บทที่ 116 : อาอี้พวกเราได้เป็นพ่อแม่ของจวี่เหรินแล้ว ณ อำเภอหยาง ครอบครัวของนางเจียง ต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของสองพี่น้อง ที่ต้องเจอโจรป่าระหว่างทางไปเมืองฉาง พากันปลอบขวัญพวกเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ นางเจียงถึงขั้นมอบเงินให้ทั้งคู่ เป็นการชดเชยส่วนที่ถูกปล้นไป จากนั้นสองพี่น้องก็เล่าเรื่องของหม่าซูเหวินในเมืองลี่หยาง นางเจียงมุมปากกระตุกอย่างไม่รู้สาเหตุ หลังได้ยินว่าหม่าซูเหวินอยู่กับตระกูลซ่งในเมืองลี่หยาง ฐานะร่ำรวยกว่าตอนที่อยู่ในอำเภอหยางเสียอีก “ร่ำรวยแล้วอย่างไร ให้ของขวัญเจ้ามาแค่ไม่กี่ตำลึงใช้ได้ที่ไหนกัน” จ้าวซื่อมองเงินก้นถุงที่บุตรชายทั้งสองได้รับ พร้อมเหยียดปากอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่พูดก็พูดเถอะ เรื่องของน้องซูเหวินนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเรา ต่อให้นางร่ำรวยก็คงไม่เผื่อแผ่มาให้พวกเราหรอก” หลินซื่อจากบ้านรองเอ่ยเตือนสติพวกเขา “ช่างนาง ๆ ข้าไม่อยากรู้เรื่องของนางแล้ว” รู้ไปนางเจียงก็มีแต่อิจฉาตาร้อน “แล้วได้เจ้าสองคนได้เจออาสามหรือไม่” นางหันไปถามหลานชายทั้งสอง หวงชุนฟงลอบสบสายตากับน้องชาย “ท่านย่าท่าน
บทที่ 115 : ฉีฉีเจ้ามีเงินเก็บไว้เยอะหน่อยก็ดี หวงจื่อเหยาหอบของกินมาวางลงบนโต๊ะของสองสาว จากนั้นก็พากันพูดคุยถึงคนบ้านใหญ่อย่างเมามัน อีกทั้งยังรบเร้าให้หลินลู่ฉีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองฉางให้ฟังอีกด้วย “ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะเจอเห็ดหลินจือ โชคดีจริง ๆ” หวงจื่อเหยาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน นางรู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวของหลินลู่ฉี “เพราะพวกเขาอยู่ใกล้ฉีฉีของพวกเราแน่ ๆ โชคลาภจึงส่งผลต่อพวกเขาด้วย” “พี่จื่อเหยาก็พูดไปเรื่อย” หลินลู่ฉีไม่อยากยอมรับ “อ้อ แล้วเรื่องภูเขาเสือหมอบเล่า” หวงจื่อเหยากระซิบถามเบา ๆ เพราะสองคนนั้นยังอยู่ข้างบนของร้าน “อะไร ๆ เหตุใดข้าไม่รู้เรื่องเลย” ซ่งอิ๋งอิ๋งกระซิบสุมหัวกับสหายด้วย หลินลู่ฉีคิดว่าการค้นพบเหมืองแร่เหล็กไม่ใช่ความลับในวันข้างหน้า ทว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยข้อมูล “ข้าขายไปแล้ว พวกเขาอยากขุดภูเขาหาสมบัติล้ำค่า” “ไอหยา ! ฉีฉีหากมีสมบัติล้ำค่าจริงเจ้าไม่ขาดทุนรึ” ซ่งอิ๋งอิ๋งร้องขึ้นด้วยความตกใจ “ไม่หรอก ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเจอหรือไม่
