Share

ญาติผู้พี่ของข้าสอบได้จอหงวนล่ะ

last update Last Updated: 2025-08-06 19:47:02

ความครึกครื้นภายในจวนตระกูลหยาง ไม่ว่าจะผ่านมานับสิบปีจนบุตรหลานฝาแฝดเติบโต จนผ่านวัยปักปิ่นสวมกวานกันทั้คู่แล้ว แต่การหยอกล้อระหว่างหย่างไท่หมิงกับบิดา ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นเช่นไรในปัจจุบันยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยน

“ท่านแม่ท่านยังงดงามถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่หาบุรุษหน้าตาดีและอ่อนเยาว์มาปรนนิบัติบ้างขอรับ ปล่อยให้ข้างกายมีชายบำเรอแก่ผมขาวมานั่งข้าง ๆ น่ามองที่ใดกัน”

หยางหย่งชางใช้หางตามองบุตรชายอย่างหมั่นไส้ จึงกล่าววาจาประชดประชันสิ่งที่บุตรชายก็เป็นเหมือนตน “เหอะ ก่อนจะว่าข้าตัวเจ้าก็ไม่ต่างกันนะอาหมิง ดูลูกสะใภ้สิยามนี้งดงามมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก หากมีบุรุษที่ไม่รู้จักพบเห็นยังคิดว่านางเป็นคุณหนูในห้องหอ มิใช่สตรีออกเรือนมีสามีและบุตรชายบุตรสาวสองคนแน่ ๆ”

“ท่านพ่อนี่ท่านอยากให้อันอันมีสามีใหม่เช่นนั้นหรือขอรับ”

“อือ ทำไม เจ้ายังอยากให้เมียข้ามีบุรุษอื่นมาปรนนิบัติ ถ้าลูกสะใภ้อยากมีสามีใหม่บ้างก็สมเหตุสมผลมิใช่หรือ”

“หยางหย่งชาง! /หยางไท่หมิง!”

เฮือกก !!

องค์หญิงใหญ่กับซูอันต้องรีบห้ามสามีของตน ขืนปล่อยให้ทั้งสองลั่นแกล้งกันไปมาต่อ คงไม่ต้องพูดคุยเรื่องอื่น ๆ กันพอดี

“ท่านพี่ท่านอายุปูนนี้แล้วไม่ควรเล่นไปกับอาหมิงสิ รู้ทั้งรู้ว่าลูกนิสัยอย่างไรก็ยังจะเล่นกับลูกอยู่เช่นนั้น”

“แหะ ๆ ๆ ขอโทษนะเมียจ๋า ก็เจ้าลูกชายตัวดีชอบแกล้งสามีก่อนนี่นา ไหนจะทำสีหน้าหมั่นไส้ส่งมาอีก”

ซูอันที่มองสามีด้วยสายตาดุ ๆ ก็กล่าวตักเตือนเช่นกัน “ท่านพี่ก็เหมือนกันนะเจ้าคะ เหตุใดยังเล่นไม่รู้จักโตอยู่อีกเล่า อย่าให้ข้าได้ยินว่าท่านกลั่นแกล้งท่านพ่ออีกนะเจ้าคะ”

“ไม่ทำแล้ว ๆ ฟังอันอันทุกอย่าง แหะ ๆ ๆ”

ครั้งนี้ซูอันข่มขู่หยางไท่หมิงอย่างจริงจัง เพราะไม่อยากให้ใครนำเรื่องการล้อเล่นไปพูดในทางไม่ดี อาจทำให้จวนฉางหมิงเสื่อมเสียได้

เมื่อเหตุการณ์ของสองพ่อลูกเงียบลง องค์หยิงใหญ่จึงได้เอ่ยถามกับลูกสะใภ้ เนื่องจากวันนี้หลานทั้งสองออกจากจวนไปตั้งแต่เช้า

“อันอันวันนี้แม่ยังไม่เห็นเจ้าตัวแสบสองพี่น้องเลย หายไปไหนสำรับเช้าก็ไม่ยอมมาร่วมโต๊ะน่ะ”

