แชร์

69: ทดสอบพิษ [2]

ผู้เขียน: Tuk Kung
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-29 15:46:30

“อย่างไร”

“ใต้เท้าเตี่ยซำฮวงแสร้งป่วยเพื่อถ่วงเวลานับเป็นเรื่องดี เราพอมีเวลาเชิญคนสำคัญแคว้นข้างเคียงเรามาร่วมงานพอดี อย่างไรเสียแคว้นซ่งและแคว้นฉู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน หากเราดึงมาเป็นพวกได้ก็จะดีไม่น้อย” ซิงเยี่ยนคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว หากแต่เขาไม่มีเวลามากพอจะดึงแคว้นข้างเคียงเข้ามาร่วมวงได้ ไม่คิดว่าการเปลี่ยนของปลอมของไป๋เหลียนจะช่วยได้ถึงเพียงนี้

“ทูลเสด็จพ่อ ลูกเห็นด้วยกับความคิดของเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ ยิ่งเรามีคนกลางมาร่วมด้วยมากเท่าไร ก็จะเป็นการดีสำหรับเรามากเท่านั้น พวกเขาจะเป็นพยานและกางปีกปกป้องเราโดยที่เราไม่ต้องร้องขอพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทกล่าวเสริม สิ่งที่ซิงเยี่ยนต้องการสื่อตนเข้าใจดี

อนึ่งหากไม่มีคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะเปิดโปงพวกนั้นได้ ทว่าก็ไม่อาจรอดพ้นข้อกล่าวหาผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยได้ แต่ถ้าหากให้คนเหล่านั้นได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ก็จะกลายเป็นว่าไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่อยู่นิ่ง ๆ ก็จะมีคนกำจัดให้เอง

“อืม... ความคิดของพวกเจ้าดียิ่ง เช่นนั้นเราจะร่างสาส์นเดี๋ยวนี้”

“เสด็จพ่อ ลูกมีอีกเรื่องที่อยากจะเสนอพ่ะย่ะค่ะ”

“ว่ามา” ซิงเสวียนจงรอฟังอย่างตั้งใจ ตนยังรู้สึกข้องใจเกี่ยวกับสตรีผู้นี้อยู่มาก แม้จะเป็นฮูหยินของแม่ทัพหลี่ทว่านางมีความสำคัญอย่างไร ถึงได้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย

“ลูกขอเสนอให้นางเป็นผู้ทดสอบพิษพ่ะย่ะค่ะ”

“ซิงเยี่ยนเรารู้ว่าเจ้าเป็นห่วง แต่ว่านางเป็นฮูหยินของแม่ทัพหลี่จะให้มาเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ข้าก็เห็นด้วยกับเสด็จพ่อ ผู้ทดสอบพิษมิใช่ว่าจะเป็นกันง่าย ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทเองก็ไม่เห็นด้วย กระนั้นก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ เหตุใดแม่ทัพหลี่ถึงได้ไม่ห้ามปรามทั้งที่ก็เป็นงานอันตรายออกปานนั้น

“ไป๋เหลียนนางมีความสามารถพิเศษ ไม่ต้องดื่มหรือกินก็สามารถรู้ได้พ่ะย่ะค่ะ ลูกเห็นว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากใช้ความสามารถของนางพ่ะย่ะค่ะ”

ทุกสายตาต่างมองไปที่ไป๋เหลียนอย่างเคลือบแคลงใจ คนเราถ้าไม่ลิ้มรสดมกลิ่นจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งใดมีพิษหรือไม่มีพิษ หากทำได้ถึงเพียงนั้นก็คงเป็นผู้วิเศษแล้ว

“ฝ่าบาทภรรยาของกระหม่อมทำได้จริงพ่ะย่ะค่ะ และได้โปรดช่วยเก็บความสามารถนี้ไว้เป็นความลับได้หรือไม่”

“แม่ทัพหลี่วางใจเถอะ หากฮูหยินเจ้าทำได้จริงเรารับปากจะเก็บไว้เป็นความลับ” ซิงเสวียนจงยอมรับปาก แคว้นเขามีผู้มีความสามารถถึงเพียงนั้น มีหรือตนจะป่าวประกาศให้ผู้อื่นเข้ามาแย่งชิง

