Share

35: น้องหญิง [2]

Author: Tuk Kung
last update Last Updated: 2025-08-27 15:26:12

ด้านซูหนี่นั่นนอกจากจ้องเล่นงานไป๋เหลียนแล้ว นางยังสะดุดตากับบุรุษที่มาด้วยกันช่างเป็นบุรุษที่หล่อเหลายิ่งนัก ยิ่งมองยิ่งถูกใจอยากได้เหลือเกิน สตรีบ้านั่นไปหาบุรุษรูปงามมาจากที่ใดกันนะ

ซูหนี่ยิ้มร้ายหมายมาดแย่งคนของไป๋เหลียนมาเป็นของตนให้ได้ นางคิดว่าหากชายผู้นั้นรู้ว่าไป๋เหลียนมีเรื่องเสื่อมเสียอะไรบ้าง มิพ้นจะต้องถูกทิ้งเหมือนดั่งเช่นติงเฉิงทำ

“ไป๋เหลียนเจ้านี่ช่างมีเสน่ห์นัก ไปล่อลวงบุรุษอีกแล้วหรือ เจ้าเอาพี่ติงเฉิงไปไว้ที่ใดแล้วเล่า พี่ชายท่านรู้หรือไม่สตรีผู้นี้ทำเรื่องเสื่อมเสียอะไรไว้บ้าง ถ้าท่านไม่อยากซวยไปด้วยก็อยู่ให้ห่างนางเสีย” นางจงใจพูดให้อีกฝ่ายดูไม่ดี พร้อมทั้งใช้สายตาท่าทางเชิญชวนให้บุรุษตรงน่าสนใจ

 ทว่าคำพูดของซูหนี่เมื่อครู่ไม่ได้เบานัก ชาวบ้านเดินผ่านไปมาต่างก็ได้ยินกันทั่ว บ้างก็หยุดดูจับกลุ่มนินทา บ้างก็ป้องปากคุยกระซิบกระซาบแล้วเดินผ่านไป โดยเฉพาะนางเหลียงซูและพวกกลายเป็นหน่วยเสริมให้กับซูหนี่ไปเสียแล้ว

“พูดมาก ลมปากเหม็นเน่า เป็นคนทำแท้ ๆ กลับโยนขี้ให้คนอื่น คนเช่นนี้ไม่น่าอายมากกว่าหรือ” ไป๋เหลียนหมดคำจะพูดจริง ๆ สำหรับซูหนี่คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการหนีให้ไกลอย่าได้ยุ่งเกี่ยว มิใช่ว่ากลัวแต่เป็นคนที่น่ารำคาญ ด้วยไม่อยากจะเสวนาต่อให้เสียอารมณ์จึงรีบดันให้หลี่มู่กวาออกตัวเดิน เกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดไปอีกคน

“ท่านแม่ดูสิเจ้าคะ ข้าถูกนางรังแกอีกแล้ว ข้าไปทำอะไรให้เหตุใดถึงได้เอาแต่กล่าวหาข้าเช่นนี้เล่า” เมื่อเห็นว่ายั่วยุไม่ได้ผล นางจึงใช้วิธีบีบน้ำตาให้ดูน่าสงสาร จะปล่อยให้ไปตอนนี้ได้อย่างไรในเมื่อตนยังไม่รู้เลยบุรุษข้างกายไป๋เหลียนคือใคร

“จิ๊ก ๆ เจ้านี่มันเป็นสตรีเช่นไรถึงได้ชอบใส่ร้ายลูกข้านัก อิจฉาล่ะสิไม่ว่าคอยแต่จะทำให้ผู้อื่นอับอาย โถ่ ๆ อย่าเสียใจไปเลยนะลูกแม่ อย่างไรคนชั่วย่อมแพ้ภัยตนอีกไม่นานประเดี๋ยวก็รับกรรม” นางเหลียงซูชี้นิ้วต่อว่าไม่หยุด พลันสะดุ้งเมื่อถูกบุตรสาวใช้ศอกกระทุ้งสีข้างยิก ๆ ก่อนจะมองตามสายตาของซูหนี่ จึงได้รู้ความหมายของบุตรสาว “พ่อหนุ่มเจ้ามาจากหมู่บ้านใด ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย”

