“มู่กวา”
“หลี่มู่กวา!”
ทว่าครั้งสุดท้ายเสียงที่เปล่งออกมาทั้งห้วนและใส่อารมณ์ ไป๋เหลียนเห็นแล้วว่าเขาอยู่แค่หน้าบ้าน เหตุใดนางเรียกคอแทบแตกแต่กลับทำเฉยไม่ยอมตอบ หากไม่รีบมากินตอนนี้กับข้าวก็จะเย็นหมด เมื่อนั้นนางก็ต้องกลับไปอุ่นใหม่อีกครั้ง รสชาติเสียหมดกันพอดี จะกินไม่กินบอกกันสักนิดจะได้ทำตัวถูก
“ข้ารู้แล้ว” กายหนาฟึดฟัดอยู่ในที แค่สงสารหรอกนะครั้งนี้ข้าจะยอมให้ กลัวจะคอแตกตายเสียก่อน
ชายหนุ่มหยุดฝึกแล้วคว้าเอาเสื้อมาสวมให้เรียบร้อย เดินปึงปังเข้าบ้านไปราวกับเด็กถูกมารดาเรียกใช้ ทว่าเมื่อมาถึงก็พบว่าบนโต๊ะอาหารมีเป็ดตุ๋นน้ำแดงและสุราอย่างที่เขาเคยบอกอยากกิน เรื่องนี้เขาก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน ทั้งที่ในครัวไม่ค่อยมีของให้ทำอาหารแท้ ๆ แล้วนางไปเอาของพวกนี้มาจากที่ใด
แต่ละมื้ออาหารแทบจะไม่ซ้ำกัน ล้วนเป็นของดีหายากทั้งนั้น ชาวบ้านทั่วไปมีให้กินเช่นนี้เสียเมื่อไรกัน ไป๋เหลียนผู้นี้เป็นใคร ข้อมูลส่วนตัวของนางเขาแน่ใจว่าสืบมาไม่ผิดแน่ เมื่อได้มาสัมผัสความเป็นจริงแล้วการใช้ชีวิตของนางไม่ได้ถือว่าลำบากเลย ยกเว้นก็แต่สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยและผู้คนรอบข้าง สมควรออกไปจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุด
“นี่เป็ดตุ๋นน้ำแดงที่ท่านอยากกินเจ้าค่ะ มีสุราด้วยนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าท่านจะชอบหรือไม่” เป็ดตุ๋นน้ำแดงและสุราเหมาไถนางเอามาจากมิติวิเศษ ยกเว้นก็แต่กุ้งทอดและยำผักหนาม
สองจานนี้นางเป็นคนทำเองเพราะกุ้งและผักที่เก็บมาได้เมื่อคราวก่อน บัดนี้ในมิติมันกำลังออกลูกออกหลานมีให้กินได้อีกเป็นสิบปีก็ว่าได้ ถ้าไม่เอาออกมาทำอาหารบ้างก็เกรงว่าจะกองเป็นภูเขากระมัง
ทันทีที่หลี่มู่กวานั่งลงจอกสุราก็ถูกยื่นมาวางไว้ให้ตรงหน้า พร้อมกับรินให้เรียบร้อยโดยไม่ต้องทำเองให้เมื่อย ชายหนุ่มหยิบตะเกียบคีบเอาเป็ดตุ๋นน้ำแดงเข้าปาก แค่คำแรกสีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปถนัดตา ใบหน้าที่เคยแสร้งเฉยเมยค่อย ๆ เผยร่องรอยแห่งความพอใจออกมาทีละนิด หลังจากชิมจานแรกก็เริ่มไปจานที่สองและสาม
“ถูกปากท่านหรือไม่เจ้าคะ”
“อืม... ก็พอกินได้”
ไป๋เหลียนได้แต่อมยิ้ม ดูท่าแล้วมิใช่แค่พอกินได้กระมัง ดูจากความถี่ของการคีบอาหารเข้าปากแล้ว น่าจะถูกใจแต่ก็ยังทำเป็นปากแข็ง
“สุรานี้มีอีกหรือไม่ รสชาติดีข้าชอบ” ทิฐิอารมณ์ก่อนหน้าบัดนี้ไม่หลงเหลือแล้ว หลังจากดื่มไปเกือบหมดไหจึงได้เอ่ยปากขอเพิ่ม ไหเล็กหมดเร็วเกินไปยังดื่มด่ำรสสุราไม่หนำใจ แต่กลับจะหมดแล้วช่างน่าเสียดายนัก ทั้งกับแกล้มก็ยังถูกปาก ยิ่งกินก็ยิ่งเพลิน
“มีเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าไปหยิบมาให้นะเจ้าคะ”