“เช่นนั้นกระหม่อมจะแสดงให้ดูนะพ่ะย่ะค่ะ นี่คือยาพิษไร้สีไร้กลิ่นมีฤทธิ์รุนแรง แม้เพียงหยดลงพื้นก็จะเกิดการกัดกร่อนทันที”

หลี่มู่กวาใช้ผ้าปิดตาไป๋เหลียนไว้ก่อน จากนั้นเขาได้เทยาพิษลงผสมกับน้ำชาในถ้วยที่ถูกจัดเตรียมไว้ ถ้วยชา ถ้วยชาทั้งห้าจะมีทั้งน้ำเปล่าและถ้วยที่ผสมพิษลงไป เมื่อทุกอย่างถูกจัดเตรียมเสร็จสิ้น ชายหนุ่มจึงเปิดผ้าปิดตาภรรยาออก

“น้องหญิงเจ้าจงเลือกถ้วยชาที่ผสมพิษออกมาทั้งหมด”

“เจ้าค่ะ”

ร่างบางก้าวออกมาข้างหน้า พร้อมกับเลือกถ้วยชาที่นางเห็นแล้วว่ามีพิษ ซึ่งไป๋เหลียนเลือกออกมาทั้งหมดสี่ถ้วยได้ถูกต้อง เมื่อเทลงพื้นจากน้ำชาธรรมดากลายเป็นพิษร้ายกัดกร่อนเกิดเป็นฟอง กัดพื้นไม้เสียจนทะลุเกิดรูโหว่

“เยี่ยม ดีมาก ข้าเพิ่งเคยเห็นคนมีความสามารถเช่นนี้เป็นครั้งแรก” จักรพรรดิซิงเสวียนจงตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น เชื่อว่าความสามารถเช่นนี้ไม่มีใครทำได้แน่นอน

แม้แต่รัชทายาทก็ได้แต่ยืนอึ้งพูดไม่ออก นางสามารถมองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วหรือว่ามีพิษ ช่างเป็นสตรีที่วิเศษอะไรเช่นนี้ น่าเสียดายที่แม่นางไป๋เหลียนเป็นคนของแม่ทัพหลี่ไปแล้ว มิเช่นนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยเป็นแน่

“รัชทายาทได้โปรดอย่ามองภรรยาของกระหม่อมเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” หลี่มู่กวาพูดเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะดึงตัวภรรยากอดไว้ไม่ยอมปล่อย

“เราไม่แย่งเจ้าแน่นอนไม่ต้องห่วง” รัชทายาทจำต้องถอยหนี ไม่มีเรื่องกับแม่ทัพหลี่จะดีต่อตำแหน่งเขามาก หากคนผู้นี้ย้ายฝั่งเมื่อใดก็ไม่แน่ว่ารัชทายาทอาจจะไม่ใช่เขาอีกต่อไป

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสำคัญ ฮ่องเต้ซิงเสวียนจงสั่งให้ราชเลขาจัดการส่งสาส์นเชิญออกไป โดยร้องขอให้พวกเขามาร่วมเป็นสักขีพยานในข้อตกลงสงบศึกครั้งนี้ พร้อมกับยื่นข้อเสนอลดค่าผ่านทางในการขนส่งผ่านเส้นทางสายไหมจำนวนครึ่งหนึ่ง หากว่าพวกเขายอมช่วยในกาลครั้งนี้อีกด้วย

เมื่อสาส์นนี้ถูกส่งออกไปอย่างลับ ๆ ทันทีที่ได้รับสาส์นจากจักรพรรดิแคว้นเป่ย บรรดาคนสำคัญต่างพากันตกปากรับคำ พร้อมกับเร่งออกเดินทางเป็นการด่วน นอกจากได้รับชมเรื่องสนุกก็ยังได้รับประโยชน์ในกาลครั้งนี้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   83: ลำบากน้องหญิงแล้ว [2]

