Share

ญาติผู้พี่ของข้าสอบได้จอหงวนล่ะ

last update Last Updated: 2025-08-06 19:47:02

ความครึกครื้นภายในจวนตระกูลหยาง ไม่ว่าจะผ่านมานับสิบปีจนบุตรหลานฝาแฝดเติบโต จนผ่านวัยปักปิ่นสวมกวานกันทั้คู่แล้ว แต่การหยอกล้อระหว่างหย่างไท่หมิงกับบิดา ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นเช่นไรในปัจจุบันยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยน

“ท่านแม่ท่านยังงดงามถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่หาบุรุษหน้าตาดีและอ่อนเยาว์มาปรนนิบัติบ้างขอรับ ปล่อยให้ข้างกายมีชายบำเรอแก่ผมขาวมานั่งข้าง ๆ น่ามองที่ใดกัน”

หยางหย่งชางใช้หางตามองบุตรชายอย่างหมั่นไส้ จึงกล่าววาจาประชดประชันสิ่งที่บุตรชายก็เป็นเหมือนตน “เหอะ ก่อนจะว่าข้าตัวเจ้าก็ไม่ต่างกันนะอาหมิง ดูลูกสะใภ้สิยามนี้งดงามมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก หากมีบุรุษที่ไม่รู้จักพบเห็นยังคิดว่านางเป็นคุณหนูในห้องหอ มิใช่สตรีออกเรือนมีสามีและบุตรชายบุตรสาวสองคนแน่ ๆ”

“ท่านพ่อนี่ท่านอยากให้อันอันมีสามีใหม่เช่นนั้นหรือขอรับ”

“อือ ทำไม เจ้ายังอยากให้เมียข้ามีบุรุษอื่นมาปรนนิบัติ ถ้าลูกสะใภ้อยากมีสามีใหม่บ้างก็สมเหตุสมผลมิใช่หรือ”

“หยางหย่งชาง! /หยางไท่หมิง!”

เฮือกก !!

องค์หญิงใหญ่กับซูอันต้องรีบห้ามสามีของตน ขืนปล่อยให้ทั้งสองลั่นแกล้งกันไปมาต่อ คงไม่ต้องพูดคุยเรื่องอื่น ๆ กันพอดี

“ท่านพี่ท่านอายุปูนนี้แล้วไม่ควรเล่นไปกับอาหมิงสิ รู้ทั้งรู้ว่าลูกนิสัยอย่างไรก็ยังจะเล่นกับลูกอยู่เช่นนั้น”

“แหะ ๆ ๆ ขอโทษนะเมียจ๋า ก็เจ้าลูกชายตัวดีชอบแกล้งสามีก่อนนี่นา ไหนจะทำสีหน้าหมั่นไส้ส่งมาอีก”

ซูอันที่มองสามีด้วยสายตาดุ ๆ ก็กล่าวตักเตือนเช่นกัน “ท่านพี่ก็เหมือนกันนะเจ้าคะ เหตุใดยังเล่นไม่รู้จักโตอยู่อีกเล่า อย่าให้ข้าได้ยินว่าท่านกลั่นแกล้งท่านพ่ออีกนะเจ้าคะ”

“ไม่ทำแล้ว ๆ ฟังอันอันทุกอย่าง แหะ ๆ ๆ”

ครั้งนี้ซูอันข่มขู่หยางไท่หมิงอย่างจริงจัง เพราะไม่อยากให้ใครนำเรื่องการล้อเล่นไปพูดในทางไม่ดี อาจทำให้จวนฉางหมิงเสื่อมเสียได้

เมื่อเหตุการณ์ของสองพ่อลูกเงียบลง องค์หยิงใหญ่จึงได้เอ่ยถามกับลูกสะใภ้ เนื่องจากวันนี้หลานทั้งสองออกจากจวนไปตั้งแต่เช้า

“อันอันวันนี้แม่ยังไม่เห็นเจ้าตัวแสบสองพี่น้องเลย หายไปไหนสำรับเช้าก็ไม่ยอมมาร่วมโต๊ะน่ะ”

