"ฉันคิดว่าเธอจะมีทางไปที่ดีกว่านี้ซะอีก..ที่ไหนได้ร้อนเงินจนต้องมาทำงานแบบนี้เลยเหรอดาริกา"
เสียงอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นทำให้ร่างบางที่เริ่มนั่งตัวโครงเครงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหันมองทางต้นเสียง พยายามเพ่งสายตาพร่าเบลอมองร่างสูงที่ยืนจังก้าตรงหน้า
"พะ..พี่ศรัณย์เหรอ" สองคิ้วขมวดมุ่นแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจนเมื่อรู้ว่าคนที่ยืนอยู่เป็นคนที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ในจุดนี้
"มันเรื่องของน้องดา พี่ศรัณย์ไม่ต้องมายุ่ง" ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือความโกรธความเสียใจที่สุ่มอยู่ในอกกันแน่ทำไมให้เธอพูดไปแบบนั้น สรรพนามที่พูดคุยก็เปลี่ยนไปตามความเคยชินในเมื่อก่อน
"เราไปต่อที่อื่นกันดีไหมคะคุณศิวัฒน์" ว่าจบก็หันไปซบหน้ากับไหล่ลูกค้าวัยสามสิบกลาง ๆ พลางใช้มือลูบไล้แผงอกอย่างยั่วยวนจงใจประชดอีกคน
"ดาริกา!"
การกระทำนั่นทำให้สติ และความอดทนของศรัณย์ขาดผึ่งพุ่งเข้าไปจับหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก ก่อนออกแรงกระชากจนตัวเธอลอยละลิ่วเข้ากระแทกอกแกร่งจัง ๆ
"อ๊ะ.."
แรงกระแทกทำร่างบอบบางเจ็บไม่น้อย แต่ยังพยายามรวบรวมสติที่ถูกครอบด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ และแรงที่มีเพียงน้อยนิดสะบัดมือออกจากการจับกุม
"ปะ..ปล่อยนะ พี่ศรันย์อย่ามทำตัวกร่างที่นี่" เค้นน้ำเสียงย่นยานทักท้วงพลางใช้มือดันอกแกร่งหวังผลักเขาให้ออกห่าง ทว่ากลับถูกมือหนากอดรัดเอวคอดแน่นจนตัวแนบชิดกัน
"เมาจนแรงยืนก็แทบไม่มียังมาอวดดีอีก" ศรัณย์เอ่ยอย่างเย้ยหยันไม่ได้สะทกสะท้านกับแรงผลักไสของร่างบางสักนิด ไม่ใช่เรียกว่าผลักสิแค่เอามือแตะ ๆ มากกว่า
"น้องดาไม่ได้อวดดี ปล่อยน้องดานะคนใจร้าย" คนอยู่ในอาการเมาไม่ยอมรับทำหน้าคว่ำ และเปลี่ยนเป็นใช้กำปั้นเล็กทุบอกแกร่งแทน แต่ก็นั่นแหละไม่ได้ทำให้คนตัวโตกว่ารู้สึกเจ็บสักนิด
"มึงเป็นใครมาแย่งคนของกูหน้าตาเฉย" ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้เสียงของลูกค้าคนนั้นก็ดังแทรกขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนชี้หน้าชายหนุ่ม
"คนของมึงงั้นเหรอไอ้เวร!" คนที่อารมณ์เดือดดาลราวกับน้ำร้อนในกะทะทองแดงยิ่งอารมณ์พุ่งเข้าไปอีกกับประโยคที่ได้ยิน สิ้นเสียงเอ่ยขวดเหล้าที่ไม่รู้ว่าเขาหยิบจากโต๊ะตั้งแต่ตอนไหนก็พาดลงบนศีรษะลูกค้าคนนั้นเต็ม ๆ
ผัวะ!
"ไอ้เหี้ยรันย์อย่า.."
"กรี้ดด.."