    ชายหนุ่มรู้สึกผิดปกติกับกลิ่นกำยาน ยิ่งสูดดมเข้าไปก็ยิ่งมีความต้องการมากขึ้น เขาจึงทำลายโถกำยานนั่นเสีย แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป เมื่อตัวเขาเองก็ยากจะควบคุมร่างกายและความรู้สึกได้แล้วร่างบางถอดชุดตนเองออกอย่างเร่งรีบไม่รับฟังสิ่งใดทั้งนั้น ปากหรือก็คอยรับจูบจากคนตัวโตได้อย่างช่ำชอง อารมณ์กำหนัดของคนทั้งสองกำลังพุ่งทะยานขึ้นสูงถึงขีดสุด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เคยมีบัดนี้กลับเลือนหาย รู้เพียงว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้กายเบื้องล่างสงบลงด้วยเพราะเป็นเวลากลางวัน แสงจากด้านนอกลอดผ่านช่องระบายจึงทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไรได้ชัดเจน สองกายเปลือยเปล่าโผเข้าหากันอย่างหื่นกระหาย กอดตวัดเกี่ยวพันเต็มไปด้วยไฟแห่งราคะไม่มีที่สิ้นสุด“อ้าส์ ท่านพี่ ข้าขออีก ไม่พอ ข้าอยากได้มันอีก”แม้ยามนี้นางจะกลืนกินแก่นกายเนื้อเข้าไปจนมิดด้ามแล้วก็ตาม ทว่าความรู้สึกภายในมันกลับบอกว่าไม่เพียงพอ ทั้งยั่วทั้งบดอย่างที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะกล้าทำแต่ก็ทำ เร่งเร้าให้อีกฝ่ายออกแรงกระแทกมากกว่านี้“อ้าส์...พี่ พี่ไม่อยากให้เจ้าเจ็บ” ชายหนุ่มขบกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ให้ได้มากที่สุด ดูเหมือนว่าตัวเขาเองจะอาการหนักมากกว่าค

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   81: แผนการเดิม ๆ [2]

    หว่านปิงที่ยืนแอบอยู่มุมอับประตูได้แต่กำหมัดแน่น ไม่เคยโกรธและเกลียดใครได้เท่าไป๋เหลียนมาก่อนในชีวิต นับตั้งแต่สตรีผู้นี้เข้ามาความใส่ใจที่เคยได้รับก็ถูกดึงไปจดหมด แม้แต่กิจการร้านค้าก็ยังยกให้มันแต่ตนกลับไม่ได้อะไรเลย วัน ๆ ได้แต่แสร้งปั้นหน้าเอาใจยายแก่หนังเหนี่ยวเสียจนน่าเบื่อแล้วข้าเล่า....ข้าควรเป็นคนที่ได้สิ่งเหล่านั้นทั้งหมด ไม่ใช่เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงเดือนหว่านปิงกลับไปที่ห้องตนเองด้วยความรู้สึกเจ็บแค้น นางเริ่มคิดวางแผนกำจัดสะใภ้บ้านนอกให้เร็วที่สุด ก่อนที่สมบัติทั้งหมดในจวนจะไม่เหลือให้ตนสักชิ้น วันรุ่งขึ้นเจ้าตัวอาศัยช่วงเวลาที่ฮูหยินหลี่ออกไปพบปะสหาย ลงมือทำตามแผนทันทีบุตรสาวจวนแม่ทัพเข้าครัวแต่เช้า ลงมือเคี่ยวน้ำแกงไก่ด้วยตนเองทั้งยังพูดปาว ๆ ว่าที่ทำไปนั้นก็เพื่อบำรุงพี่ชายและพี่สะใภ้ เพราะนางนั้นอยากจะเป็นท่านอาเต็มทนบ่าวไพร่ที่ได้ยินดังนั้นก็พากันกระซิบกระซาบ พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ คุณหนูหว่านปิงช่างน่ารักเหลือเกิน อยากได้หลานถึงกับลงมือทำของบำรุงด้วยตนเองไฉนเลยบ่าวไพร่ความรู้น้อยจะรู้เหตุผลที่แท้จริง น้ำแกงไก่หม้อนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรแล

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   80: แผนการเดิม ๆ [1]