ซูอันเอ่ยตอบอย่างสบาย ๆ คล้ายไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด เพราะฝาแฝดคู่นี้ไม่เคยนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ได้ และป่านนี้คงเจอญาติผุ้พี่ที่ป้ายประกาศผลสอบแล้ว 

“ท่านแม่เจ้าคะ หรงเอ๋อร์กับเซียนเอ๋อร์ไปดูการประกาศผลสอบหน้าพระที่นั่ง ทั้งสองคนแอบลุ้นว่าเหวินเอ๋อร์จะได้อันดับที่เท่าใด จึงพากันออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเจ้าค่ะ”

“อืม ญาติผู้พี่คนนี้ของหลาน ๆ เฉลียวฉลาดไม่น้อย เราคิดว่าย่อมตำแหน่งติดไม้ติดมืออย่างแน่นอน ได้ข่าวว่าคนพี่เพิ่งได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพมิใช่หรือ” เพราะเห็นทั้งสี่คนมักจะตัวติดกันอยู่เสมอ การร่ำเรียนต่าง ๆ ไม่น้อยหน้ากันก็ว่าได้

“ใช่เจ้าค่ะ พวกเขาสองคนเคยบอกไว้ว่า คนหนึ่งสืบทอดปณิธานการเป็นแม่ทัพปกป้องบ้านเมือง ส่วนอีกคนอยากเข้ารับราชการเป็นขุนนางในราชสำนัก เพื่อช่วยขจัดขุนนางกังฉินที่หาผลประโยชน์ส่วนตน การประสานงานทั้งในและนอกย่อมทำให้งานสำเร็จได้เจ้าค่ะ” เรื่องนี้ซูอันฟังจากปากของบุตรทั้งสองด้วยตนเอง

หยางหย่งชางพยักหน้าชื่นชมสิ่งที่ญาติผู้พี่ของหลาน ๆ ได้คิดวางแผนอนาคตของตน “สองพี่น้องตระกูลฟงรับใช้ราชสำนัก คงมิใช่เพียงแค่การกำจัดขุนนางกังฉินกระมัง”

หยางไท่หมิงกับซูอันยกยิ้มเมื่อผู้เป็นปู่รู้ทัน การวางแผนของหลานทั้งสอง “ยังคงเป็นท่านพ่อที่รู้ทันเด็ก ๆ แม้หรงเอ๋อร์จะไม่รับราชการ แต่ก็ช่วยสืบข่าวอย่างลับ ๆ ยามต้องเดินทางไปทำการค้าต่างเมือง

ส่วนเซียนเอ๋อร์ของเรายิ่งแล้วใหญ่ ความคิดของนางมองไปถึงการณ์ข้างหน้า อยากทำการค้าให้ขยายเพิ่มขึ้น การคิดค้นลวดลายผ้าไหมที่โดดเด่นอีกหลายอย่าง 

เพื่อหาเงินให้ได้มากกว่านี้เพื่อแบ่งให้ให้ญาติผู้พี่ ในการสนับสนุนการเลี้ยงดูทหารใต้บังคับบัญชาให้มีเสบียง ที่สามารถให้พวกเขาได้กินอิ่มท้องและมีแรงปกป้องราษฎรขอรับ”

“เพราะเป็นเช่นนี้แล้วจะไม่เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทได้อย่างไรกัน โดยเฉพาะเซียนเอ๋อร์นางรู้จักออดอ้อนถูกเวลา มีผู้ใดสามารถแย่งชิงตำแหน่งพระนัดดาคนโปรดไปจากนางได้เล่า อันอันถ้าพวกเด็ก ๆ กลับมาอย่าลืมให้ห้องครัวอุ่นอาหารให้พวกเขาด้วยนะ แม่จะขอตัวไปเอนหลังสักหน่อยนั่งนาน ๆ รู้สึกปวดเมื่อยเสียจริง”

ซูอันรับคำของแม่สามีอย่างว่าง่าย “ท่านแม่อย่าได้กังวลข้าจะกำชับห้องครัวให้เองเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้ากับท่านพี่ไม่รบกวนท่านแม่กับท่านพ่อแล้ว ขอตัวเจ้าค่ะ”

