอบ "ฉันไม่มีสามีค่ะ"พอเธอตอบแบบนั้นหมอก็เงียบไป เธอจึงลืมตาขึ้นมองพร้อมกับเอ่ยต่อ "เรื่องฉันท้องคุณหมออย่าบอกใครนะคะ แม้แต่แม่ของฉัน"เธอขอร้องไม่ให้หมอบอกใครเพราะรู้ดีว่าผลจะออกมาเป็นยังไงหากแม่กับผู้ชายใจร้ายรู้ ดีไม่ดีอาจจะบังคับให้เธอทำแท้งด้วยซ้ำจึงเลือกจะปกป
ดาริกาลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว บนหลังมือมีสายน้ำเกลือกับสายอะไรก็ไม่รู้ห้อยระโยงระยาง เธอเบ้หน้าออกมาพร้อมใช้มือกอบกุมหน้าท้องที่ยังรู้สึกปวดหน่วง ดวงตาที่แดงก่ำและบวมปูดจากการร้องไห้กวาดมองไปรอบห้องที่มีแค่ความว่างเปล่าไร้เงาของแม่และคนอื่น ๆ น้ำตาพลันรินไหลรู้สึกเจ็บปวดในอกยิ่งนักเธอประสบอุบัติเหตุขนาดนี้ แต่กลับไร้เงาของผู้เป็นแม่ ที่ท่านไม่มาเพราะยังไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่สนใจใยดีกันแน่ ลำพังแค่คนอื่นไม่มาเธอยังพอเข้าใจได้ ส่วนผู้ชายใจร้ายเธอไม่ได้หวังอีกแล้วเพราะทุกอย่างมันชัดเจนแจ่มแจ้งตั้งแต่วินาทีที่เขาเลือกหันหลังให้กันแกร๊ก!เสียงเปิดประตูดังขึ้นเธอรีบยกมือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า แววตาเศร้าหมองมองไปยังประตูลึก ๆ ในใจหวังว่าจะเป็นแม่ แต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะคนที่เข้ามาคือพยาบาล"ตื่นแล้วเหรอคะ" พยาบาลอายุราวสามสิบต้น ๆ ถามไถ่ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางเดินมาดูขวดน้ำเกลือ"ค่ะ ฉันหมดสติไปนานไหมคะ" เธอพยักหน้าแล้วถามไถ่เพราะอยากรู้ว่าตัวเองหมดสติไปนานแค่ไหน""สามชั่วโมงได้ค่ะ""แล้วมีใครมาหาฉันบ้างคะ""มีแม่ของคุณค่ะ แต่พอเห็นคุณยังไม่ฟื้นท่านก็ฝากให้ฉ
แม้เมื่อคืนจะร้องไห้อย่างหนักแต่เช้ามาดาริกาก็ยังทำตัวเป็นปกติได้ ลุกอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปมหาวิทยาลัยวันนี้เธอไม่คิดปลุกคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงปล่อยให้เขานอนตามสบาย ส่วนเธอหลังจากแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่าง เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้เป็นแม่นั่งอยู่ที่ห้องโถงก่อนจะก้าวเดินต่อ"ไม่เห็นหัวกันแล้วใช่ไหม" เสียงประชดประชันของท่านดังขึ้นในตอนที่เธอกำลังเดินผ่านทำให้เธอต้องหยุด แล้วหันไปตอบ "หนูรีบไปเรียนค่ะ"เธอโกหกทั้งที่สาเหตุแท้จริงคือไม่อยากเผชิญหน้ากับท่านเพราะยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งตอกย้ำให้เสียใจ"เมื่อคืนทำไมไม่ลงมาร่วมงานวันเกิดหนูแป้ง ฉันให้เจี๊ยบขึ้นไปตามแล้วไม่ใช่เหรอ"เธอยิ้มเยาะออกมาสวนทางกับแววตาที่เศร้าสร้อย ในใจกำลังร้องไห้ ผู้เป็นแม่เรียกเธอไว้ก็เพราะเรื่องแป้งสินะ แล้วเธอล่ะไม่เคยอยู่ในสมอง ไม่เคยอยู่ในหัวใจของท่านเลยหรือถึงทำอะไรไม่เคยนึกถึงความรู้สึกกันเลยเธอเป็นลูกท่านจริง ๆ หรือเปล่าเป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจตลอด"หนูปวดหัวลงมาไม่ไหว" ตอบโกหกไป"แกนี่มันใช้ไม่ได้สักเรื่อง""ใช่ค่ะหนูมันไม่ได้เรื่อง" เธอประชดกลับด้วยความเสียใจแทนที่ท่านจะเป็นห่วงกลับตำหนิกัน เอ่ยจบก็เ