ร่างบางรีบลุกเดินเข้าครัวเพื่อไปหยิบสุรามาเพิ่ม ทว่าความจริงแล้วสุรานี้ก็แค่หยิบมาจากมิติวิเศษมาแบบมั่ว ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะชอบถึงกับขอเพิ่ม มิน่าเล่าสุราเหมาไถถึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นางไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุรา ที่รู้เพราะตอนนั้นนึกไม่ออกไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพจะชอบสุราแบบใด นางจึงเลือกมาจากหนังสือแค็ตตาล็อกเหล้า จึงรู้ว่าสุราเหมาไถได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน
หลังจากแอบสับเปลี่ยนภาชนะใส่สุราเสร็จ หญิงสาวจึงรีบกลับมาที่โต๊ะอาหาร ด้วยเกรงว่าอีกคนจะรอนาน คราวนี้นางนำมาหลายไหสักหน่อยเผื่อว่าไม่พอ ท่านแม่ทัพจะได้กินให้จุใจ
หลังจากได้สุราหลี่มู่กวาก็เอาแต่ยกซดพร้อมกับคีบกับแกล้มเป็นครั้งคราว ส่วนไป๋เหลียนนั้นไม่ต้องพูดถึง นางทั้งหิวทั้งเหนื่อยจึงรีบกินให้เสร็จจะได้ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนแต่หัวค่ำ เข้านอนเร็วหน่อยชดเชยให้กับหลายคืนที่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะใครบางคน
กว่าหนึ่งชั่วยามที่หลี่มู่กวาดื่มด่ำกับสุราอยู่เพียงคนเดียว เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วแม่ทัพหนุ่มจึงได้เก็บโต๊ะ ล้างมือล้างเท้าแล้วเช็ดตัวเตรียมเข้านอน ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้าห้องก็พบกับสภาพของไป๋เหลียนที่ดูไม่ได้เอาเสียเลย
ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้า กุลสตรีอันใดแทบหาไม่ได้ นอนกางแขนกางขาเต็มพื้นที่
เพราะบ้านหลังนี้คับแคบเกินไปพวกเขาจึงต้องใช้ห้องนอนร่วมกัน โดยที่เจ้าของบ้านสละเตียงนอนให้แขก กระนั้นเจ้าตัวไม่เคยปริปากบ่นแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาเขาเพียงแค่อยากกลั่นแกล้ง แต่ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะคิดเป็นจริงเป็นจัง ทั้งที่แค่เอ่ยปากไล่ก็ได้แต่ก็ไม่ทำ จะอดทนไปเพื่ออะไรเหตุใดไม่คิดถึงตนเองก่อน โดยเฉพาะวันนี้ที่ได้เห็นคนทั้งหมู่บ้านเอาแต่สาปส่งดูหมิ่นดูแคลนออกปานนั้น เจ้าตัวก็ยังคิดว่าเป็นความเคยชิน
เจ้านี่ช่างเป็นสตรีหน้าไม่อายและยังบ้าโง่เขลานัก ชวนไปอยู่ด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับคิดจะหาเงินซื้อบ้านเอง เป็นคนอื่นคงรีบเก็บข้าวของแทบไม่ทัน เช่นนี้ไม่เรียกโง่จะให้เรียกอะไร
“เฮ้อ หรือข้าควรจะบอกไปตรง ๆ ดีหรือไม่” บอกไปว่าไม่คิดจะฆ่าแล้ว ไม่ต้องกลัวไม่ต้องระแวง อยากจะทำอะไรก็ทำ
“แต่ถ้าข้าพูด แล้วพรหมจรรย์ของข้าเล่าใครรับผิดชอบ”
กายหนาก้มลงช้อนอุ้มเอาคนตัวเล็กขึ้นมานอนบนเตียง กระนั้นก็ใช่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายลงไปนอนข้างล่างแทน ไม่มีวันเสียหรอก อย่างไรก็เกินเลยกันไปไกลแล้วเหตุใดเขาจะต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ
ฮึ...ถ้าเจ้าคิดจะปัดความรับผิดชอบ เมื่อนั้นคือวันตายของเจ้า ไป๋เหลียน...