“ไว้ลูกจะมาคารวะท่านแม่พร้อมเจ้าตัวแสบนะขอรับ”

หยางไท่หมิงประคองฮูหยินสุดรักสุดหวงกลับเรือน ภายหลังรับมื้อเช้ากับบิดามารดาเสร็จและพูดคุยกันเล็กน้อย การกระทำของหยางไท่หมิงที่มีต่อซูอันตั้งแต่แต่งงาน วันเวลาผ่านมาจนถึงตอนนี้ยังคงทำเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน

ยามที่กลับมาถึงเรือนของพวกเขาแล้ว ซูอันตัดสินใจพูดคุยกับสามีเพราะนางรู้ว่า ที่ผ่านมาสามีอยากรู้มาตลอดแต่ไม่เคยเอ่ยถามออกมา

“ท่านพี่เจ้าค่ะ...”

“หือ อันอันเรียกพี่มีอันใดจะพูดเช่นนั้นหรือ สิ่งที่เจ้าจะพูดเกี่ยวกับพวกลูก ๆ หรือไม่?”

“เรียกได้ว่ามีส่วนสำคัญที่ลูกทั้งสองของเรา ควรรับรู้กับความสงสัยของท่านพี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาดีกว่าเจ้าค่ะ”

หยางไท่หมิงรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ฮูหยินสุดรัก อยากจะบอกกับตนและบุตรทั้งสองคือเรื่องอันใด “เช่นนั้นพี่จะให้อู๋ซวนไปตามทั้งคู่ หากรู้ผลการสอบของอาเหวินให้รับกลับจวนโดยเร็ว เพียงเท่านี้ลูก ๆ ย่อมเข้าใจว่าเราสองคนมีเรื่องสำคัญอยากพูดคุยกับพวกลูก ๆ”

“เอาเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”

หยางไท่หมิงเดินออกไปด้านนอก เพื่อเรียกอู๋ซวนที่พร้อมรับคำสั่งทุกเวลา ก่อนจะมอบหมายภารกิจให้กับคนสนิท “อู๋ซวนเจ้ารีบไปรายงานนายน้อยทั้งสอง หากเสร็จเรื่องของคุณชายเหยาเหวินแล้ว ให้รีบกลับจวนทันทีข้ากับอันอันรอพูดคุยเรื่องสำคัญ”

“รับทราบขอรับ”

เมื่อเจ้านายกล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญ อู๋ซวนย่อมเร่งฝีเท้าไปบริเวณหน้ากำแพงข้าประตู หน้าศาลาหลวงที่ใช้เป็นสนามสอบเตี้ยนซื่อ เพื่อถ่ายทอดคำพูดของหยางไท่หมิง กับนายน้อยทายาทของจวนอย่างครบถ้วนมิให้ตกหล่นแม้ครึ่งคำ

ทางด้านสองพี่น้องฝาแฝดตระกูลหยาง ที่มาพากันมารอการติดป้ายประกาศผลสอบ โดยได้นัดแนะกับญาติผู้พี่ทั้งสองไว้แล้ว ว่าจะมาพบกันในเวลาใด

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่นำป้ายประกาศรายชื่อ ผู้ที่ผ่านการสอบเตี้ยนซื่อหรือการสอบหน้าพระที่นั่ง ออกมาติดยังข้างกำแพงหน้าศาลาหลวง ทั้งสี่คนช่วยกันตามหาชื่อของฟงเหยาเหวินอย่างรวดเร็ว

พี่น้องสี่คนรวมกันมีดวงตาแปดดวง พวกเขาไม่มองส่วนอื่นของป้ายประกาศให้เสียเวลา เพราะสายตาสี่คู่จับจ้องไปยังบรรทัดแรกสุด และยังเป็นด้านหน้าสุดอย่างพร้อมเพรียงกัน

และชื่อที่ปรากฏอยู่ในอันดับที่หนึ่ง จะเป็นใครไปมิได้นอกจากฟงเหยาเหวิน บุตรชายของรองหัวหน้าองครักษ์หลวง และยังเป็นหลานชายสุดรักของแม่ทัพฟง