“นั่นสิ ดูแล้วไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป เป็นบัณฑิตตกยากหรือว่าเป็นทหารหนีค่ายมา”

“เจ้าเป็นอะไรกับไป๋เหลียนหรือพ่อหนุ่ม คิดดีแล้วหรือจะคบหากันน่ะ ข้าขอเตือนนะหากเจ้าไม่อยากได้คนบ้าทำผิดจารีตไปเป็นเมีย ก็รีบ ๆ หนีไปเสีย ประเดี๋ยวก็ได้ลูกคนอื่นไปเลี้ยงหรอก”

“หมู่บ้านเราไม่น่าให้คนเช่นนี้อยู่เลย อัปมงคลนักไปที่ใดก็พาคนอื่นซวย ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดเภทภัยอะไรขึ้นบ้าง ช่างน่ารังเกียจนัก”

นอกจากนางเหลียงซูและบุตรสาวแล้ว ยังมีเหล่าแม่บ้านคนสนิทของนางซูช่วยกันสาดคำพูดไม่ดีใส่ไป๋เหลียนให้ต้องอับอาย เมื่อไม่กี่วันก่อนคนในหมู่บ้านเห็นนางเข้า ๆ ออก ๆ หอนางโลมฮวาเหมยเป็นว่าเล่น เล่าลือกันว่าเข้าไปเพราะรับงานขายเรือนร่างแลกเงิน พานทำให้คนในหมู่บ้านไม่พอใจ เตรียมจะขับไล่ออกไปให้พ้นอีกไม่ช้า

เมื่อได้ฟังคำพูดทับถมใส่ร้ายไม่เป็นความจริง ทำเอาหญิงสาวถึงกับกำมือแน่น ทนเงียบต่อไปไม่ได้แล้วหากไม่ได้เอาคืนคงได้นอนไม่หลับแน่ หมายจะสาดคำพูดเจ็บแสบเอาคืนพวกนั้นบ้าง ทว่าก็ต้องหยุดเมื่อถูกมือหนาจับดึงไว้เสียก่อน พร้อมกับแทรกกลางระหว่างไป๋เหลียนและผู้เข้ามาหาเรื่อง ใช้ตัวสูงใหญ่ของเขายืนบังไว้แทน

“ข้าเป็นใครไม่สำคัญหรอกขอรับ พวกเราคบหากันนานแล้วแต่เพิ่งตัดสินใจอยู่กินด้วยกัน ประเดี๋ยวก็จะย้ายไปที่อื่นแล้ว ความหวังดีของพวกท่านกองไว้ตรงนั้นเถอะขอรับ ข้าไม่รบกวนให้ใครเป็นห่วง” ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น ก่อนจะแสดงถึงความอ่อนโยนและทะนุถนอมหญิงคนรัก โอบกอดพานางกลับบ้านพร้อมกับกำชัยชนะไว้ในมือ

“แถวนี้มดแมลงเยอะนักประเดี๋ยวข้าจะเผลอเหยียบเอาได้ ไม่อยากทำบาปทำกรรม น้องหญิงเรากลับบ้านกันเถอะ”

“เจ้าค่ะท่านพี่”

น้ำเสียงนุ่มนวลเนิบช้าทว่าเน้น ๆ ทุกคำ ทำเอาคนทั้งหมู่บ้านถึงกับหน้าชาไปตาม ๆ กัน แต่ละคนถึงกับหน้าม้านไม่นึกว่าจะถูกด่ากลับเช่นนี้ ทว่ากว่าจะนึกคำโต้ตอบได้พวกเขาก็เดินไปไกลเสียแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   59: ทูตมากเล่ห์ [2]