ซูอันเอ่ยตอบอย่างสบาย ๆ คล้ายไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด เพราะฝาแฝดคู่นี้ไม่เคยนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ได้ และป่านนี้คงเจอญาติผุ้พี่ที่ป้ายประกาศผลสอบแล้ว 

“ท่านแม่เจ้าคะ หรงเอ๋อร์กับเซียนเอ๋อร์ไปดูการประกาศผลสอบหน้าพระที่นั่ง ทั้งสองคนแอบลุ้นว่าเหวินเอ๋อร์จะได้อันดับที่เท่าใด จึงพากันออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเจ้าค่ะ”

“อืม ญาติผู้พี่คนนี้ของหลาน ๆ เฉลียวฉลาดไม่น้อย เราคิดว่าย่อมตำแหน่งติดไม้ติดมืออย่างแน่นอน ได้ข่าวว่าคนพี่เพิ่งได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพมิใช่หรือ” เพราะเห็นทั้งสี่คนมักจะตัวติดกันอยู่เสมอ การร่ำเรียนต่าง ๆ ไม่น้อยหน้ากันก็ว่าได้

“ใช่เจ้าค่ะ พวกเขาสองคนเคยบอกไว้ว่า คนหนึ่งสืบทอดปณิธานการเป็นแม่ทัพปกป้องบ้านเมือง ส่วนอีกคนอยากเข้ารับราชการเป็นขุนนางในราชสำนัก เพื่อช่วยขจัดขุนนางกังฉินที่หาผลประโยชน์ส่วนตน การประสานงานทั้งในและนอกย่อมทำให้งานสำเร็จได้เจ้าค่ะ” เรื่องนี้ซูอันฟังจากปากของบุตรทั้งสองด้วยตนเอง

หยางหย่งชางพยักหน้าชื่นชมสิ่งที่ญาติผู้พี่ของหลาน ๆ ได้คิดวางแผนอนาคตของตน “สองพี่น้องตระกูลฟงรับใช้ราชสำนัก คงมิใช่เพียงแค่การกำจัดขุนนางกังฉินกระมัง”

หยางไท่หมิงกับซูอันยกยิ้มเมื่อผู้เป็นปู่รู้ทัน การวางแผนของหลานทั้งสอง “ยังคงเป็นท่านพ่อที่รู้ทันเด็ก ๆ แม้หรงเอ๋อร์จะไม่รับราชการ แต่ก็ช่วยสืบข่าวอย่างลับ ๆ ยามต้องเดินทางไปทำการค้าต่างเมือง

ส่วนเซียนเอ๋อร์ของเรายิ่งแล้วใหญ่ ความคิดของนางมองไปถึงการณ์ข้างหน้า อยากทำการค้าให้ขยายเพิ่มขึ้น การคิดค้นลวดลายผ้าไหมที่โดดเด่นอีกหลายอย่าง 

เพื่อหาเงินให้ได้มากกว่านี้เพื่อแบ่งให้ให้ญาติผู้พี่ ในการสนับสนุนการเลี้ยงดูทหารใต้บังคับบัญชาให้มีเสบียง ที่สามารถให้พวกเขาได้กินอิ่มท้องและมีแรงปกป้องราษฎรขอรับ”

“เพราะเป็นเช่นนี้แล้วจะไม่เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทได้อย่างไรกัน โดยเฉพาะเซียนเอ๋อร์นางรู้จักออดอ้อนถูกเวลา มีผู้ใดสามารถแย่งชิงตำแหน่งพระนัดดาคนโปรดไปจากนางได้เล่า อันอันถ้าพวกเด็ก ๆ กลับมาอย่าลืมให้ห้องครัวอุ่นอาหารให้พวกเขาด้วยนะ แม่จะขอตัวไปเอนหลังสักหน่อยนั่งนาน ๆ รู้สึกปวดเมื่อยเสียจริง”

ซูอันรับคำของแม่สามีอย่างว่าง่าย “ท่านแม่อย่าได้กังวลข้าจะกำชับห้องครัวให้เองเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้ากับท่านพี่ไม่รบกวนท่านแม่กับท่านพ่อแล้ว ขอตัวเจ้าค่ะ”

“ไว้ลูกจะมาคารวะท่านแม่พร้อมเจ้าตัวแสบนะขอรับ”

