นางร้ายที่เคยโง่ไม่มีอีกแล้ว เมื่อนางร้ายตัวแม่ข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้แทน เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่เหมือนเนื้อหาเดิมอีก แต่ขอเลือกเส้นทางใหม่เพราะไม่ต้องการตายอย่างอนาถเหมือนในนิยาย!!
ดูเพิ่มเติมสุพิชญาหรือพลอย นางร้ายเบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย ขณะนี้กำลังนั่งอ่านนิยายเรื่องหนึ่งเพื่อฆ่าเวลา แต่ทว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งหงุดหงิด เมื่อนางร้ายของเรื่องกลับโง่จนไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบ
“เป็นนางร้ายแทนที่จะฉลาด แต่กลับโง่ถูกนางเอกของเรื่องจูงจมูก น่าเบื่อจริง” หญิงสาวพูดออกมาอย่างหงุดหงิด แต่ต่อให้จะพูดแบบนั้น เธอก็ไม่ยอมวางหนังสือนิยายลง แถมยังอ่านต่ออย่างออกรส
“พลอย เย็นนี้มีเลี้ยงปิดกล้อง เธอจะไปด้วยกันไหม” แก้วตาเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนนักแสดงกำลังอ่านนิยายเรื่องเดียวกันอยู่ ก็ถามออกมาอย่างแปลกใจ
“เธออ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันอ่านแล้วหงุดหงิดมาก นางเอกก็สตอทั้งสวน ส่วนนางร้าย เห้อ อย่าให้พูดถึงเลย” เธอพูดขึ้นพร้อมกับถอดหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“นั่นสิ ฉันอ่านแล้วก็หงุดหงิดเหมือนกัน ว่าแต่เมื่อตะกี๊เธอพูดอะไรนะ วันนี้มีเลี้ยงปิดกล้องเหรอ?” หญิงสาวพูดออกมาอย่างเห็นด้วยในเรื่องนิยาย และเธอก็ลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้ปิดกล้องแล้ว นั่นก็เป็นเพราะเธอยังไม่ทันได้เข้าฉากสุดท้ายเลย
“ก็ใช่น่ะสิ วันนี้ปิดกล้องแล้วจะมีงานเลี้ยงด้วย อย่าบอกนะว่าเธอลืมไปเสียแล้ว” แก้วตาถามกลับไปด้วยความมึนงง “ทั้งที่ผู้จัดแจ้งเมื่อวานว่าวันนี้จะมีกินเลี้ยงปิดกล้องกัน ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนขี้ลืมขนาดนี้” เธอพูดไปก็ค้อนใส่เพื่อนไปด้วย
“ฉันลืมไปเสียสนิทเลย มัวแต่อ่านนิยายอยู่นี่แหละ จะว่าไปเรื่องนี้ผู้เขียนเขาต้องการให้นางร้ายโง่และน่าสงสารขนาดนี้เลยเหรอ” สุพิชญาตอบกลับมาพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อคิดถึงคนเขียนนิยายเรื่องนี้ หากมีช่องทางการติดต่อ เธอคงจะถามแล้วล่ะว่า ทำไมถึงเขียนให้นางร้ายน่าสงสารเหลือเกิน
“ฉันคิดว่าคงเมาตัวหนังสือน่ะเลยเขียนบทสลับกัน นางเอกก็ร้ายลึกแบบแม่ดอกบัวขาวดี ๆ นี่เอง ส่วนนางร้ายก็โง่ โง่เสียจนน่าสงสาร” แก้วตาตอบออกมาตามความรู้สึกของตนเอง
ทั้งสองพูดคุยและสนทนากันเรื่องนิยายกันอย่างสนุกปาก เมื่อถึงเวลาที่สุพิชญาต้องเข้าฉากสุดท้าย ก็มีคนในกองเดินเข้ามาตามเธอ