    “ในที่สุดก็ถึงเวลานี้เสียที ซิงเยี่ยนมาหาข้า” หัวหน้าคณะทูตกวาดสายตามองทุกคนพร้อมกับกระตุกยิ้ม ทว่าผู้ที่เขาหมายตาอยากจะแก้แค้นมากที่สุด บังอาจมาหยามหน้าตนต่อธารกำนัลจะไม่เอาคืนได้อย่างไรข้างกายเตี่ยซำฮวงก็ยังมีโส่วฮุ่ยผู้ร่วมขบวนการ อำมาตย์งูพิษยืนทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ภูมิใจที่ตนมีส่วนช่วยให้งานครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดีเมื่อกายหนาของอ๋องผู้สูงศักดิ์ก้าวออกมาตามคำสั่งด้วยสายตาเหม่อลอย บัดนี้เขาไม่เหมือนคนปกติ ดวงตาเลื่อนลอย เพียงแค่ได้ยินคำสั่งจากเตี่ยซำฮวงก็ไม่อาจขัดขืน ยอมทำตามคำสั่งได้อย่างไม่มีข้อแม้“ข้าหรือก็นึกว่าจะแน่ เจ้าหนูคนอ่อนประสบการณ์เช่นเจ้าจะไปสู้จิ้งจอกอย่างข้าได้หรือ ช่างไม่รู้จักเจียมตัว แล้วข้าจะให้เจ้าเห็นว่าคนจริงเขาทำกันอย่างไร ฮ่า ๆ” ทูตเฒ่าตบเบา ๆ ข้างแก้มอ๋องหนุ่ม ก่อนจะออกคำสั่งอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่ปลายเท้าของตน “คุกเข่า”ปึก!เพียงแค่ประโยคเดียวกายหนากลับคุกเข่าลงอย่างว่าง่าย ไม่เหลือคราบอ๋องผู้เกรียงไกรกรำศึกมาทุกสนามรบ การกระทำของซิงเยี่ยนพานทำให้คนทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน ไม่คิดว่าจะจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้“ไม่นึกว่าจะง่ายดายเช่นนี้นะขอรับ” โส่วฮุ่ยกล

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   58: ทูตมากเล่ห์ [1]

    แม้จะเกิดเรื่องราววุ่นวายหลายอย่าง กระนั้นทุกอย่างกลับผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกอย่างดูฉุกละหุกไปหมดแต่ก็สามารถทำขึ้นมาใหม่ได้ทันเวลา แม้จะไม่หวือหวาเหมือนดั่งตอนแรกแต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว“คณะทูตแคว้นฉู่มาถึงแล้ว”เสียงประกาศจากคนเฝ้าประตูด้านนอก ทำให้คนที่คอยท่าอยู่ในห้องรับรองต่างลุกขึ้นยืนรอต้อนรับเหล่าคณะทูตแคว้นฉู่ต่างพากันเดินเรียงรายเข้ามาถึงโถงด้านใน สองฝ่ายประจันหน้าต่างฝ่ายต่างก็หยั่งเชิงซึ่งกันและกัน ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากทักทายกัน ยกเว้นก็แต่อำมาตย์โส่วฮุ่ยทั้งนอบน้อมและคอยเอาอกเอาใจฝ่ายตรงข้ามอย่างออกหน้าออกตา“ท่านทูตพวกท่านเดินทางกันมาเหนื่อย ๆ เชิญพักชมการแสดงดื่มกินให้สุขสำราญเถิดขอรับ” อำมาตย์โส่ววิ่งรอกจากตรงนั้นไปตรงนี้ให้วุ่น ไม่แม้แต่จะสนใจบุคคลสำคัญของแคว้นตนเองเลยสักนิด“อืม ดี จัดการได้ดี ไม่นึกว่าแคว้นที่เอาแต่ทำศึกติดต่อกันมานานจะคงมั่งคั่งถึงเพียงนี้ แต่ก็เทียบกับแคว้นฉู่เราไม่ได้ละนะ ของพวกนี้ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น” หัวหน้าคณะทูตแคว้นฉู่ เตี่ยซำฮวง วางท่าโอ้อวดเปรียบเทียบทั้งสองแคว้น มิหนำซ้ำเขายังกล่าวกระทบกระทั่ง คล้ายจะชื่นชมแต่กลับดูแคลนอยู่ในที“งานนี้

