“คนพวกนั้นมันอะไรกัน เจ้าโดนเช่นนี้มาตลอดเลยหรือ ทนอยู่ไปเพื่ออะไร” หลี่มู่กวาโกรธถึงขีดสุดกลับถึงบ้านก็สาดคำถามใส่ไป๋เหลียนทันที มิใช่แค่คนบางกลุ่มแล้วที่รังแกนาง จากที่เห็นเมื่อครู่เรียกได้ว่าคนทั้งหมู่บ้านกระมัง
“ข้าชินแล้วเจ้าค่ะ เก็บเงินได้แล้วข้าตั้งใจจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ต่อไปก็ไม่ต้องพบเจอกันอีก”
“หาสมุนไพรขายแค่นั้นเมื่อไรจะได้ย้ายออกเสียที ไปอยู่กับข้าไม่ต้องเก็บมันแล้วสมุนไพรนั่นน่ะ เก็บทั้งปีทั้งชาติจะได้สักกี่ตำลึงกัน” เขาน่ะร่ำรวยใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด สตรีคนเดียวเหตุใดจะเลี้ยงไม่ได้
“ข้ายังไม่อยากตายเร็วเจ้าค่ะ ขอเก็บเงินเองดีกว่า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่รบกวนท่านมู่กวาเจ้าค่ะ”
ไป๋เหลียนพูดทีเล่นทีจริงไม่จริงจังนัก นางไม่พร้อมจะไปอยู่ด้วยในตอนนี้ เพราะยังไม่รู้เลยว่าหลี่มู่กวายังต้องการชีวิตกันอยู่หรือไม่ การที่เจ้าตัวยังไม่ทำอะไรในตอนนี้ฉะนั้นก็เท่ากับว่าตนยังมีโอกาสมีชีวิตรอด จะไม่มีทางทำอะไรที่เป็นการสุ่มเสี่ยงเด็ดขาด
คิดได้ดังนั้นร่างบางจึงรีบเข้าครัวไปเตรียมอาหารทันที ไม่อยู่ต่อปากต่อคำให้แม่ทัพหนุ่มต้องรำคาญใจ วันนี้เห็นทีต้องจัดอาหารพิเศษสักหน่อย เพื่อตอบแทนที่ท่านแม่ทัพหลี่ช่วยปกป้องออกรับหน้าแทน
หลี่มู่กวาได้แต่มองตามอย่างไม่สบอารมณ์นัก นี่เขายอมลงให้ครึ่งหนึ่งเชียวนะ ถึงกับเอ่ยปากชวนให้ไปอยู่ด้วยกันก่อน แต่นางกลับทำเป็นเมินเฉยต่อคำชวนได้อย่างไร
การถูกปฏิเสธโดยที่ไม่มีคำปฏิเสธพานทำให้แม่ทัพหนุ่มหัวเสีย อารมณ์ที่ไม่อาจระงับให้หายร้อนได้ง่าย ๆ ทำให้หลี่มู่กวาต้องออกไปยืดเส้นยืดสายหน้าบ้าน
หากไม่ได้ออกแรงคงดับอารมณ์ที่คั่งค้างไม่ได้เป็นแน่ ทั้งหลายวันมานี้ได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ มิได้ทำอะไร ฝึกฝนร่างกายหน่อยก็คงจะดี
เพื่อความคล่องตัวเวลาฝึก ชายหนุ่มจึงได้ถอดเสื้อแขวนไว้บนราวตากผ้า เผยให้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามรวมไปถึงร่องรอยแห่งความกล้าหาญ ทุกรอยแผลเป็นบนร่างกายมันคือการเสียสละเพื่อแว่นแคว้น แม้ใครจะมองว่ามันน่ากลัวทว่าสำหรับเขาแล้วมันคือความภาคภูมิใจ
กายหนาฝึกวิชาต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่ละย่างก้าวและการออกหมัดล้วนเป็นท่วงท่าเนิบช้าไม่ดุดันอย่างเช่นเคย ระหว่างการฝึกอยู่นั้นเขาได้หวนนึกถึงรอยแผลเมื่อตอนเข้าช่วยซิงเยี่ยน ส่วนที่เป็นแผลเล็กน้อยเริ่มสมานกันดีแล้ว เหลือก็แต่ส่วนที่เป็นแผลใหญ่ยังคงต้องหมั่นล้างและทายาทุกวัน
