กว่าดาริกาจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม ทันทีที่เดินเข้ามาภายในบ้านก็พบกับคนใจร้ายที่นั่งไขว่ห้างก้มหน้าเล่นมือถืออยู่บนโซฟาในห้องโถง
เธอนึกโกรธแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการเอาไว้รีบก้าวเท้าเดินให้พ้นจากเขาเร็ว ๆ เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักกับเสียงห้วนกระด้างที่ดังตามหลังมา
"เดี๋ยว.."
เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเรียก
"พะ.." ทำท่าจะเรียกแทนเขาว่าพี่เหมือนที่เคยเรียกในอดีต แต่ก็หยั่งปากได้ทัน
"คุณศรัณย์มีอะไรคะ" เรียกแทนว่าคุณออกไปแม้จะไม่ชินปากเท่าไรเพราะขืนเรียกเขาว่าพี่คงโดนต่อว่าเหมือนครั้งก่อน
"ข้าวของของเธอฉันให้แม่บ้านย้ายไปไว้ที่ห้องพักแม่บ้านแล้ว หลังจากนี้ห้องของเธอคือห้องพักสำหรับแม่บ้านหลังตึกใหญ่เพราะห้องของเธอน้องแป้งว่าที่คู่หมั้นของฉันจะย้ายเข้ามาอยู่แทน"
ดวงตากลมที่กำลังจ้องมองใบหน้าคมเข้มพลันไหวระริกกับประโยคที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมา ขอบตาร้อนผ่าวรู้สึกเจ็บและจุกในอกเหมือนมีใครเอามีดมากรีด
แค่เขาย้ายของเธอไปไว้ห้องพักแม่บ้านไม่ได้ทำให้เธอเจ็บปวดหรอก สำเนียตตัวเองเสมอว่าเธอเป็นแค่ลูกแม่บ้านที่ได้รับความเมตตาจากคุณหญิงลดาแม่ของชายหนุ่มผู้ล่วงลับไปแล้ว
แต่ที่เธอเจ็บปวดเพราะชายหนุ่มไล่เธอออกจากห้องด้วยเหตุผลว่าจะให้ว่าที่คู่หมั้นมาอยู่ เหมือนเขากำลังเหยียบย่ำหัวใจกันทั้งที่เมื่อก่อนเขาบอกว่ารักเธอ และจะแต่งงานกับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นจนถึงขั้นทะเลาะกับผู้เป็นพ่อเพราะเขาไม่ยอมหมั้นกับคุณแป้งผู้หญิงที่พ่อหาให้
"ไม่พอใจเหรอดาริกา" น้ำเสียงห้วนกระด้างเปล่งออกจากริมฝีปากหยักอีกครั้งพร้อมด้วยแววตาดุดัน
แววตาที่เมื่อก่อนเคยมองเธอด้วยความอ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู แม้แต่น้ำเสียงที่พูดก็เปลี่ยนไปจนน่าใจหาย
เธอได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ปฏิเสธไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
"เปล่าค่ะ"
หันหลังเดินออกจากตึกใหญ่พร้อมกับน้ำตาที่ค่อย ๆ รินไหลออกจากดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอเดินมาแอบหลบมุมร้องไห้หลังตึกใหญ่ระบายความเจ็บช้ำในอกจนรู้สึกดีขึ้นจึงเดินไปหาป้าสีนวลแม่บ้านอาวุโส
"ป้านวลคะ ห้องพักหนูคือห้องไหนคะ"
"เดี๋ยวป้าพาไปจ้ะ" สีนวลมองหน้าเด็กสาวด้วยความสงสาร ก่อนจะเดินนำไปยังห้องพัก "นี่จ้ะห้องหนูดา"
"ค่ะ" ดาริกาฝืนยิ้มให้ป้าสีนวล แล้วเดินเข้าไปในห้องที่ความกว้างแค่เศษเสี้ยวของห้องบนตึกใหญ่ มีที่นอนเก่ากลางใหม่ โต๊ะเครื่องแป้ง และพัดลมหนึ่งตัวเท่านั้น
"อยู่ได้ใช่ไหม" เสียงของป้าสีนวลที่ยืนมองจากหน้าประตูดังขึ้นเธอจึงละสายตาจากการสำรวจห้องหันไปตอบ
"ได้ค่ะป้าสีนวล"
"งั้นป้าไปก่อนนะ"
"ค่ะ"
หลังจากป้าสีนวลหายหลังไปเธอก็ปิดประตู แล้วเริ่มจัดข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกนำมาวางทิ้งสะเปะสะปะภายในห้อง
ดวงตากลมพลันไหวระริก รู้สึกเจ็บในอกขึ้นมาเมื่อเห็นตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวใหญ่ ค่อย ๆ ก้มลงไปหยิบมันขึ้นมากอดแนบแน่นสมองย้อนคิดถึงวันที่ได้ตุ๊กตาหมีตัวนี้มา
ห้าปีก่อน...