“คุณพลอย ถึงเวลาเข้าฉากสุดท้ายแล้วค่ะ” คนของกองถ่ายบอกออกมาอย่างเป็นกันเอง
“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะแก้ว น่าเสียดายจังอ่านนิยายก็ยังไม่จบคุยกับเธอก็ยังไม่จบ แต่ต้องไปทำงานแล้ว เห้อ” พอเห็นว่าตัวเองถึงเวลาที่ต้องเข้าฉากแล้ว หญิงสาวก็เกิดความเสียดายเพราะอ่านนิยายไม่ทันถึงไหนเลย แล้วที่ตั้งใจจะคุยกับเพื่อนต่อ ก็พูดคุยอีกไม่ได้แล้ว จึงพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“อือ ไปทำงานก่อนเถอะ ยังไงเจอกันคืนนี้นะ ฉันเองต้องกลับก่อน คืนนี้ค่อยเม้าท์มอยในงานก็แล้วกัน” แก้วตาเองก็พูดออกมาอย่างเสียดายเหมือนกัน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนโบกมือให้เพื่อน ก่อนจะเดินออกมาจากกองถ่ายละคร เพราะเธอเองก็ถ่ายหมดทุกฉากแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เหลือแค่เพื่อนรักอย่างสุพิชญาหรือพลอยที่ต้องถ่ายฉากสุดท้ายของละครเรื่องนี้
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเจอกันคืนนี้นะ”
สุพิชญาหรือพลอยพูดขึ้นมาอย่างไม่คิดมากอะไร จากนั้นก็เดินไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้น เธอตั้งใจว่าถ่ายละครเรื่องนี้จบแล้ว จะไปพักผ่อนที่ต่างประเทศสักครึ่งเดือน แล้วค่อยกลับมาลุยงานต่อ ตอนนั้นละครเรื่องใหม่ก็ได้เวลาเปิดกล้องพอดี
“เห้อ...ในที่สุดก็ปิดกล้องเสียที” หญิงสาวพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับเดินบิดเอวออกมา หลังจากที่ถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“นั่นสิคะพี่พลอย หลังจากนี้อีกนานกว่าจะเจอกันอีก ถ้าเรื่องหน้าได้ทำงานด้วยกันอีกก็ดีน่ะสิ” คนในกองพูดอย่างเสียดาย เพราะทำงานมาก็หลายปี และเธอคิดว่าทำกับกองละครเรื่องนี้สนุกที่สุดแล้ว
“เอาน่า อยู่วงการนี้เดี๋ยวก็เจอกัน พี่ปัทอาจจะชวนพี่มาเล่นบทนางร้ายอีกก็ได้ เพราะพี่ร้ายได้สะใจดีใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ” สุพิชญาพูดออกมาคล้ายติดตลกเล็กน้อย ในใจก็หวังว่าจะให้ผู้จัดคนนี้จะจ้างงานเธออีก เพราะทีมงานนี้นิสัยน่ารักทุกคน
“ใช่ค่ะ พี่เล่นตีบทแตกมากเลย เล่นละครเก่งแบบพี่พลอยไงล่ะ ถึงมีแต่ผู้จัดต้องการตัว ว่าแต่ยังไงคืนนี้เจอกันที่งานเลี้ยงปิดกล้องนะคะ มาดื่มคลายเครียดกันหน่อย” ทีมงานในกองคนนี้พูดขึ้นมาอย่างสนิทสนมเพราะทำงานกันมานาน เธอโบกมือบ๊ายบายให้กับนางร้ายตัวแม่ ก่อนจะรีบเดินจากไปเพราะยังมีงานที่จะต้องทำอีก