มิรู้ว่าไป๋เหลียนไปได้ยาพวกนั้นมาจากที่ใด น้ำสีฟ้าที่ทั้งเหม็นและฉุนทว่าเมื่อราดลงบนแผลกลับรู้สึกเย็นสบาย เมื่อใช้เป็นประจำกลับช่วยให้แผลดีขึ้นมาก รวมไปถึงน้ำสีแดงเข้ม สองสิ่งนี้ดียิ่งกว่ายาจากวังหลวงเสียอีก
เมื่อพูดถึงยาที่ไป๋เหลียนให้เขากินทุกวันยอมรับเลยว่าได้ผลดียิ่ง หากมีไว้ใช้ในกองทัพก็คงจะดีไม่น้อย หรือว่าเขาจะลองถามนางดีหรือไม่ แต่ยาดีเช่นนี้นางจะยอมให้เขาง่าย ๆ เชียวหรือ
นอกจากยาที่ว่าแปลกตาไม่เคยเห็นที่ใดแล้ว ที่ทำให้เขาแปลกใจก็ยังมีเรื่องของอาหารและข้าวของภายในบ้าน เกินกว่าครึ่งตนมั่นใจว่าไม่เคยเห็นจากที่ใดมาก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันดีกว่าของในวังเสียด้วยซ้ำ นางเป็นใครกันแน่ แล้วเอาของพวกนั้นมาจากที่ใด
ระหว่างที่ฝึกวิชาต่อสู้กลิ่นอาหารหอม ๆ โชยเตะจมูกเข้าอย่างจัง เรื่องอาหารก็เช่นกัน ของที่นางทำล้วนถูกปากทั้งนั้น ไม่แน่ว่าต่อจากนี้อาจจะไม่มีใครทำได้ถูกปากเท่ากับไป๋เหลียน
ทว่าเมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ใบหน้าคมเริ่มบูดบึ้ง ไม่อาจยอมรับให้กับความรู้สึกส่วนตัวนี้ได้ มันหมายความว่าอย่างไรที่อาจจะกินรสมือคนอื่นไม่ได้อีกแล้วน่ะ
คนอย่างข้ากินง่ายอยู่ง่ายมาแต่ไหนแต่ไรไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่ มันก็แค่ความแปลกใหม่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง
ความรู้สึกขัดแย้งกันภายในใจ ทำให้กายหนายิ่งใส่อารมณ์ไปกับการฝึก เผลอลืมไปว่าตนเองยังไม่สามารถใช้กำลังมากเกินไปได้ กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อตอนสะดุ้งเพราะความเจ็บ เจ้าตัวถึงกับหยุดชะงักตั้งหลักแทบไม่ทัน
“ท่านมู่กวากินข้าวเจ้าค่ะ อาหารเสร็จแล้ว”
เสียงเรียกดังมาจากในบ้านทำเอาแม่ทัพหนุ่มยิ่งรู้สึกขัดใจ ไม่... เขาจะไม่ไป อยากจะเรียกก็เชิญเรียกไปเถอะ
“เฮอะ! ข้าอยากจะไปเมื่อไรมันก็เรื่องของข้า เหตุใดจะต้องทำตามด้วยเล่า” ที่ตามมาถึงนี่ก็เพื่อจะมาล้างแค้นอย่าได้ทำตัวได้ใจไป ที่ยังไว้ชีวิตก็เพราะตนยังต้องรักษาตัว ทำอะไรไม่ถนัดก็เท่านั้น
ชายหนุ่มยังคงเมินเฉยต่อคำเรียกขาน กายหนายังคงเตะขาวาดแขนไปเรื่อย ๆ แม้เหงื่อโซมกายก็ยังไม่หยุด ปล่อยให้คนในบ้านเรียกอยู่เช่นนั้น
“ท่านมู่กวา”
“....”