"น้องดาเก็บตุ๊กตาหมีตัวนี้ไว้ให้ดีนะครับมันเป็นตัวแทนของพี่ ยามที่น้องดาคิดถึงพี่ก็กอดตุ๊กตาหมีตัวนี้นะครับ"
"พี่ศรัณย์ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ"
"ไม่ได้หรอกครับพี่ต้องไปเรียน"
"พี่ศรัณย์ไปแล้วน้องดาจะเล่นกับใครคะ ใครจะปั่นจักรยานพาน้องดาไปเที่ยว ใครจะพาน้องดาไปกินไอติม แล้วใครจะคอยปกป้องน้องดาเมื่อถูกเพื่อนผู้ชายรังแก"
"พี่รู้ว่าน้องดาเก่ง และเข้มแข็งมากเพราะฉะนั้นน้องดาต้องดูแลตัวเองให้ดีเพื่อรอพี่กลับมานะครับ"
"ค่ะ"
"พี่มีความจริงบางอย่างจะสารภาพกับน้องดาครับ"
"อะไรเหรอคะ"
"พี่ชอบน้องดาครับ แบบผู้ชายผู้หญิงชอบกันไม่ใช่ชอบหรือรักแบบน้องสาว"
"..."
"พี่แค่อยากบอกน้องดาให้รู้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ ส่วนน้องดาไม่ต้องตอบอะไรพี่ก่อนก็ได้ครับ ไว้พี่จะมาเอาคำตอบในวันที่พี่เรียนจบกลับมานะครับ"
"ได้ค่ะ"
"ระหว่างที่พี่ไปเรียนต่อน้องดาอย่าเพิ่งมีใครนะครับ รอพี่กลับมาก่อนหากวันนั้นหัวใจเราตรงกันจริง ๆ เราแต่งงานกันนะครับ"
"ค่ะ..น้องดาจะไม่มีใคร น้องดาจะรอจนกว่าพี่ศรัณย์จะกลับมา"
"มาเกี่ยวก้อยทำสัญญากันค่ะ"
"ครับ"
"น้องดารักพี่ศรันย์นะคะ"
"พี่ก็รักน้องดาครับ"
ตอนนั้นเธออายุสิบสี่ปี ส่วนชายหนุ่มอายุสิบแปดปี
เขาต้องบินไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ประเทศอเมริกาจึงมอบตุ๊กตาหมีชมพูตัวนี้ให้เธอไว้ดูต่างหน้ายามคิดถึง
และวันนั้นเขายังสารภาพรักกับเธออีกด้วย แต่เธอไม่ได้ตอบรับหรือพูดอะไรเพราะยังเด็กเกินไปไม่ค่อยเข้าใจในความรู้สึกของตัวเองเท่าไร ที่ผ่านมาเธอมองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด
ซึ่งเขาก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบเพียงบอกให้เธอรอเขากลับมาอย่าเพิ่งมีใคร แน่นอนว่าเธอเชื่อฟังคำพูดของเขา
หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีใครยังคงตั้งหน้าตั้งตารอเขาคนเดียว และถามตัวเองตลอดว่ารู้สึกยังไงกับเขาจนในที่สุดก็ได้คำตอบว่าเธอรักเขาแบบที่หนุ่มสาวรักกันไม่ใช่รักแบบพี่น้อง
เมื่อได้คำตอบเธอก็โทรบอกเขาทันที เขาดีใจมากสัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าถ้าเธอเรียนจบจะแต่งงานสร้างครอบครัวที่แสนอบอุ่นด้วยกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเหมือนจะเป็นไปด้วยดีกระทั่งเขามารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับพ่อของเขาหลังจากแม่ของเขาเสียชีวิตได้เพียงสองเดือน
"หนูดา"
เสียงเรียกจากด้านนอกทำให้เธอหลุดจากภวังค์ความคิด ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพาตุ๊กตาหมีไปวางบนที่นอน แล้วเดินไปเปิดประตู
"ป้าสีนวลมีอะไรคะ"
"คุณศรัณย์ให้มาตามจ้ะ"
"ค่ะ"
เธอขานรับ จากนั้นก็ก้าวออกจากห้องทำการปิดประตูแล้วเดินไปยังตึกใหญ่ มาถึงก็เห็นชายหนุ่มยังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่เดิม
"คุณศรัณย์มีอะไรจะใช้ฉันคะ" เดินไปหยุดตรงหน้าเขาแล้วถามไถ่
"พรุ่งนี้น้องแป้งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ฉันจะให้เธอเป็นคนดูแลน้องแป้ง" ศรัณย์เอ่ยทั้งที่สายตายังจดจ่อกับหน้าจอมือถือ นาทีต่อมาจึงเงยขึ้นมองหน้าร่างบางที่ยืนอยู่ด้วยแววตาเย็นชาใบหน้าเรียบนิ่ง