หยางเฟิ่งเซียนทั้งตะโกนและกระโดดไปมาอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่คนรองสอบได้อันดับหนึ่ง “เย้ ๆ พี่เหยาเหวินดูสิท่านสอบได้อันดับหนึ่ง พี่ชายของข้าเป็นสอบได้เป็นจอหงวนแล้ว”

“จริงด้วย! อาเหวินเจ้าเก่งมากที่สอบได้อันดับหนึ่ง ครั้งนี้ความฝันของเซียนเอ๋อร์ก็เป็นจริงแล้วนะ” ฟงเสวี่ยหลินตบที่ไหล่น้องชายเบา ๆ และกล่าวอย่างดีใจ

หยางซิวหรงเองก็ไม่ลืมจะแสดงความยินดีกับญาติผู้พี่ แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าตำแหน่งย่อมไม่พ้นมือฟงเหยาเหวิน “ยินดีกับพี่เหยาเหวินที่สอบได้ตำแหน่งจอหงวนขอรับ”

ฟงเหยาเหวินมองไปรอบ ๆ เห็นว่ามีคนเริ่มมองมาที่ตน จึงรู้ว่าคนเหล่านี้กำลังคิดสิ่งใด “ทุกคนข้าว่าพวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถิด หากอยู่ต่ออีกนิดเกรงว่าจะเกิดเหตุชุลมุนกับข้าได้นะ”

สามพี่น้องที่ได้ยินเช่นนั้นจึงมองตามสายตาของฟงเหยาเหวิน และพวกเขาก็เห็นแล้วว่ายามนี้มีสายตาหลายคู่ กำลังจับจ้องไปที่จอหงวนคนใหม่และพร้อมจะวิ่งเข้าทันที

“แย่แล้ว! พวกเรารีบวิ่งเร็วเข้า จากนั้นค่อยหาทางหลบเลี่ยงกันทีหลัง ไปเร็ว!” หยางเฟิ่งเซียนรีบบอกเหล่าพี่ชาย เพราะนางจดจำเส้นทางในเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี

“อื้อ ไปกันเถิด”

เนื่องจากรู้ตัวก่อนจึงวิ่งหลบออกมาได้ทัน จากนั้นเพียงหนึ่งลมหายใจเหล่าบิดามารดาที่มีบุตรสาว ก็เริ่มวิ่งตามกลุ่มของสี่พี่น้องแต่ก็ช้าไปแล้ว เมื่อพวกเขาเลี้ยวหายไปตรงทางแยกกลางเมืองหลวง

แต่ทั้งสี่ยังไม่ทันถึงร้านผ้าไหมก็พบกับอู๋ซวน และได้ทราบว่าบิดามารดาต้องการพบ สี่พี่น้องจึงตกลงแยกย้ายกลับจวนของตนเสียตรงนั้น

“อาหรง เซียนเอ๋อร์ พวกเจ้ารีบกลับไปพบท่านน้าเถิด พวกเราแยกกันกลับจวนเสียตรงนี้ ไว้พบกันวันงานเลี้ยงที่จวนของพี่วันหลัง” ฟงเสวี่ยหลินตัดสินใจพูดกับน้อง ๆ โดยไม่มีลังเล

“ขอรับพี่เสวี่ยหลิน /เจ้าค่ะพี่เสวี่ยหลิน”

ระหว่างทางที่เร่งฝีเท้าตามอู๋ซวนกลับจวน สองพี่น้องพยายามคิดว่าบิดามารดาต้องการพูดคุยกับตน เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับอันใดถึงกับส่งอู๋ซวนมาตามพวกตน แต่ความสงสัยย่อมถูกคลี่คลาย เมื่อได้รับฟังเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อจากปากของมารดา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   กรรมนั้นคืนสนอง 1/2