ดนุภพที่ยืนมองเหตุการณ์เงียบ ๆ ถลาเข้าห้ามแต่ก็ไม่ทัน ขณะที่ดาริกากรีดและสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจพลันซบหน้ากับอกแกร่งอัตโนมัติ เธอไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มคนที่แสนดีเวลาโกรธจะน่ากลัวมากขนาดนี้
"โอ้ย!"
ลูกค้าคนนั้นถึงกับร้องโอดโอยทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาพลางใช้มือจับบริเวณศีรษะที่โดนฟาด ใบหน้าบิดเบ้ด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลลงตามกรอบหน้า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นให้ผู้คนภายในบาร์ไม่น้อยต่างพากันมามุ่งดู
"สร้างเรื่องให้กูอีกแล้วเพื่อนเวร" ดนุภพถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ มองหน้าเพื่อนชายตัวดีที่ยืนไม่สะทกสะท้านด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะเปล่งเสียงบอกกล่าวกับแขกภายในบาร์
"ไม่มีอะไรครับ ทุกคนเชิญสนุกกันต่อเลยครับ"
จากนั้นก็หันไปสั่งการด์ที่วิ่งมาดูแลต่อ
"พาลูกค้าไปหาหมอ"
การ์ดร่างบึกบึนสองคนทำตามคำสั่งทันที เดินเข้าไปหิ้วปีกลูกค้าที่นั่งตัวบิดตัวงอบนโซฟา แล้วพาเดินออกไป
ศรัณย์มองตามจนสุดสายตา ก่อนจะตวัดสายตากลับมามองเพื่อนชาย "เคลียร์ตรงนี้ให้ด้วย เดี๋ยวกูต้องกลับไปเคลียร์กับตัวต้นเรื่องก่อน"
ว่าจบก็จับร่างบางที่ยืนซบหน้ากับแผงอกขึ้นพาดบ่า
"ว้าย!"
ทำคนที่อยู่ในอาการอกสั่นขวัญหายร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ตั้งสติได้ก็ร้องท้วงด้วยความไม่พอใจ
"ปล่อยน้องดาลงนะ น้องดาไม่ไปกับพี่" สองเท้าสะบัดไปมา ขณะที่มือก็รัวทุบตีแผ่นหลังกว้างหวังให้เขาปล่อยเธอลง
"โอ้ย!"
เสี้ยวนาทีต่อมาใบหน้าหวานก็ต้องบิดเบ้เพราะถูกอีกคนฟาดฝ่ามือลงบนก้นอย่างแรง ทั้งเจ็บทั้งโมโหยิ่งรัวกำปั้นทุบแผ่นหลังกว้างแรงขึ้น "น้องดาเจ็บ ไอ้คนใจร้าย"
คนถูกทุบขมวดคิ้วเล็กน้อยกับแรงทุบที่ด้านหลัง จากที่อารมณ์คุกรุ่นอยู่แล้วก็ยิ่งทวีคูณความรุนแรง
"ถ้าไม่อยากโดนอีกก็อย่าดิ้น" กดเสียงขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกจนคนฟังชะงักรู้สึกเสียวสันหลังแปลบ ทว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในเลือดทำเธอกล้าตอบโต้กลับ
"เอาสิ น้องดาจะตะโกนให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าพี่มันผู้ชายใจร้าย ชอบใช้กำลังรังแกผู้หญิง"
"ถ้าอยากลองดีก็ร้องเลยดาริกา" ศรัณย์ท้าทายอย่างไม่สะทกสะท้านเพราะตอนนี้ผู้คนภายในผับก็เพ่งเล็งมาที่เขาเป็นตาเดียวกันแล้ว ถามว่าเขาแคร์ไหมตอบเลยว่าไม่
ตอนนี้อารมณ์ของเขามันเดือดดาลจนแทบจะระเบิดออกมาคิดเพียงอย่างเดียวว่าต้องจัดการกับร่างเล็กบนบ่าให้ได้