ต่างจากดาริาที่ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาจะแตกอยู่ร่อมร่อ แต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ไม่อยากให้คนใจร้ายเห็นความอ่อนแอ
"ค่ะ" ฝืนตอบรับทั้งที่ใจกำลังแตกสลาย มองสบสายตาเย็นชาเสี้ยวนาทีก่อนเอ่ยต่อ "ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ"
ไม่รอให้อีกคนอนุญาตรีบหันหลังเดินออกไปด้วยความเร็วก่อนที่น้ำตามันจะไหลออกมาประจานความอ่อนแอ
กลับมาถึงห้องเธอก็ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับที่นอนปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก ก่อนหน้านี้ที่ถูกเขาพูดจาร้าย ๆ ใส่และถูกแกล้งเธอยังพอทนได้ แต่การที่เขาพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในบ้านในห้องที่เธอเคยอยู่หัวใจเกินรับไหวจริง ๆ
นี่สินะศรัณย์เวอร์ชั่นที่เธอไม่เคยรู้จัก นี่สินะคือสิ่งที่เขาคิดจะทำ
หนึ่งปีต่อมา"แม่กับพ่อรออุ้มหลานคนที่สองอยู่นะเมื่อไรจะมาสักทีฮึ หรือแอบคุมกำเนิดกันลูกถึงยังไม่มา" "แค่ก ๆ"คำถามจากแม่ยายทำเอาศรัณย์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากทานข้าวเสร็จถึงกับสำลักจนคนเป็นภรรยาอย่างดาริกาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องยื่นมือไปลูบหลังให้ "เป็นอะไรรึเปล่าคะ"เขาส่ายหน้าให้ภรรยาสาวแทนคำตอบเหมือนกับว่าไม่เป็นอะไรทั้งที่ลึก ๆ แอบกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดว่าเขาอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเพราะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แต่ภรรยาสาวยังไม่ท้องสักทีทั้งที่เขาก็ทำการบ้านแทบจะทุกวันเพื่อนบางคนเริ่มแซวว่าเขาไร้น้ำยาเพราะเคยโอ้อวดเอาไว้ในงานแต่งว่าเพื่อน ๆ รออุ้มหลานได้เลย ทว่าผ่านมาหนึ่งปียังไร้แวว คำแซวเล่นจากเพื่อนกับแรงกดดันจากพ่อตาแม่ยายทำเขากลัดกลุ้มไม่น้อยจนถึงขั้นต้องแอบนัดตรวจร่างกายเงียบ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้ผลตรวจมาแล้วแต่เขายังไม่กล้าเปิด"ไม่ได้คุมอะไรเลยครับ แต่น้องคงยังไม่อยากมาเกิดเลยยังไม่ท้อง" เขาแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพ่อตาแม่ยายไปครั้นหายจากอาการสำลัก"ใช่ค่ะ" ดาริกาเอ่ยสมทบ เธอรู้จักกับคนเป็นสามีมาเนิ่นนานมีหรือจะอ่านใจ และเดาความคิดไม่ออกว่าเขากำล
งานแต่งจบลงในช่วงค่ำแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับจนหมดรวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และบุตรสาวที่ถูกคุณยายพากลับไปด้วยเพราะรู้ว่าคืนนี้บ่าวสาวต้องเข้าหอกันภายในงานจึงเหลือเพียงเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายที่ยังอยู่ฉลองกันต่อจนเวลาล่วงเลยถึงสามทุ่ม"เข้าหอได้แล้วไอ้รัณย์ เผื่อได้น้องให้น้องริสาสักคน" "ใช่ ๆ น้องริสาจะได้ไม่เหงา"เสียงพ้องเพื่อนของศรัณย์เอ่ยขึ้นทำดาริกาหน้าแดงระเรื่อ หันมองสามีป้ายแดงที่นั่งโอบเอวเธออยู่ด้วยความเขินอายศรัณย์มองสบดวงตากลมอย่างกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปยืดอกตอบเพื่อน ๆ "พวกมึงรอเลี้ยงหลานคนที่สองได้เลย""ฮิ้ววว..."