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   57: ยากล่อมประสาท [2]

    “เจ้าเข้ามาวุ่นวายอะไรที่นี่ ท่านแม่ทัพมิได้บอกหรือว่านี่คือเขตหวงห้ามคนนอกห้ามเข้าน่ะ” โส่วฮุ่ยไม่คิดจะให้เกียรติสตรีตรงหน้า เขามองว่าก็แค่สตรีชาวบ้านไร้ชาติตระกูล ยกตนขึ้นมาเป็นฮูหยินแม่ทัพได้คงไม่พ้นใช้เรือนร่าง ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องใส่ใจ“ข้าก็แค่เห็นว่าพวกนางแต่งกายงามนัก จึงอยากจะเข้ามาชื่นชมสักหน่อยเจ้าค่ะ”“เฮอะ! สตรีบ้านนอกไร้ชาติตระกูลก็เช่นนี้ ออกไปได้แล้ว อย่าได้มาก่อความวุ่นวายให้คนอื่น”“อย่างไรเสียท่านผู้นี้คือฮูหยินท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ อย่างไรก็ควรให้ความเคารพกันบ้าง” หลิวซือซือทนไม่ได้กับความไร้มารยาทของอีกฝ่าย อย่างไรแม่นางไป๋เหลียนก็เป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพก็ควรจะให้เกียรติกันบ้าง“พอเถอะซือซือ” หญิงสาวรีบปรามไม่ให้หลิวซือซือ ยามนี้ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ “ต้องขออภัยที่ข้าถือวิสาสะเข้ามาเอง เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”“แต่ว่าฮูหยิน เราจะยอมง่าย ๆ เช่นนี้หรือเจ้าคะ”“ช่างเถอะข้าไม่ได้สนใจ” ที่นางมิได้ใส่ใจคำตำหนิ ก็เพราะตัวนางเองก็มิได้มีชาติตระกูลจริง ทั้งตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาต่อปากต่อคำไร้สาระ เรื่องถุงหอมมีพิษสำคัญกว่า“ก็แค่สตรีที่เอาเรือนร่างเข้าแลก มีค่าอะไร

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   56: ยากล่อมประสาท [1]

    พักอยู่เมืองหน้าด่านมาก็หลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันที่คณะราชทูตแคว้นฉู่เดินทางมาถึงเมืองหน้าด่าน ขบวนของพวกเขานั้นยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา สมกับเป็นแคว้นที่กำลังรุ่งเรืองในเรื่องการค้า แม้จะขึ้นชื่อเรื่องการค้าทว่ากลับอ่อนด้านฝีมือทหาร ที่ยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะความมากเล่ห์ จึงไม่แปลกที่แคว้นฉู่มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองจะต้องเป็นต่อแคว้นเป่ยแคว้นฉู่จึงใช้การแลกเปลี่ยนเพื่อหวังจะได้เปรียบไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง พวกเขาเสนอของมีค่ามากมายเพื่อทำข้อตกลงในการใช้เส้นทางสายไหมของแคว้นเป่ยส่งสินค้า แคว้นเป่ยที่ขาดทรัพย์เพื่อมาฟื้นฟูแว่นแคว้นจึงได้ตกปากรับคำ โดยลดค่าผ่านทางให้แคว้นฉู่หนึ่งในสามส่วนที่ต้องจ่ายในแต่ละปีดังนั้นของที่อยู่บนเกวียนม้ากว่าสามสิบคันรถ พร้อมกับคนคุ้มกันห้าร้อยนายกำลังเคลื่อนขบวนสู่ประตูเมือง ล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่ามหาศาล ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันตื่นเต้น ดีอกดีใจที่พวกเขาจะไม่ต้องอดตายในยามศึกสงครามเช่นนี้บัดนี้จวนแม่ทัพกำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมต้อนรับเป็นการใหญ่ คนในเรือนคึกคักตื่นเต้นที่ได้รับโอกาสจัดงานใหญ่ครั้งแรก มีเพียงไป๋เหลียนที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย นา

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   55: หน้าด่านฉู่เจียง [2]

    ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มตอนนี้ ไม่มีสตรีใดเข้ามาแทนที่ไป๋เหลียนในใจเขาได้อีกแล้ว และยิ่งได้รู้ว่าคนที่มีสัมพันธ์กับตนในคืนนั้นก็คือนาง เพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันทั้งนั้นการกระทำของไป๋เหลียนคนก่อนเขาจะให้อภัย แม้ความผิดนางมากนักทว่าความดีที่ทำให้เขาได้พบรักแท้ ถือว่าทุกอย่างลบล้างกันได้ก๊อก ๆ ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังหวานชื่นกันนั้น กลับมีคนเคาะประตูขัดจังหวะเข้าพอดี สองร่างดีดตัวออกห่างกันอย่างรวดเร็ว ได้แต่นึกเสียดายที่มีคนมาขัดช่วงเวลาสำคัญ“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพ ข้านำของว่างมาให้เจ้าค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงคนด้านนอกช่างคุ้นหูนัก ทว่าเมื่อประตูถูกเปิดออกไป๋เหลียนจึงกระจ่างแล้วว่าน้ำเสียงอันคุ้นหูคือผู้ใดหลิวซือซือพร้อมหญิงรับใช้อีกสองคนยกของเข้ามาในห้อง นางเผยยิ้มกว้างเมื่อเห็นผู้มีพระคุณ การได้มาอยู่ที่นี่คือวาสนาของนางแล้ว ทั้งสะดวกสบายและมีคนให้เกียรติ ราวกับเป็นโลกใบใหม่ที่เพิ่งได้เคยสัมผัส“ซือซือเป็นเช่นไรบ้าง เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”“สบายดีเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเหมือนได้รับชีวิตใหม่เลยเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนบุญคุณท่านทั้งสอง ได้โปรดให้ข้า

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   54: หน้าด่านฉู่เจียง [1]

    หลังจากพักอยู่เมืองเจียงเป่ยหนึ่งคืน รุ่งสางคนทั้งสี่ก็ได้ออกเดินทางกลับเมืองหน้าด่านฉู่เจียงทันที เมื่อรู้แล้วว่าผู้ใดคือหนอนบ่อนไส้ คอยแฝงตัวได้อย่างแนบเนียน เรื่องนี้สำคัญมากซิงเยี่ยนจึงสั่งให้จิ้งกังเป็นผู้ส่งสารให้ถึงมือฝ่าบาทด้วยตนเองอนึ่งเพื่อให้ฝ่าบาทได้วางแผนตั้งรับได้ทันท่วงที พร้อมกับเสนอให้แสร้งทำเป็นเห็นดีเห็นงาม เมื่อได้โอกาสจึงค่อยตลบหลังพวกแคว้นฉู่ในตอนที่พวกมันชะล่าใจหลังจากจิ้งกังตะบึงม้าแยกตัวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง คนที่เหลือจึงกลับไปรอที่เมืองหน้าด่าน ทว่ากว่าจะไปถึงไป๋เหลียนก็ถึงกับโอดครวญ เป็นครั้งแรกที่นางอยู่บนหลังม้ากว่าครึ่งค่อนวัน ร้าวระบมไปหมดโดยเฉพาะก้นของนาง ที่ต้องกระแทกกับอานม้าเป็นเวลานานดีที่การเดินทางครั้งนี้นางอ้อนขอให้หลี่มู่กวาสอนขี่ม้า เพื่อว่าในภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องคอยเป็นภาระผู้อื่น ซิงเยี่ยนเห็นว่ายังพอมีเวลาไม่ต้องเร่งรีบ จึงอนุญาตให้สหายสอนภรรยาขี่ม้าตามต้องการ ด้วยทั้งสองเมืองห่างกันไม่ไกลนัก หากปล่อยม้าเดินเอื่อย ๆ อย่างมากก็ใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม หรือถ้าวิ่งเหยาะ ๆ ก็คงถึงเมืองหน้าด่านค่ำพอดีเมื่อมาถึงเมืองหน้าด่านฉู่เจียง ทุกคนต่างแยกย้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status