“กรี๊ดดด เช่นนั้นก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิที่ว่าท่านแม่ทัพมีภรรยาอยู่แล้ว ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง”“เช่นนั้นข้าก็ไม่แปลกใจที่เจ้ามีของแปลกใหม่มาขายให้พวกเรา เป็นถึงฮูหยินแม่ทัพละก็คงได้ติดตามแม่ทัพหลี่ไปหลายที่พบผู้คนมากมายสินะ เจ้าคงได้ไปท่องเที่ยวมาเยอะล่ะซิ ข้าอิจฉาเจ้านัก”“เจ้าเนี่ยปิดบังพวกเราไว้เงียบเชียวนะ”คณิกาดาวเด่นทั้งสามต่างก็พากันคาดเดาและยิงคำถามไม่หยุด ไป๋เหลียนคิดจะอธิบายให้พวกนางเข้าใจสถานะของตนกับท่านแม่ทัพ แต่ก็คงไม่ทันเสียแล้ว ในเมื่อทุกคนคิดไปไกลคาดเดาไปเอง พูดอะไรไปคงไม่เข้าหูแล้วกระมังเช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกนางคิดไปเถอะ ขอแค่อย่าให้ท่านแม่ทัพได้ยินก็พอ มิเช่นนั้นชีวิตนางคงอยู่ไม่รอดไปจนจบเป็นแน่ แค่คิดก็เสียวคอแล้วไหมเล่าหาเรื่องตายเร็วให้กันโดยแท้“เจ้าค่ะ คือว่าพี่สาว ที่ข้ามาหาพวกท่านวันนี้คือข้าจะมาลาเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบเข้าเรื่องทันที ถ้าไม่พูดตอนนี้มีหวังคงได้พูดแต่เรื่องหลี่มู่กวาไม่หยุด“มาลาหรือ เจ้าจะไปที่ใด ช่างน่าเสียดายนักเพิ่งจะสนิทกันแท้ ๆ ที่สำคัญเครื่องประทินผิวของเจ้าก็ดีมากเสียด้วย ไม่มีเจ้าแล้วพวกเราจะใช้ชีวิตต่ออย่างไร” ลู่ฮวารู้สึกใจหาย ไม่คิดว่
เด็กสาวส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แม้จะไปแจ้งทางการก็ได้เพียงแค่ถูกว่ากล่าวตักเตือนมิได้ลงโทษอะไร ไม่แคล้วถูกจับมาขายเช่นเดิม เรื่องเช่นนี้มีให้เห็นได้ทั่วไปไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร“ส่งน้องสาวข้ามาเดี๋ยวนี้ อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง” ชายร่างใหญ่ก้าวอาด ๆ เข้าหาสตรีทั้งสอง ทั้งฉุนและไม่พอใจที่น้องสาวขัดขืนไม่ยอมเชื่อฟัง เสียเวลาทำธุระอย่างอื่นชะมัด ความอดทนเริ่มจะหมดลงเรื่อย ๆ“นางเป็นน้องของเจ้าเอามาขายเป็นผักเป็นปลาเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่อายพ่อแม่บรรพบุรุษบ้างหรือ ทำมาหากินเองไม่ได้ต้องมาขายน้องแลกเงิน ถุย...” ไป๋เหลียนด่าทออย่างเหลืออด พลางมองค้อนหลี่มู่กวาที่ไม่ยอมช่วยเหลือ“ปากดีนักนะ เรื่องของคนอื่นอย่าริมาสั่งสอน” บุรุษร่างกายใหญ่โตเทอะทะง้างมือขึ้นหมายฟาดสั่งสอนให้สำนึก บังอาจเข้ามาสอดไม่เข้าเรื่อง มีหรือคนอย่างตนจะให้สตรีมาด่าเช่นนี้ ดีละ จัดการนังนี่ไปขายด้วยคงจะได้หลายตำลึง“อ๊ากกกกก”ตุบ!“เอามือสกปรกของเจ้าออกไป” แม่ทัพหนุ่มใช้เท้าถีบเข้าไปที่ใบหน้าเหมือนหมูตอนเต็มแรง พร้อมกับชักดาบออกจากฝัก เฉือนปลายจมูกแหว่งไม่พอหูข้างหนึ่งก็ถูกตัดเช่นกัน และยังใจดีโยนเงินจำนวนหนึ่งตำลึงให้ชายผู้นั