สิ้นคำพูดของเขาทุกคนก็พากันโห่ร้องออกมา บ้างก็พูดแซวขำ ๆ ยิ่งทำให้ดาริกาเขอะเขินจนตัวแทบลอยใช้มือตีแขนคุณสามีขี้อวดไปหนึ่งที"คนบ้า.."แทนที่ศรัณย์จะเจ็บกลับกลั้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนบอกกล่าวกับเพื่อน ๆ "เชิญตามสบายนะ กูกับเมียขอตัวก่อน"เอ่ยจบก็ช้อนร่างบอบบางขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว"ว้าย!"คนถูกอุ้มหลุดอุทานออกมา สองมือรีบตวัดคล้องลำคอแกร่งด้วยความตกใจ ขณะที่อีกคนมองหน้าแตกตื่นของเธอแล้วหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูพลางก้าวเท้าเดินออก
หลังจากขอแต่งงานเสร็จหนึ่งอาทิตย์ต่อมางานแต่งของทั้งสองก็จัดขึ้นทันทีเสียงดนตรีคลาสสิกแผ่วเบาดังคลอไปกับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบฝั่ง บนสนามหญ้าสีเขียวริมชายหาดสีขาวนวลถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานแต่งงานในฝันของดาริกาผืนผ้าขาวพริ้วไหวตามแรงลม ผูกเป็นซุ้มโค้งเรียบง่ายแต่สง่างามประดับด้วยดอกไม้โทนสีพีช ครีม และชมพูอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้นานาชนิดเคล้าด้วยกลิ่นอายจากทะเล แขกจำนวนไม่น้อยเริ่มทยอยกันมานั่งบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางท้องฟ้าอันสดใสและแสงแดดนวลยามเย็นเสียงดนตรีคลาสสิกเงียบลงมีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงรักสุดโรแมนติกขึ้นมาแทนเมื่อเจ้าสาวปรากฏกายขึ้นดาริกาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีขาวเปิดไหล่แขนยาวสไตล์ลักชูรี่เรียบหรูพอดีตัวโชว์ให้เห็นสวนโค้งเว้ากระโปรงยาวลากพื้นทรงผมมวยแบบแสกกลางปัดหน้าม้าไปด้านข้างเล็กน้อยแล้วเติมความหวานด้วยการใส่เทียร่า และเวลาสีขาวยาวลากพื้นใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจากช่างแต่งหน้าฝีมือดีสวยจนทุกสายตาจับจ้องเดินจูงลูกสาวตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงกระโปรงฟูฟ่องไปตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเวลสีขาวบริสุทธิ์ปลิวไหวตามสายลม ด
วันต่อมาเขาก็ไปหาพ่อแม่ของหญิงสาวตามที่ได้พูดไว้ทันที มาถึงบ้านเกียรติกมลก็เห็นหญิงสาวยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว จากที่ใบหน้าเคร่งขรึมด้วยความกังวลพอเห็นหน้าเธอพอทำให้เขายิ้มออกมาได้บ้างรีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาเธอ "คิดถึงจังเลยครับ""เพิ่งแยกกันเมื่อวานเอง มาคิดถึงอะไรกันคะ" ดาริกาแอบเบาะปากกับความเวอร์วังของชายหนุ่ม ทว่าในใจเธอก็คิดถึงเขาไม่ต่างกันเพราะจู่ ๆ ก็ต้องแยกกันทั้งที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา"พี่พูดจริงนะครับ" เขาทำหน้าอ้อน แต่สายตากวาดมองไปทั่วเหมือนหาอะไรเธอจึงถามไถ่ "มองหาอะไรคะ""ลูกไปไหนครับ""ออกไปเที่ยวกับพี่กิจค่ะ""อ๋อ""เข้าบ้านกันเถอะค่ะ" เธอรีบชวนเขาเข้าบ้านเพราะพ่อกับแม่รออยู่ เมื่อเขาพยักหน้าจึงเดินนำเข้าไปในบ้านศรัณย์อดประหม่าไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับว่าที่พ่อตาแม่ยายที่นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่บนโซฟาในห้องโถง หญิงสาวเหมือนจะรู้จึงแอบจับมือเขาแล้วบีบเบา ๆ เชิงให้กำลังใจ ก่อนจะคลายออก แล้วแนะนำเขากับพ่อแม่"พ่อคะ แม่คะนี่คุณศรัณย์ค่ะ""สวัสดีครับ" สิ้นเสียงแนะนำเขาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม"จ้ะ" แม่ของเธอยิ้มใหญ่เขา ต่างจากคนเป็นพ่อที่จ้องร