บทส่งท้าย ฉันไม่ใช่นางร้ายที่โง่เขลาอีกแล้วหนึ่งเดือนต่อมา...วันนี้คือฤกษ์ดีของบ้านหลี่และบ้านหยาง แม้ว่าการย้ายเข้าบ้านใหม่นั้นจะเอาฤกษ์ที่สะดวก แต่สำหรับการเปิดร้านค้าทั้งสองร้านนั้น ย่าหลี่บอกว่าต้องดูวันที่ฤกษ์ดี ๆ เสียหน่อยเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เลยทำให้วันนี้เป็นวันเปิดร้านทั้งสองของพวกเขาวันนี้นายท่านเจียงถูกเชิญมาเป็นแขกผู้มีเกียรติ“ยินดีด้วยนะเฟยฟลง ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง หากมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยเหลือก็ไปบอกได้เลย ฉันถือนายเป็นน้องชายคนหนึ่ง หากใครคิดจะมีเรื่องกับนาย ก็เท่ากับมีเรื่องกับฉันด้วย”นายท่านเจียงพูดอวยพรเสียงดัง จากนั้นก็ส่งของขวัญให้หลี่ชิงเหยา“ขอบคุณครับพี่เจียง” หยางเฟยหลงพูดขอบคุณและเรียกอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเองนั่นทำให้เหล่าบรรดาพ่อค้าที่พอจะมีอิทธิพลและเส้นสาย ที่ตั้งใจจะกลั่นแกล้งร้านที่เปิดใหม่กลับต้องหน้าเสีย เพราะไม่คิดว่าเจ้าของร้านเปิดใหม่แห่งนี้ จะรู้จักกับนายท่านเจียงด้วยหลังจากนั้นไม่นานนายท่านเจียงก็เดินทางกลับไปทันที เพราะคนอย่างเขาไม่ปรากฏตัวอยู่ข้างนอกนานเกินความจำเป็นหลังจากนายท่านเจียงกลับไปไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเดินเข้ามาแส
บทที่ 33 ในที่สุดพระเอกก็มีจุดจบหน้าหมู่บ้าน อี้หยางตงรีบมาที่จุดนัด ตอนนี้เขาแค้นใจมากเพราะรู้ข่าวว่าหลี่ชิงเหยาได้จดทะเบียนสมรสกับหยางเฟยหลงแล้ว“หึ แอบไปจดทะเบียนกันโดยไม่สนใจฉัน ต่อไปก็ไม่จำเป็นที่จะต้องการรักษาน้ำใจเธออีกแล้วนะชิงเหยา เป็นแบบนี้ฉันก็ไม่ต้องปิดบังแล้วเหมือนกันว่าที่ฉันอยากได้เธอมาก็เพราะเงินของเธอ และหากว่าเธอตกเป็นของฉันแล้ว ฉันจะบังคับให้เธอหย่าแล้วมาแต่งกับฉัน แล้วฉันรีดไถเงินมาใช้ให้หมดเลย”อี้หยางตงพูดออกมาอย่างแค้นใจ เขาตั้งใจว่าเมื่อแผนการทุกอย่างจบสิ้นลง เขาจะให้หลี่ชิงเหยาหย่าขาดจากหยางเฟยหลงแล้วมาแต่งงานกับเขาแทน “ว่ายังไง พวกนั้นมาหรือยัง” ตงหมิ่งถามอี้หยางตงเมื่อเห็นเขามาถึงจุดนัดพบแล้ว“พวกมันออกมาจากหมู่บ้านกันแล้ว ว่าแต่พวกนายรู้ได้อย่างไรว่าพวกมันจะมาย้ายออกจากหมู่บ้านวันนี้” อี้หยางตงตอบกลับไป และขมวดคิ้วอย่างสงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้ว่าคนพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่าบ้านหลี่และบ้านหยางจะย้ายบ้านวันนี้“การสืบข่าวเรื่องแค่นี้ไม่ยากสำหรับฉัน หากฝีมือพวกฉันไม่มีดี จะกล้ารับค่าจ้างแพง ๆ ได้อย่างไรกันล่ะ” ตงหมิ่งพูดขึ้นมาอย่างโอ้อวด เขาพยายามพูดเบี่ยงเบนไป