บทที่ 114 : เจ้าเด็กแสบนี่เหตุใดเอ่ยปากทีก็ปล้นเงินจากเจ้าไปได้ทุกครั้ง ระหว่างพักกินมื้อเย็นใต้ร่มไม้ข้างทาง รถม้าคันด้านหลังเลือกจอดพักจุดเดียวกัน เพียงแต่เป็นต้นไม้คนละต้น จงหยุนรู้สึกหวาดระแวงรีบเข้าไปหาหวงชาง สายตาของเขามีความไม่สบายใจเจืออยู่ หลินลู่ฉีจึงรีบอธิบายให้เขาเข้าใจ “ท่านลุงจงไม่ต้องเป็นห่วงไป รถม้าคันนั้นเป็นของนายท่านซุนกับนายท่านหยวน พวกเราเคยทำการค้าขายกันมาก่อน หนนี้พวกเขาจะเดินทางไปยังเมืองลี่หยางด้วย” “คนรู้จักกันหรอกหรือ เหตุใดไม่ทักทายกันเล่า” จงหยุนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจยิ่งนัก “พวกเขาไม่ชอบให้คนอื่นไปวุ่นวายด้วย ต่างคนต่างเดินทางดีแล้วเจ้าค่ะ” จงหยุนกลับไปบอกครอบครัวว่ารถม้าคันด้านหลัง เป็นนายท่านที่เคยทำการค้ากับตระกูลหวง ไม่ใช่คนร้ายแต่อย่างใด ให้วางใจเดินทางต่อได้ การเดินทางกลับเมืองลี่หยางใช้เวลาสิบวันเหมือนเดิม หลินลู่ฉีไม่ได้พูดคุยกับพวกซุนอี้หานอีกเลย ต่างคนต่างเดินทางจริง ๆ กระทั่งถึงเมืองลี่หยางต่างก็แยกย้ายกันไป ตระกูลจงเข้าพักที่โรงเตี๊ยมใกล้ ๆ กับร้านขนมซินอี๋ พวกเขาแวะไปทำความร
บทที่ 113 : เมื่อก่อนข้าก็เหมือนเจ้ากตัญญูจนลูกเมียลำบาก หลินลู่ฉีเป็นคนเขียนสัญญาด้วยตัวเอง ก่อนนำออกไปมอบให้ซุนอี้หานหน้าประตู หวงเป่าไม่ได้ตามออกไป เขากำลังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้หวงชางกับหวงจื่อถงฟังอย่างละเอียด “เจ้า ๆ บอกว่าภูเขาเสือหมอบของนาง ขายได้หนึ่งแสนตำลึงอย่างนั้นรึ” หวงจื่อถงคิดว่าตัวเองฟังผิดไป “ขอรับ แต่ว่าทางนั้นเขามีเงื่อนไขว่า ต้องขุดเจอแร่เหล็กก่อนถึงจะยอมจ่าย หากไม่เจอก็จะซื้อในราคาสองเท่าที่คุณหนูซื้อมาขอรับ” หวงเป่าเอ่ยอย่างตื่นเต้น “นางเป็นเด็กนำโชคจริง ๆ ต่อให้เจอหรือไม่เจอแร่เหล็ก นางก็ได้กำไรอยู่ดี” หวงชางหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เพราะเมื่ออายุครบสิบห้าปี หลินลู่ฉีก็ต้องสร้างครอบครัวของตัวเอง สมควรมีเงินทองมากเสียหน่อย “ท่านพ่อข้าไปดูนางดีหรือไม่” “ไม่ต้องหรอก นายท่านทั้งสองคนนั้นเคยทำการค้ากับฉีฉีมาก่อน พวกเขาค่อนข้างคุยด้วยยาก มีเพียงฉีฉีที่กล้าต่อรองกับพวกเขา เจ้าลืมไปแล้วหรือการค้าขายก่อนหน้า สุดท้ายแล้วผลประโยชน์ไปตกอยู่กับผู้ใด ใช่คนที่พวกเราจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้” ห