    บทสรุปของเรื่องราวครั้งนี้ จบลงด้วยการที่แคว้นฉู่ถูกเรียกร้องให้จ่ายค่าทำขวัญ และรับผิดชอบที่คณะทูตใช้กลอุบายเล่นสกปรก เพื่อหวังจะให้แคว้นเป่ยยกเส้นทางสายไหมให้แคว้นฉู่สามารถใช้ร่วมกันได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านทางใด ๆ รวมไปถึงต้องการให้ยินยอมรับข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรมอีกหลายอย่างแม้คณะทูตแคว้นฉู่จะพยายามแก้ตัวอย่างไร ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ด้วยครั้งนี้มิใช่เพียงเรื่องความบาดหมางของทั้งสองแคว้น มันกลับพ่วงไปถึงแคว้นซ่ง พวกเขาถูกลากมาเกี่ยวข้องด้วยก็เพราะเตี่ยซำฮวงเคยใช้พิษหลอนประสาท ซึ่งเป็นพิษขึ้นชื่อของแคว้นซ่ง เพื่อหวังให้ทั้งสองฝ่ายแตกคอกันการกระทำอันหยาบช้า ยิ่งทำให้มีความผิดมากเท่าทวีคูณ แม้จะปฏิเสธก็ยากแล้วเมื่อทางแคว้นเป่ยมีทั้งพยานและหลักฐานมัดตัววันรุ่งขึ้นได้มีคำสั่งให้เหล่าคณะทูตพร้อมกับคนทรยศอย่างอำมาตย์โส่ว ถูกขับไล่ออกจากแคว้นทันที เตี่ยซำฮวงจึงได้รู้ในตอนนั้นเองว่าไม่มีผู้ใดทรยศพวกเขาทั้งนั้น ที่พ่ายแพ้ย่อยยับมันเป็นเพราะพวกเขามั่นใจตนเองเกินไป โดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกซ่อนแผนมาตั้งแต่แรกเมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่คนภายนอก แคว้นฉู่ถูกประณามไม่มีชิ้นดี ด้วยแรงกดดันอันม

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   79: พลาดหนึ่งครั้งสะเทือนทั้งแคว้น [3]

    “นี่มันอะไรกันฝ่าบาท คราวนี้พระองค์จะแก้ตัวอย่างไร โหดเหี้ยมนักถึงกับวางยาพวกเราเชียวหรือ เช่นนั้นสัญญาเมื่อครู่ถือว่าเป็นโมฆะ ต่อไปนี้แคว้นฉู่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ได้โปรดทุกท่านในที่นี้ให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วย อย่าได้ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล” เตี่ยซำฮวงได้ทีรีบหาพรรคพวกเป็นการใหญ่ แสร้งทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำ หวังพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ“เจ้ากล่าวหาเราเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ใต้เท้าเตี่ยเจ้ามีหลักฐานหรือว่าเราเป็นผู้กระทำ”“ฝ่าบาทยังจะแก้ตัวอีกหรือ ใคร ๆ ก็เห็นหลังจากทูตของเราดื่มสุราเขาไปก็กระอักเลือดออกมาทันที ทุกท่านในที่นี้ล้วนเป็นพยาน”“ฝ่าบาทมิใช่ว่าพวกกระหม่อมปรักปรำพระองค์แต่อย่างใด แต่หากพระองค์ไม่มีหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ พวกเราก็จนใจไม่อาจอยู่ข้างพระองค์ได้พ่ะย่ะค่ะ” ซีหยางอ๋องแห่งแคว้นฉานลุกขึ้นออกความคิดเห็น พวกเขาเป็นมิตรอันดีกับแคว้นเป่ยมาช้านาน ทว่าจะให้หลับหูหลับตาเข้าข้างอย่างเดียวก็มิใช่เรื่อง ด้วยเกี่ยวพันไปถึงชื่อเสียงด้วยเช่นกัน“กระหม่อมเห็นด้วยกับซีหยางอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายเก้าแคว้นซ่งกล่าวเสริมทัพ แม้จะรู้สึกสะใจไม่น้อยกระนั้นก็ไม่สามารถแสดง

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   78: พลาดหนึ่งครั้งสะเทือนทั้งแคว้น [2]