วันต่อมา-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-ศรัณย์กลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์เหงาหงอยเพราะต้องแยกจากลูกเมีย หากไม่คิดว่ามันดูน่าเกลียดเกินไปเขาอยากจะไปคุยกับพ่อแม่ของดาริกาตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพแล้วเขาอยากจะแต่งงานกับเธอวันนี้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่อยากจะแยกกับทั้งสองแม้นาทีเดียว"ลูกหายไปไหนมาตั้งสองเดือนศรัณย์ รู้ไหมพ่อเป็นห่วงมาก" ทันทีที่เขาโผล่หน้าเข้าบ้านผู้เป็นพ่อก็พุ่งเข้ามาถามไถ่ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขาเหมือนจะคลายความโกรธจากท่านได้บ้างแล้ว แต่พอหันไปเห็นหน้าเกสรที่นั่งบนโซฟาในห้องโถงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา"ไปง้อลูกกับเมียมา" เปล่งน้ำเสียงห้วนกระด้างตอบท่าน"ลูกเมีย?" เกรียงศักดิ์คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน งงเป็นไก่ตาแตกกับคำตอบ บุตรชายไปมีลูกมีเมียตอนไหนกันก็เห็นจะเป็นจะตายกับการสูญเสียดาริกาอยู่ทุกวัน"พ่อคงยังไม่รู้ว่าน้องดายังไม่ตาย และยังกลับมาพร้อมลูกของผมด้วย" ศรัณย์จึงบอกให้ท่านหายสงสัย"ห๊ะ!"เกรียงศักดิ์หายสงสัย แต่กลายเป็นตกใจ และงุนงงแทน ไม่ต่างจากเกสรที่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ"แต่วันนั้นทุกคนก็เห็นกับตาว่าหนูดาตายไปแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่หนูดายังมีชีวิตอยู่" "เ
ตกค่ำถึงเวลาพาลูกเข้านอนศรัณย์ก็พาลูกเข้านอนปกติ พอลูกหลับก็ลุกเดินออกไปไม่คิดแหกกฏแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ของลูกจะดีขึ้นมากแล้ว"เดี๋ยวก่อน"ทว่าเดินยังไม่พ้นประตูก็ถูกเรียกไว้ เขาหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองร่างบางที่นั่งพิงหัวเตียงด้วยความสงสัย"น้องดามีอะไรรึเปล่าครับ""มานอนกับลูกสิ จะไปไหน" สิ้นคำบอกกล่าวของเธอใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเท่าไรจึงถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป"น้องดาอนุญาตให้พี่นอนกับลูกเหรอครับ" "หรือจะไม่นอนคะ""นอนครับนอน" พอเธอตอบมาแบบนั้นก็รีบเดินกลับไปขึ้นเตียงทันที เขารอเวลานี้มาตั้งนานจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร"ขอบคุณนะครับที่ยอมให้พี่นอนกับลูก" เขามองสบดวงตากลมด้วยความรู้สึกขอบคุณ เธอสบตาเขานิ่ง ๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะยื่นมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอน"พี่รักน้องดานะ ฝันดีนะครับ"เขาเอ่ยอีกครั้งพลางล้มตัวลงนอน ก่อนหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข เฉกเช่นเดียวกับดาริกาที่หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มวันต่อมาปกติศรัณย์จะตื่นก่อนใคร แต่วันนี้กลับกลายเป็นดาริกาที่ตื่นก่อน เธอยืนมองสอ