มาถึงสะพานตรงพิกัดที่มือถือหญิงสาวแสดงก็เห็นผู้คนมากมายกำลังยืนมุงเต็มขอบสะพานคล้ายกำลังมองอะไรอยู่ นอกจากนั้นยังมีรถกู้ภัยและรถฉุกเฉินจอดริมถนนด้วยมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอพิกัดของหญิงสาวก็อยู่ตรงนี้คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องร้ายกับเธอใช่ไหมรู้สึกหวิวในใจอย่างบอกไม่ถูก รีบเปิดประตูลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังฝั่งที่ผู้คนยืนอยู่ พยายามฝ่าวงล้อมเข้าไปแล้วถามไถ่คนที่อยู่ตรงนั้น "เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ""มีคนกระโดดสะพานค่ะ"ได้ฟังคำตอบหัวใจพลันกระตุกวูบแต่ยังมั่นใจว่าไม่ใช่หญิงสาวแน่นอน เธอไม่มีทางทำแบบนั้น "รู้ไหมครับว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วอายุประมาณกี่ปี""คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าเป็นผู้หญิงค่ะ ใส่ชุดนักศึกษาอายุราว 19-20ปี"ข้อมูลต่อมาทำเขาใจหวิวสติสตังเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในใจภาวนาขอให้ไม่ใช่เธอพร้อมกับบังคับขาที่เริ่มสั่นเดินแหวกผู้คนไปยังขอบสะพานดวงตาพลันเบิกกว้างความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจอย่างหนักเมื่อเห็นกระเป๋าสะพายที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยถืออยู่มันเหมือนของหญิงสาวมากเขาลอบกลืนน้ำลายลงลำคออึกใหญ่พยายามห้ามความกลัวที่กำลังรบกวนจิตใจ แล้วเดินเข้าไปถาม "กระเป๋าใบนี้เป็นของใครครับ" "กร
-โรงพยาบาล-เพล้งง!!แก้วน้ำที่ศรัณย์กำลังจะยกขึ้นดื่มพลันร่วงหล่นจากมือตกกระทบพื้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แก้วแตกเป็นเสี่ยง ๆ น้ำกระเซ็นใส่รองเท้าและชายกางเกงจนเปียกชื้น "แม่งเอ้ย!" เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับโน้มไปหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะกลางมาเช็ดรองเท้าเสร็จแล้วลุกจากโซฟาเดินไปยังเตียงที่มีว่าที่คู่หมั้นสาวนอนไม่ได้สติอยู่ ยื่นมือไปหมายจะกดกริ่งบนหัวเตียงเรียกพยาบาล แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงเปิดประตูหันไปมองเห็นพยาบาลสาววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น เขามองอย่างสงสัย "มีอะไรรึเปล่าครับ""น้องสาวของคุณหายตัวไปจากโรงพยาบาลค่ะ""ว่าไงนะ!" สิ้นคำบอกกล่าวจากปากพยาบาลใบหน้าเรียบนิ่งดุดันขึ้นทันที ในใจเริ่มรุ่มร้อนแบบไม่มีสาเหตุ "เธอนอนเจ็บอยู่จะหายไปได้ยังไง""ไม่ทราบค่ะ" สีหน้าท่าทางเกรี้ยวกราดของชายหนุ่มทำพยาบาลสาวอกสั่นขวัญหายจนต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนยื่นจดหมายสองฉบับไปให้เขา "ตอนฉันเข้าไปในห้องก็พบเพียงจดหมายสองฉบับนี้ที่เธอน่าจะทิ้งไว้"ศรัณย์รีบคว้าจดหมายจากมือพยาบาลมาถือ แล้วเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องที่หญิงสาวเคยพักรักษาตัว มาถึงก็เห็นหมอกับพยาบาลอีกสองคนยืนอยู่"ทำไม