“ท่านแม่ทัพหลี่”
“...” เรียกอะไรนักหนา ข้าไม่ขานรับก็ควรจะหยุดหรือไม่ ชายหนุ่มได้แต่บ่นในใจ กระนั้นก็ยังคงไม่ยอมไปตามเสียงเรียก ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องอยู่เช่นนั้นตามเดิม
“กรี๊ดดด เช่นนั้นก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิที่ว่าท่านแม่ทัพมีภรรยาอยู่แล้ว ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง”“เช่นนั้นข้าก็ไม่แปลกใจที่เจ้ามีของแปลกใหม่มาขายให้พวกเรา เป็นถึงฮูหยินแม่ทัพละก็คงได้ติดตามแม่ทัพหลี่ไปหลายที่พบผู้คนมากมายสินะ เจ้าคงได้ไปท่องเที่ยวมาเยอะล่ะซิ ข้าอิจฉาเจ้านัก”“เจ้าเนี่ยปิดบังพวกเราไว้เงียบเชียวนะ”คณิกาดาวเด่นทั้งสามต่างก็พากันคาดเดาและยิงคำถามไม่หยุด ไป๋เหลียนคิดจะอธิบายให้พวกนางเข้าใจสถานะของตนกับท่านแม่ทัพ แต่ก็คงไม่ทันเสียแล้ว ในเมื่อทุกคนคิดไปไกลคาดเดาไปเอง พูดอะไรไปคงไม่เข้าหูแล้วกระมังเช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกนางคิดไปเถอะ ขอแค่อย่าให้ท่านแม่ทัพได้ยินก็พอ มิเช่นนั้นชีวิตนางคงอยู่ไม่รอดไปจนจบเป็นแน่ แค่คิดก็เสียวคอแล้วไหมเล่าหาเรื่องตายเร็วให้กันโดยแท้“เจ้าค่ะ คือว่าพี่สาว ที่ข้ามาหาพวกท่านวันนี้คือข้าจะมาลาเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบเข้าเรื่องทันที ถ้าไม่พูดตอนนี้มีหวังคงได้พูดแต่เรื่องหลี่มู่กวาไม่หยุด“มาลาหรือ เจ้าจะไปที่ใด ช่างน่าเสียดายนักเพิ่งจะสนิทกันแท้ ๆ ที่สำคัญเครื่องประทินผิวของเจ้าก็ดีมากเสียด้วย ไม่มีเจ้าแล้วพวกเราจะใช้ชีวิตต่ออย่างไร” ลู่ฮวารู้สึกใจหาย ไม่คิดว่
เด็กสาวส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แม้จะไปแจ้งทางการก็ได้เพียงแค่ถูกว่ากล่าวตักเตือนมิได้ลงโทษอะไร ไม่แคล้วถูกจับมาขายเช่นเดิม เรื่องเช่นนี้มีให้เห็นได้ทั่วไปไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร“ส่งน้องสาวข้ามาเดี๋ยวนี้ อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง” ชายร่างใหญ่ก้าวอาด ๆ เข้าหาสตรีทั้งสอง ทั้งฉุนและไม่พอใจที่น้องสาวขัดขืนไม่ยอมเชื่อฟัง เสียเวลาทำธุระอย่างอื่นชะมัด ความอดทนเริ่มจะหมดลงเรื่อย ๆ“นางเป็นน้องของเจ้าเอามาขายเป็นผักเป็นปลาเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่อายพ่อแม่บรรพบุรุษบ้างหรือ ทำมาหากินเองไม่ได้ต้องมาขายน้องแลกเงิน ถุย...” ไป๋เหลียนด่าทออย่างเหลืออด พลางมองค้อนหลี่มู่กวาที่ไม่ยอมช่วยเหลือ“ปากดีนักนะ เรื่องของคนอื่นอย่าริมาสั่งสอน” บุรุษร่างกายใหญ่โตเทอะทะง้างมือขึ้นหมายฟาดสั่งสอนให้สำนึก บังอาจเข้ามาสอดไม่เข้าเรื่อง มีหรือคนอย่างตนจะให้สตรีมาด่าเช่นนี้ ดีละ จัดการนังนี่ไปขายด้วยคงจะได้หลายตำลึง“อ๊ากกกกก”ตุบ!“เอามือสกปรกของเจ้าออกไป” แม่ทัพหนุ่มใช้เท้าถีบเข้าไปที่ใบหน้าเหมือนหมูตอนเต็มแรง พร้อมกับชักดาบออกจากฝัก เฉือนปลายจมูกแหว่งไม่พอหูข้างหนึ่งก็ถูกตัดเช่นกัน และยังใจดีโยนเงินจำนวนหนึ่งตำลึงให้ชายผู้นั