หยางไท่หมิงประคองฮูหยินสุดรักสุดหวงกลับเรือน ภายหลังรับมื้อเช้ากับบิดามารดาเสร็จและพูดคุยกันเล็กน้อย การกระทำของหยางไท่หมิงที่มีต่อซูอันตั้งแต่แต่งงาน วันเวลาผ่านมาจนถึงตอนนี้ยังคงทำเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน

ยามที่กลับมาถึงเรือนของพวกเขาแล้ว ซูอันตัดสินใจพูดคุยกับสามีเพราะนางรู้ว่า ที่ผ่านมาสามีอยากรู้มาตลอดแต่ไม่เคยเอ่ยถามออกมา

“ท่านพี่เจ้าค่ะ...”

“หือ อันอันเรียกพี่มีอันใดจะพูดเช่นนั้นหรือ สิ่งที่เจ้าจะพูดเกี่ยวกับพวกลูก ๆ หรือไม่?”

“เรียกได้ว่ามีส่วนสำคัญที่ลูกทั้งสองของเรา ควรรับรู้กับความสงสัยของท่านพี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาดีกว่าเจ้าค่ะ”

หยางไท่หมิงรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ฮูหยินสุดรัก อยากจะบอกกับตนและบุตรทั้งสองคือเรื่องอันใด “เช่นนั้นพี่จะให้อู๋ซวนไปตามทั้งคู่ หากรู้ผลการสอบของอาเหวินให้รับกลับจวนโดยเร็ว เพียงเท่านี้ลูก ๆ ย่อมเข้าใจว่าเราสองคนมีเรื่องสำคัญอยากพูดคุยกับพวกลูก ๆ”

“เอาเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”

หยางไท่หมิงเดินออกไปด้านนอก เพื่อเรียกอู๋ซวนที่พร้อมรับคำสั่งทุกเวลา ก่อนจะมอบหมายภารกิจให้กับคนสนิท “อู๋ซวนเจ้ารีบไปรายงานนายน้อยทั้งสอง หากเสร็จเรื่องของคุณชายเหยาเหวินแล้ว ให้รีบกลับจวนทันทีข้ากับอันอันรอพูดคุยเรื่องสำคัญ”

“รับทราบขอรับ”

เมื่อเจ้านายกล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญ อู๋ซวนย่อมเร่งฝีเท้าไปบริเวณหน้ากำแพงข้าประตู หน้าศาลาหลวงที่ใช้เป็นสนามสอบเตี้ยนซื่อ เพื่อถ่ายทอดคำพูดของหยางไท่หมิง กับนายน้อยทายาทของจวนอย่างครบถ้วนมิให้ตกหล่นแม้ครึ่งคำ

ทางด้านสองพี่น้องฝาแฝดตระกูลหยาง ที่มาพากันมารอการติดป้ายประกาศผลสอบ โดยได้นัดแนะกับญาติผู้พี่ทั้งสองไว้แล้ว ว่าจะมาพบกันในเวลาใด

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่นำป้ายประกาศรายชื่อ ผู้ที่ผ่านการสอบเตี้ยนซื่อหรือการสอบหน้าพระที่นั่ง ออกมาติดยังข้างกำแพงหน้าศาลาหลวง ทั้งสี่คนช่วยกันตามหาชื่อของฟงเหยาเหวินอย่างรวดเร็ว

พี่น้องสี่คนรวมกันมีดวงตาแปดดวง พวกเขาไม่มองส่วนอื่นของป้ายประกาศให้เสียเวลา เพราะสายตาสี่คู่จับจ้องไปยังบรรทัดแรกสุด และยังเป็นด้านหน้าสุดอย่างพร้อมเพรียงกัน

และชื่อที่ปรากฏอยู่ในอันดับที่หนึ่ง จะเป็นใครไปมิได้นอกจากฟงเหยาเหวิน บุตรชายของรองหัวหน้าองครักษ์หลวง และยังเป็นหลานชายสุดรักของแม่ทัพฟง

หยางเฟิ่งเซียนทั้งตะโกนและกระโดดไปมาอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่คนรองสอบได้อันดับหนึ่ง “เย้ ๆ พี่เหยาเหวินดูสิท่านสอบได้อันดับหนึ่ง พี่ชายของข้าเป็นสอบได้เป็นจอหงวนแล้ว”