    หยางเฟิ่งเซียนเดินไปยืนกับมารดาด้วยท่าทางเขินอาย ส่วนเสี่ยวฮัวรีบวิ่งไปตามบ่าวไพร่อย่างรวดเร็ว และประตูเรือนรับรองก็ถูกเปิดโดยแม่นมฟาง หลังจากบานประตูเปิดกว้างสิ่งที่พบเห็น ยิ่งสร้างความโกรธเคืองให้กับเหอฮูหยินอย่างมากแต่ว่าภาพตรงหน้าทำเอาสองฮูหยิน ที่ติดตามมาถึงกับตกตะลึงจนอยากหยุดหายใจ เนื่องจากสตรีสองในสี่ที่อยู่ด้านในนั้น กลับกลายเป็นบุตรสาวของพวกนางเสียเอง พวกนางไม่คิดมาก่อนว่าบุตรสาวของตน จะคิดวางแผนกลั่นแกล้งคนในในจวนตระกูลฟง จนต้องรับผลจากแผนสกปรกเสียเอง หากสามีของพวกนางรู้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เหอฮูหยินยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด ก็มีเสียงจากด้านหลังกรีดร้องและวิ่งเข้าไป เพื่อแยกคนด้านในออกจากบุรุษ ที่พวกนางดูอย่างไรก็มิใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ ที่สำคัญคนภายในห้องนี้ล้วนเปลือยกายล่อนจ้อน ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้ของบุตรสาวพวกนางปัง! “กรี๊ดดด! เอินเอ๋อร์ /หรานเอ๋อร์!”“เจ้าคนต่ำช้าออกไปให้ห่างลูกของข้านะ ออกไป๊ เอินเอ๋อร์ ๆ เจ้าอย่าทำเช่นนี้บอกแม่มาเถิดว่าใครที่ทำร้ายเจ้า แม่จะให้คนไปตามจับตัวพวกมามาลงโทษ”“หรานเอ๋อร์ ๆ ลูกแม่” เพียะ! เพียะ! “ออกไปให้พ้นพวกสกปรกอย่ามาแตะลูกสาวของข

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   กรรมนั้นคืนสนอง 1/1

    ขณะที่แขกเหรื่อกำลังสนทนากันอย่างออกรส ภายหลังจากองค์หญิงใหญ่ได้เสด็จกลับจวนไปได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ซึ่งยามนี้ในวงสนทนามีเหล่าฮูหยินหลายตระกูล ต่างกล่าวชื่นชมบุตรสาวของตนไปมาตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง เพื่อเป็นการมองหาบุรุษให้กับบุตรสาวของตนหนึ่งในนั้นยังมีซูอันที่นั่งอยู่ข้างกายพี่สาวโดยไม่พูดสิ่งใด พวกนางมิได้ตอบรับหรือถามอันใดเพิ่มเติม ทำเพียงแค่ยิ้มบางให้กับบางคำถามเท่านั้น เนื่องจากสองพี่น้องตระกูลจิน ไม่เคยคิดบังคับบุตรของตนในเรื่องของการเลือกคู่ครองส่วนเสี่ยวฮัวที่ตั้งหน้าตั้งหน้าวิ่งมาจากเรือนรับรอง นางย่อมรู้ว่าควรวิ่งไปหาผู้ใดเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น แฮ่ก ๆ ๆ “ฮูหยินเจ้าคะเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ทะ ทะ ที่เรือนรับรองมีคนทำเรื่องบัดสีอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ”พรึบ! “เจ้าว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในจวนของข้านะ พูดมาให้ชัดว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่!” เหอฮูหยินมารดาของฟงเฉิงฮ่าวแทบนั่งไม่ติด เมื่อได้ยินสาวใช้ของจวนวิ่งหน้าตาตื่น เข้ามารายงานเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น“เมื่อครู่บ่าวพาคุณหนูหยางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนรับรอง แต่บ่าวกับคุณหนูหยางกลับได้ยินเสียงบุรุษกับสตรี กำลังทำเรื่องบัดสีอย