“ขายบ้านหลังนี้เจ้าไม่เสียดายแน่หรือ”“ข้าตัดสินใจแล้วเจ้าค่ะ เก็บไว้ก็เท่านั้นมิสู้ขายเอาเงินมาใช้ดีกว่า” คิดว่าน่าอยู่นักหรือหมู่บ้านเส็งเคร็งเช่นนี้มีอะไรให้นางเสียดายกัน ขาย ๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ หากจะเรียกให้ถูกก็คือไม่ควรค่าแก่การกลับมาที่นี่ต่างหากนางเพิ่งเอาโฉนดที่ดินขึ้นทะเบียนเพื่อฝากขาย ก็ไม่แปลกที่เขาจะถามนางเช่นนั้น คนเราเกิดและโตที่ใดก็ย่อมมีความทรงจำความผูกพันเป็นธรรมดา แต่ว่านางไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งไป๋เหลียน ไม่ใช่ทั้งคนของโลกแห่งนี้ แล้วจะเสียดายไปไยนอกจากมีธุระเรื่องขายที่แล้ว นางและหลี่มู่กวายังมีธุระต้องไปหอฮวาเหมย ด้วยท่านอ๋องได้นัดหมายให้ไปพบที่นั่น หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้ไปร่ำลาพวกพี่สาวคณิกาทั้งสาม อย่างไรเสียนางไปแล้วคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่อาจตัดใจ ปล่อยเงินก้อนโตหายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร ที่นี่ล้วนเป็นแหล่งเงินทองชั้นดี“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้นเราเข้าไปดูสักหน่อยดีหรือไม่”เบื้องหน้ากลับมีคนรุมล้อมดูอะไรสักอย่าง ทั้งเสียงสตรีก็ดูจะคุ้นหูนัก ความอยากรู้อยากเห็นทำให้หญิงสาวเดินหน้าตั้งฝ่ากลุ่มคนไปทันที ย
ยามห้าย (21.00-22.59 น.)ไป๋เหลียนได้แต่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง ฝืนตนเองเอาไว้ไม่ให้หลับไปเสียก่อนรอว่าหลี่มู่กวาจะกลับมาเมื่อไร ถึงแม้เขาจะบอกไว้ก่อนแล้วให้เข้านอนก่อนก็ตาม“ข้าจะทำอย่างไรให้ท่านแม่ทัพพาข้าไปด้วยดีนะ”ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่มีหนทางไหนที่เขาจะยอมให้นางติดตามไปด้วยได้เลย ยิ่งตนมีชนักติดหลังอยู่ด้วย การที่จะทำให้เขายอมตกลงจึงเป็นเรื่องยากยิ่งแต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะต้องตามเขาไปด้วยให้ได้ ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่าการลองขอเขาไปตามตรง ไม่แน่ว่าหลี่มู่กวาอาจจะใจอ่อน ต่อให้นางไปในฐานะสาวใช้หรือทาสก็ยอม“เมื่อไรจะกลับมาเสียที ไม่ใช่ว่าแอบกลับไปเมืองหน้าด่านแล้วหรอกนะ” ร่างบางลนลานลุกขึ้นนั่งทันที เขาบอกว่าจะไปช่วยหาโรงเตี๊ยมให้ท่านอ๋องได้พักในระหว่างที่อยู่ที่นี่ เดินทางเข้าเมืองกว่าชั่วยามยังไม่กลับมา รู้เช่นนี้นางน่าจะขอให้ทั้งสองคนนอนพักที่นี่เสียก็ดีแต่แล้วเสียงดังกุกกักจากด้านนอกทำเอาไป๋เหลียนใจชื้นขึ้นไม่น้อย ภาวนาให้เป็นหลี่มู่กวาด้วยเถอะ อย่าได้เป็นผีหรือไอ้ติงเฉิงหน้าหม้อนั่นเลย สองสิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกหลอนและเข็ดขยาดขึ้นสมอง อย่างไรเสียต้องหาอะไรไว้ป้องกันตัว หญิงสาวรีบ