บทที่ 32 ชี้เป้าหมายหลี่ชิงเหยามองหนังสือรับรองการจดทะเบียนด้วยตาเป็นประกาย เธอไม่คิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสแต่งงานจดทะเบียนเหมือนคนอื่น ก่อนจะเงยหน้ามองสามีหมาด ๆ ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“เราแต่งงานกันแล้วนะคะสามี” หญิงสาวพูดออกไปอย่างหยอกเย้าพอได้ยินอย่างนั้น หยางเฟยหลงยิ้มเขินเล็กน้อย พร้อมกับใบหูที่แดงเถือก ก่อนจะพูดออกไปอย่างอบอุ่นไม่ต่างกัน“ครับภรรยา พี่รักชิงเหยานะครับ”“ฉันก็รักพี่ค่ะ” หลี่ชิงเหยายิ้มหวานให้สามีพร้อมกับคำบอกรักทั้งสองต่างสบตาให้กันอย่างมีความหมาย แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะไม่มีงานแต่งงานก็ตาม“พี่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่พี่ได้ครองรักกับชิงเหยา พี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และขอบคุณภรรยาที่รักและยอมให้ชายคนนี้ดูแล ทั้งที่พี่ไม่มีอะไรเลย” เขาบอกเธออย่างอบอุ่นส่วนหลี่ชิงเหยาเองก็คิดในใจว่า‘ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้แต่งงานกับตัวประกอบของนิยายเรื่องนี้ที่อ่านไม่จบ หวังว่าสุดท้ายแล้วต่อจากนี้ ชีวิตของฉันและเขา รวมถึงครอบครัวจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือไม่มีอะไรมากวนใจอีกแล้วนะ’แต่เธอตอบคนรักกลับไปอย่างอ่อนโยนว่า“ฉันไม่ได้มองคนที่เงินทองหรือว่าฐานะ และต้องขอโทษด้วยที่ก
บทที่ 31 วางแผนคิดร้าย“นี่ค่ะเงิน ลองนับดูนะคะว่าครบหรือเปล่า” เธอบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม พอพนักงานรับเงินมานับ แล้วเห็นว่าเงินเกินมาหนึ่งร้อยหยวนจึงคืนให้อย่างซื่อสัตย์ พร้อมกับพูดว่า “คุณจ่ายเงินเกินมาหนึ่งร้อยหยวนค่ะคุณลูกค้า นี่คะ ฉันคืนให้นะคะ”หลี่ชิงเหยาเห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เพราะรู้ว่าคนคนนี้เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง มีทั้งความจริงใจและความซื่อสัตย์“ไม่เป็นไรค่ะ เงินส่วนนี้ฉันให้กับคุณเป็นพิเศษค่ะ”หลี่ชิงเหยาตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“แต่มันมากเกินไปนะคะ เงินตั้งหนึ่งร้อยหยวน อีกอย่างฉันก็ได้ค่านายหน้าจากการขายครั้งนี้มากทีเดียว” เว่ยเจียงจื่อพูดออกมาอย่างเกรงใจ เธอไม่ติดว่าลูกค้าจะซื้อแบบไม่ต่อรองราคาแบบนี้ ความจริงราคานี้สามารถลดจากค่านายหน้าของเธอได้อีกนิดหน่อย“ไม่มากเกินไปหรอกค่ะ รับไปเถอะ ขอบคุณมากที่ต้อนรับเราสามคนอย่างดี โดยไม่สนใจว่าพวกเราจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน คุณเป็นคนดีจริง ๆ ที่ไม่ตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอก สมควรที่จะได้เงินหนึ่งร้อยหยวนนี้เป็นการตอบแทนแล้วค่ะ”หลี่ชิงเหยาตอบกลับเสียงดัง ก่อนจะปรายตามองพนักงานคนแรกเล็กน้อย“ขอบคุณนะคะ พวกคุณรอ