“ขายบ้านหลังนี้เจ้าไม่เสียดายแน่หรือ”“ข้าตัดสินใจแล้วเจ้าค่ะ เก็บไว้ก็เท่านั้นมิสู้ขายเอาเงินมาใช้ดีกว่า” คิดว่าน่าอยู่นักหรือหมู่บ้านเส็งเคร็งเช่นนี้มีอะไรให้นางเสียดายกัน ขาย ๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ หากจะเรียกให้ถูกก็คือไม่ควรค่าแก่การกลับมาที่นี่ต่างหากนางเพิ่งเอาโฉนดที่ดินขึ้นทะเบียนเพื่อฝากขาย ก็ไม่แปลกที่เขาจะถามนางเช่นนั้น คนเราเกิดและโตที่ใดก็ย่อมมีความทรงจำความผูกพันเป็นธรรมดา แต่ว่านางไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งไป๋เหลียน ไม่ใช่ทั้งคนของโลกแห่งนี้ แล้วจะเสียดายไปไยนอกจากมีธุระเรื่องขายที่แล้ว นางและหลี่มู่กวายังมีธุระต้องไปหอฮวาเหมย ด้วยท่านอ๋องได้นัดหมายให้ไปพบที่นั่น หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้ไปร่ำลาพวกพี่สาวคณิกาทั้งสาม อย่างไรเสียนางไปแล้วคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่อาจตัดใจ ปล่อยเงินก้อนโตหายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร ที่นี่ล้วนเป็นแหล่งเงินทองชั้นดี“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้นเราเข้าไปดูสักหน่อยดีหรือไม่”เบื้องหน้ากลับมีคนรุมล้อมดูอะไรสักอย่าง ทั้งเสียงสตรีก็ดูจะคุ้นหูนัก ความอยากรู้อยากเห็นทำให้หญิงสาวเดินหน้าตั้งฝ่ากลุ่มคนไปทันที ย
ยามห้าย (21.00-22.59 น.)ไป๋เหลียนได้แต่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง ฝืนตนเองเอาไว้ไม่ให้หลับไปเสียก่อนรอว่าหลี่มู่กวาจะกลับมาเมื่อไร ถึงแม้เขาจะบอกไว้ก่อนแล้วให้เข้านอนก่อนก็ตาม“ข้าจะทำอย่างไรให้ท่านแม่ทัพพาข้าไปด้วยดีนะ”ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่มีหนทางไหนที่เขาจะยอมให้นางติดตามไปด้วยได้เลย ยิ่งตนมีชนักติดหลังอยู่ด้วย การที่จะทำให้เขายอมตกลงจึงเป็นเรื่องยากยิ่งแต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะต้องตามเขาไปด้วยให้ได้ ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่าการลองขอเขาไปตามตรง ไม่แน่ว่าหลี่มู่กวาอาจจะใจอ่อน ต่อให้นางไปในฐานะสาวใช้หรือทาสก็ยอม“เมื่อไรจะกลับมาเสียที ไม่ใช่ว่าแอบกลับไปเมืองหน้าด่านแล้วหรอกนะ” ร่างบางลนลานลุกขึ้นนั่งทันที เขาบอกว่าจะไปช่วยหาโรงเตี๊ยมให้ท่านอ๋องได้พักในระหว่างที่อยู่ที่นี่ เดินทางเข้าเมืองกว่าชั่วยามยังไม่กลับมา รู้เช่นนี้นางน่าจะขอให้ทั้งสองคนนอนพักที่นี่เสียก็ดีแต่แล้วเสียงดังกุกกักจากด้านนอกทำเอาไป๋เหลียนใจชื้นขึ้นไม่น้อย ภาวนาให้เป็นหลี่มู่กวาด้วยเถอะ อย่าได้เป็นผีหรือไอ้ติงเฉิงหน้าหม้อนั่นเลย สองสิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกหลอนและเข็ดขยาดขึ้นสมอง อย่างไรเสียต้องหาอะไรไว้ป้องกันตัว หญิงสาวรีบ