“จริงด้วย! อาเหวินเจ้าเก่งมากที่สอบได้อันดับหนึ่ง ครั้งนี้ความฝันของเซียนเอ๋อร์ก็เป็นจริงแล้วนะ” ฟงเสวี่ยหลินตบที่ไหล่น้องชายเบา ๆ และกล่าวอย่างดีใจ

หยางซิวหรงเองก็ไม่ลืมจะแสดงความยินดีกับญาติผู้พี่ แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าตำแหน่งย่อมไม่พ้นมือฟงเหยาเหวิน “ยินดีกับพี่เหยาเหวินที่สอบได้ตำแหน่งจอหงวนขอรับ”

ฟงเหยาเหวินมองไปรอบ ๆ เห็นว่ามีคนเริ่มมองมาที่ตน จึงรู้ว่าคนเหล่านี้กำลังคิดสิ่งใด “ทุกคนข้าว่าพวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถิด หากอยู่ต่ออีกนิดเกรงว่าจะเกิดเหตุชุลมุนกับข้าได้นะ”

สามพี่น้องที่ได้ยินเช่นนั้นจึงมองตามสายตาของฟงเหยาเหวิน และพวกเขาก็เห็นแล้วว่ายามนี้มีสายตาหลายคู่ กำลังจับจ้องไปที่จอหงวนคนใหม่และพร้อมจะวิ่งเข้าทันที

“แย่แล้ว! พวกเรารีบวิ่งเร็วเข้า จากนั้นค่อยหาทางหลบเลี่ยงกันทีหลัง ไปเร็ว!” หยางเฟิ่งเซียนรีบบอกเหล่าพี่ชาย เพราะนางจดจำเส้นทางในเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี

“อื้อ ไปกันเถิด”

เนื่องจากรู้ตัวก่อนจึงวิ่งหลบออกมาได้ทัน จากนั้นเพียงหนึ่งลมหายใจเหล่าบิดามารดาที่มีบุตรสาว ก็เริ่มวิ่งตามกลุ่มของสี่พี่น้องแต่ก็ช้าไปแล้ว เมื่อพวกเขาเลี้ยวหายไปตรงทางแยกกลางเมืองหลวง

แต่ทั้งสี่ยังไม่ทันถึงร้านผ้าไหมก็พบกับอู๋ซวน และได้ทราบว่าบิดามารดาต้องการพบ สี่พี่น้องจึงตกลงแยกย้ายกลับจวนของตนเสียตรงนั้น

“อาหรง เซียนเอ๋อร์ พวกเจ้ารีบกลับไปพบท่านน้าเถิด พวกเราแยกกันกลับจวนเสียตรงนี้ ไว้พบกันวันงานเลี้ยงที่จวนของพี่วันหลัง” ฟงเสวี่ยหลินตัดสินใจพูดกับน้อง ๆ โดยไม่มีลังเล

“ขอรับพี่เสวี่ยหลิน /เจ้าค่ะพี่เสวี่ยหลิน”

ระหว่างทางที่เร่งฝีเท้าตามอู๋ซวนกลับจวน สองพี่น้องพยายามคิดว่าบิดามารดาต้องการพูดคุยกับตน เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับอันใดถึงกับส่งอู๋ซวนมาตามพวกตน แต่ความสงสัยย่อมถูกคลี่คลาย เมื่อได้รับฟังเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อจากปากของมารดา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   บทส่งท้าย