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   ใช้วิธีเดียวกันง่ายกว่า

    ส่วนเสี่ยวขุยที่เดินตามหาเสี่ยวฮัวในที่สุดก็เจอตัว จึงพากลับมาพบเมิ่งฟางเอินเพื่อรับภารกิจตามที่รับปากไว้ โดยที่แขกในงานคิดว่าเป็นการตามสาวใช้ มาช่วยเหลือเรื่องอาหารหรือน้ำชาที่พร่องไป มิได้คิดว่าจะมีแผนการสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด“คารวะคุณหนูทั้งสอง ท่านต้องการให้บ่าวทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”เมิ่งฟางเอินไม่รอช้ารีบสั่งการกับเสี่ยวฮัว ตามแผนการที่นางได้เตรียมเอาไว้ เพื่อสร้างเหตุการณ์ให้แขกเหรื่อในงานทั้งหลาย ได้รับรู้ว่าหยางเฟิ่งเซียนมิใช่สตรีที่ดีงามอันใด“เจ้านำกำยานไร้กลิ่นนี้ไปจุดไว้ในเรือนรับรองหลังใดก็ได้ แล้วไปตามบ่าวที่ดูแลม้าของจวนให้เข้าไปอยู่รอด้านใน จากนั้นเจ้าจงกลับมาในงานถือถาดกาน้ำชา แสร้งสะดุดไปทางหยางเฟิ่งเซียน เมื่อชุดของนางเปียกชื้นเจ้ารีบอาสาพานางไปเปลี่ยนชุดยังห้องรับรอง พอผ่านไปสักหนึ่งเค่อก็ส่งเสียงร้องดัง ๆ ข้ากับสหายจะรีบตามไปที่นั่น”เมื่อรู้ว่าเป็นภารกิจที่ไม่ยากเกินความสามารถ เสี่ยวฮัวยกยิ้มอย่างมั่นใจว่าตนเองทำสำเร็จได้แน่ จึงลองเอ่ยถึงเรื่องค่าจ้างที่เหลือกับเซิ่งฟางเอิน “คุณหนูรอฟังสัญญาณจากบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ ว่าแต่ค่าจ้างที่เหลือของบ่าว...”“พรุ่งนี้เช้ามื

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   แผนการตื้น ๆ มีมือที่สามรับรู้

    และแล้วงานเลี้ยงของจวนตระกูลฟงก็มาถึง แขกเหรื่อมากมายหลายตระกูลต่างมาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งในมือของทุกตระกูลจะมีกล่องของขวัญ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจที่บางคนแอบแฝงเรื่องอื่น ๆ เพียงแค่สิ่งที่ผู้คนได้เห็นเป็นเพียงหน้ากากเท่านั้นส่วนหยางเฟิ่งเซียนกับพี่ชายของตน ได้ชักชวนบิดาและมารดามายังจวนญาติผู้พี่ ก่อนจะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงหนึ่งชั่วยาม เพื่อนำอุปกรณ์พิเศษที่จีจี้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เข้าไปติดตามมุมต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีคนลงมือทำเรื่องไม่ดีในวันนี้ซูอันนำกล้องวงจรปิดขนาดเล็ก ใส่ไว้ในลังไม้จำนวนนับร้อยชิ้น และกำชับกับบุตรทั้งสองก่อนลงจากรถม้าอีกเล็กน้อย “หรงเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์ อย่าลืมสิ่งที่แม่เคยสอนพวกเจ้าไว้ล่ะ หากมีคนคิดทำร้ายลูกในงานเลี้ยง...”“ถ้าหากลูกถูกคนกลั้นแกล้งหรือลอบทำร้ายในงานเลี้ยง อย่าได้ตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง จงทำตัวให้เป็นคนที่น่าสงสาร จากนั้นค่อยเอาคืนอย่างสาสมใช่หรือไม่เจ้าคะ” หยางเฟิ่งเซียนย่อมจดจำได้กับสิ่งที่มารดาต้องการบอกกับตน ยกเว้นหากถูกรังแกซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น นางถึงจะลงมือจัดการอย่างตรงไปตรงมาไม่มีละเว้น“หึ ใช่ ในเมื่อพวกลูกจดจำได้ก็ดีแล้ว แม้จะเป็นที่

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   สองสตรีที่เกลียดหยางเฟิ่งเซียน