“อืม... นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อร้องขอของแคว้นฉู่เช่นกัน เสด็จพ่อเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่ขอมากไปจึงตอบตกลง” ที่เขาไม่ชอบใจเลยก็ตรงที่พวกมันทำราวกับแคว้นเป่ยเป็นเพียงหมูในคอก คิดอยากทำอะไรก็ทำ เรียกร้องจะเอานั่นเอานี่ไม่รู้จักเกรงใจ กระนั้นจะทำอย่างไรได้ในเมื่อกำลังพลยังไม่พร้อมจะรับศึกหนักตอนนี้ได้ ช่างน่าเจ็บใจนัก“พวกมันเหิมเกริมขึ้นทุกวัน เรายอมรับการประนีประนอมมิใช่ยอมแพ้เสียเมื่อไรกัน ไอ้พวกสุนัขลอบกัด” คราวที่แล้วแม้จะรู้ว่าเป็นพวกมันสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ทว่าพวกเขากลับหาหลักฐานไม่ได้ทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นว่าท่านอ๋องถูกโจรป่าดักปล้น ยังดีที่สามารถเอาชีวิตรอดกันมาได้“ข้าน้อยว่าการขอพักขบวนที่เมืองหน้าด่านมิใช่เรื่องปกติขอรับ แม้คณะทูตจะเดินทางไกลก็จริง หากจะต้องพักแค่สามวันก็น่าจะพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่นานถึงสิบวัน”“ข้าก็เห็นด้วยกับจิ้งกัง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่”“เพราะแบบนี้เราถึงได้มาหาเจ้า เราก็ไม่อยากจะขัดความสุขของเจ้ากับภรรยาหรอกนะ แต่อย่างไรคงต้องรีบกลับหน้าด่านให้เร็วที่สุด จะล่าช้าต่อไปไม่ได้แล้ว จะพานางไปด้วยหรือให้รอที่นี่ก็คุยกันให้รู้เรื่องเสีย อีกสามวันเราต้องออกเดินท
นางคือภรรยาของข้าคำคำนี้ยังคงก้องอยู่ในหู ทำเอาไป๋เหลียนยืนเหม่อลอยทำอะไรไม่ถูก แม้นางจะถูกร้องขอให้ออกมาทำอาหารเย็นแล้วก็ตาม ทว่าความเป็นจริงกลับเอาแต่ยืนนิ่งมาได้สักพักใบหน้างามเห่อร้อนแดงเรื่อลามไปถึงใบหูอย่างช่วยไม่ได้ ขัดเขินเสียจนไม่แน่ใจว่าจะกล้ามองหน้าหลี่มู่กวาได้โดยไม่รู้สึกอะไรหรือไม่ ถึงเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดเช่นนั้นก็เถอะ กระนั้นก็ยังรู้สึกดีไม่น้อยเช่นนั้นในเมื่อวันนี้หลี่มู่กวาพูดถูกใจ นางก็จะทำของอร่อยเอาใจเขาเพิ่มจากเดิมอีกสักสองสามอย่างแล้วกัน อย่างไรเสียก็มีคนมาเพิ่มของเดิมที่ทำไว้คงไม่พอจะเรียกว่าทำอาหารก็ไม่ถูก เพราะนางก็ไม่ได้ทำอะไรดีขนาดนั้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เอาออกมาจากมิติวิเศษ ส่วนที่ทำเองก็คงจะมีแค่หุงข้าวและอาหารพื้น ๆ ของโลกเดิมแค่บางอย่างที่ตนเองถนัดก็เท่านั้นเป็ดปักกิ่งถูกแร่หนังกรอบ ๆ จัดเรียงในจานอย่างดี ส่วนเนื้อเป็ดนั้นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแยกออกมาอีกจาน นอกจากนั้นยังมีปลานึ่งซีอิ๊วอีกหนึ่งอย่าง กระนั้นสิ่งที่นางลงมือทำจริงก็คือต้มยำกุ้งน้ำข้น รสชาติจัดจ้านซดร้อน ๆ ก็คงจะคล่องคอดีทว่าระหว่างทำอาหารอยู่นั้น ไป๋เหลียนก็ยังคงคอยเอียงหูฟังอยู่ตลอด บ้าน