    ผ่านมาแล้วหลายเดือนในที่สุดขบวนสินสอดของตระกูลซ่างกวน ก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางไปเยือนแคว้นเป่ยชาง เพื่อจะสู่ขอบุตรสาวตระกูลหยางมาเป็นลูกสะใภ้ ขบวนเดินทางของซ่างกวนเซียวจิ้งใช้เวลาเกือบยี่สิบวัน สุดท้ายก็มาถึงเมืองหลวงแคว้นเป่ยชาง ด้วยหีบไม้ผูกผ้าสีแดงมากมายนับร้อยหีบ ยามทั้งหมดเดินผ่านประตูเมืองจึงกลายเป็นจุดสนใจทันทียิ่งไปกว่านั้นยังมีบุรุษรูปงามนั่งบนหลังม้า เป็นผู้นำขบวนดังกล่าวไปเยือนจวนตระกูลหยาง ซึ่งได้สอบถามเส้นทางไว้ล่วงหน้าแล้ว และขบวนสินสอดนี้ยังเป็นที่สนใจ ท่ามกลางความอยากรู้อยากเห็นของคนในเมืองหลวงยามนี้ในห้องโถงรับแขกของจวนตระกูลหยาง มีเจ้าของจวนและครอบครัวของซ่างกวนเซียวจิ้งนั่งอยู่อย่างพร้อมหน้า เนื่องจากเป็นการเดินทางมาเพื่อเจรจาสู่ขอหยางเฟิ่งเซียนอย่างเป็นทางการซ่างกวนเจิ้งไห่เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพกับหยางไท่หมิงและซูอัน “วันนี้ข้ามารบกวนถึงจวนเพราะต้องการสู่ขอบุตรสาวของน้องหยางกับฮูหยิน ไปเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลซ่างกวน เนื่องจากบุตรของพวกเราผูกสมัครรักใคร่กันทั้งสองฝ่าย พวกท่านมีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรหรือ”หยางไท่หมิงและซูอันยิ้มรับอย่างเป็นกันเอง เนื่องจากเรื่องนี้พวกเข

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   ต่างคนต่างทำหน้าที่

    นับตั้งแต่หยางเฟิ่งเซียนและหยางซิวหรงเดินทางกลับแคว้น ซ่างกวนเซียวจิ้งจึงเข้ามามีบทบาทในฐานะผู้สืบทอดการค้าของมารดา ซึ่งมีน้องสาวที่มีประสบการณ์คอยช่วยเหลือ เนื่องจากการค้าที่มารดาของเขาทำนั้น มีความแตกต่างกับการค้าของตระกูลซือหม่าอยู่มากก่อนนั้นแม้เขาจะรับราชการคล้ายไม่ค่อยมีเวลา แต่ความเป็นจริงเรื่องการค้าเขาจะคอยช่วยดูแลอยู่ห่าง ๆ เมื่อได้ลงมือทำเต็มตัวจึงใช้เวลาไม่นานก็ทำได้อย่างคล่องแคล่ว โดยให้น้องสาวคอยดูแลจัดการอยู่ที่ร้านค้า ส่วนการติดต่อกับคู่ค้าในต่างเมืองตนจะรับผิดชอบทั้งหมดระหว่างที่ซ่างกวนเซียวจิ้งกำลังทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ก็มักจะปลีกตัวมาพูดคุยกับหยางเฟิ่งเซียนผ่านป้ายหยกอยู่เสมอ นางไม่เคยเอ่ยเร่งรัดเรื่องการแต่งงานกับซ่างกวนเซียวจิ้ง เพราะเข้าใจดีกับการเริ่มต้นใหม่ของครอบครัวนี้‘ท่านอย่าได้เร่งรีบจนเกินไปนักรู้หรือไม่ หากทำให้เกิดช่องโหว่คู่ค้าอาจเอาเปรียบท่านได้นะเจ้าคะ’“พี่เข้าใจแล้ว ขอบใจเซียนเอ๋อร์ที่คอยเตือนและให้คำแนะนำดี ๆ แก่พี่เสมอนะ”‘ขอบใจอันใดมากมายเจ้าคะ ข้าย่อมเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายกับท่านเท่าใดนัก หากข้าสามารถช่วยได้จะไม่ช่วยท่านได้อย่างไรกัน

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   พี่สัญญาจะเอาเกี้ยวเจ้าสาวไปรับเจ้าโดยเร็ว