    เรื่องข่าวดีที่บุตรชายฝาแฝดคนเล็กของเยี่ยนหลิงกับฟงเฉิงฮ่าว สามารถสอบได้ตำแหน่งจอหงวนถูกส่งไปยังตระกูลจิน ที่ยังคงคอยดูแลร้านผ้าไหมอยู่ในเมืองผู่เถียน สองสามีภรรยาอย่างมู่ถงและจือเหมย ยังคงทำงานที่ตนเองรักอย่างมีความสุขทุก ๆ สามเดือนทั้งสองคนจะเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อไปเยี่ยมเยียนบุตรหลานเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่บุตรสาวออกเรือน และย้ายไปอยู่บ้านสามีตามธรรมเนียม แม้ซูอันกับเยี่ยนหลิงอยากให้บิดามารดาไปอยู่เมืองหลวง แต่ทั้งสองกลับชอบอยู่ที่เมืองผู่เถียนเสียมากกว่าเนื่องจากข่าวดีส่งมาในเวลากระชั้นชิดเกินไป มู่ถงกับจือเหมยจึงเลือกส่งของขวัญให้กับหลานชาย เพราะคงไม่สามารถเดินทางในเวลาอันสั้นได้ และของขวัญที่ส่งให้หลานชายอย่างฟงเหยาเหวิน ย่อมเป็นผ้าไหมปักลายอย่างประณีตงดงามอย่างแน่แท้ทางด้านเยี่ยนหลิงก็ช่วยแม่สามีจัดเตรียมงานเลี้ยง ทุกอย่างในงานล้วนทำอย่างพิถีพิถันมากที่สุด ด้วยไม่ต้องการทำให้ตระกูลฟงขายหน้าได้ อย่างไรเสียงานเลี้ยงครั้งนี้องค์หญิงใหญ่ย่อมเสด็จมาเข้าร่วม เพราะทั้งสองตระกูลมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่บุตรชายจนมาถึงหลาน ๆ ของทั้งสองตระกูลแขกเ

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   ในที่สุดก็มีมิติเหมือนมารดา

    ในวันที่ตระกูลฟงได้รับข่าวน่ายินดี เมื่อมีจอหงวนคนใหม่อยู่ในตระกูลแม่ทัพใหญ่ การหารือเรื่องงานเลี้ยงจึงเสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน จินเยี่ยนหลิงกับแม่สามีช่วยกันทำงานไม่ให้ตกหล่น รายชื่อแขกที่เชิญมาร่วมงานได้มอบให้พ่อบ้านจัดการเป็นที่เรียบร้อยมีเพียงหนังสือเชิญของตระกูลหยาง ที่สองพี่น้องฝาแฝดตระกูลฟงนำไปส่งด้วยตนเอง เพื่อเยี่ยมคารวะท่านน้ากับน้าเขย แต่สิ่งที่ทุกคนต่างรู้กันดีย่อมหนีไม่พ้นญาติผู้น้อง ไม่ว่าครั้งไหนทั้งสี่คนมักจะนั่งพูดคุยจนลืมเวลาได้เสมอ“พวกเจ้าสองคนอย่าไปถึงงานเลี้ยงช้านักล่ะ พี่สั่งให้พ่อครัวทำอาหารที่พวกเจ้าชอบไว้หลายอย่าง ไปถึงช้าจะถูกคนอื่นแย่งกินจนหมดนะ”“พี่เหยาเหวินท่านไม่ต้องห่วง ข้ากับพี่ใหญ่จะไปถึงเป็นคนแรกแน่นอนเจ้าค่ะ”แต่หยางซิวหรงกลับคิดต่างกับน้องสาวเล็กน้อย “เซียนเอ๋อร์แน่ใจหรือว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่ไปถึง พี่กลับคิดว่าคงมีคุณหนูอีกหลายตระกูล ที่เร่งเร้าให้บิดามารดาพาไปร่วมงานแต่หัววัน เมื่อเจ้าไปถึงพวกนางก็เดินให้เกลื่อนจวนแล้วกระมัง”“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับอาหรงนะ นอกจากตระกูลที่เป็นมิตรกับท่านปู่แล้ว อย่างไรเสียพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่เชิญก็ไม่ได้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status