ปึกๆ!!ดาริกาใช้กำปั้นทุบลงบนอกด้านซ้ายซ้ำ ๆ หวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจอยู่มันเจ็บเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แค่ถูกผู้ชายที่รักหันหลังให้อย่างไร้เยื่อใยในตอนที่เธอต้องการเขาที่สุดหัวใจดวงน้อยก็พังย่อยยับมากพอแล้ว แต่ยังถูกซ้ำเติมด้วยความจริงอันแสนเจ็บปวดว่าแม่ที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของเธอไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดจริง ๆ ยิ่งเจ็บปวดเป็นทวีคูณหัวใจของเธอแตกสลายเกินกว่าจะประกอบขึ้นมาใหม่ได้อีก และมันไม่สามารถแบกรับอะไรได้อีกแล้วเธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ หยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางบนโต๊ะหัวเตียงมาเปิดเอากระดาษโน้ตกับปากกาทำการเขียนข้อความลงบนกระดาษพร้อมน้ำตาที่ร่วงริน'ถึงแม่เกสรที่รัก..ขอบคุณที่แม่อดทนเลี้ยงหนูมาจนเติบโตทั้งที่หนูไม่ใช่ลูกแท้ ๆ พระคุณของแม่มากมายจนหาที่เปรียบไม่ได้ แต่หนูมันอกตัญญูไม่สามารถอยู่ตอบแทนบุญคุณของแม่ได้ หนูขอโทษนะคะชาตินี้แม่ไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของหนู แต่เผื่อชาติหน้ามีจริงหนูขอเกิดเป็นลูกแท้ ๆ ของแม่ และแม่ช่วยรักหนูหน่อยนะคะ หนูรักแม่นะรักที่สุดแม้แม่จะไม่เคยรักหนูเลยก็ตาม ดาริกา...'เขียนเสร็จจึงพับก
ดาริกาเม้มปากแน่นไม่ได้ตอบอะไรพยายามสะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่กำลังเออคลอดวงตาไหวระริก ในใจอยากจะบอกหมอออกไปเหลือเกินว่าเธอไม่ดีใจสักนิดที่สามารถรักษาก้อนเลือดที่เกิดจากความโกรธเกลียดของอีกคนไว้ได้ มันคงจะดีกว่าถ้าเลือดเนื้อก้อนนี้ออกจากร่างกายเธอไปเพราะรู้เต็มอกว่าคงไม่มีใครยินดีปรีดา ขนาดเธอเองยังยอมรับไม่ได้เลยแล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ๆ "คุณโอเครึเปล่า" หมอวัยกลางคนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเธอเอาแต่นิ่งเงียบไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง"โอเคค่ะ" เธอจำใจต้องตอบว่าโอเคทั้งที่รู้สึกไม่โอเคสักนิด "แล้วนี่สามีคุณอยู่ไหน" คำถามต่อมาจากหมอเหมือนมีดกรีดซ้ำลงบนแผลที่มันแหวะหวะรู้สึกเจ็บจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปน้ำสีใสค่อย ๆ เออออกจากดวงตารินไหลลงบนแก้มเป็นสายเธอรีบหลับตาลงพยายามกลั้นน้ำตา กลืนก้อนสะอื้นลงคอแล้วเปล่งเสียงสั่นเครือตอบ "ฉันไม่มีสามีค่ะ"พอเธอตอบแบบนั้นหมอก็เงียบไป เธอจึงลืมตาขึ้นมองพร้อมกับเอ่ยต่อ "เรื่องฉันท้องคุณหมออย่าบอกใครนะคะ แม้แต่แม่ของฉัน"เธอขอร้องไม่ให้หมอบอกใครเพราะรู้ดีว่าผลจะออกมาเป็นยังไงหากแม่กับผู้ชายใจร้ายรู้ ดีไม่ดีอาจจะบังคับให้เธอทำแท้งด้วยซ้ำจึงเลือกจะปกป
ดาริกาลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว บนหลังมือมีสายน้ำเกลือกับสายอะไรก็ไม่รู้ห้อยระโยงระยาง เธอเบ้หน้าออกมาพร้อมใช้มือกอบกุมหน้าท้องที่ยังรู้สึกปวดหน่วง ดวงตาที่แดงก่ำและบวมปูดจากการร้องไห้กวาดมองไปรอบห้องที่มีแค่ความว่างเปล่าไร้เงาของแม่และคนอื่น ๆ น้ำตาพลันรินไหลรู้สึกเจ็บปวดในอกยิ่งนักเธอประสบอุบัติเหตุขนาดนี้ แต่กลับไร้เงาของผู้เป็นแม่ ที่ท่านไม่มาเพราะยังไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่สนใจใยดีกันแน่ ลำพังแค่คนอื่นไม่มาเธอยังพอเข้าใจได้ ส่วนผู้ชายใจร้ายเธอไม่ได้หวังอีกแล้วเพราะทุกอย่างมันชัดเจนแจ่มแจ้งตั้งแต่วินาทีที่เขาเลือกหันหลังให้กันแกร๊ก!เสียงเปิดประตูดังขึ้นเธอรีบยกมือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า แววตาเศร้าหมองมองไปยังประตูลึก ๆ ในใจหวังว่าจะเป็นแม่ แต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะคนที่เข้ามาคือพยาบาล"ตื่นแล้วเหรอคะ" พยาบาลอายุราวสามสิบต้น ๆ ถามไถ่ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางเดินมาดูขวดน้ำเกลือ"ค่ะ ฉันหมดสติไปนานไหมคะ" เธอพยักหน้าแล้วถามไถ่เพราะอยากรู้ว่าตัวเองหมดสติไปนานแค่ไหน""สามชั่วโมงได้ค่ะ""แล้วมีใครมาหาฉันบ้างคะ""มีแม่ของคุณค่ะ แต่พอเห็นคุณยังไม่ฟื้นท่านก็ฝากให้ฉ
แม้เมื่อคืนจะร้องไห้อย่างหนักแต่เช้ามาดาริกาก็ยังทำตัวเป็นปกติได้ ลุกอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปมหาวิทยาลัยวันนี้เธอไม่คิดปลุกคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงปล่อยให้เขานอนตามสบาย ส่วนเธอหลังจากแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่าง เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้เป็นแม่นั่งอยู่ที่ห้องโถงก่อนจะก้าวเดินต่อ"ไม่เห็นหัวกันแล้วใช่ไหม" เสียงประชดประชันของท่านดังขึ้นในตอนที่เธอกำลังเดินผ่านทำให้เธอต้องหยุด แล้วหันไปตอบ "หนูรีบไปเรียนค่ะ"เธอโกหกทั้งที่สาเหตุแท้จริงคือไม่อยากเผชิญหน้ากับท่านเพราะยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งตอกย้ำให้เสียใจ"เมื่อคืนทำไมไม่ลงมาร่วมงานวันเกิดหนูแป้ง ฉันให้เจี๊ยบขึ้นไปตามแล้วไม่ใช่เหรอ"เธอยิ้มเยาะออกมาสวนทางกับแววตาที่เศร้าสร้อย ในใจกำลังร้องไห้ ผู้เป็นแม่เรียกเธอไว้ก็เพราะเรื่องแป้งสินะ แล้วเธอล่ะไม่เคยอยู่ในสมอง ไม่เคยอยู่ในหัวใจของท่านเลยหรือถึงทำอะไรไม่เคยนึกถึงความรู้สึกกันเลยเธอเป็นลูกท่านจริง ๆ หรือเปล่าเป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจตลอด"หนูปวดหัวลงมาไม่ไหว" ตอบโกหกไป"แกนี่มันใช้ไม่ได้สักเรื่อง""ใช่ค่ะหนูมันไม่ได้เรื่อง" เธอประชดกลับด้วยความเสียใจแทนที่ท่านจะเป็นห่วงกลับตำหนิกัน เอ่ยจบก็เ