    เรื่องราวที่เย่จินลู่คิดกระทำกับซ่างกวนเซียวจิ้ง ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครมไปยังเรือนรับรองอีกสองหลัง แม้แต่บ่าวไพร่ที่นำร่างของนางกลับไป ยามได้ยินคำพูดจากโจวหลี่ก็แทบจะกลายเป็นใบ้ เพราะคำเตือนที่มาจากหยางเฟิ่งเซียน สร้างความหวาดกลัวให้พวกเขาอยู่ไม่น้อยเมื่อร่วมรับมื้อเช้าพร้อมกันเสร็จเรียบร้อย ซ่างกวนเซียวจิ้งจึงเอ่ยขอตัวออกไปหาดูจวนหลังใหม่ เพราะครอบครัวของเขาไม่อยากรบกวนท่านตานานเกินไป ซึ่งการออกไปนออกจวนข้างกายของซ่างกวนเซียวจิ้ง ย่อมมีหยางเฟิ่งเซียนที่มีพี่ชายฝาแฝดติดตามไปด้วยเช่นกันทั้งสามคนมายังที่ว่าการของเมืองหลวง เพื่อสอบถามเรื่องจวนที่เจ้าของต้องการขายกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นถึงจะไปดูจวนแต่ละหลังก่อนตัดสินใจซื้อ“ไม่ทราบว่าพวกท่านมาที่นี่ต้องการดูร้านค้า หรือหาซื้อจวนเพื่ออยู่อาศัยหรือขอรับ ข้าน้อยฟางเหวินหมิงเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ พวกท่านสามารถบอกรายละเอียดกับข้าน้อยได้เลยขอรับ”“ข้าต้องการซื้อจวนขนาดใหญ่เล็กน้อย ท่านเจ้าหน้าที่พอจะแนะนำได้หรือไม่ว่า จวนหลังใดน่าสนใจและน่าอยู่อาศัยบ้าง สิ่งที่สำคัญคือจวนหลังนี้ต้องไม่มีผู้คนพลุกพล่านจนเกินไป”“โอ้ว คุณชายท่านมาได้พอดี

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   เจ้าสมควรถูกคู่หมั้นของข้าสั่งสอน

    เมื่อครอบครัวซ่างกวนตอบรับคำเชิญที่จะพักอยู่ในจวน เรือนรับรองจึงถูกบ่าวไพร่ทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แขกคนสำคัญของตระกูลซือหม่าได้พักผ่อนจากการเดินทางไกล สิ่งของที่นำมาจากแคว้นหนานหยางด้านหน้าจวน ถูกยกเข้ามาเก็บไว้ที่เรือนรับรองเสียก่อน ด้วยความเหนื่อยล้าที่เดินทางมาสิบกว่าวัน สองสามีภรรยารวมถึงบุตรสาวจึงงีบหลับทันทีหลังจากชำระล้างร่างกายส่วนซ่างกวนเซียวจิ้งถูกหยางเฟิ่งเซียนรั้งไว้ด้านนอกเรือน เพราะนางต้องการพูดถึงเรื่องที่สังเกตเห็นยามที่มาถึงจวนแห่งนี้ โดยมีหยางซิวหรงนั่งฟังน้องสาวเล่าเรื่องด้วยเช่นกัน“เซียนเอ๋อร์มีเรื่องอันใดจะบอกพี่เช่นนั้นหรือ ดูสีหน้าของเจ้าคล้ายกำลังมีคนทำให้โกรธอยู่ใช่ไหม?”“นั่นน่ะสิน้องเล็ก พี่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครไม่ยินดีที่จะต้อนรับพวกเรา ยกเว้นป้าสะใภ้รองของพี่เซียวจิ้งคนนั้น”“หึ เพราะพวกท่านสองคนมิได้สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นสตรี ถึงไม่เห็นว่ามีสาวใช้คนหนึ่งกำลังอยากปีนเตียงคู่หมั้นของข้าน่ะสิ”“หา!! /อะไรนะ!!”บุรุษทั้งสองอุทานอย่างตกใจออกมาพร้อมกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ทันสังเกตอย่างที่หยางเฟิ่งเซียนพูดจริง ๆ เพราะคิดว่าที่นี่ย่อมรู้ว่าครอบค

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   มีดอกบัวขาวอยู่ในตระกูลซือหม่า