    เมื่อตรวจสอบแล้วว่าอาหารและเครื่องดื่มของเหล่าบุคคลสำคัญไม่มีพิษปนเปื้อน หญิงสาวจึงพยักหน้าให้เหล่านางกำนัลลำเลียงอาหารและเครื่องดื่มออกไปได้ เพียงเท่านี้เหล่าเชื้อพระวงศ์จึงได้ดื่มกินกันอย่างวางใจหลังจากดื่มกินชมการแสดงได้สองบทเพลงจึงได้เวลาสำคัญ คณะทูตแคว้นฉู่ก้าวออกมายืนตรงกลางลานต่อหน้าพระพักตร์ ด้านหลังพวกเขาล้วนเป็นของที่นำมาบรรณาการแลกเปลี่ยนทั้งสิ้น ในมือของเตี่ยซำฮวงผู้เป็นหัวหน้าคณะก็ยังมีกล่องไม้รูปทรงยาวขนาดหนึ่งฉื่อ (1ฉื่อ= 30.48 เซนติเมตร) ถืออยู่ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผู้เป็นนาย กำชับว่าต้องนำมาบรรณาการให้ถึงมือองค์จักรพรรดิให้ได้“ก่อนจะถึงเวลาสำคัญ กระหม่อมเตี่ยซำฮวงขอเป็นตัวแทนมอบของขวัญเล็กน้อยแก่ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีเฒ่าส่งกล่องไม้ให้กงกงน้อย ของด้านในไม่ใช่ของมีค่าอะไร เป็นเพียงแค่ม้วนภาพวาดของพระสนมกุ้ยเฟย มีศักดิ์เป็นพระขนิษฐาองค์จักรพรรดิแคว้นเป่ย แต่งเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีเมื่อหลายสิบปี ท่านอ๋องตั้งใจใช้สื่อในเชิงข่มขู่จักรพรรดิซิงเสวียนจงทันทีที่ได้รับกล่องไม้องค์จักรพรรดิซิงเสวียนจงได้เปิดออกดูต่อหน้าธารกำนัล พระองค์ก็ถึงกับเบิกตากว้างหัวเราะอย่างชอบใจ

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   77: พลาดหนึ่งครั้งสะเทือนทั้งแคว้น [1]

    “ผู้ช่วยเหล่าเปียวสั่งกำชับทุกคนดีแล้วใช่ไหม” หลังจากที่แกล้งป่วยเพื่อถ่วงเวลา บัดนี้เตี่ยซำฮวงพร้อมแล้วที่จะดำเนินการต่อให้จบ ท่านอ๋องทรงเร่งให้เขาจัดการให้เรียบร้อย ก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงฟื้นคืนสติ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ลงแรงมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า“เรียบร้อยขอรับ ยาถอนพิษอยู่ที่ข้าน้อย ใต้เท้าต้องรีบจัดการให้จบเรื่องภายในสี่ชั่วยามนะขอรับ ไม่เช่นนั้นข้าน้อยได้ตายจริง ๆ เป็นแน่” เหล่าเปียวไม่ลืมที่จะกำชับเจ้านาย หากว่าเกินสี่ชั่วยามไปแล้วแม้มียาถอนพิษก็ช่วยอะไรไม่ได้ เขาเองก็กลัวตายเช่นกัน“รู้แล้วน่า ถ้าเจ้าไม่รอดข้าก็ไม่รอดเหมือนกัน ”ระหว่างเดินทางไปยังอุทยานหลวงซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เสนาบดีเตี่ยซำฮวงมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย แม้ว่าจะวางแผนมาแล้วเป็นอย่างดีแต่อะไรก็ไม่แน่นอน ทุกอย่างล้วนเหนือความคาดหมายได้ทุกเมื่อท่ามกลางลานกว้างอุทยานหลวง ผู้คนกำลังหลั่งไหลกันเข้ามาไม่หยุด เหล่าเสนาอำมาตย์และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างตั้งตารอช่วงเวลาสำคัญ ส่วนบนแท่นบัลลังก์ด้านบนสูงสุดคือที่ประทับขององค์จักรพรรดิ ลดหลั่นกันลงมาก็ที่นั่งสำหรับเชื้อพระวงศ์และบุคคลสำคัญ“ฝ่าบาทเสด็จ”เสียงก้องกังวานของกงกงน้อยดั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status