บทที่ 30 ซื้อบ้านและร้านค้าหลี่เหวินและหยางเฟยหลงเห็นท่าทางและสายตาแบบนั้นก็เตรียมจะพูดให้ชัดเจน แต่กลับถูกหลี่ชิงเหยายกมือห้ามไว้ก่อน จากนั้นเธอจึงไม่คิดเกรงใจพนักงานคนนี้อีก จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ซื้อได้หรือไม่นั้น คุณให้พวกเราดูบ้านก่อนสิ ยังไม่ทันรู้ราคาเลย แล้วบอกว่าเราไม่มีปัญญาซื้อได้อย่างไร”“จะดูทำไมให้เสียเวลา ใส่เสื้อผ้าแบบนี้หรือจะมีปัญญาซื้อบ้าน!” พนักงานสาวคนนี้ยังคงพูดจาดูถูกและเหยียดหยามทั้งสามคนไม่หยุด แถมยังแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียดอีกด้วยคราวนี้หลี่ชิงเหยาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอนำเงินมาซื้อบ้าน แต่ไม่คิดว่าพนักงานสาวคนนี้จะมาทำกิริยาแบบนี้ใส่ จึงทำท่าจะสวนกลับไปอย่างเจ็บแสบแต่ยังไม่ทันที่จะพูดสวนอะไรออกไป พนักงานอีกคนที่เคยขายโกดังให้กับหลี่เหวินก็เดินเข้ามาพอดี“อ้าว สวัสดีค่ะคุณหลี่ คุณหยาง”” พนักงานสาวคนนี้ทักทายชายหนุ่มทั้งสองออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นกันเอง“สวัสดีครับคุณเว่ย” หลี่เหวินเห็นว่าเป็นพนักงานสาวที่เคยขายโกดังให้ตนเอง ก็ทักทายกลับไปอย่างเป็นกันเอง โดยที่หยางเฟยหลงก็พยักหน้ารับการทักทายเท่านั้น“รู้จักกันเหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จัดก
บทที่ 29 พูดจาเรื่องแต่งงาน“ในเมื่อทุกคนตกลงในเรื่องนี้แล้ว ฉันกับพี่เฟยหลงมีอีกเรื่องจะพูดกับทุกคน” คราวนี้หลี่ชิงเหยาพูดขึ้นมาอย่างเขินอายเล็กน้อย พูดจบก็หันมาสบสายตากับคนรัก ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือกันแน่น แล้วหยางเฟยหลงจึงได้พูดบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า“ผมกับชิงเหยาตั้งใจว่าจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ผมอาจจะไม่มีเงินมาสู่ขอเธอเหมือนคนอื่น แต่ผมคิดว่าความรักที่ผมมีให้เธอนั้นมากมายกว่าเงินทอง และผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ชิงเหยาต้องเสียน้ำตาเพราะผมเด็ดขาด ย่าหลี่ พ่อ แม่ ได้โปรดอนุญาตให้เราแต่งงานกันด้วยนะครับ” ชายหนุ่มพูดยืนยันหนักแน่น พร้อมกับมองทุกคนอย่างขอความเห็นใจ“ในเมื่อตัดสินใจกันแล้ว พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ดีเสียอีกจะได้มาอยู่ด้วยกัน มาเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วตั้งใจว่าจะแต่งงานกันวันไหนล่ะ”หลี่หยวนได้ยินและได้เห็นท่าทางจริงจังนั้นก็พยักหน้ายอมรับ การที่หยางเฟยหลงกล้ามาพูดจาเรื่องสู่ขอนั้น เขาเชื่อว่าลูกสาวได้พูดคุยกับอีกฝ่ายมาแล้ว ในเมื่อลูกสาวยินยอม เขาก็พร้อมจะสนับสนุน“ความตั้งใจของฉันคืออยากจดทะเบียนสมรสก่อนเลยค่ะ ฉันยังไม่อยากมีงานแต่ง ขอแค่กินเลี้ยงภายในค
ความคิดเห็น