    ในการออกเดินทางของตระกูลซ่างกวน หย่างไท่หมิงอยากให้ซ่างกวนเซียวจิ้งกับครอบครัว ขึ้นไปนั่งอยู่ด้านในรถม้าเสียก่อน เมื่อพ้นเขตเมืองหลวงค่อยออกมาขี่ม้าเช่นที่เคยทำ เนื่องจากมีบ่าวไพร่ติดตามไม่มาก ขบวนเดินทางครั้งนี้จึงใช้ม้าทั้งหมด เพื่อการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว ซึ่งระยะทางจากเมืองหลวงแคว้นหนานหยาง ไปถึงแคว้นชางเหอใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นเพียงแต่หยางไท่หมิงกับซูอันและสองพี่น้องตระกูลฟง ต้องแยกตัวกลับแคว้นเป่ยชางเมื่อมาถึงเขตชายแดน มีเพียงสองพี่น้องตระกูลหยางและผู้ติดตามอีกสิบคน ยังคงต้องไปกับซ่างกวนเซียวจิ้งตามความตั้งใจเดิมจากชายแดนแคว้นเป่ยชางมาถึงเมืองหลวงแคว้นชางเหอ ขบวนเดินทางของซ่างกวนเซียวจิ้งใช้เวลาอีกเจ็ดวัน ในที่สุดก็ผ่านประตูเมืองหลวงมาหยุดอยู่หน้าจวนขนาดใหญ่ ซึ่งที่นี่เป็นจวนของตระกูลซือหม่าคหบดีอันดับหนึ่งของแคว้นชางเหอเฉินเจ๋อลงจากหลังม้าทำหน้าที่ของตน โดยการบอกบ่าวด้านหน้าประตูให้ไปรายงานเจ้าของจวน “น้องชายรบกวนเจ้าไปรายงานนายท่านผู้เฒ่าว่า บุตรสาวเพียงคนเดียวมาขอพบ”“รอสักประเดี๋ยวข้าจะรีบไปรายงานท่านพ่อบ้านให้ขอรับ”“ขอบใจมาก”บ่าวคนที่พูดคุยกับเฉินเจ๋อเร่งกล

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   ช่วยตระกูลซ่างกวนย้ายถิ่นฐาน

    ภายหลังกลับมาถึงจวนตระกูลซ่างกวน ผู้เป็นเจ้าของจวนรีบสั่งพ่อบ้านไปเรียกบ่าวไพร่ มาช่วยทำความสะอาดเรือนรับรอง เพื่อให้ครอบครัวของหยางเฟิ่งเซียนได้พักผ่อน ระหว่างที่นั่งรอบ่าวไพร่จัดการเรื่องเรือนรับรอง ภายในห้องโถงรับแขกจึงมีการสนทนาถึงสิ่งที่ซ่างกวนเจิ้งไห่คิดจะทำหลังจากนี้ เพราะหยางไท่หมิงกับซูอันต่างคิดคล้ายกันว่า ตระกูลซ่างกวนไม่อาจอยู่ที่แคว้นหนานหยางได้อีกแล้ว“นายท่านซ่างกวนกับฮูหยินคิดจะทำอย่างไรต่อหรือขอรับ ข้าว่าพวกท่านคงอยู่ใช้ชีวิตในแคว้นหนานหยางยากแล้วล่ะ แม้ฮ่องเต้จะรู้สึกผิดและเสียดายขุนนางดี ๆ แต่ขุนนางที่ฝักใฝ่ในอำนาจมักมีวิธีการชักจูงฮ่องเต้ได้เสมอนะ”“อืม ข้าเข้าใจสิ่งที่น้องหยางพูดมา ก่อนหน้าจะถึงงานเลี้ยงฉลอง ครอบครัวของเราได้หารือกันไว้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างที่คาดก็ไม่คิดจะอยู่ที่แคว้นหนานหยางอีก” ซ่างกวนเจิ้งไห่ตอบหยางไท่หมิงไปตามตรงซือหม่าฮูหยินกล่าวเสริมคำพูดของสามีอีกเล็กน้อย “พวกเราคุยกันไว้ว่าจะย้ายกลับไปตระกูลซือหม่าที่แคว้นชางเหอ เพื่อทำการค้าเนื่องจากบิดาของข้าเป็นวาณิชหลวงให้กับราชสำนักน่ะ”ซูอันได้ยินคำว่าวาณิชหลวงจากซือหม่าฮูหยินก็หูผึ่งทันที เพร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status