บทที่ 112 : อี้หานข้าว่าพวกเราไม่ต้องซื้อหรอกกลับกันเถอะ หลินลู่ฉีเลิกคิ้วเรียวงามขึ้นเล็กน้อย ภูเขาเสือหมอบที่นางถูกตาต้องใจ กลายเป็นสิ่งมีค่าที่ซุนอี้หานต้องการซื้ออย่างนั้นหรือ พวกเขาค้นพบอะไรในภูเขาลูกนั้นกันแน่ “ว่าอย่างไร อี้หานถามเจ้าอยู่” หยวนฉีหมิงเร่งรัดนาง “ข้าไม่ขาย” นางเอ่ยช้า ๆ เตะปลายเท้าไปมาอย่างไม่ใส่ใจ หยวนฉีหมิงกระทืบเท้าเร็ว ๆ “เจ้า ๆ จะไม่ขายได้อย่างไร” “นายท่านหยวน ภูเขาของข้าข้าไม่อยากขาย ท่านมีสิทธิ์อะไรมาบังคับ” นางกอดอกมองพวกเขา อย่างไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย ซุนอี้หาน “เจ้าซื้อมาเท่าไหร่ข้าให้ราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว” “สิบเท่าก็ไม่ขาย !” “เจ้า !” ซุนอี้หานต้องข่มใจไม่ให้บันดาลโทสะขึ้นมา ท่าทีของสองคนนี้แสดงออกว่า พวกเขาค้นพบสมบัติล้ำค่าในภูเขาลูกนั้นจริง ๆ หลินลู่ฉีต้องการกลับไปตรวจสอบดู ว่าพวกเขาพบเจอสิ่งใดกันแน่ “ต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะขายภูเขาเสือหมอบให้ข้า” ซุนอี้หานพยายามใช้น้ำเสียงไม่กระด้างมากนัก ทว่าแววตากลับดุดันคล้ายอยากฆ่าใครสักคน “นายท่านซุ
บทที่ 111 : โรงเตี๊ยมไม่มีรายชื่อพวกเขา บัณฑิตทั้งสองลืมตาตื่นขึ้นเพราะได้ยินเรื่องน่ายินดี ทั้งคู่รีบลุกขึ้นไปดูในห่อผ้าเช็ดหน้าของหลินลู่ฉี “แม้ว่าข้าไม่เคยเห็นเห็ดหลินจือสดมาก่อน แต่ตามตำราแล้วนี่ต้องใช่แน่ ๆ” จงซือหยางประคองผ้าเช็ดหน้าขึ้นดูใกล้ ๆ เขาสำรวจอย่างละเอียดแล้ว มั่นใจว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่าอย่างแน่นอน หวงจื่อถงเอ่ย “ข้าก็ว่าใช่ เห็ดหลินจือดอกใหญ่ขนาดนี้ ขายได้เป็นร้อยตำลึงแน่” “ร้อยตำลึง !” นางเผิงรีบปิดปากของตัวเองเอาไว้แน่น “รีบปิดห่อผ้าเช็ดหน้าเร็วเข้า อย่าพูดเสียงดังไป” จงซือหยางไม่อยากเป็นจุดสนใจของผู้คน เขาไม่คิดว่าน้องสาวจะนำพาโชคลาภมาให้ “พวกเรารีบกลับกันดีหรือไม่” เขาต้องการนำไปขายที่หอโอสถในเมืองฉาง “ดีเหมือนกันพวกเรารีบกลับกันเถอะ” หวงชางไม่อยากให้โชคลาภของพวกเขาหลุดลอยไป หากทิ้งระยะเวลาไว้นาน สมุนไพรอาจเสื่อมคุณค่าลงก็เป็นได้ ลูกพลับยังไม่ได้กิน แต่พวกเขารีบเก็บของเตรียมกลับกันแล้ว หลายครอบครัวไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อาจไปวุ่นวายกับผู้อื่นได้ ระหว่างทางที่กลับเข้าไปในเมืองฉาง จง