“อืม... นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อร้องขอของแคว้นฉู่เช่นกัน เสด็จพ่อเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่ขอมากไปจึงตอบตกลง” ที่เขาไม่ชอบใจเลยก็ตรงที่พวกมันทำราวกับแคว้นเป่ยเป็นเพียงหมูในคอก คิดอยากทำอะไรก็ทำ เรียกร้องจะเอานั่นเอานี่ไม่รู้จักเกรงใจ กระนั้นจะทำอย่างไรได้ในเมื่อกำลังพลยังไม่พร้อมจะรับศึกหนักตอนนี้ได้ ช่างน่าเจ็บใจนัก“พวกมันเหิมเกริมขึ้นทุกวัน เรายอมรับการประนีประนอมมิใช่ยอมแพ้เสียเมื่อไรกัน ไอ้พวกสุนัขลอบกัด” คราวที่แล้วแม้จะรู้ว่าเป็นพวกมันสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ทว่าพวกเขากลับหาหลักฐานไม่ได้ทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นว่าท่านอ๋องถูกโจรป่าดักปล้น ยังดีที่สามารถเอาชีวิตรอดกันมาได้“ข้าน้อยว่าการขอพักขบวนที่เมืองหน้าด่านมิใช่เรื่องปกติขอรับ แม้คณะทูตจะเดินทางไกลก็จริง หากจะต้องพักแค่สามวันก็น่าจะพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่นานถึงสิบวัน”“ข้าก็เห็นด้วยกับจิ้งกัง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่”“เพราะแบบนี้เราถึงได้มาหาเจ้า เราก็ไม่อยากจะขัดความสุขของเจ้ากับภรรยาหรอกนะ แต่อย่างไรคงต้องรีบกลับหน้าด่านให้เร็วที่สุด จะล่าช้าต่อไปไม่ได้แล้ว จะพานางไปด้วยหรือให้รอที่นี่ก็คุยกันให้รู้เรื่องเสีย อีกสามวันเราต้องออกเดินท
นางคือภรรยาของข้าคำคำนี้ยังคงก้องอยู่ในหู ทำเอาไป๋เหลียนยืนเหม่อลอยทำอะไรไม่ถูก แม้นางจะถูกร้องขอให้ออกมาทำอาหารเย็นแล้วก็ตาม ทว่าความเป็นจริงกลับเอาแต่ยืนนิ่งมาได้สักพักใบหน้างามเห่อร้อนแดงเรื่อลามไปถึงใบหูอย่างช่วยไม่ได้ ขัดเขินเสียจนไม่แน่ใจว่าจะกล้ามองหน้าหลี่มู่กวาได้โดยไม่รู้สึกอะไรหรือไม่ ถึงเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดเช่นนั้นก็เถอะ กระนั้นก็ยังรู้สึกดีไม่น้อยเช่นนั้นในเมื่อวันนี้หลี่มู่กวาพูดถูกใจ นางก็จะทำของอร่อยเอาใจเขาเพิ่มจากเดิมอีกสักสองสามอย่างแล้วกัน อย่างไรเสียก็มีคนมาเพิ่มของเดิมที่ทำไว้คงไม่พอจะเรียกว่าทำอาหารก็ไม่ถูก เพราะนางก็ไม่ได้ทำอะไรดีขนาดนั้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เอาออกมาจากมิติวิเศษ ส่วนที่ทำเองก็คงจะมีแค่หุงข้าวและอาหารพื้น ๆ ของโลกเดิมแค่บางอย่างที่ตนเองถนัดก็เท่านั้นเป็ดปักกิ่งถูกแร่หนังกรอบ ๆ จัดเรียงในจานอย่างดี ส่วนเนื้อเป็ดนั้นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแยกออกมาอีกจาน นอกจากนั้นยังมีปลานึ่งซีอิ๊วอีกหนึ่งอย่าง กระนั้นสิ่งที่นางลงมือทำจริงก็คือต้มยำกุ้งน้ำข้น รสชาติจัดจ้านซดร้อน ๆ ก็คงจะคล่องคอดีทว่าระหว่างทำอาหารอยู่นั้น ไป๋เหลียนก็ยังคงคอยเอียงหูฟังอยู่ตลอด บ้าน